[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
10 พฤษภาคม 2567 13:38:03 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความทรงจำนอกมิติ : ทฤษฎีแผ่นดินไหวอาจผิดก็ได้-แต่นึกถึงกรรมบ้าง  (อ่าน 1605 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5081


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2554 05:41:21 »



จริงๆ แล้วผู้เขียนกลับมาจากการ “ชุบตัว” ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อต้นปี  1960 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่สภาคองเกรสของอเมริกายกเลิกกฎหมายที่ห้ามอะไรๆ  ที่เป็น “เอเชียน” ห้ามเข้าอเมริกา ซึ่งข้อห้ามนี้รวมทั้งคน แต่สำหรับหมออาจจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะผู้เขียนเดินทางเข้าอเมริกาตั้งแต่ต้นปี 1957 ในขณะที่กฎหมายยังใช้บังคับ จึงต้องใช้วีซ่าการแลกเปลี่ยนคน คล้ายๆ กับคนพิเศษอย่างหนึ่งอย่างใด ผู้เขียนตอนไปใหม่ๆ ยังถูกสัมภาษณ์ด้วยหนังสือพิมพ์ใหญ่ฉบับหนึ่ง (Boston Globe) และวีซ่ากับการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ได้ช่วยให้ผู้เขียนรอดพ้นจากการเข้าคุกและขึ้นศาลอเมริกาในกรณีขับรถยนต์โดยไม่มีใบขับขี่ไปชนรั้วบ้านเขาพัง ที่ยกเรื่องนี้มาเล่าก็เพราะว่าในช่วงนั้นนับเป็นช่วงเวลาที่มีการศึกษาค้นคว้าและสังเกตปฐพีวิทยา นำมาซึ่งความเข้าใจของวิทยาศาสตร์ว่าด้วยโลก และดิน หิน น้ำ และบรรยากาศที่เราเรียนเราใช้ - เรียนอยู่ทุกวันนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนที่ของทวีป (continental drift) ไปทางเหนือและทางตะวันตกตลอดเวลา ซึ่งได้ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างทวีปให้ลอยห่างขึ้นที่ทฤษฎีนี้อธิบายไม่ได้ และนักวิทยาศาสตร์ต่างพากันลืมเลือนสาเหตุที่ทำให้ทวีปลอยห่างจากกัน ซึ่งมหาสมุทรแอตแลนติกก็เกิดจากช่องว่างที่เกิดจากทวีปลอยห่างจากกันนี้เอง   

                                                                                                           
และทฤษฎีการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกของอัลเฟรด เวกจ์เนอร์ (plate tectonic theory) นี้ก็ได้ใช้อธิบายส่วนใหญ่ของการเกิดแผ่นดินไหวในปัจจุบันได้  ซึ่งทฤษฎีที่ว่านี้ได้รับการยอมรับในทางฟิสิกส์วิทยาศาสตร์นานนับสิบปี หลังจากที่ผู้เขียนกลับมาถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว

ทฤษฎีเพลตเทคโทนิกที่อธิบายการเกิดของแผ่นดิน การเคลื่อนที่ของทวีป และตอนหลังๆ มานี้ใช้อธิบายแผ่นดินไหวทางอ้อมและทางตรงได้ด้วย ซึ่งอาจกล่าวโดยสรุปได้ว่าชั้นหินเปลือกโลก (crust) ที่บางมากเมื่อเทียบกับเส้นผ่าศูนย์กลางโลก (ที่บาง 12-40 ไมล์) ที่มีราวๆ 1 โหลแผ่นใหญ่ (ไม่นับแผ่นหรือแขนงเล็กที่อยู่ระหว่างแผ่นที่ใหญ่กว่าที่เกิดจากการเบียดเสียดชนกระแทกกัน  มันจึงเหมือนกับรองเท้าแตะหรือโฟมที่อยู่ในกระทะเคี่ยวน้ำตาลปึกที่ร้อนจัดอยู่ตลอดเวลาอยู่ข้างใต้ ทำให้รอยแยกเล็กๆ ระหว่างรองเท้าแตะ โฟมหรือชั้นเปลือกโลกสามารถนำของเหลวเช่นน้ำตาลปึกที่ร้อนจัด (magma) ที่อยู่ลึกลงไปข้างใต้เช่นในใจกลางโลกให้ขึ้นมาบนผิวโลก) หรือในทางกลับกัน เราอาจอธิบายภูเขาไฟระเบิด การเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการของผิวโลก การเปลี่ยนแปลงของแนวภูเขา การเกิดและการหายไปของแผ่นดินและเกาะแก่งต่างๆ ตลอดเวลาของประวัติศาสตร์ของโลก นั่นคือการเกิดของโลกที่เป็นตามเหตุปัจจัยของการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน (ซึ่งผู้เขียนคิดว่าเป็นการเตรียมล่วงหน้าไว้เพื่อมนุษย์ ดู cosmological anthropic principle อันเป็นความจริงของควอนตัมเม็คคานิกส์)  ซึ่งผู้เขียนเชื่อมั่นว่าเมื่อมีวิวัฒนาการของสัตว์โลกเกิดขึ้น เมื่อมีวิวัฒนาการของ  “ชีวิต” เกิดขึ้น วิวัฒนาการของรูปและนามหรือกายและจิต แล้วเท่านั้นที่กฎแห่งกรรมหรือกฎแห่งจิตจะทำงาน

ตรงนี้ก่อนจะหาว่าผู้เขียนคิดไกลตัวเกินไป อยากจะขอร้องให้ผู้อ่านช่วยคิดตามการเขียนของผู้เขียนใน 2 ประเด็นตามหัวเรื่องของบทความวันนี้ 1.ในทางปฐพีวิทยา ซึ่งจะเล่าต่อไปที่คิดว่าทฤษฎีที่เราใช้หรือเรียนกันที่เกี่ยวกับแผ่นดินไหวในขณะนี้ “อาจผิดก็ได้” นั้น ผู้เขียนคิดว่าผิดอย่างไร? 2.ในฐานะที่ผู้เขียนเขียนเรื่องศาสนา โดยเฉพาะพุทธศาสนา และวัฒนธรรมเวดิค หรือลัทธิพระเวท  ที่พูดเรื่องของกรรมมานาน ใคร่ขอให้ผู้อ่านช่วยไตร่ตรองด้วยว่า ชาวโลก คนไทยหรือคนกรุงเทพฯ ประกอบกรรมอย่างไรหรือไม่? ที่เรามัวเมาบ้าคลั่งอยู่กับกิเลสตัณหาโลกียกาม และคงไว้ซึ่งระบบสังคม ระบบการเมือง โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจทุนนิยม - มากหรือน้อยโดยไม่คิดถึงอะไรนอกจากหากำไรสูงสุดให้ได้  กับเงิน เงินและเงิน - ที่พูดว่าไม่คิดถึงอะไรที่ว่านั้นคือสิ่งแวดล้อมธรรมชาติอย่างกับว่า “เป็นมนุษย์เสียอย่างทำอะไรไม่ผิด” - ขออย่างเดียว - อย่าผิดกฎหมายเป็นใช้ได้ ซึ่งแปลก! ที่เราเอาความคิดคนกับตัวหนังสือมาคุมคน

