กมธ.เตรียมร่างกฎหมายดัน สันติภาพดับไฟใต้ ชี้มีปมสำคัญ ที่ไม่นำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน
<span class="submitted-by">Submitted on Tue, 2024-02-27 12:42</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>มูฮำหมัด ดือราแม รายงาน</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กมธ.เตรียมร่างกฎหมายขับเคลื่อนสันติภาพดับไฟใต้ คุ้มครองผู้ร่วมโต๊ะพูดคุย เผยหมุดหมายที่ทำให้เดินหน้าต่อ พร้อมปมสำคัญที่เชื่อไม่นำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน ส่วนข้อวิจารณ์ร่างแผน JCPP ฝ่ายรัฐอ่อนหัด แพ้ทาง BRN ก็ไม่อาจทำให้สะดุด เผยปัญหาที่ต้องมีกฎหมายสันติภาพก่อนมีข้อตกลง แต่หวั่นนิติสงครามทำสันติภาพล่ม จึงต้องออกกฎหมายคุ้มครองผู้ร่วมโต๊ะพูดคุย</p>
<p>26 ก.พ.2567 ที่โรงแรมซีเอส อ.เมือง จ.ปัตตานี สถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ สถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สมาคมร่วมสร้างชุมชนศรัทธา กัมปงตกวา Minority Rights Group สนับสนุนโดยสหภาพยุโรป (EU) จัดเสวนาเรื่อง ชุดกฎหมายสันติภาพชายแดนใต้/ปาตานี ทบทวน ท้าทาย ที่ทาง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">กมธ.เตรียมร่างกฎหมาย คุ้มครองผู้ร่วมโต๊ะพูดคุยสันติภาพชายแดนใต้</span></h2>
<p>อาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คณะกรรมาธิการฯ สันติภาพชายแดนใต้) กล่าวว่า ขณะนี้ คณะกรรมาธิการฯ กำลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เกี่ยวกับกระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่มีผู้เสนอมาจำนวน 2 ฉบับ โดยจะรวมให้เป็นร่างฉบับเดียวกัน คือ ร่าง พ.ร.บ.สันติภาพในภาพรวม และ ร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการปกป้องคุ้มครองผู้ที่มีส่วนร่วมในกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพ หรือเรียกว่า กฎหมาย Immunity</p>
<p>อาดิลัน เปิดเผยว่า เมื่อรวมเป็นฉบับเดียวแล้วก็จะส่งให้สำนักกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรเรียบเรียงข้อความใหม่ให้เป็นภาษากฎหมาย โดยยังคงเจตนาเดิมของผู้ร่าง จากนั้นจะส่งกลับให้ผู้ร่างผลักดันเข้าสู้สภาผู้แทนราษฎรผ่านพรรคการเมือง หากมีพรรคการเมืองเห็นด้วย โดยให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ลงนาม 20 คน หรือ ให้มีการล่ารายชื่อประชาชนให้ได้จำนวน 10,000 รายชื่อเพื่อเสนอกฎหมายต่อไป โดยสามารถแนบรายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ สันติภาพปะกอบไปด้วย</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เผยหมุดหมายสำคัญ ทำให้กระบวนการพูดคุยไปต่อได้</span></h2>
<p>ด้าน ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ กล่าวให้ข้อมูลในเวทีว่า 10 ปีที่ผ่านมา กระบวนการพูดคุยมีความต่อเนื่อง มีการพูดคุยตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงปัจจุบันประมาณ 30 กว่าครั้ง โดยเป็นการพูดคุยกับขบวนการ BRN ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมารวม 7 ครั้ง แม้มีความต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีผลที่เป็นรูปธรรมชัดเจน โดยปัญหาสำคัญมี 2 ประเด็น ที่เป็นข้อท้าทาย คือ</p>
