[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ => กระบวนการ NEW AGE => ข้อความที่เริ่มโดย: มดเอ๊ก ที่ 13 มีนาคม 2554 08:41:06



หัวข้อ: ฟริตจ๊อฟ คาปร้ากับกระบวนทัศน์ใหม่ ( ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ )
เริ่มหัวข้อโดย: มดเอ๊ก ที่ 13 มีนาคม 2554 08:41:06

(http://su-usedbook.tarad.com/shop/s/su-usedbook/img-lib/spd_20090706220226_b.jpg)


ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์



ดูเหมือนว่าอาหารแต่ละประเภทที่ออเดอร์กันมา จะถูกปรุง ถูกเสิร์ฟ ให้ลองลิ้มชิมรสกันไปหมดแล้ว จะเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม หรือจืดชืดไม่มีรสชาติ ก็อย่าได้ถือสาหาความอะไรกันมากมาย ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดความเห็นกันไปกันมาก็แล้วกัน สัปดาห์นี้เท่าที่เหลืออยู่ ก็คงเป็นความเห็นของคุณ “เดือนลับละลาย” ที่อุตส่าห์ไปเอาข้อมูลเรื่องตัว “เลมมิงจ์” มาเสริมเพิ่มเติมให้เป็นความรู้ยิ่งๆขึ้นไป...ซึ่งก็คงต้องขอขอบคุณเอาไว้ ณ ที่นี้...

ส่วนที่ชวนเสวนากันในเรื่องงานเขียนของ “ฟริตจ๊อฟ คาปร้า” อย่างเรื่อง “เต๋าแห่งฟิสิกส์” หรือ “จุดเปลี่ยนแห่งศตวรรษ” นั้น สำหรับเรื่องแรก...ดูเหมือนว่าจะเคยได้อ่านผ่านๆ แต่เรื่องหลังคือ “จุดเปลี่ยนแห่งศตวรรษ” น่าจะยังไม่เคยได้สัมผัส หรืออาจจะผ่านหู-ผ่านตาไปแล้วแต่ก็จำไม่ได้ อย่างไรก็ตาม...โดยรวมๆแล้ว ก็คงเป็นอย่างที่คุณ “เดือนลับละลาย” ว่าเอาไว้นั่นแหละว่า จะด้วยเหตุที่นักเขียนหรือนักฟิสิกส์รายนี้ ท่านมีความสนใจในเรื่องราวทางศาสนา โดยเฉพาะศาสนาตะวันออก อย่าง พุทธ เซ็น เต๋า ฮินดู และพยายามนำเอาสิ่งเหล่านี้มาเชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์กันอย่างเป็นหลักเป็นฐาน หรืออย่างเป็นระบบ ความคิดความอ่านของท่าน ก็เลยนอกจากจะเป็นของแปลก ใหม่ สำหรับชาวตะวันตกด้วยกันแล้ว ก็ยังเป็นที่ฮือฮาสำหรับชาวตะวันออกจำนวนไม่น้อย ที่โดยส่วนใหญ่...มักจะชอบ “วิ่งไล่ตามตะวันตก” กันแบบก้าวต่อก้าวมาโดยตลอด...

เท่าที่เคยอ่านผลงานของนักฟิสิกส์ท่านนี้แบบจริงๆจังๆ ก็น่าจะเป็นเรื่อง “โยงใยที่ซ่อนเร้น” (The Hidden Connections) ที่คุณ “วิศิษฐ์-ณัฐฬส วังวิญญู และ สว่าง พงศ์ศิริพัฒน์” แปลเอาไว้ และนำมาตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว(พ.ศ. 2548)เนื่องจากต้องนำเอามาใช้เป็นข้อมูลในงานเขียนพ๊อคเก็ตบุ๊ค และบทความหลายต่อหลายเรื่องด้วยกัน และก็พอที่จะทำให้จับแนวคิดหลักๆ หรือจะเรียกว่า “กระบวนทัศน์” ของ “คาปร้า” ได้อยู่บ้างเล็กๆน้อยๆ ซึ่งก็คงต้องถือว่าเป็นการ “ปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์” จากแนวคิดเดิมๆของพวกตะวันตกระดับใหญ่โต มโหฬาร พอสมควรทีเดียว หรืออาจถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับถึงรากถึงโคนก็ว่าได้ พูดง่ายๆว่าถ้าหากพวก “ฝรั่ง” ทั้งหลาย หันมายอมรับแนวคิดหรือกระบวนทัศน์ของ “คาปร้า” อย่างทั่วถึงกันหมด พวกฝรั่งก็จะกลายเป็นพวกที่หันมา “วิ่งไล่ตามตะวันออก” กันไปทั้งแผงนั่นแล...

