[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
19 พฤษภาคม 2567 21:41:33 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 32 33 [34] 35 36 ... 1130
661  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กวีประชาไท: กลีบโรยร่วง เมื่อ: 04 เมษายน 2567 01:01:22
กวีประชาไท: กลีบโรยร่วง
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-04-03 22:09</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>คนไทยเดิ้ง เซิ้งกวี</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><div class="poet-box">
<p> </p>
<p> </p>
<p>กล้าสงสัย กล้าไต่ถาม ตามทวงหา
แม้ไร้เสียง ตอบกลับมา เดินหน้าใส่
ในเรื่องที่ หลายๆ คน ก็ค้างคาใจ
แต่ไม่มีใคร กล้าไปถาม ตามอย่างเธอทำ</p>
<p>การเคลื่อนไหว ให้สังคม เลิกจมปลัก
ถูกโรงพัก ถูกศาลฯ ระรานย่ำ
ผ่านการไล่ ใช้กฎหมาย ยัดจองจำ
กระบวนการ อยุติธรรม ทำตามใจ</p>
<p>เธอต่อสู้ กับระบอบ พินอบฟ้า
เอาชีวิต วางเบื้องหน้า เดิมพันไว้
เพื่อเสรีภาพ อำนาจสิทธิ อธิปไตย
จะปล่อยเธอ ให้จากไป ย่อมไม่ยุติธรรม</p>
<p>ก้านระโหย กลีบโรยร่วง พวงดอกเริ่มเฉา
ช่อเกสร อ่อนแรงเร้า กิ่งเกลาช้ำ
ปุ๋ยพรวนดิน รินรดน้ำ ต้องรีบตามทำ
ก่อนที่ฟ้า อาทิตย์กระหน่ำ ซ้ำแผดเผาเธอ</p>
</div>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทควhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/04/108682
 
662  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ลูก 7 ขวบ ชวนเพื่อนทั้งชั้นมาวันเกิด แต่ไม่มีใครมา แม่รู้เหตุผลปวดใจ ถึงกับพาย้า เมื่อ: 04 เมษายน 2567 00:56:24
ลูก 7 ขวบ ชวนเพื่อนทั้งชั้นมาวันเกิด แต่ไม่มีใครมา แม่รู้เหตุผลปวดใจ ถึงกับพาย้ายโรงเรียน
         


ลูก 7 ขวบ ชวนเพื่อนทั้งชั้นมาวันเกิด แต่ไม่มีใครมา แม่รู้เหตุผลปวดใจ ถึงกับพาย้ายโรงเรียน" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;แม่ปวดหัวใจ... ลูกชาย 7 ขวบ เชิญเพื่อนทั้งชั้นมางานวันเกิด แต่สุดท้ายไม่มีใครมาสักคน รู้เหตุผลรีบพาย้ายไปโรงเรียนอื่น


         

