พระบรมมหาราชวัง ขอขอบคุณเว็บไซต์
cdn.royalgrandpalace.th (ที่มาภาพประกอบ)
ประวัติความเป็นมาของพระบรมมหาราชวัง เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ปราบดาภิเษกเป็นพระปฐมบรมกษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์เมื่อ พ.ศ.๒๓๒๕ ขณะนั้นบ้านเมืองยังไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สืบเนื่องจากการเสียกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐ และความสับสนในปลายกรุงธนบุรี รวมถึงภัยจากข้าศึกศัตรูภายนอกยังไม่สิ้นไป จึงได้ทรงพระราชดำริที่จะย้ายราชธานีไปยังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยเหตุผลที่ว่า กรุงธนบุรีถึงแม้ว่าจะเป็นเคยเป็นเมืองเดิมมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาและมาเป็นราชธานีนั้น เหมาะเพียงจะเป็นที่รวมกำลังในระยะเริ่มแรกหลังจากการสูญสลายของกรุงศรีอยุธยาเท่านั้น ทั้งนี้เนื่องด้วยลักษณะของเมืองธนบุรีเป็นเมืองที่มีแม่น้ำกว้างใหญ่อยู่กลาง ยากต่อการส่งกำลังบำรุงในการศึกสงครามทำให้รักษาเมืองได้โดยยาก นอกจากนั้นพระราชวังซึ่งเป็นศูนย์กลางของการปกครองก็ตั้งอยู่ทางด้านฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นคุ้งน้ำ เป็นเหตุให้น้ำเซาะตลิ่งพังได้โดยง่ายและจะเป็นอันตรายต่อพระราชวังด้วย อีกทั้งพระราชวังยังถูกขนาบด้วยวัด ๒ วัด คือ วัดโมฬีโลกยาราม และวัดอรุณราชวราราม ไม่สามารถจะขยายเขตพระราชวังออกไปได้ ส่วนทางด้านตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรุงธนบุรีมีชัยภูมิที่ดีกว่าเพราะลักษณะเป็นหัวแหลม มีคลองคูเมืองเดิมของกรุงธนบุรีเป็นคลองที่ป้องกันข้าศึกศัตรูทางด้านทิศตะวันออกได้ดี นอกจากนั้นถ้ามีการขุดคลองชั้นที่ ๒ เพิ่มขึ้นทางทิศตะวันออกอีกชั้นหนึ่งแล้ว การป้องกันข้าศึกศัตรูจะทำได้ดียิ่งขึ้น ส่วนทางฝั่งตะวันตกคงรักษาแต่พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาไว้เป็นแนวป้องกันข้าศึกต่อไป ด้วยเหตุนี้การสถาปนาราชธานีใหม่จึงเริ่มขึ้นพร้อมๆ กับการสร้างพระบรมมหาราชวังซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางของการปกครองใน พ.ศ.๒๓๒๕ โดยสืบทอดศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมจากพระราชวังหลวงของกรุงศรีอยุธยา
การสถาปนาราชธานีครั้งนี้ได้โปรดเกล้าฯ ให้ใช้คลองคูเมืองเดิมสมัยกรุงธนบุรีมาเป็นแนวเขตพระนครชั้นที่ ๑ และขุดคลองคูเมืองเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่งเรียกว่า คลองรอบกรุงเป็นแนวเขตพระนครชั้นที่ ๒ นอกจากนั้นยังขุดคลองเล็กๆ ขึ้นอีก ๒ คลองเป็นทางเชื่อมคลองคูเมืองเดิมกับคลองรอบกรุงใช้เป็นเส้นทางคมนาคมและการสาธารณูปโภคเรียกว่าคลองหลอด หลังจากนั้นโปรดเกล้าฯ ให้สร้างป้อมปราการริมคลองรอบกรุงและริมแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นการป้องกันข้าศึกศัตรู
ส่วนพระบรมมหาราชวังก็โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นบนที่ดินแปลงใหญ่ในพื้นที่ซึ่งเดิมเป็นบ้านพระยาราชาเศรษฐีและชุมชนชาวจีน ณ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างวัดสลักและวัดโพธาราม ซึ่งต่อมาทรงพระราชทานนามวัดสลักว่าวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ และวัดโพธารามว่า "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส" (ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ ทรงเปลี่ยนสร้อยนามวัดเสียใหม่ว่า"วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม") โดยโปรดเกล้าฯ ให้พระยาราชาเศรษฐีและบรรดาชาวจีนย้ายไปตั้งบ้านเรือนใหม่ ณ ที่สวนตั้งแต่ปากคลองวัดสามปลื้มจนถึงปากคลองสำเพ็ง และให้พระยาธรรมาธิกรณ์ (บุญรอด) และพระยาวิจิตรนาวี เป็นแม่กองสร้างพระบรมมหาราชวังเป็นศูนย์กลางสำหรับพระนครใหม่ในพื้นที่ซึ่งเดิมเป็นบ้านพระยาราชาเศรษฐีและชุมชนชาวจีน มีเนื้อที่ ๑๓๒ ไร่ ถึงรัชกาลที่ ๒ ทรงขยายออกไปอีก ๒๐ ไร่ ๒ งาน ปัจจุบันจึงมีเนื้อที่ทั้งหมด ๑๕๒ ไร่ ๒ งาน มีกำแพงล้อมรอบ ๔ ด้าน ด้านเหนือยาว ๔๑๐ เมตร ด้านตะวันออกยาว ๕๑๐ เมตร ด้านตะวันตกยาว ๖๓๐ เมตร ด้านใต้ยาว ๓๖๐ เมตร
พระบรมมหาราชวังได้เป็นที่ประทับถาวรของพระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์มาตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวม ๕ รัชกาล เป็นระยะเวลากว่าร้อยปี ครั้นถึงปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังดุสิตขึ้นทางด้านทิศเหนือของกรุงเทพมหานครแล้ว ก็ได้เสด็จฯ ไปประทับยังพระราชวังดุสิตบ้าง และเสด็จกลับคืนประทับในพระบรมมหาราชวังเช่นเดิมบ้าง ในรัชกาลต่อมาจะไม่ค่อยเสด็จประทับในพระบรมมหาราชวังนานนัก คงประทับอยู่ ณ พระราชวังอื่นเป็นส่วนมาก พระบรมมหาราชวังจึงเป็นเพียงที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญของชาติ อาทิ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชพิธีฉัตรมงคล และพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ตราบจนทุกวันนี้ ที่มาข้อมูล- "สถาปัตยกรรมพระบรมมหาราชวัง" สำนักราชเลขาธิการ จัดพิมพ์น้อมเกล้าฯ ถวายสนองพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๖๐ พรรษา
- "ประวัติและที่ตั้งกรุงเทพมหานคร" เว็บไซต์ ศูนย์ข้อมูลเกาะรัตนโกสินทร์ หอสมุดวังท่าพระ ม.ศิลปากร
- "พระราชวังในกรุงเทพมหานคร" เว็บไซต์ saranukromthai.or.th
- "กรุงเทพมหานคร" วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี