เปิดฟ้าส่องโลก

ภาพจาก : www.howmuchactualworkdoyougetdone.com

เรื่องเล้นลับ

หลังจากเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียหายไปอย่างไร้ร่องรอย ก็เริ่มมีผู้คนกลุ่มเล็กๆ สนใจศึกษาเรื่องการหายไปอย่างลึกลับของสรรพสิ่งบนโลกใบนี้

เริ่มมีการไปเอาเรื่องลึกลับเก่าๆ สมัยก่อนมาให้นักวิทยาศาสตร์สมัยปัจจุบันค้นคว้าหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำสาป ดินแดนใหม่ เหตุการณ์ประหลาด และความสามารถทางพลังจิตและพลังลึกลับ อย่างเช่น...เดือนตุลาคม ค.ศ. ๑๕๙๓ ชายคนหนึ่งหายตัวไปจากกรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และไปโผล่ที่เม็กซิโกซิตี สหรัฐเม็กซิโก โดยเจ้าตัวจำอะไรไม่ได้สักอย่าง บอกเพียงแต่ว่า มีความรู้สึกว่าตนเองนั้นนอนหลับฝันไป และก็มาโผล่ยังภูมิภาคอเมริกากลางเลย

ค.ศ. ๑๖๐๒ แม่ชีแมรีแห่งเมืองอะกรีดา รัซโซเรีย ในประเทศสเปน หายไปอย่างลึกลับ และไปโผล่ในดินแดนของอินเดียแดงในภูมิภาคอเมริกากลางเช่นกัน โดยมีพยานทั้งสองฝั่งยืนยันว่า เวลาที่หายตัวกับเวลาที่ปรากฏตัวนั้น เป็นเวลานาทีเดียวกัน

เดือนมกราคม ค.ศ. ๑๙๐๑ เด็กชายชาวเมืองพานซินี หายตัวไปจากเมืองรุโว และไปโผล่ที่เมืองมัลแฟตต์ ในลักษณะที่เหมือนถูกสะกดจิต

ค.ศ. ๑๙๑๐ ในขณะที่มีพยานเฝ้าดูอยู่ทั้งที่อังกฤษและอินเดีย โยคีชาวฮินดูตนหนึ่งแสดงปาฏิหาริย์ด้วยการหายตัวไปจากอาศรมที่พักชานกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และไปปรากฏตัวที่เมืองโกราคาปูร์ แคว้นอุตตระประเทศ สาธารณรัฐอินเดีย ภายในเวลาไม่กี่วินาที

เดือนกันยายน ค.ศ. ๑๙๒๐ นายลีโอนาร์ด วอดแฮม ได้แสดงการหายตัวจากเมืองวัลเวิร์ธ ไปปรากฏตัวที่เมืองดันสเตเบิล ภายในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางพยานรู้เห็น

ค.ศ. ๑๙๖๘ ดร.เยอราลโด วิดาล และภรรยา หายตัวจากบาเฮียบลังกา เมืองทางตอนใต้ของรัฐบูเอโนส ไอเรส สาธารณรัฐอาร์เจนตินา ไปปรากฏตัวที่สหรัฐเม็กซิโก ในเวลาเดียวกัน

การหายตัวของคน สิ่งของ และไปปรากฏยังสถานที่ใหม่มีเป็นร้อยนับพันเรื่องในโลกของเราใบนี้ เฉพาะที่มีการบันทึกและมีคนพิสูจน์นะครับ ระยะแรกก็กระตือรือร้นอยากจะทราบสาเหตุกัน แต่พอเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป ก็ลืมเลือน เรื่องที่เคยอุบัติขึ้นก็เพียงแต่ถูกจดบันทึกอยู่แต่ในสมุดหนังสือเท่านั้น จนการหายไปของเครื่องบินมาเลเซีย ทำให้มีการค้นเรื่องพวกนี้มาพูดจาปราศรัยกันใหม่