https://www.sanook.com/news/9314090/
         
663  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - ปัญหาและอุปสรรคทางการเงินในการสมัครเป็นวุฒิสมาชิก เมื่อ: 03 เมษายน 2567 23:31:00
ปัญหาและอุปสรรคทางการเงินในการสมัครเป็นวุฒิสมาชิก
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-04-03 22:20</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ณัฐดนัย นาจันทร์
สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p><strong>1. ความนำ</strong></p>
<p>เมื่อวุฒิสภาชุดแรกที่ได้รับการแต่งตั้งตามบทเฉพาะการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำลังจะหมดวาระลงในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 นี้ สิ่งที่จะเกิดตามมา (จริง ๆ กระบวนการที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการไปแล้วในเวลาที่บทความนี้ถูกเขียนขึ้น) คือการเลือกวุฒิสภาชุดใหม่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 </p>
<p>ผู้เขียนต้องกล่าวว่าการเลือกวุฒิสภาชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้มีข้อที่น่าพิจารณาหลายประการ ทั้งการกำหนดที่มาของวุฒิสภาจากกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้กำหนดให้ประชาชนเป็นผู้มีสิทธิเลือก แต่ให้ผู้สมัครในแต่ละกลุ่มอาชีพเลือกกันเอง (น่าสนใจว่าการกำหนดแนวทางเช่นนี้จะทำให้ได้รับ “ผู้ทรงคุณวุฒิ” ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ถ่วงดุลการใช้อำนาจของสภาผู้แทนราษฎรที่เหมาะสมจริงหรือ) และอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้เขียนต้องการจะนำเสนอในบทความนี้ นั่นคือการกำหนดให้มีค่าธรรมเนียมการสมัครเพื่อเข้ารับการเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งจะส่งผลให้ผู้สมัครได้รับสิทธิสองประการ ประการแรก สิทธิในการเป็นผู้ถูกเลือก และประการที่สอง สิทธิในการเป็นผู้เลือก สมาชิกวุฒิสภา โดยสิทธิสองประการนี้เองเป็นสิ่งที่ผู้เขียนประสงค์จะนำเสนอความเห็นบางประการที่เกี่ยวข้องไว้ในบทความนี้ </p>
<p><strong>2. ค่าธรรมเนียมการสมัคร: กำแพงของการเป็นสมาชิกวุฒิสภา </strong></p>
<p>แนวปฏิบัติในการกำหนดค่าธรรมเนียมการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของรัฐสภา ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไม่ใช่เรื่องใหม่ มาตรา 89 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 กำหนดการสมัครเข้ารับเลือกตั้ง (โดยตรงจากประชาชน) ไว้ที่ 10,000 บาท ในขณะที่การสมัครเป็นสมาชิกวุฒิสภาภายใต้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 กำหนดไว้ในมาตรา 121 และ 128 ให้ผู้ที่ประสงค์จะสมัครเข้ารับเลือกตั้งหรือเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกวุฒิสภาต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการสมัครเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า การที่บทบัญญัติมาตรา 15 ของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 กำหนดให้ผู้ที่ประสงค์จะสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาจะต้องชำระค่าธรรมเนียมการสมัครเป็นเงินจำนวน 2,500 บาท นั้น สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ได้กระทำมาแล้วในอดีต อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนประสงค์ที่จะใช้บทความนี้เป็นพื้นที่ในการตั้งคำถามว่า การกำหนดค่าธรรมเนียมเช่นว่านี้ รวมถึงการไม่กำหนดกลไกใดเลยในกฎหมายที่จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าธรรมเนียมให้กับผู้ประสงค์จะมีส่วนร่วมในวุฒิสภาจะมีลักษณะเป็นการสร้างกำแพงทางการเงิน (Paywall) ที่กีดกันไม่ให้บุคคลที่มีทุนทรัพย์เพียงพอเข้ามามีส่วนร่วมในวุฒิสภาหรือไม่</p>
<p>ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการกำหนดกำแพงทางการเงินที่ชื่อว่าค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิกนั้นมีมาก่อนแล้ว ดังนั้นจึงดูจะไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่แนวปฏิบัตินี้ได้รับการสานต่อภายใต้ระบบการเลือกตั้งวุฒิสภาภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ทั้งนี้ โดยพื้นฐานแล้วเหตุผลสนับสนุนในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการสมัคร มักวางอยู่บนฐานคิดที่ว่าการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจะใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการคัดกรองผู้สมัคร กล่าวคือ เฉพาะผู้สมัครที่ประสงค์จะทำหน้าที่ในฐานะวุฒิสมาชิกอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะยอมจ่ายค่าธรรมเนียมเพื่อสมัครเข้ามา และทำให้ตนมีสิทธิได้รับคัดเลือกเป็นวุฒิสมาชิก โดยเหตุผลในลักษณะนี้สอดคล้องกับเหตุผลที่ปรากฎในเอกสารสรุปความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. .... ที่เผยแพร่โดย คณะอนุกรรมการจัดทำฐานข้อมูลวิชาการและกฎหมายของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ซึ่งโดยภาพรวมแล้ว พบว่าผู้ให้ความเห็นล้วนสนับสนุนการดำรงอยู่ของการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมภายใต้เหตุผลที่ว่า การกำหนดค่าธรรมเนียมนั้นจะทำให้ได้ผู้สมัครที่มีความรับผิดชอบ มีความมุ่งมั่น และมีจิตสำนึกทางการเมือง ส่วนความเห็นอื่นนอกจากนี้ คือการสนับสนุนให้มีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการคัดเลือกของภาครัฐ</p>
<p>เหตุผลสนับสนุนการมีอยู่ของค่าธรรมเนียมที่กล่าวมานั้น ผู้เขียนเห็นว่าส่วนที่ว่าด้วยการประหยัดค่าใช้จ่ายของภาครัฐดูจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนมีความกังขาในระดับหนึ่งว่าการสร้างกำแพงการสมัครโดยอาศัยค่าธรรมเนียมเป็นเครื่องมือนั้นจะทำให้ได้ผู้สมัครเป็นวุฒิสมาชิกที่มีคุณภาพจริงหรือไม่ จริงอยู่ที่การกำหนดค่าธรรมเนียมภายใต้รัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันจะมีจำนวนที่ต่ำลงมามาก เมื่อเทียบกับบรรดาค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บในช่วงที่รัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2540 และ 2550 ยังใช้บังคับอยู่ แต่การกำหนดเอาปัจจัยทางเศรษฐกิจได้แก่ “เงิน” มาเป็นเครื่องมือจำกัดผู้เข้าสมัครโดยหวังว่าจะได้ผู้สมัคร “ที่มีคุณภาพ” ดูจะเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลนัก และดูจะทำให้อนุมานได้ว่าผู้กำหนดเงื่อนไขในลักษณะนี้เชื่อว่า “เงิน” คือเครื่องมือประกัน “คุณภาพ” ของผู้สมัคร </p>
<p>นอกจากนี้ ผู้เขียนเห็นว่า ผู้ที่สนับสนุนให้มีการใช้กำแพงทางการเงินนั้นควรคำนึงว่า การสร้างภาระให้กับบุคคลที่ประสงค์จะเข้าไปมีส่วนร่วมในระบบการเมืองอย่างเกินความจำเป็น บุคคลทั้งหลายควรมีความสามารถเต็มที่ในการเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์ทางการเมืองและเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเมือง การกำหนดเงื่อนไขในการเข้าสู่ระบบการเมืองนั้นสามารถกระทำได้ แต่หากเงื่อนไขที่ว่านั้นวางอยู่บนฐานของความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ เงื่อนไขเช่นว่านั้นก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นการเลือกปฏิบัติ การกำหนดกำแพงทางด้านการเงินในการรับสมัครผู้ที่จะเข้าเป็นวุฒิสมาชิกนั้นอาจก่อให้เกิดปัญหาการกีดกันบุคคลทั้งหลายผู้ประสงค์จะมีส่วนร่วมในระบบการเมืองแต่ไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอให้ไม่สามารถมีสิทธิที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในระบบการเมืองเทียบเท่ากับผู้ที่มีทุนทรัพย์ ข้อจำกัดเช่นนี้นอกจากอาจจะละเมิดสิทธิของบุคคลในการเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองแล้ว ยังส่งผลให้คนจำนวนหนึ่งถูกกีดกันออกไปจากเวทีทางการเมืองของประเทศ และทำให้ระบบการเลือกวุฒิสมาชิกไม่ว่าจะในลักษณะใด กลายเป็นระบบที่ปฏิเสธผู้ที่ฐานะทางเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในท้ายที่สุด ปัญหาเช่นว่านี้อาจลุกลามไปสู่การสร้างวุฒิสภาที่มีฉากทัศน์ทางการเมืองในรูปแบบเดียวกัน และฉากทัศน์นั้นไม่ปรากฎฉากทัศน์ที่รับรู้โดยสายตาของผู้ที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันรวมอยู่ด้วย </p>
<p>ผู้เขียนไม่ได้เขียนบทวิพากษ์นี้ขึ้นมาเพื่อปฏิเสธการกำหนดค่าธรรมเนียมในการสมัคร แต่ผู้เขียนเห็นว่าการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมไว้แต่ไม่กำหนดเครื่องมืออื่น ๆ ในการช่วยเหลือผู้ที่ประสงค์ที่จะเข้าร่วมในการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภาแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ย่อมเป็นการปฏิเสธและกีดกันไม่ให้บุคคลเหล่านั้นเข้าไปมีส่วนร่วมในระบบการเมืองอย่างชัดเจน ในแง่นี้ ผู้เขียนอยากตั้งคำถามสำคัญไว้ประการหนึ่งว่า เหตุใดผู้ออกแบบกระบวนการที่ปรากฎในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้จึงไม่สร้างเครื่องมือบางประการ เช่น ระบบการยกเว้นค่าธรรมเนียม หรือระบบการให้เงินช่วยเหลือสำหรับผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ที่น่าจะช่วยป้องกันการเลือกปฏิบัติอันเกิดจากกำแพงทางการเงินที่ว่านี้ได้ </p>
<p><strong>3. ค่าธรรมเนียมการสมัคร: ค่าธรรมเนียมเพื่อสิทธิในการเลือกวุฒิสมาชิก</strong></p>
<p>ความแตกต่างสำคัญประการหนึ่ง ระหว่างระบบการคัดเลือกวุฒิสมาชิกภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2540, 2550, และ 2560 นั่นคือการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2540 นั้น วุฒิสมาชิกจะต้องเป็นผู้ที่ประชาชนเลือกมาโดยตรง ในขณะที่รัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2550 นั้นกำหนดให้ประชาชนเลือกวุฒิสมาชิกบางส่วนเข้ามาทำหน้าที่ (76 จาก 150 คน) หากนำประเด็นนี้ไปพิจารณาควบคู่ไปกับการตั้งกำแพงทางการเงินเพื่อกีดกันผู้สมัคร ผู้อ่านจะพบว่าการจ่ายค่าธรรมเนียมนั้นเป็นการจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในการเป็นผู้สมัคร ในขณะที่สิทธิในการเลือกผู้สมัครเป็นของประชาชน (แม้ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2550 สิทธินั้นจะถูกจำกัดอยู่เฉพาะการเลือกวุฒิสมาชิกแค่เพียงบางส่วนก็ตาม) </p>
<p>อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาระบบการคัดเลือกวุฒิสมาชิกภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2560 ผู้อ่านจะพบข้อเท็จจริงสองประการ ประการแรก ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ประชาชนไม่มีสิทธิในการเลือกผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นวุฒิสมาชิก และประการที่สอง ผู้ที่จ่ายค่าธรรมเนียมเข้าไปชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิกนั้น ไม่ได้เป็นเพียงผู้ที่ได้รับ “สิทธิในการเป็นผู้สมัคร” แต่ยังเป็นผู้ที่ได้รับ “สิทธิในการเลือก” วุฒิสมาชิกอีกด้วย</p>
<p>กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้เขียน (ขอขอบคุณกัลยาณมิตรผู้ย้ำเตือนผู้เขียนถึงประเด็นนี้ในวันที่ผู้เขียนกำลังร่างบทความฉบับนี้ขึ้น) เห็นว่าการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในที่นี้ เมื่อรวมกับระบบการให้ผู้สมัครคัดเลือกผู้ที่จะเป็นวุฒิสมาชิกในหมู่ผู้สมัครด้วยกันเอง ก่อให้เกิดระบบที่มีลักษณะพิกลขึ้นมา นั่นคือระบบที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีทุนทรัพย์สามารถจ่ายเงินเพื่อซื้อสิทธิในการเลือกวุฒิสมาชิกได้ สิ่งที่ตามมาจากข้อสังเกตประการนี้ นั่นคือการที่ผู้เขียนอยากชี้ชวนให้ผู้อ่านทุกท่านทบทวนถึงความเหมาะสมของระบบดังกล่าว กล่าวคือ แทนที่ระบบการเลือกผู้ที่จะดำรงตำแหน่งในองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติจะเปิดโอกาสให้ประชาชนทั้งหลายได้เข้าไปมีสิทธิเลือกตั้งตามระบบการเลือกตั้งที่มีความเสรี อันเป็นรากฐานประการหนึ่งของการปกครองในระบบประชาธิปไตย ระบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันกลับกำหนดให้ปัจจัยทางเศรษฐกิจถูกใช้เป็นเงื่อนไขหลักในการกำหนดว่าผู้ใดจะมีสิทธิในการเลือกวุฒิสมาชิกบ้าง (ผู้เขียนเชื่อว่าผู้ร่างรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญคงไม่ได้มีเจตนาให้ระบบนี้เกิดขึ้น แต่ผู้เขียนเห็นว่าการปฏิเสธความเป็นไปได้อันเป็นผลพลอยได้จากระบบตามที่ผู้เขียนกล่าวอ้างนี้ก็ทำได้โดยยากเช่นกัน) ซึ่งเป็นสิ่งที่ดูจะไม่เหมาะสมนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบนี้แสดงให้เห็นว่า “เงิน” กลายเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเข้าถึงสิทธิในการมีส่วนร่วมในทางการเมืองได้เพียงใด</p>
<p><strong>กล่าวโดยสรุปแล้ว ผู้เขียนเห็นว่าการกำหนดค่าธรรมเนียมการสมัครเป็นสมาชิกวุฒิสภา ภายใต้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 อาจก่อให้เกิดปัญหาหลายประการ โดยเฉพาะการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งฐานะทางเศรษฐกิจและการแปรสภาพสิทธิในการเลือกวุฒิสมาชิกให้กลายเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้โดยอาศัยการจ่ายค่าธรรมเนียม ผู้เขียนเห็นว่า หากระบบการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อสิทธิในการลงสมัครรับเลือกตั้งจะมีอยู่ต่อไป ควรมีการกำหนดกลไกในการช่วยเหลือผู้ไม่มีทุนทรัพย์ไว้ด้วย และในขณะเดียวกัน หากต้องใช้ระบบการเลือกตั้งในการเลือกวุฒิสมาชิก ผู้เขียนเห็นว่าควรปล่อยให้ประชาชนทั้งหลายเป็นผู้เลือกวุฒิสมาชิกด้วยตนเอง หาไม่แล้ว ระบบการเลือกวุฒิสมาชิกก็จะกลายเป็นอภิสิทธิของผู้มีเงิน ที่มีทุนทรัพย์เพียงพอในการจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าไปเพื่อให้ตนมีสิทธิเลือกวุฒิสมาชิกนั่นเอง</strong>
    
 </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทควhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/04/108683
 
664  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - รักอมตะ ตายายครองคู่ 75 ปี ไม่พรากจากแม้วาระสุดท้าย สิ้นลมยังตั้งโลงเคียงกัน เมื่อ: 03 เมษายน 2567 22:16:12
รักอมตะ ตายายครองคู่ 75 ปี ไม่พรากจากแม้วาระสุดท้าย สิ้นลมยังตั้งโลงเคียงกัน
         


รักอมตะ ตายายครองคู่ 75 ปี ไม่พรากจากแม้วาระสุดท้าย สิ้นลมยังตั้งโลงเคียงกัน" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;รักแท้มีอยู่จริง ตาทวด-ยายทวดชาวโคราช คู่รักอมตะ 75 ปี ไม่เคยจากกันแม้วันสุดท้ายของชีวิต ลูกหลานตั้งโลงศพไว้เคียงกัน
         

https://www.sanook.com/news/9314174/
         
665  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - มูลนิธิ 'May18' เกาหลีใต้ เรียกร้องไทยปล่อยตัว อานนท์ นำภา - ขนุน สิรภพ เมื่อ: 03 เมษายน 2567 21:53:22
มูลนิธิ 'May18' เกาหลีใต้ เรียกร้องไทยปล่อยตัว อานนท์ นำภา - ขนุน สิรภพ
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-04-03 19:43</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>มูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก (the May 18 Foundation) ของเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลไทยที่ลิดรอนเสรีภาพในการแสดงออกของอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิ และขนุน - สิรภพ พึ่งพุ่มพุทธ นักศึกษาปริญญาโท เรียกร้องให้ปล่อยตัวทั้ง 2 คน หยุดการปราบปรามประชาชนที่ต่อสู้เพื่อการปฏิรูปทางการเมืองและปฏิรูปสถาบันกษัตริย์</p>
<p> </p>
<p>3 เม.ย. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานมูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก (the May 18 Foundation) ได้ออกแถลงการณ์และโพสต์ข้อความแสดงความกังวลและความห่วงใยถึงกรณีการ พิพากษาคดีหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 ของอานนท์ นำภา และขนุน-สิรภพ พึ่งพุ่มพุทธ ในวันที่ 25 มี.ค. 2567</p>
<p>วันที่ 26 ก.ย. 2566 ศาลอาญาได้พิพากษาว่า อานนท์ มีความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ และตัดสินลงโทษจำคุก อานนท์ นำภา 4 ปี ในคดีการปราศรัยในการชุมนุม <a href="https://www.facebook.com/hashtag/%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9A14%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%B2?__eep__=6&amp;__cft__%5b0%5d=AZVpVnk4wQCoeaVU174BmYy6OOHnBxHa0YSuFzjP_K-YqOrvXz2ddQcq4t0KaBSvIMmD7Z5wayW4p95Onh1JMjqGa-czbBu3e0TAjEEFnndDb3aDtwuQjzWcsT09iyIesrtUtGc1N6Fuy4nUooshTrtTxtdolgiVGiBP-Q4NSsbqNNfCw09l4qGOM0PjUF3LUpU&amp;__tn__=*NK-R" role="link">#ม็อบ14ตุลhttps://www.facebook.com/hashtag/18%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%A8%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C?__eep__=6&amp;__cft__%5b0%5d=AZVpVnk4wQCoeaVU174BmYy6OOHnBxHa0YSuFzjP_K-YqOrvXz2ddQcq4t0KaBSvIMmD7Z5wayW4p95Onh1JMjqGa-czbBu3e0TAjEEFnndDb3aDtwuQjzWcsT09iyIesrtUtGc1N6Fuy4nUooshTrtTxtdolgiVGiBP-Q4NSsbqNNfCw09l4qGOM0PjUF3LUpU&amp;__tn__=*NK-R" role="link">#18พฤศจิกาไปราษฎรประhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/04/108679
 
