กมธ.เศรษฐกิจดึง สตง.-ป.ป.ช. ร่วมสอบโครงการเขื่อนปากแบง
<span class="submitted-by">Submitted on Sat, 2024-02-03 14:27</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>สำนักข่าวชายขอบรายงาน กมธ. การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ดึง สตง.-ป.ป.ช. ร่วมสอบโครงการเขื่อนปากแบง</p>
<p>
สำนักข่าวชายขอบ รายงานว่าเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2567 ณ ห้องประชุม CA314 อาคารรัฐสภา ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ประธานกมธ.ทำหน้าที่ประธาน ซึ่งมีวาระพิจารณาเรื่อง “โครงการพลังน้ำจากเขื่อนปากแบง” ซึ่งได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล อาทิ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย องค์กรแม่น้ำนานาชาติ เลขาคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย (สทนช.) และตัวแทนภาคประชาชน</p>
<p>นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล ประธานกมธ. กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมเกี่ยวกับกรณีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและผลกระทบต่อชุมชนจากการทำสัญญาโครงการไฟฟ้าพลังงน้ำเขื่อนปากแบง สืบเนื่องจากประชาชนในพื้นที่ได้ยื่นร้องเรียนมาขอให้มีการตรวจสอบ จึงเชิญหน่วยงานต่างๆ และตัวแทนภาคประชาชน มาเพื่อให้ข้อมูล ข้อเสนอและหาทางออกร่วมกัน</p>
<p>น.ส.ไพรินทร์ เสาะสาย เจ้าหน้าที่รณรงค์ลุ่มน้ำโขง องค์กรแม่น้ำนานาชาติ กล่าวว่าโครงการเขื่อนปากแบง ที่จะก่อสร้างอยู่บนแม่น้ำโขง ที่เมืองปากแบง ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว มีกำลังการผลิตติดตั้ง 912 เมกะวัตต์ โดยได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ. เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2566 เป็นระยะเวลา 29 ปี ท่ามกลางความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบข้ามพรมแดนในเขตประเทศไทยที่ตั้งอยู่ห่างจากชายแดน 97 กม. ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ประชาชนในพื้นที่และภาคประชาสังคม ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้มีการตรวจสอบผลกระทบข้ามพรมแดนและความไม่จำเป็นของการซื้อไฟฟ้าจากโครงการนี้อย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานรัฐกลับเดินหน้าเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าอย่างไม่เป็นธรรม และเป็นเหตุให้ประชาชนต้องร้องเรียนต่อ กมธ. เพื่อให้มีการตรวจสอบความชัดเจนและหามาตรการแนวทางในการป้องกันและแก้ไขร่วมกันต่อไป</p>
<p>นายมนตรี จันทวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญแม่น้ำโขงจากกลุ่ม The Mekong Butterfly กล่าวว่า ข้อมูลความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบนั้นนับว่าเริ่มตั้งแต่กับกระบวนปรึกษาหารือล่วงหน้า ตามข้อตกลงแม่น้ำโขง (PNPCA) โดยเฉพาะภาวะน้ำท่วมเท้อต่อพื้นที่ชายแดนและเกาะแก่ง พื้นที่เก็บไก สาหร่ายแม่น้ำโขง พื้นที่วางไข่ของนกอพยพ และปัญหาการอพยพของปลาต่างๆ รวมถึงพื้นที่ทำการเกษตรในพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขง ทั้งลุ่มน้ำงาว และลุ่มน้ำอิง ซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่ และกรณีพื้นที่แก่งผาได บริเวณชายแดนไทยลาว ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำเท้อที่อาจจะสูงขึ้นตลอดทั้งปีหากมีการสร้างเขื่อนปากแบง ขณะที่ปัจจุบันไม่มีการศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดน</p>
<p>นางชื่นชม สง่าราศีกรีเซ่น นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน กล่าวหากดูไทม์ไลน์การทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า เดือนตุลาคม 2563 มีการอนุมัติแผนพัฒนาพลังไฟฟ้า PDP revised มีการอนุมัติความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มีตัวเลขค่อนข้างสูง ค่าพยากรณ์ เปรียบเทียบการใช้ไฟสูงสุดที่เกิดขึ้นจริง ที่ผ่านมาการพยากรณ์มักจะสูงเกินจริง ปี 2563 มีปริมาณไฟฟ้าสำรอง reserve margin สูงมากถึง 62 % และการพยากรณ์มีความทยานขึ้นสูง ช่วงที่มีการออกแผนฉบับนี้ ความต้องการใช้ไฟต่ำกว่า 4,095 เมกะวัตต์ จากค่าพยากรณ์ได้มีการบรรจุความต้องการไฟฟ้าในแผน โดยมีแผนจะซื้อไฟจากต่างประเทศ 3,500 เมกะวัตต์ และไม่ได้ระบุชื่อโครงการและแหล่งที่มาจากประเทศใด เมื่อ 8 พ.ย. 2564 ได้มีการขยายกรอบ MOU รับซื้อไฟฟ้าจากลาว จาก 9,000เป็น 10,500 เมกะวัตต์ มีการระบุเรื่องการทำ Tariff MOU 3 เขื่อน และ 5 เดือนต่อมามีการเร่งลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า และไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลขการซื้อขายไฟฟ้าต่อสาธารณะ ผลการวิเคราะห์ของนักลงทุนและแผนพีดีพีที่อนุมัติแล้ว จะเห็นว่าการซื้อไฟฟ้าจาก 3 แห่งจากสปป.