อย่างเช่นการหายไปของเรือเหาะซึ่งมีขนาดใหญ่ ที่มีผู้คนรู้เห็นกันเป็นจำนวนมาก ฉับพลันทันทีก็หายไป เหลือแต่ฟากฟ้านภากาศ ที่ดังมากๆ ก็คือ เรือเหาะแอล-8 ที่เดินทางผ่านสะพานโกลเดนท์ เกท ผ่านท่าเรือซาน ฟรานซิสโก และก็หายไปราวกับเดินทางออกไปนอกโลก ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในทะเลทรายไกลโพ้น ที่ไม่มีใครรู้เห็น มิได้เกิดในมหาสมุทรสุดขอบฟ้า หรือกลางป่าลึกในทวีปแอฟริกา ทว่าเกิดต่อหน้าผู้คนจำนวนมากในสหรัฐอเมริกา

เหตุการณ์พวกนี้ ถ้าเล่าโดยพวกมดถ่อหมอผี ก็ดูไม่น่าเชื่อถือ แต่ถ้าเป็นบันทึกของเรือของราชนาวีประเทศต่างๆ ที่ต้องทำเป็นปูมรายงาน อันนี้น่าเชื่อถือครับ และการเห็นก็ไม่ใช่เห็นเพียงคนสองคน แต่เห็นโดยคนเป็นร้อยทั้งนายทหารชั้นสัญญาบัตรและนายทหารชั้นประทวน

อย่างเช่นเรื่องของนาวาตรี รูเบิร์ต ที.กลูด์ แห่งราชนาวีอังกฤษ ที่เล่าว่าขณะเรือเอลเลน ออสติน ออกจากท่าเรืออังกฤษสู่มหาสมุทร แอตแลนติก ได้พบเรือใบขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางมหาสมุทรโดยไม่มีกัปตัน ไม่มีลูกเรือ และไม่มีผู้โดยสารแม้แต่คนเดียว ภายในเรือมีเครื่องมือเครื่องใช้วางอยู่ในสภาพปกติ เรือชูชีพอยู่ข้างเรือครบทุกลำ

กัปตันจึงสั่งให้ผูกเรือใบนั้นกับเรือของเอลเลน ออสติส แล่นไปในมหาสมุทรทั้งสองลำอีกหลายวัน แต่อยู่มาวันหนึ่ง มีหมอกควันประหลาดมาคลุมเรือใบทั้งลำ และเรือใบนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หายไปทั้งลูกน้องของกัปตันที่ถูกสั่งไปอยู่บนเรือใบลำนั้นด้วย

เครื่องบิน เรือ รถยนต์ รถจักรยาน มนุษย์ ฝูงสัตว์ ฯลฯ จำนวนไม่น้อย เป็นจำนวนหนึ่งซึ่งหายไปขณะกำลังแล่น กำลังวิ่ง กำลังบิน จักรยานกำลังถูกปั่นอยู่กลางถนน ฯลฯ

ขณะนี้ทราบว่า นักวิทยาศาสตร์กลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งกำลังศึกษาเรื่องนี้

โดยเฉพาะนักวิทยาศาสตร์ของภาคพื้นยุโรป

สิ่งที่เราคนไทยสมัยใหม่เคยสงสัยเรื่องฤทธิ์ของพระครูบาอาจารย์สายปฏิบัติ ที่บางรูปหายตัวได้ และไปปรากฏกายที่โน่นที่นี่ หรือย่นระยะทางอะไรได้นั้น

ในอนาคตอาจจะมีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์อธิบายให้เข้าใจได้ก็ได้.

http://www.thairath.co.th/media/EyWwB5WU57MYnKOuFVTydnfRJrm03FBIx9eO8XTkQsc7KZtLzzzOuU.jpg

เปิดฟ้าส่องโลก

ที่มา : "เรื่องเล้นลับ" โดย คุณนิติ นวรัตน์ หน้า ๒ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ อังคารที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