666  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 10 ปี บิลลี่ ครอบครัวเตรียมยื่นฟ้อง กรมอุทยาน กรณี 'อุ้มฆ่าบิลลี่' เรียกร้องค่ เมื่อ: 03 เมษายน 2567 20:22:51
10 ปี บิลลี่ ครอบครัวเตรียมยื่นฟ้อง กรมอุทยาน กรณี 'อุ้มฆ่าบิลลี่' เรียกร้องค่าเสียหาย  26 ล้าน
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-04-03 20:03</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>พรุ่งนี้ครอบครัว “บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ เตรียมยื่นฟ้อง กรมอุทยานแห่งชาติ ฯ ต่อศาลแพ่ง กรณีเจ้าหน้าที่ในสังกัดอุ้มฆ่า<wbr></wbr>บิลลี่ ตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดฯ เรียกร้องค่าเสียหาย  26 ล้านบาท ครอบครัวระบุ เป็นเวลาเกือบ 10 ปี ที่ครอบครัวของบิลลี่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และยังไม่ได้รับการเยียวยาต่<wbr></wbr>อการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่<wbr></wbr>รัฐภายใต้สังกัดกรมอุทยาน</p>
<p> </p>
<p>3 เม.ย. 2567 มูลนิธิผสานวัฒนธรรมรายงาน พรุ่งนี้ (4 เม.ย. 2567) เวลา 9.30 น. ณ ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก มารดาและบุตรของบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่<wbr></wbr>งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นจำเลย กรณีเจ้าหน้าที่ภายในสังกั<wbr></wbr>ดของจำเลย กระทำละเมิดโดยการอุ้มฆ่าบิลลี่ ตามพระราชบัญญัติความรับผิ<wbr></wbr>ดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 โดยเรียกค่าสินไหมทดแทน อาทิ ค่าเสียหายต่อทรัพย์สิน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาเรี<wbr></wbr>ยกร้องความเป็นธรรม ค่าเสียหายต่อสิทธิ เสรีภาพและชีวิต ค่าเสียหายต่อจิตใจ ค่าขาดแรงงานในครัวเรือน และค่าขาดไร้อุปการะ รวมเป็นเงินต้นกว่า 26 ล้านบาท</p>
<p>สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวั<wbr></wbr>นที่ 17 เมษายน 2557 พอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มชาติ<wbr></wbr>พันธุ์กะเหรี่ยง “บางกลอย-ใจแผ่นดิน” ได้ถูกจับกุมและควบคุมตั<wbr></wbr>วไปโดยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่<wbr></wbr>งกระจาน จ.เพชรบุรี ในขณะนั้นกับพวก หลังจากนั้นไม่มี<wbr></wbr>ใครทราบชะตากรรมของบิลลี่อีกเลย จนกระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และอัยการ ได้ร่วมกันติดตามสอบสวนคดีดั<wbr></wbr>งกล่าวจนได้พยานหลักฐานเพิ่มเติ<wbr></wbr>มอันเชื่อได้ว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่<wbr></wbr>อุทยาน ฯ ที่จับกุมบิลลี่ไปนั้นได้ร่วมกั<wbr></wbr>นกระทำความผิดต่อบิลลี่ ในคดีร่วมกั<wbr></wbr>นฆาตรกรรมอำพรางโดยไตร่ตรองไว้<wbr></wbr>ก่อน</p>
<p>นับเป็นเวลาเกือบ 10 ปี มารดาและครอบครัวของพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และยังไม่ได้รับการเยียวยาต่<wbr></wbr>อการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่<wbr></wbr>รัฐภายใต้สังกัดของจำเลย ทั้งยังไม่มีการขอโทษ หรือแสดงความรับผิดชอบใดๆ อีกด้วย มารดาและบุตรของบิลลี่ จึงมีความประสงค์ยื่นฟ้องต่<wbr></wbr>อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อให้ช่วยกำชับและตักเตือน เจ้าหน้าที่ภายในสังกัดของตนให้<wbr></wbr>ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่<wbr></wbr>างเคร่งครัด </p>
<p>มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอเชิญชวนสื่<wbr></wbr>อมวลชนและประชาชนที่สนใจร่วมกั<wbr></wbr>นติดตามคดีนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าบิลลี่<wbr></wbr>และครอบครัวที่เดินหน้าต่อสู้<wbr></wbr>เรียกร้องความเป็นธรรมจะได้รั<wbr></wbr>บความยุติธรรมอย่างแท้จริ<wbr></wbr>งและได้รับการชดใช้เยียวยา รวมถึงสามารถนำผู้กระทำผิ<wbr></wbr>ดมาลงโทษตามกฎหมาย  เพื่อเป็นการป้องปรามไม่ให้กรณี<wbr></wbr>เช่นนี้เกิดขึ้นกับนักสิทธิมนุ<wbr></wbr>ษยชนหรือคนใดได้อีก และยุติวัฒนธรรมลอยนวลของเจ้<wbr></wbr>าหน้าที่รัฐได้อย่างเป็นจริง</p>
<p> </p>
<p> </p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/04/108680
 
667  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - ผญบ.ฟินแลนด์ ไลฟ์ขายส้มโอราคาโปรโมชั่น วันเดียวขายได้แสนลูก เกษตรกรแฮปปี้! เมื่อ: 03 เมษายน 2567 19:44:31
ผญบ.ฟินแลนด์ ไลฟ์ขายส้มโอราคาโปรโมชั่น วันเดียวขายได้แสนลูก เกษตรกรแฮปปี้!
         


ผญบ.ฟินแลนด์ ไลฟ์ขายส้มโอราคาโปรโมชั่น วันเดียวขายได้แสนลูก เกษตรกรแฮปปี้!" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ จับมือ เกษตรฟู๊ด ไลฟ์สดขายส้มโอทับทิมสยาม ช่วยเหลือเกษตรกรนครศรีธรรมราช วันเดียว ขายได้แสนลูก
         

https://www.sanook.com/news/9314142/
         
668  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [การเมือง] - ยังไม่จบ! "ชัยธวัช" เตรียมเปิดหลักฐานแก้ข้อกล่าวหา "คดียุบก้าวไกล" เจอกันห เมื่อ: 03 เมษายน 2567 19:22:29
ยังไม่จบ! "ชัยธวัช" เตรียมเปิดหลักฐานแก้ข้อกล่าวหา "คดียุบก้าวไกล" เจอกันหลังสงกรานต์
         


ยังไม่จบ! &quot;ชัยธวัช&quot; เตรียมเปิดหลักฐานแก้ข้อกล่าวหา &quot;คดียุบก้าวไกล&quot; เจอกันหลังสงกรานต์" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;“ชัยธวัช” ยืนยัน มีหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาคดียุบพรรคก้าวไกล เตรียมแถลงรายละเอียดหลังสงกรานต์ ชี้ไม่กระทบอภิปราย ม.152 มองไม่ทำสมาชิกไขว้เขว
         