<p><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53554061617_757d1e62ee_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี (เสื้อสีน้ำเงิน)</span></p>
<p>1. เจตจำนงทางการเมืองที่เข้มแข็ง ทั้งของฝ่ายรัฐบาล และฝ่าย BRN แต่ที่ผ่านมาโดยฝ่าย BRN บอกว่าฝ่ายรัฐไม่ชัดเจนไม่จริงใจ ส่วนฝ่ายรัฐบอกว่าฝ่าย BRN ไม่ตั้งใจจริง มีความไม่เชื่อมั่นไว้วางใจกัน จึงมีกระบวนการสร้างความเชื่อมั่นไว้วางใจ หรือ confidence building ซึ่งการพูดคุยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ในขั้นการสร้างความเชื่อมั่นไว้วางใจ</p>
<p>2. หมุดหมายสำคัญที่เป็นจุดเปลี่ยนในช่วงหลัง คือการออกแบบกระบวนการพูดคุยร่วมกันระหว่างฝ่ายรัฐกับฝ่าย BRN ที่เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ที่ออกมาเป็นข้อตกลงริเริ่มเบอร์ลิน หรือ Berlin Initiative เป็นข้อตกลงเบื้องต้นนำไปสู่การพูดคุยในปี 2564 ที่ตุรกีเรียกว่า Turkey protocol ใน 3 ประเด็นสารัตถะ คือ การลดความรุนแรง การปรึกษาหารือสาธารณะ และการแสวงหาทางออกทางการเมือง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เปิดปมเงื่อนสำคัญ ที่ไม่นำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน</span></h2>
<p>ศรีสมภพ กล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้นเมื่อพ้นสถานการณ์โควิดก็มีการพูดคุยเป็นทางการในปี 2565 จนเกิดหมุดหมายสำคัญต่อมา คือ หลักการทั่วไปว่าด้วยการพูดคุยสันติภาพ ซึ่งมีเนื้อหาที่ท้าทายคือ ทั้งสองฝ่ายยอมให้บรรจุในข้อตกลงเบื้องต้นว่า “ให้ยอมรับชุมชนมลายูปาตานี ภายใต้รัฐเดี่ยวของประเทศไทยตามรัฐธรรมนูญ” </p>
<p>ข้อความนี้ เป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุดว่า BRN จะพูดคุยภายใต้รัฐธรรมนูญไทย ไม่ว่าใครจะเห็นด้วยหรือไม่ ขณะเดียวกันฝ่ายรัฐก็ยอมรับคำว่า “ชุมชนมลายูปาตานี” นี่เป็นปมเงื่อนที่สำคัญในกระบวนการสันติภาพที่มีการบันทึกไว้</p>
<p>“ข้อกังวลที่ว่า รัฐไทยยอม BRN แล้ว เราจะเสียดินแดนแล้ว มันจะไม่เกิดขึ้นก็เพราะประเด็นนี้ เพราะเงื่อนไขมาถึงจุดนี้” แม้ทั้งสองฝ่ายจะกลืนเลือดตัวเอง และมีคนที่ไม่พอใจ</p>
<p>จากนั้นมีการคุยกันใน 3 ประเด็น คือ การลดความรุนแรง การปรึกษาหารือสาธารณะ และการแสวงหาทางออกทางการเมือง โดยมีเงื่อนไข 7 - 8 ข้อ</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">จุดเริ่ม JCPP (แผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม)</span></h2>
<p>ศรีสมภพ กล่าวอีกว่า จากนั้นในปี 2566 ก็นัดคุยกันอีกในเดือนกุมภาพันธ์ มีการพูดถึง JCPP (แผนปฏิบัติการร่วมเพื่อสร้างสันติสุขแบบองค์รวม) โดยวางแผนว่าจะวางแผนปฏิบัติการร่วมตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ แต่ BRN ไม่มาตามนัด บอกว่ารอหลังเลือกตั้ง ส.ส.</p>