                                                                                                                                                                                             
ในทางปฐพีวิทยานั้น ทีแรกมีแต่น้ำตื้นๆ แผ่นดินงอกจากทวีปแอนตาร์กติกเมื่อ 400 ล้านปีมานี้เอง และทวีปทั้งหมดก็มีเพียงหนึ่งเดียวเรียกว่าแพงเกีย  ที่หมายถึงแผ่นดินทั้งหมด ทฤษฎีเพลตเทคโทนิกเป็นทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตร์ยอมรับกันโดยทั่วไปโดยส่วนใหญ่ไม่คิดอะไรจึงว่าตามๆ กันไป อย่างไรก็ตาม  มันก็เป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่ค่อยมีคนเรียนอยู่แล้ว และที่พูดนี้ก็ไม่ได้กระแนะกระแหนใคร เมื่อไม่ค่อยมีคนเรียนมากก็มีคนสงสัยน้อย ทำให้คนค้นคว้าวิจัยน้อยไปด้วย ทฤษฎีเพลตเทคโทนิก (plate tectonic) ที่ใช้ในปัจจุบันสามารถใช้อธิบายแผ่นดินไหวได้ แต่ไม่สามารถทำนายล่วงหน้าได้ เช่นเดียวกันกับภัยธรรมชาติทั้งหมด ไม่ว่าน้ำท่วม ดินถล่ม พายุร้าย ไล่ไปจนถึงแผ่นดินไหว  สึนามิ ภูเขาไฟระเบิด จนกระทั่งดาวหางอุกกาบาตวิ่งมาชนโลกก็ทำนายและป้องกันไม่ได้ สาเหตุ - ที่มาของภัยธรรมชาติ “จึงน่าคิด” 

เร็วๆ นี้เองเมื่อผู้เขียนมาเขียนบทความในหนังสือพิมพ์ใหม่ๆ ก็เริ่มจะมีนักปฐพีวิทยาบางคนมีความสงสัยในทฤษฎีดังกล่าวขึ้นมาว่า ถ้าหากว่าโลกในยุคสมัยดึกดำบรรพ์มีการไหลเลื่อนเคลื่อนที่ของทวีปเดียวๆ ที่เรียกแพนเกียเป็นกอนโดว่า เป็นลอเรเซีย ฯลฯ เป็นในสภาพปัจจุบัน ทำไมหรือ? หากว่านักวิทยาศาสตร์ล้วนเชื่อกันแทบจะเป็นเอกฉันท์เลยว่า แผ่นดินทางทิศตะวันออกของทวีปอเมริกาที่เหมือนจะเป็นผืนเดียวกันกับ คือ ฟิต (fit) “อย่างเหมาะเหม็ง” กับแผ่นดินทางทิศตะวันตกของทวีปแอฟริกา และแปลก! ที่แผ่นดินของทั้ง 2 ทวีป  นับก็วันยิ่งลอยห่างจากกันไปทุกที