https://www.sanook.com/news/9314042/
         
669  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'ศิริกัญญา' อัดรัฐบาล เร่งหามาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ถาม 'ดิจิทัลวอลเล็ต' เมื่อ: 03 เมษายน 2567 18:45:36
'ศิริกัญญา' อัดรัฐบาล เร่งหามาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ถาม 'ดิจิทัลวอลเล็ต' ทำได้จริงหรือไม่
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-04-03 17:56</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>“ศิริกัญญา” อัดมาตรการเศรษฐกิจรัฐบาลระยะสั้นทยอยหมดอายุ-ระยะยาวยังไม่มีแผน เทียบแถลงผลงาน 3 เดือนกับ 6 เดือนแทบไม่มีอะไรใหม่ เดาทาง “ดิจิทัลวอลเล็ต” เปลี่ยนแนวทางรอบที่ 5 น่าจะใช้งบจาก 3 แหล่ง แต่สุดท้ายก็ยังต้องกู้ เรียกร้องรัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาในระบบเศรษฐกิจ รัฐบาลอาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชน แต่ทำไปได้แค่ไม่กี่นโยบาย งบกลางไม่มีออก งบกระตุ้นเศรษฐกิจก็ไม่มี ต้องให้ประชาชนรอไปถึงไตรมาส 4 ของปี 2567 โดยไม่รู้ว่า “โครงการดิจิทัลวอลเล็ต” จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่</p>
<p> </p>
<p>3 เม.ย. 2567 ทีมสื่อพรรคก้าวไกลรายงานต่อสื่อมวลชน ในการอภิปรายเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เป็นผู้อภิปรายถึงภาพรวมนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล พร้อมกับให้ข้อเสนอแนะ ศิริกัญญาเริ่มต้นอภิปรายว่า ในการแถลงผลงาน 3 เดือนของรัฐบาล หลายเรื่องรัฐบาลทำได้อย่างรวดเร็ว หลายเรื่องทำไปแล้วตั้งแต่เดือนแรกที่จัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะการลดรายจ่าย แต่ขณะเดียวกันก็มีหลายโครงการที่ยังอยู่ในระดับการ “ขับเคลื่อน” “ผลักดัน” “ส่งเสริม” “เร่งรัด” ยังไม่ได้มีผลอะไรเป็นรูปธรรม แต่รัฐบาลก็เอามาบรรจุไว้เป็นผลงานแล้ว หลายเรื่องเป็นเรื่องเล็กน้อยจนไม่ควรจะอ้างถึงได้ ก็มีการเอามาบรรจุไว้เช่นกัน เช่น การขยายเวลาเปิดทำการท่าอากาศยานเชียงใหม่เป็นตลอด 24 ชั่วโมง</p>
<p>อย่างไรก็ตาม เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการแถลงผลงานรอบ 6 เดือน ก็จะพบว่ารัฐบาลได้ผลิตซ้ำผลงานเมื่อ 3 เดือนก่อนมาเป็นผลงาน 6 เดือน โดยไม่มีอะไรใหม่ในเรื่องการลดรายจ่าย มีเพิ่มมาแค่ไม่กี่เรื่องคือการปรับลดภาษีสรรพสามิตไวน์และสุราแช่ ราคายางพาราทะลุ 80 บาท และการปราบปรามสินค้าเถื่อน ดึงดูดนักลงทุนเชิงรุก ขณะที่บางอย่างไม่ควรนำมาอ้างเป็นผลงานด้วยซ้ำ เช่นการ “วางเป้า” ให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิติดอันดับ 1 ใน 50 ภายในหนึ่งปี เป็นต้น</p>
<p>ศิริกัญญาตั้งคำถามว่า ผลงานที่เพิ่มขึ้นมามีน้อยเหลือเกิน เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ทำงานเป็นนายกฯ แบบนอกเวลา (พาร์ทไทม์) หรือไม่ ส่วนหนึ่งของเวลานี้เอาไปใช้ในการเป็น “เซลส์แมน” เดินทางไปต่างประเทศหรือไม่ ทำให้ไม่มีเวลามาบริหารราชการแผ่นดินแบบเต็มเวลา ผลงานรอบ 6 เดือนจึงมีสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาน้อยมากเหลือเกิน และสิ่งที่เราเฝ้ารอคือเรื่องของการกระตุ้น ฟื้นฟู และพยุงเศรษฐกิจให้ดีขึ้นกลับไม่พบเห็นเลย</p>
<p>อย่างไรก็ตาม เมื่อลงไปดูในรายละเอียด ตนก็พบว่ามีบางโครงการที่ควรค่าแก่การตั้งคำถามและให้ข้อเสนอแนะ ได้แก่ มาตรการลดรายจ่าย พบว่าหลายมาตรการของรัฐบาลกำลังทยอยหมดอายุ เช่น การลดค่าไฟเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วยที่หมดไปตั้งแต่ 3 เดือนที่แล้ว จะใส่มาในผลงาน 6 เดือนทำไม ทุกวันนี้ค่าไฟ 4.18 บาทต่อหน่วย โดยที่ในเดือนพฤษภาคมจะต้องมีการจ่ายคืนหนี้ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งจริง ๆ แล้วต้นทุนค่าไฟวันนี้ลดลงมาเหลือ 3 บาทกว่าแล้ว แต่หนี้ กฟผ.ที่ยังไม่ได้รับการสะสางเสียทีก็ได้กลายมาเป็นภาระที่รัฐต้องจ่ายเพิ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป</p>
<p>นอกจากนี้ยังมีมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซิน 1 บาท ซึ่งหมดอายุไปตั้งแต่วันที่ 31 มกราคมปีนี้ ส่วนมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลก็กำลังจะสิ้นสุดมาตรการหลังสงกรานต์นี้ และน่าจะมีการปรับเพิ่มราว 4 บาท แม้รัฐบาลจะยังคงใช้กองทุนน้ำมันในการอุดหนุนน้ำมันดีเซลอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะอุดหนุนไปได้อีกนานแค่ไหน ขณะที่มาตรการตรึงราคาก๊าซหุงต้มก็หมดอายุไปตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมแล้ว คำถามคือ รัฐบาลจะมีแนวทางต่ออย่างไรกับมาตรการลดค่าครองชีพ หรือว่าจะเป็นเพียงแค่การลดค่าครองชีพแบบชั่วคราวโดยที่ยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาวตามมา</p>
<p>ทั้งนี้ เพราะมาตรการลดรายจ่ายเหล่านี้ล้วนแต่มีต้นทุนที่เกิดขึ้น เช่น กองทุนน้ำมันที่จะต้องแบกรับภาระในการอุดหนุนน้ำมันดีเซล ส่วนมาตรการลดภาษีดูทรงแล้วน่าจะไม่ได้ไปต่อ เพราะขณะนี้กรมสรรพสามิตเองก็เก็บภาษีหลุดเป้าไปไกล โดย 5 เดือนแรกเก็บต่ำกว่าเป้าไปแล้วกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการที่เก็บภาษีน้ำมันไม่ได้ งานหนักก็เลยมาตกอยู่ที่กองทุนน้ำมันที่สถานะกองทุนเองเคยอยู่ในแดนบวก แต่ทุกวันนี้ติดลบไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท และถ้าดูยอดเงินกู้ก็จะพบว่ามีการกู้ไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาทจนใกล้จะเต็มเพดานที่เคยมีการออกกฎหมายอนุญาตให้กู้ไปแล้ว คำถามคือ รัฐบาลจะมีแผนจัดการอย่างไรกับสถานะของกองทุนน้ำมัน จะมีการออก พ.ร.บ.ขยายวงเงินกู้ยืมให้กับกองทุนน้ำมันอีกหรือไม่ และจะยังมีพื้นที่ทางการคลังเหลือเพียงพอหรือไม่</p>
<p>ประการต่อมา ในเรื่องของการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ถึงแม้รัฐบาลจะอ้างว่าราคาบางผลผลิตทางเกษตรเพิ่มขึ้นมา เช่น ราคายางพารา แต่เมื่อไปดูข้อเท็จจริงแล้วก็พบว่าเป็นการเพิ่มขึ้นตามราคาตลาดโลก ซึ่งปัญหาคือผลผลิตยางพาราในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาออกน้อย ทำให้สุดท้ายแม้ราคาผลผลิตจะขึ้น แต่กลายเป็นว่ารายได้เกษตรกรติดลบ และติดลบต่อเนื่องมาเป็นเดือนที่ 4 แล้ว นี่เป็นสัญญาณอันตรายว่ากำลังซื้อของเกษตรกรกำลังตกลง และอาจจำเป็นที่จะต้องมีการช่วยเหลือเพื่อพยุงกำลังซื้อของประชาชนในระดับรากฐาน เพราะไม่ใช่แค่รายได้เกษตรกรเท่านั้นที่ติดลบ แต่ยังมีตัวชี้วัดอื่น ๆ เช่น ยอดการซื้อรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ของปี 2567 โดยเฉพาะเดือนกุมภาพันธ์ ลดลงไปร้อยละ 10 ยอดรถกระบะจดทะเบียนใหม่หดตัวลงร้อยละ 36 ในเดือนมีนาคม เป็นต้น</p>
<p>ศิริกัญญาอภิปรายว่า การพยุงกำลังซื้อเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรจะต้องทำตั้งแต่สองเดือนก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เพิ่งมาทำหรือทำในอีก 6 เดือนข้างหน้า คำถามคือภายในไตรมาสสองของปีนี้ เราจะได้เห็นมาตรการอะไรที่จะออกมาช่วยพยุงกำลังซื้อในระยะสั้นของประชาชนและเศรษฐกิจฐานรากหรือไม่</p>
<p>ในเรื่องของการท่องเที่ยว แม้รัฐบาลจะออกมาตรการวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวประเทศต่าง ๆ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่ก็อาจจะช่วยภาคการท่องเที่ยวไทยไม่ได้มากนัก เพราะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปแล้ว หากดูจำนวนที่นั่งในเที่ยวบินจากจีนไปประเทศต่าง ๆ จะพบว่าก่อนหน้านี้ประเทศไทยนำมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ แต่ในช่วงหลังโควิด-19 ญี่ปุ่นได้แซงประเทศไทยไปแล้ว รวมถึงเกาหลีใต้ที่กำลังหายใจรดต้นคอจะแซงไทยเช่นกัน คำถามคือนโยบาย Tourism Hub ของรัฐบาลจะช่วยแก้ปัญหาโครงสร้างแบบนี้ได้อย่างไร จะช่วยให้ประเทศไทยกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพานักท่องเที่ยวจีนมากเกินไปได้อย่างไร</p>
<p>ศิริกัญญาอภิปรายต่อไปถึงมาตรการด้านการขยายโอกาส โดยเฉพาะการเร่งเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) โดยระบุว่า การเร่งเจรจา FTA แม้จะเป็นสิ่งที่ดี แต่การที่ประเทศไทยยิ่งเร่งเจรจาเอฟทีเอโดยไม่ได้ส่งเสริมให้ผู้ส่งออกไปใช้สิทธิ์ สุดท้ายเงินและเวลาที่ใช้ไปในการเจรจาต่าง ๆ ก็จะสูญเปล่า ทั้งนี้ ขอยกตัวอย่าง 4 FTA ที่น่าผิดหวังในการใช้สิทธิ์ ได้แก่</p>
<p>1) เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ที่มีมากว่า 20 แล้ว ทุกวันนี้ยังมีผู้ใช้สิทธิ์ไม่ถึงร้อยละ 75</p>
<p>2) ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ที่ใช้ไปได้แค่ประมาณร้อยละ 60 เท่านั้น และยังลดลงจากปีก่อนหน้าด้วย</p>
