หัวข้อ: การกรวดน้ำ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 19 ตุลาคม 2561 12:02:23 (http://www.sookjaipic.com/images_upload/82849022125204_5.JPG) การกรวดน้ำ การ กรวดน้ำ เป็นประเพณีนิยมที่ได้ประพฤติปฏิบัติสืบๆ กันมาแต่โบราณกาล หมายถึงการอุทิศส่วนกุศล หรือแผ่ส่วนบุญด้วยวิธีหลั่งน้ำมารดดิน คือใช้น้ำเป็นสื่อในการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล มักจะอุทิศให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว หรืออุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวร แต่อาจมีการกรวดน้ำให้แก่ผู้ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ในกรณีที่ขออโหสิกรรม วิธีกรวดน้ำ คือ ใส่น้ำสะอาดในขันหรือแก้วน้ำ ตั้งจิตให้บริสุทธิ์แน่วแน่ว่าขออุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่ผู้ใด แล้วจึงเทน้ำลงบนพื้นดินช้าๆ ให้ไหลติดต่อกันไปไม่ให้ขาดสายเพื่อความปรารถนาจะเป็นไปโดยราบรื่น เหมือนกระแสน้ำที่ไหลไม่ขาดสาย และไม่ใช้นิ้วมือรองรับน้ำ เพราะน้ำนั้นจะต้องหลั่งลงสู่พื้นดินอย่างบริสุทธิ์โดยไม่ผ่านสิ่งกีดขวางใดๆ พื้นดินที่เทน้ำลงไปนั้นควรเป็นที่กลางแจ้ง เป็นที่สะอาดที่ไม่มีใครเหยียบย่ำ หรือที่โคนต้นไม้นอกชายคาเรือน ถ้าหาพื้นดินไม่ได้จะเทน้ำลงในกระถางที่ใส่ดินปลูกต้นไม้ก็ได้ การหลั่งน้ำกรวด ควรหลั่งในเวลาที่พระเถระผู้เป็นประธานเริ่มอนุโมทนาว่า "ยถา วาริวหา..." และเทน้ำให้หมดเมื่อจบบท หรือพอพระรูปที่ ๒ รับว่า "สัพพีติโย" ก็หยุดหลั่งน้ำกรวด แล้วเทน้ำกรวดที่ยังเหลืออยู่นั้นลงในภาชนะที่รองรับน้ำให้หมด แล้วประณมมือรับพร เหตุที่เทน้ำลงบนพื้นดิน ปรากฏตามพุทธประวัติ กล่าวคือ … ในคืนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พญามารวัสดีและกองทัพมารเข้ารบกวนโดยอ้างเอาบัลลังก์เป็นของตน พระพุทธองค์ทรงเปล่งวาจาอ้างเอา “ธรณี” เป็นพยาน จากนั้นมีเสียงดังกัมปนาท แผ่นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น พระแม่ธรณีต้องปรากฏกายเป็นพยานเอก แสดงการบิดน้ำจากมวยผมเพื่อแสดงให้เห็นถึงกุศลที่พระพุทธองค์กระทำมาตั้งแต่อดีตชาติ จนน้ำที่กรวดลงบนพื้นแล้วแม่ธรณีรับไว้นั้นมากถึงขั้นเป็นมหาสมุทร พัดเอาเหล่าพญามารกระจัดกระจายหายไป… ต้นเหตุนี้ทำให้เกิดการหลั่งน้ำลงสู่พื้นดินขึ้นในกาลต่อมา คนโบราณจะวางแก้วน้ำ ๑ แก้วไว้ในถาดอาหารที่เตรียมไว้ใส่บาตร เมื่อใส่บาตรเสร็จแล้วก็นำน้ำแก้วนั้นไปกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ต้องการอุทิศให้ การกรวดน้ำนี้สามารถทำได้ทุกเวลาโดยไม่ต้องรอโอกาสใด เพราะเป็นการกระทำที่เกิดจากจิตอุทิศที่บริสุทธิ์ การกรวดน้ำแผ่ส่วนบุญนั้น มีอยู่ ๔ ประการ คือ ๑.กรวดน้ำตัดขาดจากกัน ๒.