[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
10 พฤษภาคม 2567 02:31:59 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: “น้ำปลา” เครื่องปรุงรสเก่าแก่ในประวัติศาสตร์ไทย ปรากฏครั้งแรกเมื่อไหร่  (อ่าน 142 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2329


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2566 18:40:07 »


น้ำปลาพริก เครื่องปรุสรสเพิ่มเติมบนโต๊ะอาหาร
(ภาพจาก www.matichonacademy.com)



“น้ำปลา” เครื่องปรุงรสเก่าแก่ในประวัติศาสตร์ไทย ปรากฏครั้งแรกเมื่อไหร่

ผู้เขียน - กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม
เผยแพร่ - เว็บไซต์ ศิลปวัฒนธรรม วันพฤหัสที่ 10 สิงหาคม พ.ศ.2566


น้ำปลา เป็นเครื่องปรุง รสอาหารที่ต้องมีกันทุกบ้าน หากเมื่ออาหารนั้นมาถึงมือถึงปากผู้กินแล้วยังไม่ได้รสชาติอย่างที่ต้องการน้ำปลา หรือบางทีอาจเป็นน้ำปลาพริก ก็เป็นสิ่งที่เรียกขอเพิ่มเติมได้ปกติในวัฒนธรรมการกินของไทย แต่ถ้าจะถามว่าเรากิน เราใช้ เราทำน้ำปลามาแต่เมื่อไร กลับยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน

น้ำปลาปรากฏชัดเจนสมัยอยุธยาตอนปลายสุด ใน กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง ที่สันนิษฐานว่าเป็นพระนิพนธ์ในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร พระราชโอรสในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ตอนหนึ่งที่ว่า

๏ หมากม่วงดิบห่ามฝาน ใส่ในจานพานตบะรอง

นั่งล้อมห้อมเนืองนอง จิ้มน้ำปลางาปิกิน ฯ

๏ หมากม่วงดิบห่ามให้ ปอกฝาน

งาปิน้ำปลาจาน จุ่มจิ้ม

นั่งล้อมห้อมกินกราน กินอยู่

เข็ดฟันผันหน้ายิ้ม อิ่มเอื้อนราถอย ฯ

[สั่งเน้นคำโดยกองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม]

คำว่า “งาปิ” เป็นภาษาชาววังหรือภาษาผู้ดี (บางคนว่ามาจากภาษาพม่า) หมายถึงกะปิ ส่วน “กะปิน้ำปลา” ที่กล่าวถึงมาจากไหน

คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม : เอกสารจากหอหลวง อันเป็นบันทึกความทรงจำของคนรุ่นสุดท้ายที่เคยใช้ชีวิตในกรุงศรีอยุธยา เล่าว่า

“อนึ่ง เรือปากใต้ปากกว้าง 6 ศอก 7 ศอก ชาวบ้านยี่สารบ้านแหลมเมืองเพชรบุรี แลบ้านบางตะบูนแลบ้านบางทะลุบันทุกกะปิน้ำปลาปูเคมปลากุเราปลากะพงปลาหูปลากะเบนย่างมาจอดเรือฃายแถววัดเจ้าพระนางเชิง 1”

นั่นคือกะปิ น้ำปลา ปูเค็ม และปลาย่างปลาเค็มที่คนอยุธยากินกัน อย่างน้อยก็มีส่วนหนึ่งที่ส่งจากแถบยี่สาร (สมุทรสงคราม) บ้านแหลม บางตะบูน บางทะลุ (เพชรบุรี) แล้วล่องเรือมาขายแถววัดพนัญเชิง

บ้านแหลม บ้านบางตะบูน และบ้านบางทะลุ ล้วนเป็นย่านทำนาเกลือที่ยังสืบเนื่องมาจนถึงสมัยหลัง ดังปรากฏรายชื่อเกลือจากท้องถิ่นเหล่านี้ รวมอยู่ใน “บาญชีเกลือต่างๆ”

สมัยรัตนโกสินทร์มีหลักฐานเอกสารเพิ่มขึ้น เช่น ประกาศหมายรับสั่งในรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2396 เรื่องให้เรียกกะปิ น้ำปลา ว่าเยื่อเคย น้ำเคย ความว่า