<p>3) ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี (AKFTA) ที่ใช้ยังไม่ถึงร้อยละ 50 และลดลงมาจากปีก่อนหน้าเป็นอย่างมาก</p>
<p>4) ที่เป็นความสูญเปล่ามากที่สุดก็คือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่ไม่มีใครใช้เลย ทั้งที่มีจุดเด่นในการที่ประเทศไทยสามารถทำห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนร่วมกันได้ แต่ประเทศไทยยังไม่คงไม่ได้ใช้จุดแข็งนี้เลย ตนจึงขอให้ข้อเสนอแนะกับรัฐบาลว่า การเจรจาที่เร่งไปย่อมสูญเปล่า ถ้าไม่ได้ให้ผู้ส่งออกได้มาใช้สิทธิ์กันอย่างเต็มที่</p>
<p>ศิริกัญญาอภิปรายต่อไปถึงด้านการส่งออกว่า นี่เป็นช่วงที่การส่งออกย่ำแย่ แต่ถ้าดูในรายละเอียดกลับพบว่าประเทศอื่น ๆ ที่มีระดับเศรษฐกิจใกล้เคียงกับไทยและพบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวเช่นเดียวกัน กลับมีการส่งออกที่ลดลงน้อยกว่าไทยมาก ดังนั้น ตนจึงขอให้รัฐบาลเริ่มคิดว่านี่คือปัญหาของเรื่องความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะในยามที่จีนเริ่มรุกคืบดำเนินนโยบายเพิ่มการผลิตภายในประเทศให้มากขึ้น และส่งออกสินค้ามายังประเทศใกล้เคียง ประเทศไทยมีการนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 20 มาเป็นร้อยละ 41 โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม จีนก็ส่งเข้ามาตีตลาดจนขณะนี้ไทยขาดดุลทางการค้าต่อจีนหนัก โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เหล็ก และเหล็กกล้า เป็นสองปีติดแล้วที่ประเทศไทยขาดดุลการค้ากับประเทศจีน โดยในปี 2566 ขาดดุลไปแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท</p>
<p>สินค้าจีนที่ไหลทะลักเข้ามาแม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ก็ต้องทวงถามไปยังรัฐบาลว่าจะมีมาตรการรับมืออย่างไร แน่นอนว่าประเทศไทยไม่จำเป็นต้องปกป้องทุกกลุ่มทุกอุตสาหกรรม การค้าเสรีมีประโยชน์และผู้บริโภคได้ประโยชน์แน่นอน แต่ถ้าจะเปิดกว้างแบบไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ควรเช่นกัน เพราะปัญหาเริ่มลุกลามไปทั้งห่วงโซ่อุปทานแล้ว ตั้งแต่รายใหญ่ไปจนถึงเอสเอ็มอีที่ต้องทยอยปิดกิจการลง เช่น อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ไปจนถึงสินค้าอุตสาหกรรมเหล็ก ที่ถูกถล่มราคาอย่างหนัก คำถามคือเรื่องของความสามารถในการแข่งขันกับประเทศจีน รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไร</p>
<p>นอกจากนี้ยังมีเรื่องของมาตรการการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมใหม่ เช่น การเปลี่ยนผ่านจากอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาปไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า ทุกวันนี้มีแรงงานที่จะได้รับผลกระทบอยู่ประมาณ 8.9 แสนคนที่อาจจะตกงานหรือไม่มีงานทำหากรัฐบาลไม่มีแผนการเปลี่ยนผ่านที่ชัดเจน ประเทศไทยยังคงวนเวียนอยู่กับสินค้าที่กำลังจะตกยุค ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์สันดาป ฮาร์ดดิสก์ หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีต่าง ๆ ที่กำลังจะถูกลดความสำคัญลงไปจากกระแสเศรษฐกิจสีเขียวที่กำลังรุนแรงมากขึ้น ตนจึงอยากสอบถามว่า รัฐบาลนี้มีนโยบายรับมือการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคตอย่างไร หรือจะยังจมปลักอยู่กับอุตสาหกรรมที่กำลังจะตกยุคแบบนี้</p>
<p>สุดท้าย ศิริกัญญาได้อภิปรายตั้งคำถามถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยระบุว่า ครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขในรายละเอียดเป็นรอบที่ 5 แล้ว และโครงการนี้ก็มีปัญหาในเรื่องรายละเอียดและสร้างความสับสนมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องแหล่งที่มาของเงิน จากช่วงก่อนเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยประกาศจะใช้งบประมาณปี 2567 พอเป็นรัฐบาลก็เปลี่ยนจะไปกู้ธนาคารออมสินแต่กฤษฎีกาได้ห้ามไว้ก่อน ต่อมามีแนวคิดว่าจะใช้งบผูกพันปี 2567-2568 แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็บอกว่าผิด พ.ร.บ.เงินตรา ต่อมาบอกว่าจะใช้ทั้งงบประมาณและ พ.ร.บ.เงินกู้ แต่เมื่อไปดูในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ก็ปรากฏว่าไม่มีโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ก็เลยมีการเปลี่ยนรอบที่ 4 จะเป็นการกู้ทั้งหมด แต่ก็โดนสกัดตัดขาโดย ป.ป.ช. จึงต้องมีการเปลี่ยนอีกเป็นรอบที่ 5 ซึ่งตนขอเดาว่าน่าจะมีการใช้แหล่งเงินจาก 3 แหล่งด้วยกัน คือ</p>
<p>1) งบประมาณปี 2568 ที่เมื่อวานคณะรัฐมนตรีได้มีการทบทวนกรอบการคลังระยะปานกลาง โดยให้เพิ่มงบประมาณปี 2568 เป็น 3.75 ล้านล้านบาท และจะกู้ชดเชยขาดดุลเพิ่มอีก 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งก็ตรงกับสมมติฐานที่ตนตั้งไว้ตั้งแต่ต้นว่าน่าจะมีการแบ่งงบปี 2568 เพื่อนำมาใช้ในการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต</p>
<p>2) งบประมาณกลางปี 2567 ซึ่งรัฐบาลสามารถออก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี หรือ “งบกลางปี” ขึ้นมาได้ ซึ่งในขณะนี้ก็จะสามารถกู้จนเต็มเพดานได้อีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่วิธีการนี้ก็ทำให้เกิดคำถามว่า ถ้าออกงบกลางปี 2567 แล้วจะไปใช้ปี 2568 ได้อย่างไร ซึ่งก็พบว่ามีช่องทางอยู่ คือน่าจะเป็นเอาไปใส่ไว้ในกองทุน</p>
<p>เพราะบรรดากองทุนหรือเงินทุนหมุนเวียนของรัฐบาลสามารถใส่เงินเข้าไปได้ และจะนำมาใช้เมื่อใดก็ได้ ใช้กับอะไรก็ได้ โดยที่ไม่ต้องส่งคืนคลัง ซึ่งตนเข้าใจว่าน่าจะเป็นกองทุนประชารัฐเพื่อสวัสดิการ ที่มีวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนว่าจะต้องให้กับเฉพาะผู้ที่มีสถานะยากจน มีรายได้น้อยตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้เท่านั้น ซึ่ง ณ วันนี้มีคนที่รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่ที่ประมาณ 14 ล้านคน ดังนั้น ตนจึงมีสมมติฐานว่าอาจจะต้องนำกลางปี 2567 มาใช้เพิ่มอีก 4 หมื่นล้านบาทหรือไม่ แต่ปัญหาก็คือมีแค่ 14 ล้านคนที่จะสามารถใช้งบตรงนี้ได้ จำนวนรวม 1.4 แสนล้านบาท และยังมีส่วนที่ขาดอยู่ค่อนข้างมาก จึงนำมาสู่แหล่งที่ 3 คือ</p>
<p>3) การสั่งให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ดำเนินนโยบายแทนรัฐบาล ตามมาตรา 28 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง คือการกู้เงินของ ธกส.มาใช้ก่อนแล้วค่อยใช้คืนทีหลัง แต่วัตถุประสงค์ของการดำเนินธุรกิจของ ธกส.เองก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าให้เป็นสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาชนบท จึงต้องมีการตีความอย่างตีลังกาว่า ธกส.จะสามารถแจกเงินดิจิทัลให้เกษตรกรได้หรือไม่ ซึ่งจะต้องเป็นไปในลักษณะของครัวเรือน มากกว่าตามข้อมูลของทะเบียนเกษตรกรซึ่งมีอยู่ประมาณแค่ 8 ล้านคน</p>
<p>ทั้งหมดนี้ ศิริกัญญายังคงรอคำตอบจากรัฐบาลว่าตนจะคาดการณ์ผิดไปหรือไม่ ซึ่งหากเดาไม่ผิด นี่เป็นความพยายามที่เรียกได้ว่าเลือดเข้าตาแล้ว จากเดิมที่เคยพายเรือในอ่างกลับไปเริ่มที่ศูนย์ใหม่เรื่อย ๆ วันนี้เรากำลังออกทะเลกันไปไกลแล้ว เพราะมูลค่า 5 แสนล้านบาทที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้สุดท้ายก็ต้องมาจากการกู้ เพียงแต่ว่าเป็นการกู้ที่อาจจะสามารถทำให้ถูกกฎหมายได้</p>
<p>ศิริกัญญาอภิปรายต่อไปว่า ที่ยังน่ากังวลอยู่ก็คือตัวระบบการโอนเงินไปยังประชาชน แต่ยังพอมีเวลาที่รัฐบาลจะไปสะสางปัญหาปัญหานี้ เพราะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็ต้องใช้เฉพาะผ่านบัตรประชาชน จะมาโอนต่างธนาคารต่างธุรกรรมไม่ได้ ต้องมีเครื่องอ่านสำหรับบัตรประชาชนโดยเฉพาะ เรื่องพวกนี้รัฐบาลน่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ในท้ายที่สุด แต่ต้องยอมรับว่าทั้งหมดนี้ทำให้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตค่อนข้างเละเทะ จากการที่จะต้องเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินไปมาประมาณ 5 ครั้ง โดยที่ยังไม่รู้ว่าจะมีรอบที่ 6 หรือไม่ มีการเลื่อนการแจกมาอย่างน้อย 4 ครั้ง มีการเปลี่ยนเทคโนโลยีแอปพลิเคชันที่ใช้ มีการเปลี่ยนจำนวนคนที่จะได้รับตลอดเวลา</p>
<p>“ทำให้ชวนคิดว่า สรุปแล้วรัฐบาลนี้มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมาก่อนจริงหรือไม่ ความรู้ความเข้าใจในเรื่องการคลังของรัฐบาลทำให้ดิฉันตกใจว่าทำไมถึงกล้าออกนโยบายในลักษณะแบบนี้ มีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเยอะขนาดนี้ ยิ่งแสดงว่าไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมใด ๆ เลยมาตั้งแต่เริ่มต้น จึงต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปวัน ๆ แก้ทีละวันแบบนี้” ศิริกัญญา กล่าว</p>