ทฤษฎีปฐพีวิทยาทฤษฎีใหม่ผิดแผกไปจากทฤษฎีเก่าหรือเพลตเทคโทนิกแทบจะเป็นตรงกันข้าม คือทฤษฎีเก่าหรือทฤษฎีเพลตเทคโทนิกของอัลเฟรด  เวกจ์เนอร์ ที่มีความคงที่เสถียรหรือเกือบจะคงที่เสถียรของขนาดของโลกเมื่อพิจารณาจากเส้นผ่าศูนย์กลางแล้ว มีสภาพที่เป็นตรงกันข้าม ทฤษฎีใหม่ที่มีมาตั้งแต่ปี 1958 (โดยแซม วาร์เรน คารี ที่ไม่มีใครสนใจ) และได้รับการสนับสนุนยืนยันในเร็วๆ นี้ จากนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก โดยได้หลักฐานจากการวิจัยด้วยการใช้อ่านคลื่นแม่เหล็กที่เปลี่ยนแปลงกลับไป - มาในผืนดินที่สันเขากลางมหาสมุทรแอนแลนติกที่คาดว่าเป็นแหล่งควบคุมการเคลื่อนที่ของชั้นเปลือกโลก (magnetic stripping) และการศึกษาชั้นหินใต้พื้นมหาสมุทร (ในแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น) ซึ่งผลของการวิจัยพบ 2 อย่าง คือ 1.โลกได้ขยายตัวตลอดมาในประวัติศาสตร์ตั้งแต่อุบัติการณ์ขึ้นมา โดยมีรัศมีของโลกจะเพิ่มขึ้น 22 มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งนั่นเป็นขนาดที่มหึมามากๆ ลองคิดดูว่าโลกจะมีขนาดใหญ่ขึ้นไปเท่าไร? หากเราเอาอายุของโลก 4,600 ล้านปีคูณเข้าไป นั่นคือคร่าวๆ โลกก็ขยายตัวออกไปถึงประมาณ 4,600,000,000 x 44 มิลลิเมตร หรือมีเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่าเก่าหรือเกือบเท่าตัวของโลกที่เกิดขึ้นใหม่ๆ (คิดบนเส้นผ่าศูนย์กลางโลกที่ 12,000 กิโลเมตร) แต่มวลหรือน้ำหนักยังคงมีเท่าเดิม ผู้เขียนเข้าใจว่าโลกที่เล็กกว่าน่าจะหมุนรอบตัวเองได้เร็วกว่า อ่านที่ไหนไม่รู้ว่าก่อนที่จะมีออกซิเจนในชั้นบรรยากาศ โดยโลกเราหมุนรอบตัวเองเร็วกว่าทุกวันนี้ คือวันหนึ่งๆ มีเพียง 18 ชั่วโมง (ไม่ยืนยัน) 2.ข้อมูลที่โลกขยายตัว  (expand) ตลอดเวลาที่โลกเกิดขึ้นมานี้สามารถใช้อธิบายการลอยออกไปห่างกันในทุกวันนี้ของทวีปต่างๆ ได้สบายมาก หากหลักฐานเป็นเช่นนี้ เราคงจะต้องเปลี่ยนแปลงทฤษฎีเพลดเทคโทนิกกันใหม่ และอธิบายการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ (James Maxlow : Overview of Earth Expansion Tectonics ;  Nexus Vol.17 (3), 2010) เว็บไซต์ jamesmaxlow.com นั่น - เป็นเรื่องของทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่มีมากมาย “ที่จริงๆ แล้วเราไม่รู้ แต่ยอมรับกันในชมรมวิทยาศาสตร์ก่อนที่จะแพร่กระจายเข้าสู่สาธารณะ” เป็นเราเองที่ยอมรับเช่นนั้น  ซึ่งพอนานๆ เข้าก็กลายเป็นความจริงไป

ความจริงแท้ๆ นั้นหากพูดให้ถูก เราไม่สามารถรู้ได้จริงๆ นอกจากได้นิพพาน และแม้กระนั้นผู้ที่อยู่นอกพุทธศาสนาอาจจะไม่เชื่อ ไม่เชื่อแม้แต่ความเป็นสอง (dualism) แม้ว่าควอนตัมฟิสิกส์จะบอกเช่นนั้นก็ไม่รู้ เพราะไม่รู้จักฟิสิกส์ใหม่นั้น ดังนั้นคนเหล่านี้จึงแทบไม่รู้ว่ามันมี 2 ความจริง คือ ความจริงทางโลกที่มองเห็น กับความจริงทางธรรมที่มองไม่เห็น เพราะเป็นความจริงที่เห็นได้ สัมผัสได้ด้วยจิตไร้สำนึกจักรวาลสู่ในสมอง ก่อนการบริหารของสมองจนกว่าได้วิวัฒนาการของสมองในบุคคลผู้นั้นสามารถจะผ่านพ้น (transcend) เข้าสู่ภาวะจิตวิญญาณ (spirituality)