“คำบุราณราษฎรชาวบ้านเรียกกันว่า กะปิ น้ำปลา คำข้าราชการกราบบังคมทูลพระกรุณาว่าน้ำเคย ว่างาปิ พระราชดำริทรงเห็นว่า เรียกว่างาปินั้นหาสมกับของดีบังเกิดในเยื่อเคยไม่ แลงาปินั้นชอบแต่จะเรียกว่าเยื่อเคยจึงจะต้องกับของที่บังเกิดจึงจะควร แต่น้ำเคยนั้น ข้าราชการเรียกว่าน้ำเคยก็ควร ด้วยเปนของบังเกิดแต่เยื่อเคย คำบุราณราษฎรเรียกว่ากันว่ากะปิ น้ำปลา เห็นหาควรกับของที่บังเกิดไม่ ตั้งแต่นี้ไปภายหน้าให้ข้าราชการพระบรมมหาราชวัง พระบวรราชวัง แลเจ้าต่างกรมเจ้ายังไม่ได้ตั้งกรม แลอาณาประชาราษฎรทั้งปวง ให้เรียกว่าเยื่อเคยน้ำเคย ตามพระกระแสพระราชบัญญัติจึงจะควร” [สั่งเน้นคำโดยกองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม]

อักขราภิธานศรับท์ พจนานุกรมต้นรัชกาลที่ 5 พิมพ์ในปี 2416 ที่เก็บรวบรวมคำต่างๆ ก็ปรากฏคำว่าน้ำปลาด้วยเช่นกัน ดังนี้

กะปิ, ของคนเอากุ้งตัวเล็กๆ มาคลุกเข้ากับเกลือแล้วทำให้ละเอียดสำหรับแกงบ้าง ตำน้ำพริกบ้าง.

เคยกุ้ง, กะปิกุ้ง, คือกุ้งตัวเล็กๆ ที่สำรับทำกะปินั้น, เหมือนอย่างเคยตาดำเปนต้น.

น้ำเคย, น้ำปลา, คือน้ำใสที่ไหลตกออกจากกุ้งกะปิทั้งปวงนั้น, เช่นน้ำเคยในตะกร้อ, ฤๅน้ำปลา.

น้ำปลา, คือน้ำใสๆ ที่เกิดแต่ไตปลานั้น, เช่นน้ำเคยเกิดแต่กุ้งกะปิ.

ตำรับอาหาร แม่ครัวหัวป่าก์ ของ ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ปรากฏว่า เครื่องปรุง รสเค็มหลายชนิด  น้ำเคยดี (คือน้ำเคยอย่างดี) น้ำปลาญี่ปุ่น (ซอสถั่วเหลือง) และน้ำปลาร้า แต่สูตรอาหารส่วนใหญ่มักให้ใส่ “น้ำปลาดี”

สมัยรัชกาลที่ 6 หนังสือพิมพ์จีนโนสยามวารศัพท์ ฉบับวันที่ 31 มีนาคม 2464 มีโฆษณาเกี่ยวกับน้ำปลา และระบุว่าทำจาก “เยื่อเคย”  ดังนี้

“อาหารของไทยเราจะมีโอชารสดีที่ใช้น้ำปลาดีและน้ำพริกดีเปนประมาณ น้ำพริกเผาที่ดีอย่างที่ 1 ผสมด้วยเนื้อปลากุเลา ราคาเพียงกะปุกละ 1 บาท คลุกข้าวและจิ้มอะไรรับประทาน มีรสอร่อย ถึงจะเดินทางไกลก็เอาไปได้สดวก กับน้ำปลาอย่างดีทำจากเยื่อเคยชั้นที่ 1 นั้น ก็เปนยอดแห่งอาหาร จะเปนแกงจืดแกงเผ็ดหรือผัดอะไร ถ้าได้เหยาะน้ำปลาดีลงไปแล้วก็ทำให้มีโอชารสขึ้นเปนอันมาก ราคาขายขวดละ 1 บาทเท่านั้น ท่านต้องการให้อาหารมีรสอร่อยแล้วไม่ควรจะทิ้งน้ำปลาดีหรือน้ำพริกเผาของร้านเลขที่ 1790 ริมถนนมหาไชย จังหวัดพระนคร” [สั่งเน้นคำโดยกองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม]

หนังสือชุดจังหวัดต่างๆ ที่รัฐบาลพิมพ์ขึ้นเนื่องในการฉลอง 25 พุทธศตวรรษ หนังสือจังหวัดจันทบุรี กล่าวถึงอุตสาหกรรมน้ำปลาในจังหวัดว่า

“มีโรงอุตสาหกรรมทำน้ำปลาที่อำเภอขลุง แหลมสิงห์ และท่าใหม่ รวม 10 โรง เป็นโรงทำน้ำปลาขนาดกลาง ใช้ปลาทูและปลาเบญจพรรณ ผลิตได้ประมาณปีละ 200,000 ลิตร…รส กลิ่น ของน้ำปลายังไม่ดีเท่าน้ำปลาชั้นพิเศษของจังหวัดระยอง…”  [สั่งเน้นคำโดยกองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม]

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.292 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 04 พฤษภาคม 2567 03:35:18