<p>ศิริกัญญาอภิปรายต่อไปว่า การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเช่นนี้จะทำให้เกิดความเสียหายมาก เพราะโมเมนตัมทางเศรษฐกิจหรือพายุหมุนจะเกิดขึ้นได้ต้องมีความเชื่อมั่นของประชาชนและผู้บริโภคที่จะออกมาจับจ่ายใช้สอย แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินบ่อยครั้งขนาดนี้ ขณะที่เทคโนโลยีก็ยังไม่เสถียร ก็มีโอกาสที่เงินจะตกหล่น และทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่น</p>
<p>สุดท้าย ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาในระบบเศรษฐกิจได้แล้ว ในฐานะที่รัฐบาลเองก็ได้อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชน แต่ทำไปได้แค่ไม่กี่นโยบาย ตอนนี้ก็นิ่งสนิท งบกลางก็ไม่มีออก งบกระตุ้นเศรษฐกิจก็ไม่มี แล้วยังจะต้องให้ประชาชนรอไปอีกจนถึงไตรมาส 4 ของปี 2567 โดยที่ยังไม่รู้ว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่</p>
<p> </p>
<p> </p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/04/108677
 
670  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'หมอหม่อง' เตือน อากาศเชียงใหม่ ไม่เหมาะกับการหายใจ แย่ติดอันดับโลก เมื่อ: 03 เมษายน 2567 17:11:59
'หมอหม่อง' เตือน อากาศเชียงใหม่ ไม่เหมาะกับการหายใจ แย่ติดอันดับโลก
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-04-03 12:34</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>“หมอหม่อง” โพสต์เตือน อากาศเชียงใหม่แย่ติดอันดับโลก “ไม่เหมาะสมกับการหายใจ” ขอให้ประชาชน “งดการหายใจ” ไปก่อน จนกว่าคุณภาพอากาศจะดีขึ้น คาดว่าจะใช้เวลาอีกราว 2-3 สัปดาห์ ขณะที่นักกิจกรรมเชียงใหม่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์นำถุงปุ๋ยมาแปรอักษรเป็นคำว่า “ภัยพิบัติ” และ “HAZARDOUS” ที่ลานท่าแพเมื่อวานนี้ หลังรัฐเมินเฉยไม่ยกระดับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ</p>
<p> </p>
<p>3 เม.ย. 2567 นพ. รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ หรือ หมอหม่อง แพทย์ผู้เชียวชาญด้านโรคหัวใจ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว “Rungsrit Kanjanavanit” ประกาศเตือนคุณภาพอากาศของเชียงใหม่ขณะนี้ “ไม่เหมาะสมกับการหายใจ” ขอให้ประชาชน “งดการหายใจ” ไปก่อน จนกว่า คุณภาพอากาศจะดีขึ้น ซึ่งคาดว่าอาจใช้เวลาอีกราว 2-3 สัปดาห์ต่อจากนี้</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53629171570_d923ddd851_o.png" /></p>
<p> </p>
<p>วานนี้ (2 เม.ย. 2567) สำนักข่าวลานเน้อรายงานว่า นักกิจกรรมเชียงใหม่กลุ่มเรื่องหลังเขา จัดกิจกรรมแสดงออก โดยนำถุงกระสอบมาแสดงออกทางสัญลักษณ์ผ่านการแปรอักษรคำว่า “ภัยพิบัติ” และ “HAZARDOUS” เพื่อสื่อถึงสิทธิของประชาชน ในการประกาศให้สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ จากการที่รัฐเมินเฉยต่อการยกระดับสถานการณ์ฝุ่นที่มีความความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งฝุ่น PM2.5 ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากภาคการเกษตรเพียงอย่างเดียวตามที่หลายคนเข้าใจ แต่ยังมีอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ขนาดใหญ่ที่ลงทุนในต่างประเทศ สร้างมลพิษที่ลอยข้ามพรหมแดนมายังประเทศไทย หลัง BIOTHAI ระบุข้อมูลล่าสุดในปี 2566 ว่าฐานข้อมูลทางการค้าขององค์การสหประชาชาติระบุว่า การส่งออกข้าวโพดอาหารสัตว์ของพม่านั้น เกือบทั้งหมดเป็นการส่งไปยัง 3 ประเทศหลัก คือ ไทย เวียดนาม และจีน โดยล่าสุด ข้อมูลปี 2566 พบว่า พม่าส่งออกข้าวโพดทั้งหมดรวมกว่า 15,114,317,047 บาท โดยส่งออกมายังประเทศไทย 12,967,759,165 บาท หรือคิดเป็น 85.8% ของการส่งออกทั้งหมด และเมื่อปี 2562 พม่าส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มายังประเทศไทย คิดเป็นมูลค่า 3,110 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับการส่งออกล่าสุดในปี 2566 ที่ผ่านมา</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53628933853_5e281c61f2_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53628730356_8308c7a06a_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ภาพ Lanner</span></p>
<p style="text-align: center;"> </p>
<p style="text-align: center;"> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/04/108673
 
671  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - หวยลาววันนี้ 3 เมษายน 2567 ผลหวยลาววันนี้ ออกอะไร เมื่อ: 03 เมษายน 2567 17:08:38
หวยลาววันนี้ 3 เมษายน 2567 ผลหวยลาววันนี้ ออกอะไร
         


หวยลาววันนี้ 3 เมษายน 2567 ผลหวยลาววันนี้ ออกอะไร" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;ลุ้นสด หวยลาววันนี้ 3/04/67 ถ่ายทอดสดหวยลาว หวยลาวล่าสุด หวยลาวพัฒนา 3 เม.ย. 67
         

