[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 09 กุมภาพันธ์ 2559 19:56:52



หัวข้อ: หลวงพ่อไปล่ ฉันทสโร วัดกำแพง เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 09 กุมภาพันธ์ 2559 19:56:52
.

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/49847448286082_14546735911454673629_1_.jpg)

หลวงพ่อไปล่ ฉันทสโร
วัดกำแพง เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ

“หลวงพ่อไปล่ ฉันทสโร” วัดกำแพง เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ถึงขั้นถูกบรรจุเป็นคำขวัญของเขตบางขุนเทียน คือ “หลวงพ่อไปล่วัดกำแพง แหล่งเกษตรกรรม วัฒนธรรมมอญบางกระดี่ พื้นที่ทะเลกรุงเทพฯ”

อัตโนประวัติ เกิดในสกุลทองเหลือ เมื่อวันอังคาร เดือน 6 ปีวอก พ.ศ.2403 ภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านหมู่ที่ 6 ต.บางบอนใต้ อ.บางขุนเทียน จ.ธนบุรี ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรม

เมื่ออายุ 8 ขวบ ศึกษาหนังสือไทยและขอมกับหลวงพ่อทัต วัดสิงห์

เข้าสู่ช่วงวัยหนุ่ม ท่านเป็นคนมีใจคอกล้าหาญ มีเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านบางบอนใต้เป็นแดนนักเลงหัวไม้ เวลามีงานวัดมักจะมีพวกนักเลงนัดตีกันเป็นประจำ ด้วยความที่นายไปล่เองก็เป็นนักเลงหัวไม้ ถูกพรรคพวกยกย่องให้เป็นลูกพี่ ทำให้บิดามารดาเกรงว่าจะเสียคน จึงขอร้องให้บวชพระให้สักหนึ่งพรรษา ท่านก็ไม่ขัด

เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดกำแพง มี หลวงพ่อทัต วัดสิงห์ เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อพ่วง วัดกก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อดิษฐ์ วัดกำแพง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “ฉันทสโร”

หลังจากบวชแล้ว ท่านอยู่จำพรรษาที่วัดกำแพง กรุงเทพฯ ศึกษาพระธรรมวินัย ท่องบทสวดมนต์จนจบทุกบททุกคัมภีร์ จดจำได้แม่นยำ และเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา ครบหนึ่งพรรษาแล้วไม่ยอมสึก

พรรษาที่ 2 พยายามจนท่องพระปาติโมกข์ได้และขอถ่ายทอดวิชาด้านกัมมัฏฐานและวิปัสสนาธุระกับพระอุปัชฌายะและคู่สวดซึ่งล้วนแต่เชี่ยวชาญทางนี้

ด้านพุทธาคมได้เรียนวิชาเมตตามหานิยม เช่น ผง 108 ขี้ผึ้งสีปากจาก หลวงพ่อพ่วง วัดกก เรียนทางคงกระพันชาตรี ทำผ้าประเจียดแดงกับหลวงพ่อดิษฐ์ วัดกำแพง จนมีวิชากล้าแข็ง

แม้ท่านเก่งขนาดไหนแต่ไม่เคยคุยโอ้อวด ชอบดำรงตนแบบสมถะ ไม่ทะเยอทะยานในลาภยศ มีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ กวาดกุฏิเอง ของส่วนตัวทำเองไม่เคยใช้ให้ใครทำ ขยันในการทำวัตรสวดมนต์ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ชอบความมีระเบียบเรียบร้อย

หลวงพ่อเลียบ วัดเลา เคยสนับสนุนให้ท่านได้สมณศักดิ์เป็นพระครู ท่านกลับปรารภว่า “ฉันไม่อยากเป็นครูพระหรอก สอนตัวเองก็พอใจแล้ว เพราะการเป็นพระครูหมายถึงต้องเป็นครูสอนพระ”

ส่วนตำแหน่งสมภารท่านก็ไม่เคยสนใจ แต่ขัดชาวบ้านไม่ได้ จำเป็นต้องรับ ใครมีลูกหลาน ส่วนใหญ่จะมาให้ท่านบวชเพราะเลื่อมใสศรัทธาในจริยวัตรและอยากได้ของขลังของดีจากท่าน

พ.ศ.2478 คณะศิษยานุศิษย์ร่วมกันบำเพ็ญกุศลฉลองอายุให้ท่าน ในงานนี้ได้ออกเหรียญรูปท่านเต็มองค์ห่มลดไหล่สมาธิ เป็นเหรียญหล่อทำรูปคล้ายจอบ

หลวงพ่อไปล่ชอบนั่งปลุกเสกเดี่ยว และเหตุที่สร้างเหรียญรูปจอบ เพราะจอบเป็นสัญลักษณ์เครื่องมือสำคัญในการเพาะปลูก ชาวสวนชาวนาต้องพึ่งจอบ ซึ่งเหรียญรุ่นนี้มีประสบการณ์มาก

วัตถุมงคลของหลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง นอกจากเหรียญจอบยอดนิยมแล้ว ยังมีเหรียญรูปไข่เนื้อสัมฤทธิ์และทองเหลืองฝาบาตร ที่ต้องทำเป็นเหรียญหล่อ ท่านบอกว่าพิธีเข้มข้นกว่าเหรียญปั๊มมาก และเหรียญรุ่นนี้ก็มีประสบการณ์ดังมาก

หลวงพ่อไปล่มีกระแสจิตกล้าแข็ง คราวหนึ่งพระพุทธพยากรณ์ (เจริญ อุปวิกาโส) วัดอัปสรสวรรค์ (วัดหมู) ศิษย์เอกองค์หนึ่งของพระภาวนาโกศลเถร (หลวงปู่เอี่ยม) วัดหนัง นิมนต์ให้ไปนั่งปรกในงานหล่อพระ ท่านบอกว่าให้บอกเวลามาว่าพิธีจะเริ่มเมื่อไหร่ แล้วท่านก็นั่งทำสมาธิอยู่ที่กุฏิ โดยไม่ต้องเดินทางมาถึงวัด

พอถึงเวลาปลุกเสก พระอาจารย์ที่นิมนต์มาจะเห็นร่างหลวงพ่อไปล่ ปรากฏนั่งสมาธิอยู่ในพิธีด้วย เรื่องนี้เป็นที่โจษจันกันทั่วไป

สำหรับคาถาที่หลวงพ่อไปล่ภาวนาเป็นประจำ คือ “คาถากำแพงแก้ว 7 ประการ”

หลวงพ่อไปล่มรณภาพด้วยอาการอันสงบ เมื่อปี พ.ศ.2482 สิริอายุ 79 พรรษา 59

ในวันฌาปนกิจศพมีผู้คนไปร่วมงานกันมากมาย อีกทั้งได้เกิดเรื่องปาฏิหาริย์ โดยพวกลูกศิษย์ได้นำพลุตะไล ดอกไม้เพลิงมาจุด ปรากฏว่าด้านหมด เนื่องจากหลวงพ่อไปล่ไม่ชอบเสียงอึกทึกครึกโครม

แต่พองานเลิกได้นำมาจุดใหม่ เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว กลายเป็นเรื่องเล่าขานมาจนทุกวันนี้


อริยะโลกที่ 6