คือถ้าจะลองไล่ให้เห็นเป็นขั้นๆ สิ่งถือกันว่าเป็น “แนวคิดแบบตะวันตก” ซึ่งสืบทอดกันมาจนกระทั่งปัจจุบันนั้น ก็คือแนวคิดที่เรียกๆกันว่า “ลัทธิเหตุผลนิยม” (rationalism)นั่นเอง ซึ่งก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมานับตั้งแต่นาย “เรเน่ เดคาร์ตส์” นักคิด นักปรัชญาชื่อดัง ชาวฝรั่งเศส ผู้ได้ชื่อฉายาว่า “บิดาแห่งปรัชญาสมัยใหม่” แกได้เอ่ยถ้อยคำสั้นๆเป็นภาษาละตินเอาไว้ในช่วงประมาณปีค.ศ. 1644 ว่า “Cogito,Ergo sum” หรือแปลเป็นภาษาปะกิตว่า “I Think Therefore I am” ที่ใครต่อใครในบ้านเรานำมาพูดๆกันว่า “เพราะฉันคิด...ฉันจึงเป็นอยู่” นั่นเอง นับแต่นั้น “ยุคแห่งเหตุผล” (Age of Reason) หรือ “ยุคเหตุผลนิยม” (Age of Rationalism)หรือ “ยุคแห่งแสงสว่างทางปัญญา” (Enlightenment)ก็แล้วแต่จะเรียก จึงได้ปรากฏตัวขึ้นมาในหมู่พวกฝรั่งทั่วทั้งยุโรปตลอดไปจนถึงอเมริกามาจนทุกวันนี้...

ความหมายของคำว่า “เพราะฉันคิด...ฉันจึงเป็นอยู่” ของนาย “เรเน่ เดคาร์ตส์” นั้น จะกินความลึกซึ้งสุดลิ่มทิ่มกระดานกันในระดับไหน คงไม่ต้องเสียเวลามาอธิบาย หรือเสียเวลาขนมะพร้าวห้าวมาขายสวนให้ต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เอาเป็นว่า...จากบรรทัดฐานของคำพูดในลักษณะเช่นนี้ มันได้ก่อให้เกิด “กระบวนทัศน์” ชนิดหนึ่งในการมองโลก มองจักรวาล มองธรรมชาติ มองสรรพสิ่งต่างๆเปลี่ยนไปจากยุคเดิมๆแบบถอนรากถอนโคน หรือจากยุคที่พวกฝรั่งยังถูกพระคริสเตียนคาธอลิค สอนให้เชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นเกิดจาก “การเนรมิตสร้าง” ของ “พระผู้เป็นเจ้า” ด้วยกันทั้งสิ้น แต่หลังจากนั้น...โลกที่เคยเชื่อๆกันว่าพระเจ้าสร้างขึ้นมาภายใน 6 วัน ก็กลายเป็นโลกที่ไม่มีใครสร้าง แต่อุบัติขึ้นมาโดย “ความบังเอิญ” ในช่วงเวลานับเป็นพันๆล้านปีเอาเลยทีเดียว สรรพชีวิตต่างๆก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพระเจ้าหรือใครที่ไหนอีกนั่นแหละ แต่เป็นเพราะ “สารเคมี” บางชนิด ในสระน้ำอุ่นโบราณ มันเผอิญรวมตัวกันขึ้นมาเป็นเซลล์หยาบๆ โดยอุบัติเหตุแบบไหน? อย่างไร?ก็มิอาจทราบได้ ก่อนที่จะวิวัฒนาการมาเป็นกุ้ง หอย ปู ปลา แล้วจู่ๆก็กระโดดขึ้นมายืนตระหง่านอยู่บนบก โดยไม่ได้มีใครช่วยเหลือ ประคับประคองใดๆแม้แต่น้อย แต่เป็นเพราะ “สัญชาติญานแห่งความอยู่รอด” ล้วนๆ ไม่ต่างไปจากมนุษย์เรา ที่ไม่ได้เป็นลูกหลาน “อาดัม-เอวา” ผู้ซึ่งพระเจ้าปั้นมาจากดินจากโคลน แต่โคตรเหง้าสักหลาดของเรานั้นก็คือ “ลิง” ตัวหนึ่ง ที่ดันเกิดการ “ผ่าเหล่าทางพันธุกรรม” โดยบังเอิญอีกเช่นกัน...ฯลฯ

และภายใต้กระบวนทัศน์เช่นนี้นี่แหละ ที่ทำให้เกิดทฤษฏีการเมือง เศรษฐกิจ สังคม นานาชนิดขึ้นมาอย่างมากมายหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทุนนิยม สังคมนิยม คอมมิวนิสต์ อนาคิสต์ หรือแม้กระทั่งฟาสซิสต์ นาซี ฯลฯ ก็ล้วนแล้วแต่อุบัติขึ้นมาจากรากฐานแนวคิดเช่นนี้ด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งทำให้พวกเราชาวตะวันออกทั้งหลาย ที่ชอบ “วิ่งไล่ตามตะวันตก” กันมาโดยตลอด ก็เลยหันไป “ก๊อปปี้” แนวคิดต่างๆเหล่านี้ เอามายึดมั่น ถือมั่น ไปตามรสนิยมของใคร-ของมันกันตามสภาพ...