กรวดน้ำยกกรรมสิทธิ์ให้ ๓.กรวดน้ำตั้งความปรารถนา ๔.กรวดน้ำแผ่ส่วนกุศล ๑ การหลั่งน้ำเพื่อตัดขาดจากกัน สมเด็จพระนเรศวรมหาราช วีรกษัตริย์ไทย สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ทรงตัดขาดไมตรีกับพม่าที่เมืองแครง เมื่อ พ.ศ. ๒๑๒๗ โดยหลั่งน้ำทักษิโณทกลงเหนือพื้นพสุธาดล ประกาศอิสรภาพจากพม่า ๒.การหลั่งน้ำยกกรรมสิทธิ์ให้ครอบครอง เมื่อคราวที่สมเด็จพระบรมศาสดาได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ได้เสด็จไปสู่กรุงราชคฤห์ ทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพระเจ้าพิมพิสาร ราชาแห่งแคว้นโกศล พร้อมด้วยราชบริพารในพระราชนิเวศน์ และได้ถวายพระราชอุทยานสวนไม้ไผ่เพื่อเป็นที่ประทับของพระบรมศาสดา เพราะทรงเห็นว่าป่าไม้ไผ่ ที่เรียกว่า "พระราชอุทยานเวฬุวัน" เป็นที่ไม่ใกล้ ไม่ไกลจากชุมชนนัก กลางวันไม่พลุกพล่านด้วยผู้คน กลางคืนสงบสงัด สมควรเป็นที่อยู่ของสมณะได้ เมื่อพระพุทธเจ้าทรงรับด้วยอาการดุษณี พระเจ้าพิมพิสารจึงทรงหลั่งน้ำจากพระเต้าลงบนพระหัตถ์พระพุทธเจ้า ถวายเวฬุวันวนารามให้เป็นวัดพุทธศาสนาแห่งแรกในโลก ปฐมสมโพธิว่า “กาลเมื่อพระสัพพัญญูทรงรับพระเวฬุวันเป็นอาราม ครั้งนั้นถือว่า มหาปฐพีดลก็วิกลกัมปนาท ดุจรู้ประสาทสาธุการว่า มูลที่ตั้งพระพุทธศาสนา หยั่งลงในพื้นพสุธา กาลบัดนี้” ๓.การหลั่งน้ำตั้งความปรารถนา เพื่อให้สำเร็จผลที่ประสงค์ พึงเห็นตัวอย่างในมหาเวสสันดรชาดก พระเวสสันดรบำเพ็ญทานบารมีด้วยการสละพระโอรสและพระธิดาผู้เป็นที่รักดังแก้วตาดวงใจ แก่ชูชกพราหณ์ ก็ด้วยจิตปรารถนาพระโพธิญาณ เพื่อจะได้เป็นแบบอย่างนำพามนุษยชาติ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งสังสารวัฏอันยาวไกล ๔.การหลั่งน้ำแผ่กุศล พึงเห็นอุทาหรณ์ เช่น พระเจ้าพิมพิสารทรงถวายทานแด่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้บรรดาเปรตซึ่งเป็นพระญาติในชาติก่อนปรากฏ ในมังคลัตถทีปนีคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาว่า "เมื่อพระราชาทรงหลั่งน้ำทักษิโณทก ทรงอุทิศส่วนกุศลว่า อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ ขอทานนี้ (บุญนี้) จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า" วิธีนี้เป็นการแผ่ส่วนกุศลให้แก่ญาติทั้ง มิตรและสรรพสัตว์ได้ ชื่อว่าเป็นปัตติทานมัย บุญสำเร็จด้วยการแผ่ส่วนบุญ หัวข้อ: Re: การกรวดน้ำ เริ่มหัวข้อโดย: ฉงน ฉงาย ที่ 29 พฤษภาคม 2563 23:41:42 การกรวดน้ำ ที่เคยได้ยินมา ( ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ ) มีสองแบบใช่ไหมคะ คือแบบกรวดน้ำเปียกกับกรวดน้ำแห้ง (:88:) (:88:) (:88:) หัวข้อ: Re: การกรวดน้ำ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 30 พฤษภาคม 2563 08:59:39 .