ลาว พบว่า ราคาการซื้อไฟจากลาว ซื้อ2.79 -2.29 บาท ต่อหน่วย พบว่าเป็นราคารับซื้อที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และการลงทุนนี้จะก่อภาระที่ไม่จำเป็นให้กับประชาชนไทย ที่จะกลายเป็นผู้ได้รับผลกระทบทั้งในเชิงด้านสิ่งแวดล้อมและค่าไฟในระยะยาวต่อไป กล่าวได้ว่าการซื้อไฟถูกขับเคลื่อนเป็นการดำเนินการโดยบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ทางกรรมาธิการตรวจสอบในการวางแผนและการผลักดันโครงการดังกล่าว</p>
<p>ดร.วินัย วังพิมูล ผู้แทนสนนช. กล่าวว่าภายหลังกระบวน PNPCA มีการศึกษาโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาทางภูมิศาสตร์ เพื่อดูระดับน้ำและมีการปักเสาระดับ 340 ม.รทก. เพื่อวิเคราะห์พื้นที่มีโอกาสเสี่ยงกรณีจะมีน้ำเท้อกลับเข้ามาจากกรณีเขื่อนปากแบง แม้จะสิ้นสุดกระบวนการ PNPCA และมีการออกแผนปฏิบัติการร่วมของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Joint Action Plan) ยังอยู่ในขั้นระดับที่ 1 เป็นการเตรียมการ และทราบว่า บริษัทต้าถัง (จีน) ได้คุยกับผู้นำชุมชนที่อยู่ในลาว เป็นการเตรียมการในประเทศลาวเท่านั้น ส่วนของประเทศไทย ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ส่วนของไทยจะต้องระยะที่ 2 ที่จะเป็นขั้นตอนการออกแบบเขื่อน ตามมาตรฐานของ MRC ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่ยังไม่มีการก่อสร้าง</p>
<p>นายสุรชัย สุรเมธี ผู้แทนกฟผ. กล่าวว่า กฟผ. เป็นเพียงหน่วยงานฝ่ายปฏิบัติที่ทำตามนโยบายด้านพลังงานกรณีโครงการเขื่อนปากแบงทางการลาวได้เสนอขายไฟฟ้าตั้งแต่มิถุนายน 2560 และมีการเซ็นสัญญาซื้อขาย ใช้เวลาประมาณ 6 ปี โดยจะเริ่มผลิตไฟฟ้าเชิงพานิชย์ (COD) ปี 2576 การเซ็นสัญญาซื้อไฟฟ้า กฟผ.มีหน้าที่ปฏิบัติตามหน่วยงานกำกับทางนโยบาย ให้ซื้อก็เลยจำเป็นต้องทำตามนโยบายสั่งการ และในสัญญาได้ระบุว่ามีการนำข้อมูลกังวลด้านผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม บรรจุเข้าไปยังสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ให้ทางผู้พัฒนาโครงการได้ส่งรายงานการศึกษาผลกระทบข้ามพรมแดนทุกปี โดยกำหนดระยะแรกที่จะต้องส่งคือ ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 และมีการจัดตั้งกองทุนเยียวยา 45 ล้านบาท</p>
<p>นายวทัญญู มุ่งหมายกลาง รองเลขาธิการฯสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (สผผ.) กล่าวว่าสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับเรื่องร้องเรียนของภาคประชาชนได้จัดเวทีรับฟังข้อมูลและลงพื้นที่อำเภอเชียงของเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567ประเด็นสำคัญคือ มีการลงนามซื้อขายไฟไปแล้ว แต่กว่าจะก่อให้เกิดผลกระทบจริงๆ อาจจะสัก 10 ปีข้างหน้า และมาตรการที่ผูกอยู่กับสัญญาของไฟ ที่ระบุว่า กองทุนเยียวยา 45 ล้านบาท เป็นข้อกังวลของชาวบ้านว่า ถ้าเกิดความเสียหาย ทั้งน้ำเท้อและวิถีชีวิต จะดำเนินการอย่างไร และโครงการนี้ซื้อไฟยาว 29 ปี ถ้าผลกระทบมีจำนวนมาก กรณีการตรวจสอบหากพบว่า การลงนามสัญญาที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล และอยู่ในอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน และประชาชนเดือดร้อน ก็จะเสนอต่อฝ่ายนโยบายและนายกรัฐมนตรีต่อไป</p>
<p>ผู้แทนปปช. กล่าวว่าอำนาจหน้าที่ การตรวจสอบหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ การตรวจสอบเรื่องร้องเรียนการละเมิดการกระทำของหน่วยงานรัฐและการให้สินบน ขณะนี้กรณีเขื่อนปากแบงยังไม่มีการร้องเรียนแต่อย่างไร แต่ต้องขอข้อมูลจากภาคประชาชน หากเกิดกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐทีเกี่ยวข้อง หรืองบประมาณที่ปฏิบัติไม่ชอบ หรือมีสินบน ให้ร้องเรียนเข้ามา</p>
<p>ทั้งนี้ในที่ประชุมได้มีการสอบถามเกี่ยวกับ การตรวจรับรายงานการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนที่กฟผ.ระบุในสัญญา ว่ามีขั้นตอนอย่างไร โดยผู้แทนกฟผ. ตอบว่าได้ระบุว่า มีเงื่อนไขว่า หากส่งรายงานแล้วจะสามารถตรวจสอบและส่งกลับไปภายใน 60 วันโดยจะต้องส่งกลับไปให้รัฐบาล และเนื่องจากไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม ทางกฟผ.ก็อาจจะส่งให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติให้ความเห็นและต้องส่งกลับไปให้รัฐบาลลาว โดยไม่มีอำนาจหน้าที่ในการปรับปรุงแก้ไขหรือบังคับใช้มาตรการใดๆ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/02/107907