https://www.sanook.com/news/9314062/
         
672  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 7 เดือน 'รัฐบาลเศรษฐา' ม. 112 เพิ่ม 15 คดี การคุกคาม ปชช. อีกกว่า 100 กรณี เมื่อ: 03 เมษายน 2567 15:41:18
7 เดือน 'รัฐบาลเศรษฐา' ม. 112 เพิ่ม 15 คดี การคุกคาม ปชช. อีกกว่า 100 กรณี
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-04-03 14:13</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเปิดข้อมูล 7 เดือน 'รัฐบาลเศรษฐา' คดีการเมืองยังน่ากังวล คดีม. 112 เพิ่มขึ้น 15 คดี มีประชาชนถูกเจ้าหน้าที่รัฐทั้งในและนอกเครื่องแบบติดตาม - คุกคาม อย่างน้อย 144 กรณี ประชาชนและนักกิจกรรมยังคงทยอย ‘ถูกคุมขัง’ เกือบทุกสัปดาห์ โดยที่สิทธิประกันกลายเป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึง โดยเฉพาะคดี ม.112</p>
<p> </p>
<p>3 เม.ย. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานข้อมูลนับตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรค ‘เพื่อไทย’ ได้สำเร็จและเข้ารับการถวายสัตย์ปฏิญาณตน เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2566 ปัจจุบัน (3 เม.ย. 2567) ผ่านมาเกือบ 7 เดือนแล้วที่รัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งนำโดย ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ได้ทำหน้าที่บริหารประเทศ</p>
<p>อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการผลัดเปลี่ยนเป็นรัฐบาลนำโดยพรรคที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพรรคการเมืองฝั่ง ‘ประชาธิปไตย’ มานานมากกว่า 2 ไตรมาสแล้ว แต่สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในมิติที่เกี่ยวกับคดีการเมืองยังคง ‘น่ากังวล’ เพราะยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ‘เชิงบวก’ เกิดขึ้นอย่างที่ประชาชนหลายคนตั้งความหวังไว้</p>
<p>สถานการณ์ราว 7 เดือนที่ผ่านมา โดยภาพรวมยังคงมีประชาชนทยอยถูกคุมขังในคดีการเมืองทุกเดือน ผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมืองเมื่อถูกคุมขังในเรือนจำแล้วก็ยากจะได้รับสิทธิประกันตัว ทั้งยังคงมีประชาชนถูกดำเนินคดีจากการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แสดงความคิดเห็น และชุมนุมโดยสงบ ตลอดจนยังคงมีประชาชนถูกเจ้าหน้าที่รัฐติดตามคุกคาม ไปหาถึงบ้านอย่างต่อเนื่อง</p>
<p>ช่วงของข้อมูลที่ใช้อ้างอิง (5 ก.ย. 2566 - 1 เม.ย. 2567)</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">ประชาชนยังคงถูกเจ้าหน้าที่รัฐติดตาม - คุกคาม : อย่างน้อย 144 กรณี</span></h3>
<p>ภายใต้การบริหารของรัฐบาลเศรษฐา ยังคงมีรายงานจากประชาชนและนักกิจกรรมจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศว่า ถูกเจ้าหน้าที่รัฐไปติดตามคุกคามในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมือง จำนวนไม่น้อยกว่า 144 กรณี หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ยกว่า 20 กรณีต่อเดือน</p>
<p>การติดตาม - คุกคามโดยเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าว มีหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการไปหาถึงบ้านพักหรือที่ทำงาน ติดตามสอดแนมระหว่างกิจกรรมหรือบริเวณที่พักอาศัย การเรียกมาพูดคุยและโทรติดต่อสอบถามข้อมูล หรือแม้กระทั่งการเข้าแทรกแซง รบกวน ปิดกั้นกิจกรรม</p>
<p>ตัวอย่างเช่น การที่เจ้าหน้าที่รัฐเป็นตำรวจนอกหรือในเครื่องแบบ หรือตำรวจสันติบาล เดินทางไปพูดคุย ถ่ายภาพ สอบถามข้อมูลส่วนตัวของประชาชนและนักกิจกรรมที่ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน เมื่อช่วงวันที่ 1-14 ก.พ. ที่ผ่านมา บางกรณีเจ้าหน้าที่รัฐเดินทางไปถึงบ้านพัก รวมถึงมีกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐเจรจาไม่ให้จัดกิจกรรมในแคมเปญนี้ด้วย แม้ว่าการเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรนั้นจะเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญก็ตาม (ย้อนดูประมวลสถานการณ์)</p>
<p>รวมถึงมีหลายกรณีที่ประชาชนและนักกิจกรรมถูกเจ้าหน้าที่รัฐติดตามไปพบตัว ในช่วงที่จะมีสมาชิกราชวงศ์หรือบุคคลสำคัญทางการเมืองเดินทางไปในพื้นที่นั้น ๆ เพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหว แม้แต่กรณีที่เป็นการเดินทางไปในพื้นที่ของ ‘เศรษฐา’ เองก็ตาม</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">ประชาชน - นักกิจกรรมยังทยอย ‘ถูกคุมขัง’ เกือบทุกสัปดาห์ สิทธิประกันยังเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะคดี ม.112</span></h3>
<p>ตลอดเกือบ 7 เดือนที่ผ่านมา มีประชาชนและนักกิจกรรมทางการเมืองยังคงทยอย ‘ถูกคุมขัง’ ในเรือนจำจากคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมือง จำนวนอย่างน้อย 31 คน เฉลี่ยเดือนละประมาณ 4 คน ในจำนวนทั้งหมดนี้เป็นคดีที่มีข้อกล่าวหาหลักเป็นมาตรา 112 อย่างน้อย 20 คน</p>
<p>ในกลุ่มจำเลยหรือผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่ศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวในตอนแรกและต้องเข้าเรือนจำนั้น พบว่าในช่วงรัฐบาลใหม่ ไม่มีกรณีที่ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งเกิดขึ้นเลย ส่วนคดีข้อหาอื่นมีเพียง 6 คนเท่านั้นที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวภายหลังจากถูกคุมขังไปเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทำให้ผู้ต้องขังการเมืองส่วนใหญ่ถูกคุมขังยาวนาน แม้ว่าคดีความจะยังคงไม่สิ้นสุด บางคดีศาลยังไม่มีคำพิพากษา ส่วนใหญ่ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี รายงานตัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเสมอมาก็ตาม ขณะที่การไม่ได้ประกันตัว ทำให้บางคนก็ตัดสินใจไม่ต่อสู้คดีต่อในศาลชั้นสูงขึ้นไปอีกด้วย</p>
<p>การมีคนต้องถูกคุมขังอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้ถึงสิ้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา จำนวนผู้ต้องขังทางการเมืองทั้งระหว่างต่อสู้คดีและคดีสิ้นสุดแล้วพุ่งสูงถึง 45 คนแล้ว ซึ่งนับว่ามากที่สุดในรอบอย่างน้อย 4 ปี</p>
<p>สิทธิประกันตัวเป็นเรื่องยากเข็ญ แม้แต่กับกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็น ‘ประชาชนธรรมดา’ ไม่ได้มีอำนาจกำหนดวาระทางการเมืองหรือไม่ได้มีคนรู้จักมากมาย หรือแม้ว่าเหตุในคดีหลายคนมองว่าไม่ได้ร้ายแรงขนาดกับต้องถูกคุมขังระหว่างการต่อสู้คดีหรือถูกจำคุกด้วยโทษสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น อาทิ กรณี ‘วารุณี’ ประชาชน ถูกพิพากษาจำคุก 1 ปี 6 เดือน คดีโพสต์รูปพระแก้วมรกตสวมชุดกระโปรง, กรณี ‘กัลยา’ อดีตพนักงานราชการ ถูกพิพากษาจำคุก 6 ปี คดีโพสต์เฟซบุ๊ก 4 ข้อความ, “แม็กกี้” พนักงานรับจ้าง ถูกพิพากษาจำคุก 25 ปี เพราะทวีต 18 ข้อความ ฯลฯ</p>
<p>นอกจากนี้ รัฐบาลชุดนี้ยังไม่เคยให้ความเห็น หรือมีท่าทีตอบสนองต่อข้อเรียกร้องและการประท้วงของผู้ต้องขังการเมืองในเรือนจำ ‘แม้แต่ครั้งเดียว’ โดยตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. จนถึงปัจจุบันมีผู้ต้องขังการเมือง อย่างน้อย 4 คน อดอาหารประท้วง ได้แก่ บุ้ง ตะวัน แฟรงค์ และบัสบาส</p>
<p>ข้อเรียกร้องส่วนหนึ่งของพวกเขาทั้ง 4 คนเป็นการเรียกร้องโดยตรงต่อฝ่ายบริหาร ยกตัวอย่างเช่นข้อเรียกร้องคัดค้านว่า ‘ประเทศไทยไม่สมควรเป็นคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ’ เพราะจนถึงปัจจุบันรัฐบาลไทยยังคงไม่จัดการหรือแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นปัญหาคดีการเมืองและผู้ต้องขังการเมือง</p>
<p>ส่วนข้อเรียกร้องอื่น ๆ อย่างการขอให้คืนสิทธิประกันตัว หรือปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม แม้ว่าฝ่ายบริหารจะไม่ได้มีอำนาจในเรื่องนี้โดยตรง แต่รัฐบาลก็สามารถออกนโยบายหรือสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชะลอคดีความที่ยังอยู่ในชั้นตำรวจและอัยการไว้ก่อน ในช่วงที่รอการพิจารณาเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม หรือไม่ยื่นขอฝากขังผู้ต้องหาคดีทางการเมืองต่อศาล หากว่าผู้ถูกกล่าวหาเดินทางไปตามนัดหมายทุกครั้ง ไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน</p>
<h3><span style="color:#2980b9;">คดีการเมืองยังคงมีเพิ่มขึ้น แจ้งข้อหาคดีชุมนุมคดีแรกในรัฐบาล คดี ม.112 ทะลุ 300 คดีแล้ว</span></h3>
<p>ประชาชนยังคงถูกดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมือง โดยพบว่าตลอดเกือบ 7 เดือน ในรัฐบาลเศรษฐามีคดีการเมืองเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 39 คดี เป็นคดีมาตรา 112 จำนวน 15 คดี และในจำนวน 35 คดีนี้มีมูลเหตุเกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลเศรษฐา จำนวน 10 คดี</p>
<p>นั่นทำให้นับตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบันมีคดีการเมืองสะสมอย่างน้อย 1,293 คดี โดยที่เป็นคดีที่ยังไม่สิ้นสุด 748 คดี ในจำนวนนี้เป็นยอดคดีมาตรา 112 ที่ทะลุเป็น 301 คดี เรียบร้อยแล้ว</p>
<p>ล่าสุดตำรวจยังมีการแจ้งข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ ต่อแกนนำของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-move) 2 คน จากกรณีการชุมนุม #พีมูฟทวงสิทธิ ซึ่งเป็นการชุมนุมติดตามประเด็นปัญหาที่ดินและทรัพยากรของเครือข่ายประชาชนที่ข้างทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยแจ้งข้อหาแยกเป็น 4 คดี เท่าที่ทราบข้อมูล ชุดคดีนี้นับเป็นคดีจากการชุมนุมในช่วงรัฐบาลนี้คดีแรก หลังจากก่อนหน้านี้มีคดีที่เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาย้อนหลังไปจากเหตุการชุมนุมที่เกิดก่อนการตั้งรัฐบาล</p>
<p>แม้ดูเหมือนว่าจะเป็นตัวเลขที่ไม่ได้มากเท่าไหร่เมื่อเทียบกับจำนวนคดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้าในยุคสมัยของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ก็สะท้อนว่าสถานการณ์การดำเนินคดีทางการเมืองยังคงไม่มีแนวโน้มจะยุติลงเสียทีเดียว ในรัฐบาลชุดนี้ ยังคงมีคดีการเมืองเกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ พนักงานสอบสวนยังคงสั่งฟ้องคดีต่อพนักงานอัยการ ศาลยังคงอนุมัติออกหมายจับหรืออนุญาตให้ฝากขัง รวมทั้งไม่ให้ประกันตัวจำนวนไม่น้อย อัยการยังคงยื่นฟ้องคดีต่อศาล และคดีความในชั้นศาลยังคงดำเนินการพิจารณาคดีและทยอยมีคำพิพากษาตามลำดับ ภายใต้ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังดำรงอยู่ต่อไป</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/04/108675
 
673  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "หม่ำ จ๊กมก" คลิปทวงเงินค่าปู ไม่พูดเยอะ! คนดูเขารู้กัน เมื่อ: 03 เมษายน 2567 14:37:45
"หม่ำ จ๊กมก" คลิปทวงเงินค่าปู ไม่พูดเยอะ! คนดูเขารู้กัน
         


&quot;หม่ำ จ๊กมก&quot; คลิปทวงเงินค่าปู ไม่พูดเยอะ! คนดูเขารู้กัน" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;หม่ำ จ๊กมก ทำคลิปทวงเงินค่าปูจาก โหน่ง ชะชะช่า แต่แฟนคลับฟังแล้วเขารู้กัน พ่อหม่ำทำถึงข่าวล่ามาไวสุดๆ
         

