น้าแม๊คพาเที่ยว - ดำน้ำ dsd ที่เกาะเต่าเมื่อกลางปี '58 ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปลองดำน้ำแบบ dsd หรือชื่อเต็ม ๆ คือ Discover Scuba Diving
ซึ่งการดำแบบ dsd จะเป็นการทดลองเรียนดำน้ำจริง ๆ มีทั้งแบบเรียนในสระว่ายน้ำ และแบบเรียนในทะเล
เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การดำน้ำมาก่อน เพื่อเป็นคำตอบว่าท่านพร้อมที่จะเรียนหลักสูตรแรกหรือยัง
ซึ่งสิ่งที่ผมเรียกว่าหลักสูตรแรกที่ว่าก็คือหลักสูตรสำหรับการเรียนดำน้ำลึกขั้นแรก หรือ Open Water นั่นเอง
โดยการเรียนแบบ dsd จะไม่ได้รับใบอนุญาตดำน้ำเหมือนหลักสูตร Open Water
จริง ๆ แล้วส่วนตัว ผมเรียกการเรียน dsd ว่าเป็นหลักสูตร 'ค้นหาตัวเอง' มากกว่า
Discover Scuba แบ่งออกเป็น- เรียนที่สะว่ายน้ำอย่างเดียว
- เรียนที่สระว่ายน้ำและออกทะเล
- เรียนที่ทะเลอย่างเดียว (ในจุดที่ไม่ลึกมาก)
แล้วไอ้การเรียน dsd มันต่างจากการที่เราไปดำน้ำตามทัวร์ตรงไหน ?
มันต่างกันตรงที่การไปกับทัวร์เราจะได้ดำแค่ผิวน้ำโดยใส่แว่น สนอกเกิ้ล และชูชีพไปลอยตุ๊บป่องอยู่ผิวน้ำ
ที่เรียกกันว่า Snorkeling จะเป็นการลอยผิวน้ำดูโลกใต้ทะเลจากด้านบนอย่างเดียว
ถามว่าสนุกไหม ? ส่วนตัวผมก็ชอบนะ แต่ลองนึกดูอีกมุมว่ามันจะเริ่ดกว่าแค่ไหนถ้าเราได้ไปใกล้ชิดความสวยงามมากกว่านี้
และนั่นคือสาเหตุที่ผมถ่อกันมาถึงเกาะเต่า เพื่อมาเรียน dsd
ผมออกเดินทางจากนครสวรรค์ในช่วงเย็น แวะทานข้าวที่กทม. และจากกทม. ผมใช้เวลาอีก 8 ชั่วโมงเพื่อขับไปที่ชุมพร
เกาะเต่า เป็นตำบลหนึ่งของเกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี แต่การเดินทางที่ใกล้ที่สุดคือการนั่งเรือจากฝั่งชุมพร
พื้นที่เกือบทั้งหมดของเกาะเป็นภูเขา มีสัณฐานคล้ายเม็ดถั่วลักษณะเว้าเป็นอ่าวอยู่มากมาย ถึง 11 อ่าว แหลม 10 แหลม
เกาะเต่านับเป็นเกาะแห่งทะเลฝั่งอ่าวไทยที่มีโลกใต้น้ำที่สวยที่สุดเหมาะแก่ทั้ง การดำน้ำตื้น (Skin Diving)
และการดำน้ำลึก (Scuba Diving) นอกจากจะมีโลกใต้น้ำที่งดงาม ที่สุดของฝั่งอ่าวไทยแล้วภูมิประเทศของเกาะเต่า
ยังมีลักษณะเว้าแหว่ง ตลอดตัวเกาะ ก่อให้เกิดอ่าวและแหลมมากมายหลายแห่ง ตลอดแนวชายฝั่งยาว 28.6 กิโลเมตร
จึงไม่แปลกที่เกาะเต่าเป็นที่ตั้งของโรงเรียนดำน้ำมากมาย นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเกาะเต่าได้ตลอดปี
ผมมาถึงชุมพรตอนตีห้าจากการขับรถแบบประหยัดน้ำมัน มาแบบต่อนยอนต๊ะต๋อนยอน
ผมเลือกตั้ง GPS ไปที่ท่าเรือลมพระยา ซึ่งเป็นท่าเรือยอดฮิตอันดับหนึ่งที่คนเลือกเดินทาง
จากข้อมูลในอินเทอร์เน็ต เรือที่ท่าเรือลมพระยาจะออกตอนเวลาเจ็ดโมง แปลว่าเรามีเวลาเหลือเฟืออีกสองชั่วโมง
แต่ผมก็ใจแป้วทันทีที่ไปถึงท่าเรืออันเงียบสงัด ท่ามกลางความเงียบไร้ผู้คนเด็กรับรถเดินมาถามผมว่า "จองไว้ไหมพี่ ?"
