[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => นิทาน - ชาดก => ข้อความที่เริ่มโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 17 กรกฎาคม 2553 13:42:32



หัวข้อ: วาจาประกาศิต
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 17 กรกฎาคม 2553 13:42:32
วาจาประกาศิต

ใน สมัยหนึ่ง มีนกมูลไถสองแม่ลูก อาศัยอยู่ในบริเวณทุ่งหญ้ากว้างใกล้เมืองสาวัตถี แต่เจ้านกมูลไถนี้ มักจะอาศัยอยู่บริเวณของทุ่งนา เพราะมันอาศัย หาอาหาร สร้างรัง และหลบภัย โดยอาศัยก้อนขี้ไถ ชาวนาเลยเรียกชื่อมันว่า เจ้านกมูลไถ ซึ่งปัจจุบันนี้ ก็มีให้เห็นตามชนบททั่วไปของบ้านเราก็มี
อยู่มาวันหนึ่ง แม่นกรู้สึกว่า ตนไม่ค่อยสบาย และมีความรู้สึกอีกว่า คงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน คงจะล้มหานตายจากลูกน้อยกลอยใจเป็นแน่ จึงหาโอกาสพูดและสั่งเสียลูกของตนว่า “หากวันหนึ่งข้างหน้านั้น เมื่อแม่ไม่อยู่หรือล้มหายตายจากไปแล้ว ลูกจงจำไว้ว่า ท้องทุ่งและมูลไถนี้ เป็นบ้าน เป็นโรงอาหาร และเป็นที่หลบภัยของลูกๆ จงอย่าได้บินเที่ยวไปแสวงหาอาหารนอกเขตนี้นะ จงจำไว้ให้ดีๆ”
อยู่ต่อมาไม่นาน วันแห่งการพลัดพรากก็มาถึง เมื่อแม่นกต้องมาตายจากลูกนกไป ปล่อยให้ลูกนกต้องอยู่ตามลำพัง โดยไม่มีแม่นกคอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาหารืออีกต่อไป
วันหนึ่ง ลูกนกก็นึกสงสัยขึ้นในใจว่า “ทำไมหนอ แม่ของเราจึงห้ามไม่ให้บินออกไปนอกท้องไร่ ท้องนาแห่งนี้ เอาล่ะ วันนี้ไม่มีแม่อยู่ ไม่มีใครคอยห้ามเราอีกต่อไป วันนี้เราจะลองบินออกไปข้างนอกดูบ้างซิ ว่าจะเป็นอย่างไร”
ว่าแล้ว เจ้าลูกนกก็บินออกไป ในขณะที่บินออกไป เจ้าลูกนกก็มัวแต่เพลินกับสิ่งแปลกใหม่ ที่ตนยังไม่เคยเห็นว่า “ทำไมเราจึงโง่อย่างนี้หนอ สถานที่อย่างนี้ ช่างสวยงามนี้กะไร ถ้าเราเชื่อคำของแม่ เราคงจะไม่เห็นอะไรที่เพลิดเพลินอย่างนี้เป็นแน่แท้” ลูกนกคงสนุกอยู่กับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอย่างเพลิดเพลินโดยหารู้ไม่ว่า บัดนี้ มัจจุราช กำลังแอบซุ่มดูอย่างใจจดใจจ่อ ในขณะที่ลูกนกเผลอ พญาเหยี่ยว ก็บินมาโฉบจับลูกนก เมื่อลูกนกรู้ตัว ก็ตกอยู่ในกรงเล็บของพญาเหยี่ยวเสียแล้ว เมื่อลูกนกอยู่ในภาวะที่คับขัน และหมดทางรอด ก็นึกถึงคำสั่งของแม่นกที่สั่งไว้ ก็เลยเจ็บใจตัวเอง ที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งสอนของแม่ และยอมปฏิบัติตาม จึงร้องอุทานขึ้นด้วยความเจ็บใจว่า
ลูกนก “ถ้าเรายอมทำตามคำสั่งเสียของแม่เรา วันนี้ความหายนะคงไม่มาถึงเราแน่”
พญาเหยี่ยว “แม่เจ้าสั่งว่าอะไร”
ลูกนก “ให้อยู่ในบริเวณมูลไถ แล้วอันตรายจะไม่เกิดแก่เจ้า”
พญาเหยี่ยว “ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้านกน้อยเอ๋ย เจ้าช่างไม่รู้อะไรเสียแล้ว ไม่เคยมีนกตัวใด รอดจากกรงเล็บของเราไปได้”
ลูกนก “ถ้าอย่างนั้น ท่านลองปล่อยเราสิ”
พญาเหยี่ยว “ก็ได้”
จากนั้น พญาเยี่ยวก็ปล่อยลูกนกให้เป็นอิสระ เมื่อลูกนกเป็นอิสระก็บินไปยืนอยู่บนก้อนขี้ไถ แล้วก็ยืนกางปีก ขยับขยายร่างกายอย่างมีความสุข ขณะนั้น พญาเหยี่ยว ก็บินขึ้นที่สูงหมายจะจับลูกนกเป็นอาหาร โดยบินดิ่งลงมาจากท้องฟ้า หมายจะจับลูกนก และเมื่อใกล้จะถึงลูกนกๆก็มุดเข้าไปหลบในก้อนขี้ไถ แต่พญาเหยี่ยวซึ่งบินดิ่งลงมาจากท้องฟ้า ด้วยความเร็วสูง เบรกไม่ทัน หน้าอกชนกับก้อนขี้ไถ อกแตกตาย ส่วนลูกนกเข้าไปหลบอยู่ในก้อนขี้ไถอย่างปลอดภัย
นิทานชาดกเรื่องนี้ พอที่จะสรุปลงในการปฏิบัติดังนี้ คือ
๑.พื้นทุ่งนา หรือ ก้อนขี้ไถ เปรียบเสมือนสติปัฏฐาน ๔
๒.ลูกนก เปรียบเสมือนกับจิต หรือ สติ ต้องเที่ยวเฉพาะในฐานทั้ง ๔ คือกาย เวทนา จิต ธรรม
๓.การปฏิบัติในสติปัฏฐานทั้ง ๔ ก็ขึ้นชื่อว่า ประพฤติตามคำสั่งสอนของสมเด็จพ่อ คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมทำให้ชีวิตประสบกับ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ อย่างน้อยที่สุด ก็มีความสุขในขณะปัจจุบัน การปฏิบัติสติปัฏฐาน๔ ขึ้นชื่อว่า ปฏิบัติตามวาจาประกาศิต เพราะเป็นคำที่จริง ให้ผลได้จริง
(นิทานเรื่องนี้ มุ่งเน้นและย้ำที่การใส่ใจในสติปัฏฐาน ๔ แต่อาศัยชาดกเป็นแนวทางในการนำเสนอ เพื่อเป็นอุปมาอุปมัย เตือนใจให้ระวังยิ่งๆขึ้นๆไป สาธุ สาธุ สาธุ!

วาจาประกาศิต
ที่มา : วารสารสำนกวิปัสสนากรรมฐาน วัดภัททันตะอาสภาราม