http://bangkrod.blogspot.com/2011/01/blog-post_31.html
ต้นเท้ายายม่อม ที่ใช้ทำแป้งเท้ายายม่อมต้นเท้ายายม่อมเป็นพืชล้มลุก มักขึ้นเป็นกอสืบพันธุ์ด้วยหัวใต้ดิน
หัวของต้นเท้ายายม่อมขุดเอามาฝนทำแป้งเท้ายายม่อมได้
ชาวสวนต้องไม่ขุดหัวจากกอแต่ละกอจนหมด คัดเลือกเอาเฉพาะหัวใหญ่
เพื่อสะดวกในการปอกเปลือกแล้วฝน หัวเล็กๆจะคืนลงกลบฝังโคนกออย่างเดิม
( แต่หาก หัวไหนโดนจอบหรือเสียม จนขาดหรือแหว่ง หัวนั้นก็จะไม่งอกเป็นต้นได้ )
เมื่อหน้าฝน ก็จะงอกต้นใหม่ขึ้นมา
สำหรับต้นเก่าเมื่อออกดอกและสิ้นฝนไม่นานต้นก็จะเฉา เหี่ยวแห้งและตายไป ในฤดูหนาว
ซึ่งรวมทั้งต้นที่ยังไม่ออกดอก ก็ตายด้วย รอจนประมาณเดือน มกราคม กุมภาพันธ์จึงขุดเอาหัวขึ้นมา
ล้างดินที่เปลือกออกให้สะอาด ปอกเปลือกทิ้งไป แล้วกองในกะละมังมีน้ำแช่เพื่อสะดวกในการฝน
ใช้หัวนี้ฝนบนแผงสังกะสีที่ตีตะปู ถี่ๆ แบบกระต่ายจีน หงายด้านที่มีรูแหลมของหัวตะปูทะลุออก
วางแผงสังกะสีพาดขอบกะละมังแล้วเอาหัวฝนไปมา
ขั้นตอนการทำแป้ง อยู่ใน ตำนานที่เล่า เมื่อ 27 กันยายน 2553
ชาวสวนมักปลูกไว้ในร่องสวน
ลักษณะการปลูก จะปลูกประปรายทั่วไป ขื้นป็นกอๆ ปะปนกับไม้อื่นๆเช่นกล้วย มะม่วง
มะปราง มะเฟือง ขนุน ส้ม ไปยาลน้อย
มีต้นไม้อีกต้นที่สับสนกัน เพราะเรียกเท้ายายม่อมเหมือนกัน แต่ความจริง อีกต้นหนึ่งนั้น
มีชื่อเต็มว่า ต้น ไม้เท้ายายม่อม
ตกลงยายม่อมนี้ มีต้นเท้ายายม่อม และต้น ไม้เท้ายายม่อม
( คุณแม่พลอยโพยมชื่อละม่อม คำแปลคือ สุภาพ อ่อนโยน( เป็นกิริยาอาการที่เรียบร้อย
ไม่ขัดเขิน ไม่กระด้างมักใช้คำว่า ละมุนละม่อม
(หมายความว่า อ่อนโยน นิ่มนวล )
แต่...แม่ละม่อมมือหนัก ตีเจ็บมากค่ะ แถมพลอยโพยมมักถูกตีด้วยไม้ขัดหม้อเป็นประจำ
แต่ลูกชาย ไม่ค่อยถูกตีเลยค่ะ เพราะวันๆ ออกไปเล่นหัวหกก้นขวิด นอกบ้าน แต่พอ
มาเป็นยายละม่อม ย่าละม่อม ใจดีกับหลานๆมากค่ะ ช่วยเลี้ยงทั้งหลายย่าหลานยาย รวม 4คน
ทั้งเลี้ยงดู เห่กล่อม
และแม่ละม่อมอายุ 93 ปี ไม่ต้องใช้ไม้เท้า
ปัจจุบันหากคิดจะปลูกต้นเท้ายายม่อม ต้องปลูกในกระถางเสียแล้ว
ดอกและผลของต้นเท้ายายม่อม เมื่อออกใหม่ๆจะมีสีเขียว
ดอกและผลของต้นเท้ายายม่อมเริ่มแก่ ดอก ผล และหนวด เริ่มเป็นสีเหลือง
ชาวสวนเชื่อว่าหากไม่ตัดดอกของเท้ายายม่อมออก จะไม่เกิดหัวใต้ดินให้ได้ขุดเอามา
ทำแป้งเท้ายายม่อมพลอยโพยมไม่แน่ใจคำบอกกล่าวนี้ แต่ที่บ้านเอง ไม่ค่อยได้ตัดดอกออก
เพราะมีเด็กในบ้านมาก เรามัก ดึงดอกและผลของต้นเท้ายายม่อม เอามาเล่นกัน ทั้งบนบ้านและ
เล่นในสวน ไม่มีอะไรทำ เล่นคนเดียวก็ได้ คือ ดึงก้านดอกขึ้นมา ซื่งดืงได้ง่ายมากจะขึ้นมาทั้ง