ผมตอบไปว่าไม่ได้จองไว้เพราะก่อนหน้าโทรมาแล้วไม่มีคนรับ
เด็กตอบมาว่าไงรู้ไหมครับ ? เด็กรับรถบอก "
อ๋อ เค้าเป็นหยั่งงี้แหละพี่ ถ้าเรือเต็มเค้าจะไม่รับสาย "
ผมขับรถออกมาบ่นกระปอดกระแปด "
แล้วกูจะรู้ไม๊ ว่าเรือเต็มแล้วจะไม่รับ " ผมอารมณ์เสียได้ไม่นาน
ความกังวลเริ่มเข้ามาแทนที่ ... " แล้วกูจะไปยังไง ! " ถ่อมาเกือบพันโล ต้องมาตายน้ำตื้นเพราะไม่มีเรือเนี่ยนะ !
ผมรีบเข้าเน็ตโดยด่วน เพื่อหาจุดต่อไปที่ขึ้นเรือได้ และผมก็พบท่าเรือท่าหนึ่ง ชื่อว่า
ท่าเรือส่งเสริมซึ่งไอ้ท่าที่ว่า ไปทางไหนก็ไม่รู้ GPS ก็หาไม่เจอ พอดีกับมีชาวบ้านกำลังออกมาซื้อของ ผมเลี้ยวเข้าไปถามกลางความมืด
" ป้า ๆ ท่าเรือส่งเสริมไปทางไหน ? "
" อ๋อ ขับตรงไปเรื่อย ๆ เลาะหาดไป กลับไปทางเก่า พอเจอสามแยกเลี้ยวขวา "
" สามแยก ? "
" เอางี้ ไปที่ปากน้ำชุมพรแล้วลองถามชาวบ้านเค้าดู "
" ครับผม ขอบคุณครับ "
ว่าแล้วผมก็ขับรถแข่งกับเวลาที่บีบเข้ามาทุกขณะเพื่อไปที่ท่าเรือที่ปากน้ำชุมพร
ถ้าถามว่าทำไมต้องรีบขับ เพราะผมไม่รู้เลยว่าพอไปถึงท่าเรือจะเต็มอีกหรือเปล่า
แล้วถ้ามันเต็มอีกหละ ผมจะทำยังไง สารพัดคำถามเกิดขึ้นในหัว
ผมแวะถามทางจากชาวบ้านไปตลอดทาง เพราะหากหลงนั่นอาจแปลว่าผมไม่มีเวลาเหลือมากพออีกแล้ว
ในเวลาไม่นานผมได้มาถึงท่าน้ำชุมพรแล้ว ... แต่ ... ไหนวะท่าเรือ มีแต่ตลาดกับพระบิณฑบาต
ผมดูแผนที่ในโปรแกรมนำทางด้วยระบบ GPS อีกครั้ง " เฮ้ย อีกโลกว่า ๆ มันเป็นทะเลแล้วนี่หว่า "
ผมเลือกเชื่อสัญชาตญาณตัวเอง ขับฝ่าตลาดอันคดเคี้ยวไปให้ถึงทะเลไว้ก่อน
เพราะยังไงซะไอ้ท่าเรือมันต้องติดทะเลแน่ ถ้าถึงทะเลคงได้เจอ !
ผ่านไปอึดใจกับเวลาที่เดินไวผิดปกติ ผมโผล่มาที่ทะเล แล้วข้างหน้าผมมันคือป้ายชี้ไปท่าเรือ
รอดตายเหมือนควายขวิด ผมรีบขับรถไปที่ท่าเรือทันที พร้อมกับให้แฟนวิ่งลงไปซื้อตั๋ว
... พระเจ้ายังไม่พร้อมรังแกผม ... เรือยังว่างอยู่ และที่สำคัญมันกำลังจะออกในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า