อ้างถึง การกรวดน้ำ ที่เคยได้ยินมา ( ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ ) มีสองแบบใช่ไหมคะ คือแบบกรวดน้ำเปียกกับกรวดน้ำแห้ง (:88:) (:88:) (:88:) เปิดข้อมูลตามเว็บไหนๆ ก็เห็นว่ากันว่ามี ๒ แบบ
เชื่อๆ ไปเถอะค่ะคุณพยาบาล คนไทยเชื่ออย่างนี้มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: การกรวดน้ำ เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 30 พฤษภาคม 2563 10:11:15 การกรวดน้ำ ที่เคยได้ยินมา ( ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ ) มีสองแบบใช่ไหมคะ คือแบบกรวดน้ำเปียกกับกรวดน้ำแห้ง (:88:) (:88:) (:88:) กรวดน้ำมีสองแบบจ้ะ แบบแรกกรวดแบบเปียก คือกรวดที่ยังไม่เอาขึ้นจากน้ำ หน้าตาจะเป็นแบบนี้ (https://scontent.fphs4-1.fna.fbcdn.net/v/t31.0-8/p720x720/24799600_1960004107583024_4427168007737985882_o.jpg?_nc_cat=105&_nc_sid=110474&_nc_eui2=AeGmYorw-Ta3N66jmdZtZ0FskImCNijahk2QiYI2KNqGTU2lyzKkPCOJ76Q2QEUD8wuK07TFbX61_O6Z_upkfhH5&_nc_ohc=F_U4YIL62A4AX-vs2e0&_nc_ht=scontent.fphs4-1.fna&_nc_tp=6&oh=a8129bf68ebd7f314deae15d0f2f6048&oe=5EF5E9D6) และแบบที่สองคือกรวดแบบแห้ง คือกรวดที่เอาขึ้นจากน้ำจนแห้งแล้ว หน้าตาจะเป็นแบบนี้ (https://www.nanagarden.com/Picture/Product/400/308237.jpg) หัวข้อ: Re: การกรวดน้ำ เริ่มหัวข้อโดย: ฉงน ฉงาย ที่ 31 พฤษภาคม 2563 09:12:53 การกรวดน้ำ ที่เคยได้ยินมา ( ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ ) มีสองแบบใช่ไหมคะ คือแบบกรวดน้ำเปียกกับกรวดน้ำแห้ง (:88:) (:88:) (:88:) กรวดน้ำมีสองแบบจ้ะ แบบแรกกรวดแบบเปียก คือกรวดที่ยังไม่เอาขึ้นจากน้ำ หน้าตาจะเป็นแบบนี้ (https://scontent.fphs4-1.fna.fbcdn.net/v/t31.0-8/p720x720/24799600_1960004107583024_4427168007737985882_o.jpg?_nc_cat=105&_nc_sid=110474&_nc_eui2=AeGmYorw-Ta3N66jmdZtZ0FskImCNijahk2QiYI2KNqGTU2lyzKkPCOJ76Q2QEUD8wuK07TFbX61_O6Z_upkfhH5&_nc_ohc=F_U4YIL62A4AX-vs2e0&_nc_ht=scontent.fphs4-1.fna&_nc_tp=6&oh=a8129bf68ebd7f314deae15d0f2f6048&oe=5EF5E9D6) และแบบที่สองคือกรวดแบบแห้ง คือกรวดที่เอาขึ้นจากน้ำจนแห้งแล้ว หน้าตาจะเป็นแบบนี้ (https://www.nanagarden.com/Picture/Product/400/308237.jpg) อ๋อ กรวดน้ำเป็นแบบนี้เอง เข้าใจแจ่มแจ้งค่ะ (:HIT:) หัวข้อ: Re: การกรวดน้ำ เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 31 พฤษภาคม 2563 10:49:46 (:8:) (:8:) (:8:)
|