ก้านจากโคนต้นขาวๆเลย แล้วก็เดินแกว่งดอกเท้ายายม่อมนี้ไปมา ผ่านต้นมะพร้าว ต้นมะม่วง
ก็เอาฟาดกับต้นไม้นั้นๆ ผลก็หลุดร่วงกรู แล้วก็โยนทิ้งไป ดึงก้านใหม่ขึ้นมาเล่นต่อจนกว่าจะเบื่อ
บางทีเล่นด้วยกันกับคนอื่นเช่นการดึงเอามาเป็นอาวุธ ฟาดฟันต่อสู้กัน ไม่นับรวมรายการเล่นขายของ
เอามาทำของขายได้หลายอย่างทีเดียว
ต้นเท้ายายม่อมที่บ้านจึงเหลือดอกให้ตัดได้น้อยมาก บางปีไม่ต้องตัดเลย เพราะถูกเด็กๆถอนไปเล่นกันหมด
หัวเท้ายายม่อมของแท้แน่นอน ดูแล้วคล้ายหัวมันฝรั่ง
แป้งเท้ายายม่อมมีลักษณะไม่ละเอียด
แป้งเท้ายายม่อมใช้ทำของคาวหวานหลายอย่าง
ของหวานเช่น ขนมชั้น ขนมหัวผักกาด(หวาน) และไปยาลใหญ่ค่ะ
ขนมชั้นตั้งใจจะพันเป็นดอกไม้แต่ไม่มีเวลาเพราะเป็นช่วงคุณแม่ป่วยเลยกลายเป็นขยุ้มๆกองไว้
เพราะลอกชั้นออกมาแล้ว
ขนมหัวผักกาด
หลายๆท่านคง งง เมื่อเห็นภาพนี้ เพราะเคยรู้จักแต่ขนมหัวผักกาดที่เป็นของคาว
(แม้แต่ในพจนานุกรมก็มีแต่ ที่เป็นของคาว)ขนมหัวผักกาด (หวานนี้ ) ยังมีที่แปดริ้ว
ที่ร้านขนมหวานริน ในสมัยเด็กๆ พี่อุทัยวรรณ สรรพ์พิบูลย์ เจ้าของขนมหวานต้องใจ
มักนำมาให้ที่บ้านพลอยโพยมเวลาที่ทำบุญ หรือทำงานต่างๆของที่บ้านพี่อุทัยวรรณ
ปีละหลายครั้ง เด็กๆ จะแย่งกันรับประทานเพราะอร่อยมาก หากมีผู้สนใจ ยังมีให้รับประทาน
สูตรพี่อุทัยวรรณที่อร่อยเด็ดขาดจริงๆ จากทายาท คือ คุณต้องใจ จะเป็นแม่งานทำขนมหวาน
ต่าง ๆในงานประจำปีวัดผาณิตาราม ซึ่งตรงกับวันมาฆะบูชาของทุกปี 2 วัน 2 คืน
วิธีทำของ คุณต้องใจใช้หัวไช้เท้า (หัวผักกาด) สด ฝนกับกระต่ายจีน แล้วคั้นเอาน้ำออก
นำไปผัดกับหอมเจียวและน้ำตาลทราย นำไปกวนให้สุกกับ กะทิ ผสมแป้งมัน แป้งเท้ายายม่อม
แป้งข้าวเจ้า ตามสัดส่วน โดยที่แป้งเท้ายายม่อมใช้ปริมาณน้อยกว่าแป้งมัน แต่มากกว่าแป้งข้าวเจ้า
ปริมาณแป้งมันเท่ากับแป้งเท้ายายม่อมรวมกับแป้งข้าวเจ้า ใส่ฟักเขียวเชื่อมและถั่วลิสงคั่ว
หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ๆ เวลารับประทานจะเหมือนขนมมีไส้นั่นเอง
สุกได้ที่ตักใส่ถาด โรยด้วยถั่วลิสงซอยละเอียด ประดับให้สวยงาม
ใครอยากลองรับประทาน ขนมหัวผักกาด(หวาน)ที่อร่อย นี้ ก็เชิญมาที่แปดริ้วได้เลย
มองภาพถ่ายแล้วคงซึมซับไปถึงความอร่อยของขนมนี้กันนะคะ...ขอบอก..
นี่ก็เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านของคนบางกรูดอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจมีที่อื่นๆด้วย เช่น ในแปดริ้วก็มีแม่ค้า
ชาวบ้าน ทำมาขาย แต่แป้งจะสีคล้ำๆ ที่ไม่ค่อยสวยงามชวนรับประทาน ที่จังหวัดอื่นๆ
เช่น จันทบุรี ก็มีขายเหมือนกัน