<p>หลังจากเลือกตั้ง รัฐบาลใหม่ของเศรษฐา ทวีสิน ได้แต่งตั้งฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ที่ดูแลเรื่องการพูดคุยอยู่เบื้องหลังมาตลอดตั้งแต่ปี 2559 เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายไทยและเป็นคนแรกที่เป็นพลเรือน</p>
<p>ในการพูดคุยครั้งล่าสุด ( 6-7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา) ฝ่าย BRN ขอปรับร่าง JCPP นิดหน่อยแต่ยังเป็นอันเดิม ฝ่ายไทยหงุดหงิดนิดหน่อยทำไมต้องทบทวนใหม่ แต่ก็ยอม จึงตกลงว่าจะให้คณะพูดคุยทางเทคนิคไปพูดคุยอีก 2 ครั้ง และทาง BRN บอกว่าจะนำร่างของตัวเองเอามาให้ดู ซึ่งเป็นเอกสารเดียวกับที่รั่วไหลออกมาทางสื่อ จนเกิดข้อข้อพิพากษ์วิจารณ์ว่า ฝ่ายรัฐแพ้แล้ว ฝ่ายรัฐอ่อนหัด เป็นมือใหม่หัดขับ ทั้งที่จริงขับมานานแล้ว แต่อาจมีจุดอ่อนบ้างเป็นธรรมดา แต่ไม่ใช่มือใหม่แน่นอน</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ข้อวิจารณ์ ฝ่ายรัฐอ่อนหัด ไม่อาจทำให้การพูดคุยสะดุด</span></h2>
<p>ศรีสมภพ กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์นั้นจะทำให้กระบวนการพูดคุยจะหยุดชะงักหรือไม่ ตนคิดว่าไม่น่าจะหยุดชะงัก เพราะกรอบการพูดคุยก็วางไว้แล้ว ขั้นตอนกระบวนการก็วางไว้แล้ว แต่อาจจะมีการปรับ ก็ต้องรับฟังว่าจะมีการปรับอย่างไร แต่หลักการ JCPP ไม่ทิ้ง</p>
<p>“คิดว่าไม่น่าจะสะดุด อย่างที่บอกไว้ว่า พื้นฐานของการพูดคุยมีมาตั้งแต่ปี 2562 ถึง 2565 มันต่อเนื่องกัน ฐานค่อนข้างจะดี ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางไว้”</p>
<p>ผมนั่งอยู่ในคณะกรรมาธิการฯ ได้เห็นการแชร์หลังฉากของการตัดสินใจไปที่เบอร์ลินว่า มีการตกลงในกลไกระดับสูงในของรัฐบาลขณะนั้นให้ไปได้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็แอบไป แต่เป็นไปตามอาณัติสัญญาณของผู้มีอำนาจสั่งการ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ไปโดยพละการ</p>
<p>“ไปแล้วมันดันทะลุขึ้นไปได้ จึงทำให้การพูดคุยมีความต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน” ซึ่งจะไปต่อว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ เพราะเขาต้องทำตามกรอบกระบวนการและกฎหมาย</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">เผยปัญหาที่ต้องมีกฎหมายสันติภาพก่อนมีข้อตกลง</span></h2>
<p>ในต่างประเทศ กฎหมายจะออกมาหลังจากมีข้อตกลงแล้ว แต่ก่อนเจรจามีการตกลงกัน ยังไม่มีกฎหมาย ทั้งที่มินดาเนา(ฟิลิปปินส์) และที่อาเจะห์(อินโดนีเซีย) แต่มีกลไกกระบวนการของฝ่ายบริหาร ใช้คำสั่งเตรียมการต่างๆ จนกว่าจะมีข้อตกลง เมื่อตกลงกันแล้วก็ทำ MOU ระหว่าง 2 ฝ่าย แล้วนำ MOU ไปร่างเป็นกฎหมาย ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร</p>
<p><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53555360290_bca07a7c06_b.jpg" /></p>
<p>ก่อนออกกฎหมายจะผ่านขั้นการตกลงกันก่อนในทางการเมือง แต่เราอยากรู้ว่า จะมีกฎหมายอะไรบ้างที่ใช้ระหว่างทางก่อนที่จะตกลงกัน ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศบอกว่า ใช้แค่คำสั่งจากฝ่ายบริหารก็พอ</p>
<p>แต่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เป็นระบบการเมืองแบบประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ซึ่งประธานาธิบดีเป็นทั้งประมุขของรัฐและฝ่ายบริหาร เพราะฉะนั้นคำสั่งของประธานาธิบดีถือเป็นกฎหมาย แต่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารเฉยๆ ไม่ได้เป็นประมุขของรัฐ เพราะฉะนั้น องค์อธิปัตย์ไม่เหมือนกัน</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">หวั่นนิติสงครามทำสันติภาพล่ม-ต้องออกกฎหมายคุ้มผู้ร่วมโต๊ะพูดคุย</span></h2>
<p>ประการต่อมา มีนิติสงครามบ้านเราอยู่ ประมวลกฎหมายอาญา ตั้งแต่มาตรา 113, 114, 115, 116 และ 157 ล็อคไม่หมดแล้ว ทั้งข้อหากบฏ แบ่งแยกดินแดนฯ ถ้าเจ้าหน้าที่หรือใครทำผิดโดนหมด คือระหว่างคุยตกลงกัน ถ้าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายนี้ และถ้านักร้องเกิดร้องขึ้นมาจะติดคุกกันหมด ซึ่งเท่าที่รู้ประเทศอื่นไม่มีขนาดนี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศก็ไม่เข้าใจว่าประเทศไทยมีเงื่อนไขนี้</p>
<p>เพราะฉะนั้นระหว่างทางหรือระหว่างการพูดคุยจะต้องมีกฎหมายอีกประเภทหนึ่งขึ้นมา เพื่อปกป้องคุ้มครอง (Immunity) ให้กับผู้แทนหรือคนที่เข้าร่วมกระบวนการเจรจาทั้งของฝ่ายรัฐ หรือฝ่ายขบวนการ หรือประชาชนที่เข้าร่วมกระบวนการสันติภาพ เพราะระหว่างตกลงกันมีหลายเรื่อง บางเรื่องอาจมีการพาดพิงทางกฎหมาย หมิ่นเหม่ หรือเซาะกร่อนบ่อนทำลาย อะไรอย่างนี้จะโดนไปหมดเลย เพราะฉะนั้น นอกจากกฎหมายที่เป็นองค์รวมของกระบวนการสันติภาพแล้วก็น่าจะเสนอกฎหมายพิเศษอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเรื่องนี้อยู่</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ภาพประชาสังคมพร้อมหนุนกฎหมายสันติภาพ</span></h2>
<p>สำหรับผู้เข้าร่วมเสวนา และผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มหรือองค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งกลุ่มคนพุทธและมุสลิม ส่วนให้ความคิดเห็นสนับสนุนการผลักดันให้มีกฎหมายสันติภาพ และพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการผลักดันกฎหมายสันติภาพเพื่อเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนสันติภาพในพื้นที่ต่อไป</p>
<p>เช่น รอมฎอน ปันจอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายสันติภาพ เพื่อให้การขับเคลื่อนการสร้างสันติภาพในพื้นที่มีทิศทาง ขณะเดียวกันก็ต้องปรับปรุงกฎหมายพิเศษที่ใช้อยู่ในพื้นที่ด้วย ซึ่งมีปัญหามาตลอด 20 ปี</p>
<p>บูรฮัน ติพอง คณะกรรมาธิการฯ สันติภาพ ตัวแทนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยกำลังเสนอร่าง พ.ร.บ.สันติภาพด้วย และขอให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด</p>
<p>ส่วนรักชาติ สุวรรณ อดีตประธานเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ เห็นด้วยกับการมีกฎหมายสันติภาพ และอยากให้มีการลงนามที่ชัดเจนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชน และอยากให้มีพื้นที่สำหรับชาวพุทธได้มีส่วนร่วมด้วย</p>
<p> </p>
<p>ชมถ่ายทอดสดเวทีเสวนาได้ที่
https://web.facebook.com/CSCD.IPS.PSU/videos/786792686596579</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/02/108234