ผู้เขียนเชื่อมั่นในกฎแห่งกรรรม และเท่าที่รู้มาก็เป็นเรื่องของเมคคานิกส์ธรรมดาๆ คือเป็นเรื่องของสาเหตุที่ต้องก่อผลตามมาเป็นธรรมดา เพียงแต่ในพุทธศาสนานั้น การเกิด-การตายมันไม่รู้จักจบจักสิ้น ตราบใดที่ยังมีการเกิด-การตายอยู่ในสังสารวัฏนี้ และสังสารวัฏก็คือโลกหรือจักรวาล (เรียกภพภูมิในพุทธศาสนา) ใดๆ ก็ตามที่มีจำนวนไม่สิ้นสุด ไม่ใช่จะมีแต่โลกนี้จักรวาลนี้แห่งเดียว ซึ่งก็พิสูจน์ได้ด้วยทฤษฎีสตริงในทางคณิตศาสตร์ ไม่ใช่ทฤษฎีที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่เรายอมรับกันเอง เช่นทฤษฎีในบทความนี้ ซึ่งก็มีทฤษฎีมากมายที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่เรายอมรับกันเองไม่ว่าบนเหตุผลอะไรดังได้กล่าวไว้แล้ว

ตรงนี้ใครจะคิดว่าเป็นความบังเอิญ ผู้เขียนไม่รู้ แต่เป็นเรื่องที่น่าเอาไปคิด  ส่วนตัวไม่เคยคิดว่าในจักรวาลนี้หรือในโลกนี้จะมีเหตุการณ์อะไรที่เป็นเรื่องของความบังเอิญที่แท้จริง นอกจากในวงแคบเล็กๆ หรือเป็นการพูดเล่นไปเท่านั้นเอง เพราะความบังเอิญอย่างแท้จริงอันเป็นเรื่องของชีวิต - ไม่มี เช่นเดียวกันกับเรื่องของการเลือก (choices) หรือโอกาสที่เราคิดว่ามีสิทธิ์ที่จะเลือก ซึ่งพวกนักการเมืองล้วนรับปากประชาชนของตน แต่ความจริง - ไม่มี หาไม่แล้วทุกคนคงเลือกสถานที่เกิด เลือกประเทศหรือเลือกสีผิว เลือกความสูง ต่ำ ดำ ขาว  เลือกสวย หล่อ และเลือกตายได้ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้จักรวาลนี้ล้วนมีกรรมเป็นผู้กำหนดในวงกว้าง และมีเหตุปัจจัยการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันในวงที่แคบลงมาเป็นธรรมดา (self-organizing system) ขอบอกซ้ำอีกครั้งว่าสิ่งใดหรือเรื่องราวอะไรๆ ที่เกี่ยวกับโลกกับจักรวาลในวงกว้าง หรือเกี่ยวข้องกับชีวิตของ  “มนุษย์” โดยรวม หรือปัจเจกบุคคล (collectively and individually) หรือแคบลงมาอีกหน่อย (ที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า chances หรือ random) ที่มาเองโดยเราไม่ได้เลือก ทางวิทยาศาสตร์ว่าด้วยสถิติมักจะคิดกันเป็นหนึ่งในร้อย ซึ่งก็ไม่มีเหตุผล.

http://www.thaipost.net/sunday/070511/38245

http://www.tairomdham.net/index.php/topic,5693.0.html

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ความทรงจำนอกมิติ : รูป นาม วิญญาณกับจักรวาลวิทยา
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2475 กระทู้ล่าสุด 21 กุมภาพันธ์ 2553 14:00:45
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : วิวัฒนาการสุดท้ายของสังคมมนุษย์
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2754 กระทู้ล่าสุด 08 มีนาคม 2553 08:52:02
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : ประวัติศาสตร์คือบันทึกความสัมพันธ์ของดินกับฟ้า
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2068 กระทู้ล่าสุด 05 เมษายน 2553 08:47:42
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : ทฤษฎีรวมแรงทั้งหมดกับพุทธศาสนา
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2008 กระทู้ล่าสุด 18 เมษายน 2553 17:16:25
โดย มดเอ๊ก
ความทรงจำนอกมิติ : มนุษย์กับโลกไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย
กระบวนการ NEW AGE
มดเอ๊ก 0 2059 กระทู้ล่าสุด 03 พฤษภาคม 2553 08:42:23
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.911 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 22 มกราคม 2567 18:03:25