คำสอนของฮวงโป :บันทึกวาน-ลิงพุทธทาสภิกขุ แปล เรียบเรียง
๑.
การปลุกจิต ถาม ในบรรดาคนที่ชุมนุมกันอยู่ประมาณ ๔-๕ ร้อยคนบนภูเขานี้ มีสักกี่คน ที่ได้เข้าใจในคำสอนของท่านอาจารย์ อย่างเต็มที่ ?
ตอบ จำนวนที่ว่านั้นไม่อาจจะทราบได้ ทำไม ? เพราะว่า ทาง ของอาตมา เป็นไปในทางการปลุก จิต ให้ตื่นออกมา มันจะถูกถ่ายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไรกัน ? คำพูดจะมีผลได้บ้างก็ต่อเมื่อพูดใส่หูเด็ก ๆ ที่ยังไม่เคยได้รับคำสั่งสอนอะไรมาก่อนเท่านั้น ๒.
พุทธะ ถาม พุทธะ (ซึ่งหมายถึงสิ่งสูงสุด) นั้นคืออะไร ?
ตอบ
จิต คือ พุทธะ ในเมื่อการสิ้นสุดลง
แห่งความคิดปรุงแต่ง เป็น ทาง พอสักว่า เธอ
หยุดการปลุกเร้าความคิดปรุงและการคิดค้น ในเรื่อง
อันว่าด้วยความมีอยู่และ ความไม่มีอยู่ ความยาวและความสั้น คนอื่นหรือตัวเอง ผู้ทำหรือผู้ถูกทำ และเรื่องอื่นทำนองนี้เสียให้จบสิ้นเท่านั้น
เธอจะพบว่า จิต ของเธอเป็น พุทธะ โดยแท้จริง และว่า
จิตเป็นสิ่งที่คล้ายกับ
ความว่าง เพราะฉะนั้น จึงมีคำจารึกไว้ว่า
“ธรรมกาย อันแท้จริงนั้น คล้ายกับความว่าง”
จง อย่าแสวงหาสิ่งอื่นใด นอกไปจากสิ่งนี้ มิฉะนั้นแล้วการแสวงหาของพวกเธอจะจบลงด้วยความเศร้า แม้พวกเธอจะบำเพ็ญบารมีทั้งหกตลอดกัปเป็นอันมาก เท่าจำนวนเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา รวมทั้งวัตรปฏิบัติอย่างอื่นที่จะทำให้ได้ตรัสรู้อีกทั้งหมดทั้งสิ้นก็ตาม เธอก็ยังอยู่ไกลจากจุดหมายปลายทางอยู่นั่นเอง
ทำไมเล่า ? เพราะว่าการทำเช่นนั้นเป็นการสร้างกรรมไม่มีหยุด และเมื่อกุศลกรรมที่ได้สร้างขึ้นนั้น หมดอำนาจลงพวกเธอก็จะกลับไปกำเนิดในภูมิอันต่ำอีก ด้วยเหตุนี้เองจึงมีคำจารึกไว้อีกว่า “สัมโภคกาย นั้น ไม่ใช่พุทธะที่แท้จริง หรือผู้ประกาศธรรมะก็ไม่ใช่” เพียง แต่เธอรู้จักธรรมชาติแท้แห่งจิตของเธอเองเท่านั้น ซึ่งในธรรมชาตินั้นไม่มีตนเองไม่มีผู้อื่น แล้วเธอก็จะเป็นพุทธะองค์หนึ่งจริง ๆ
๓.
ความคิด ถาม เมื่อยอมรับว่า
คนรู้แจ้งเห็นจริงแล้ว ซึ่งหยุดความคิดปรุงแต่งของตนเสียได้ คือ พุทธะ ดังนี้แล้ว ก็คนที่ยังโง่อยู่เล่า เมื่อหยุดคิดอย่างปรุงแต่งเสียหมดแล้ว จะมิกลายเป็นคนหลงลืมไม่มีสมปฤดีไปหรือ ?
ตอบ ไม่มีคนรู้แจ้งเห็นจริง ไม่มีคนมี่ยังโง่อยู่ และไม่มีแม้ความหลงลืมไม่มีสมปฤดี ถึงกระนั้นก็เถอะ
แม้ว่าโดยหลักทั่วไป สิ่งทุกสิ่งจะปราศจากความมีอยู่อย่างเป็นวัตถุตัวตนก็ตาม พวกเธอก็ต้องไม่คิดไปในทำนองที่ว่า ไม่มีสิ่งใดที่มีอยู่ และแม้ว่าสิ่งทั้งหลายมิใช่เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่ พวกเธอก็ต้องไม่ไปคิดว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งมีอยู่ ความคิดว่า “
มีอยู่” ก็ตาม
ความคิดว่า “
ไม่มีอยู่” ก็ตาม ทั้งสองอย่างล้วนแต่
เป็นความคิด
ที่เคยตัว ไม่ดีอะไรไปกว่า
สิ่งซึ่งเป็น
มายาทั้งหลาย ดังนั้นจึงมีคำจารึกไว้ว่า “
สิ่ง ใดก็ตาม
ที่เข้าใจเอาเองตามความรู้สึกทาง
อายตนะ ย่อมเป็นเหมือนกับ
มายา ข้อนี้หมายถึง
ทุกสิ่งนับตั้งแต่ สิ่งที่เป็นเพียง
ความคิดไปจนถึง
สิ่งที่ มีชีวิตเป็นอยู่จริง ๆ”
ท่าน อาจารย์ผู้ก่อกำเนิดนิกายเซ็นของเรา ไม่ได้สอนอะไรให้แก่สาวกของท่านเลย
นอกจากการทำให้ว่างไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งนำไปสู่
การเพิกถอนเสียซึ่ง
ความรู้สึกต่าง ๆ ทางอายตนะ ในการทำให้ว่างไปโดยสิ้นเชิงนี่เอง
ทาง ของพวกพุทธะทั้งหลายได้เป็นไปอย่างรุ่งเรือง และในขณะเดียวกันนั้นเอง จากการ
เที่ยวแยกออกไปว่านั่นเป็นนั่น นี่เป็นนี่
อย่างตรงกันข้ามเป็นคู่ ๆ นั่นแหละ ฝูงปีศาจร้ายก็รุ่งเรืองโชติช่วงขึ้นมา