แต่ในเรื่อง “โยงใยที่ซ่อนเร้น” ของ “ฟริดจ๊อฟ คาปร้า” นั้น ได้พยายามนำเสนอ “กระบวนทัศน์” ที่แตกต่างออกไปจากกระบวนทัศน์ในแบบที่ว่า ชนิดคนละเรื่อง คนละม้วน ก็ว่าได้ นั่นก็คือ...พยายามชี้ให้เห็นว่า การรวมตัวของ “สารเคมี” ในสระน้ำอุ่นโบราณเมื่อหลายพันล้านปีที่แล้ว จนกลายมาเป็นเซลล์หยาบๆ หรือเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตทั้งหลายนั้น มันไม่ได้เป็นไปด้วย “อุบัติเหตุ” หรือ “ความบังเอิญ” แต่มันมี “บางสิ่งบางอย่าง” ที่อยู่เบื้องหลังการรวมตัวเหล่านี้ และสิ่งที่ว่านั้นถ้าหากพูดกันแบบง่ายๆ ไม่ต้องดัดจริตให้เป็นวิชาการจนเกินไปนัก ก็คือสิ่งที่เรียกว่า “วิญญาณ” หรือ “จิตวิญญาณ” ตามแบบฉบับแนวคิด ความเชื่อ ของชาวตะวันออกทั้งหลายนั่นเอง...อันเป็นสิ่งที่พวก “เหตุผลนิยม” ต่างก็พากันปฏิเสธมาโดยตลอด...

เหตุผลที่ “คาปร้า” นำมาโน้มน้าว เพื่อให้พวก “เหตุผลนิยม” ยอมรับนั้น มีอยู่เยอะแยะมากมาย จนทำให้หนังสือเล่มนี้หนาระดับน่าจะเอามาหนุนหัวนอนแทนที่จะเอามาอ่านกันแบบสบายๆ แต่ที่เด่นๆก็เห็นจะเป็นการหยิบเอาผลงานการวิจัย ค้นคว้า ของนักชีววิทยารุ่นใหม่ 2 รายคือ “ฮัมเบอร์โต มาตูรานา” กับ “ฟรานซิสโก วาเรลา” ที่เรียกๆกันว่า “ทฤษฏีซานติอาโก” มาใช้อ้างอิง ซึ่งถ้าหากอยากจะล้วงลึกลงไปในรายละเอียด ว่าทฤษฏีที่ว่านี้มีเนื้อหา สาระ แบบไหน?อย่างไร? ลองอาศัยบริการของ “กูเกิล” ดูก็ได้ สำหรับผู้ที่มีความรู้ภาษาปะกิตแตกฉาน คงไม่ถึงกับเหลือบ่ากว่าแรงเกินไปนัก...แต่สรุปง่ายๆก็คือว่า ถ้าหากแนวคิด ทฤษฏี ตลอดไปจนถึงเหตุผล ข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ตามแบบฉบับของ “คาปร้า” กลายเป็นที่ยอมรับ หรือกลายเป็น “กระบวนทัศน์ใหม่” ขึ้นมาอย่างเป็นจริงเป็นจังแล้วล่ะก็ บรรดาทฤษฏีทางการเมือง เศรษฐกิจใดๆก็ตาม ที่เคยอุบัติขึ้นมาบนพื้นฐานกระบวนทัศน์แบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นทุนนิยม สังคมนิยม คอมมิวนิสต์ อนาคิสต์ ฯลฯ ก็เท่ากับว่า...จะต้องถึงกาลอวสาน หรือจะต้องล่มสลายลงไปแบบฉับพลัน-ทันที!!!

เรื่องทำนองนี้...อันที่จริงยังสามารถหยิบเอามาแลกเปลี่ยนกันได้อีกเยอะแยะ แต่เผอิญเนื้อที่ดันมาหมดซะก่อน เอาเป็นว่าก็ขอเสิร์ฟแค่ “น้ำจิ้ม” ไปพลางๆก่อน ส่วนคุณ “นายหน้า” ที่อุตส่าห์ย้ำแล้วย้ำอีกในเรื่องวรรณกรรมซีไรท์ปีนี้(ลับแล แก่งคอย?) อันนี้คงต้องบอกตรงๆว่า...ยังไม่เคยอ่านมาก่อนเลย จะไปให้ความเห็นอะไรคงลำบาก ขออนุญาตสรุปสั้นๆว่า ขอแสดงความยินดีด้วยคนก็แล้วกัน....
 
 
http://www.innnews.co.th/chatcharin.php?nid=187122 (http://www.innnews.co.th/chatcharin.php?nid=187122)