https://www.sanook.com/news/9313898/
         
674  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - 'ชัยธวัช' ชี้ รบ.บริหารมาครึ่งปี แต่ไม่สามารถตอบสนองความคาดหวัง ปชช.-ปชต.ไม่เ เมื่อ: 03 เมษายน 2567 14:10:50
'ชัยธวัช' ชี้ รบ.บริหารมาครึ่งปี แต่ไม่สามารถตอบสนองความคาดหวัง ปชช.-ปชต.ไม่เดินหน้า
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-04-03 13:39</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: ที่มา: TP Channel</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'ชัยธวัช' เปิดอภิปรายญัตติ ม.152 ชี้ รบ.บริหารมา 6 เดือนแล้ว ไม่มีการดำเนินนโยบายตามที่ให้คำมั่นสัญญา และไม่สามารถตอบสนองความคาดหวัง ปชช. ประชาธิปไตยไม่เดินหน้า ด้าน 'เศรษฐา' แจง 6 เดือนที่ผ่านมา หลายเรื่องมีการดำเนินการ ยินดีตอบทุกคำถาม พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ</p>
<p>3 เม.ย. 2567 ยูทูบ TP Channel ถ่ายทอดสดออนไลน์วันนี้ (3 เม.ย.) ที่รัฐสภา แยกเกียกกาย กรุงเทพฯ เมื่อเวลาประมาณ 9.30 น. วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 32 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นกล่าวเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 รัฐธรรมนูญ โดยไม่ลงมติ ระบุถึงเหตุผลและที่มาที่ไปของการอภิปรายในครั้งนี้ สืบเนื่องจากการบริหาร 6 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาล ไม่ได้มีการดำเนินตามนโยบาย และคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน และที่เคยแถลงต่อสภาฯ ไม่มีการขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม</p>
<p style="text-align: center;">
<iframe allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" referrerpolicy="strict-origin-when-cross-origin" src="https://www.youtube.com/embed/KFu-yDusdlg?si=CpAerYOJSDH9Qp5U" title="YouTube video player" width="560"></iframe></p>
<p>ชัยธวัช กล่าวเพิ่มถึงปัญหาว่า หลังการเลือกตั้ง ประชาชนต่างคาดหวังว่าเราจะได้ผู้นำประเทศคนใหม่ที่ต่างจากผู้นำรัฐประหาร แต่เวลาผ่านไป กลับพบว่าพวกเราได้นายกรัฐมนตรีที่ไร้วุฒิภาวะไปอีกแบบ หลายครั้งท่านก็สับสนว่าท่านเป็นใคร มีอำนาจทำอะไรได้บ้าง ขาดภาวะผู้นำในการสร้างความเชื่อมั่น และความชัดเจนในทิศทางของรัฐบาล และมีวิธีคิดในการตั้งรัฐมนตรีแบบเดิมๆ เป็นโควต้าสมบัติพลัดกันชม แทนที่จะตั้งบุคลากรตามความรู้ความสามารถที่เหมาะสมตามกระทรวงต่างๆ </p>
<p>ชัยธวัช ตั้งคำถามต่อว่า ประชาชนคาดหวังต่อนโยบายพลิกฟื้นเศรษฐกิจปากท้องให้ดีขึ้น แต่พบนโยบายที่สับสน และขาดยุทธศาสตร์และแนวทางที่ชัดเจน แทนที่ประชาชนจะได้ลืมตาอ้าปากอย่างเสมอภาค กลับพบนโยบายเอื้อทุนผูกขาด หลายนโยบายแอบอ้างประชาชนบังหน้า แต่เบื้องหลังเนื้อใน กลับเต็มไปด้วยความฉ้อฉลเชิงนโยบาย เปิดโอกาสให้รัฐมนตรีแสวงผลโดยมิชอบอย่างน่าละอาย </p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53627907157_1f589cfaf3_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">ชัยธวัช ตุลาธน (ที่มา: </span><span style="color:#d35400;">TP Channel</span><span style="color:#d35400;">)</span></p>
<p>หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ตั้งคำถามต่อว่า หลังการเลือกตั้ง ประชาชนคาดหวังที่จะเห็นการปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ตอนเริ่มรัฐบาลแถลงด้วยความมั่นใจว่าจะมีการจัดทำประชามติให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยเร็ว แต่วันนี้ผ่านมา 7 เดือน ยังคงวกไปวนมา ประชาชนไม่แน่ใจแล้วว่าตกลงรัฐบาลจะเอาอย่างไรต่อการปฏิรูปการเมือง และต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ถ้าหากจะทำรัฐธรรมนูญใหม่ในรัฐบาลสมัยนี้ ก็อาจจะได้ รัฐธรรมนูญใหม่ที่ไม่ไว้วางใจประชาชนเหมือนเดิม </p>
<p>หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ประชาชนคาดหวังว่าจะเห็นการฟื้นฟูสิทธิเสรีภาพ และการคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมืองที่สืบเนื่องอย่างยาวนาน แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเรากลับพบว่ากระบวนการนิติสงคราม ยังดำเนินต่อไป ไม่ต่างจากหลังรัฐประหาร การปราบปรามประชาชนที่มีความเห็นต่างในนามกฎหมายยังไม่เปลี่ยนแปลง สิทธิเสรีภาพเริ่มมีสัญญาณว่าถูกคุกคาม แทรกแซง </p>
<p>ประชาชนคาดหวังในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม นิติรัฐ และนิติธรรม แต่กลับพบวิกฤตศรัทธาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในระบบตำรวจและราชการยังเต็มไปด้วยระบบตั๋วและส่วย จนประชาชนไม่สามารถไว้วางใจในกลไกการบริหารราชการแผ่นดิน อีกทั้ง ความเสมอภาคเท่าเทียมในการบังคับใช้กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมถูกเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ซ้ำเติมวิกฤตศรัทธากระบวนการยุติธรรมที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องหลังรัฐประหาร </p>
<p>"ท่านไม่ต้องพูดว่าถ้าไม่ชอบกันก็ต่างคนต่างอยู่ เพราะพี่น้องประชาชนต้องการอยู่ในระบบเดียวกัน ต้องการอยู่ในประเทศเดียวกัน หนึ่งระบบที่พวกเราได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพเสมอภาคกัน ได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน เสมอหน้ากันต่อหน้ากฎหมายฉบับเดียวกัน" ชัยธวัช กล่าว</p>
<p>ประชาชนคาดหวังที่จะเห็นระบบการเมือง ไปสู่ระบบอนาคตที่ดีกว่า แต่สิ่งที่เราเจอ และได้กลับเป็น ปชต.แบบไหลย้อนกลับ ที่ผู้นำทางการเมือง และผู้มีอิทธิพลทางการเมืองลุแก่อำนาจ ได้คืบเอาศอก พยายามผูกขาดอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจให้อยู่ในชนชั้นนำไม่กี่กลุ่ม แทนที่จะเห็นการยกระดับทางการเมืองไปข้างหน้า เรากลับเห็นการเมืองที่พยายามทำลายสิ่งใหม่ เพื่อรักษาสิ่งเก่า</p>
<p>ชัยธวัช ยังได้ยกตัวอย่างภาพรวมประเด็นปัญหาการทำงานของรัฐบาลในอีกหลายประเด็น เช่น การแก้ไขหนี้ภาคการเกษตร ค่าลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และโครงสร้างพลังงานของประเทศ การกระตุ้นเศรษฐกิจ การปฏิรูปกองทัพ การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง การต่างประเทศที่ไม่สามารถฟื้นฟูบทบาทสำคัญของประเทศไทยในเวทีโลก และอีกหลายด้าน</p>
<p>ชัยธวัช กล่าวต่อว่า หากปล่อยปละละเลยให้รัฐบาลบริหารประเทศอย่างไร้ประสิทธิ ไร้จริยธรรม และไร้วุฒิภาวะต่อไป จะส่งผลกระทบต่อทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ตามที่ประชาชนคาดหวังจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา จากสถานการณ์ที่กล่าวถึงขั้นต้น มีความจำเป็นที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในฐานะที่เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยจะได้นำเสนอสภาพปัญหา ข้อเสนอแนะ และซักถามข้อเท็จจริงต่อรัฐมนตรีในเรื่องดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการดำเนินนโยบายและแก้ไขปัญหาของประชาชน ซึ่ง สส.ฝ่ายค้านจะมาอภิปรายลงลึกในรายละเอียดแต่ละประเด็นระหว่าง 3-4 เม.ย.นี้ </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">'เศรษฐา' แจง 6 เดือนที่ผ่านมา หลายเรื่องมีการดำเนินการ ยินดีตอบทุกคำถาม พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ</span></h2>
<p>เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นอภิปรายเผยหวังว่า เขายินดีที่ได้มารับฟังข้อคิดเห็นทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน และเป็นโอกาสที่ดีที่จะมาตอบข้อสงสัย และเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกท่านพร้อมจะให้ความกระจ่าง และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะ หวังว่าจะได้มีการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ ทำให้ประชาชนได้รับข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53629131764_59a13a0dda_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">เศรษฐา ทวีสิน (ที่มา: </span><span style="color:#d35400;">TP Channel</span><span style="color:#d35400;">)</span></p>
<p>สำหรับข้ออภิปรายของหัวหน้าฝ่ายค้าน เศรษฐา มองว่าใช้คำรุนแรงพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิ้นหวัง ล้มเหลว ไม่ปฏิรูป ถอยหลัง วกวน ปิดบัง ทำลาย แต่ว่ามันมีอีกด้านหนึ่ง เขาเชื่อว่ามันคือ มีหวัง สำเร็จ พัฒนาแทนที่จะเป็นปฏิรูป ก้าวหน้า และมีความโปร่งใส เขาเชื่อว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำเป็นเรื่องของแสงสว่างและเชื่อว่าประชาชนจะได้เห็นต่อไป </p>
<p>เศรษฐา ชี้แจงว่า นโยบายที่ฝ่ายค้านกล่าวมา หลายเรื่องมีการดำเนินการ เช่น การตั้งคณะกรรมการพักหนี้เกษตร การดูแลราคาเบนซิน-ดีเซล และค่าไฟฟ้า ยืนยันว่าตรงนี้ไม่ได้เพิกเฉย หรือนิ่งนอนใจ เรื่องยาเสพติดมีการทำงานที่ชัดเจน โดยเมื่อไตรมาส 4 ปีที่แล้ว (2566) มีการจับยาบ้าได้มากที่สุดตลอดทั้งปี ซึ่งสะท้อนการกวดขันเป็นอย่างดี นโยบายการท่องเที่ยวมีการทำหลายอย่างเช่นการฟรี VISA จีน เชื่อว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวเยอะขึ้น โรงแรม และร้านอาหาร มีการจองการใช้บริการ มีการจับจ่ายใช้สอยเงินอย่างมากขึ้น สะท้อนการพัฒนาในทิศทางที่ดี และประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด</p>
<p>เศรษฐา ชี้แจงต่อว่า ปัญหาเรื่องรายได้ของเกษตรกรหลายล้านคน ลองคิดดูว่าราคายางขึ้นไปตอนนี้เกือบ 100 บาท ราคาข้าวก็สูง ราคาพืชผลอื่นๆ ก็ดี ไม่มีการประท้วง ไม่มีการมาขอให้รัฐบาลช่วยเหลือ เพราะว่ามีการเปิดตลาด โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ที่กำกับดูแลเรื่องนี้อยู่เองตอนนี้มีเดินทางไปต่างประเทศการเปิดตลาด มีการเรียกเอกอัครราชทูตพาณิชย์ กำหนด KPI หรือตัววัดอย่างชัดเจนว่า ต้องทำหรือขายของอะไร ซึ่งไม่เคยมีการทำแบบนี้ในอดีต เป็นการทำงานแบบบูรณาการ เพื่อให้พืชผลไทยที่ไปขายในต่างประเทศดีขึ้น มีการเปิดตลาดใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องระยะสั้นที่ได้ทำมา  </p>
<p>นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขปัญหา PM 2.5 และการไปมีตัวตนในเวทีโลก นายกฯ ขอชี้แจงว่า ในการไปร่วมประชุม 10 กว่าครั้งที่ผ่านมา มันเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องไป การประชุมของอาเซียน เป็นการประชุมที่ต้องไปเป็นประจำอยู่แล้ว และด้วยความเป็นรัฐบาลใหม่จำเป็นต้องไปพบปะพูดคุยและแลกเปลี่ยนนโยบายซึ่งกันและกัน เพื่อให้ไทยมีตัวตนในเวทีโลก เศรษฐา ยกตัวอย่าง การร่วมประชุม World Economic Forum (สภาเศรษฐกิจโลก) ไม่มีตัวแทนไทยเข้าร่วมมา 12 ปี การค้าเสรี เชื่อว่า แต่ละวงประชุมมีคุณภาพ และสามารถนำไปสร้างประโยชน์ให้ประชาชน </p>
<p>"ต้องใช้เวลา เราเพิ่งเข้ามาบริหารจัดการบริหารประเทศเพียงแค่ 7 เดือน ท่านรัฐมนตรีทุกท่านมีความปรารถนาดีกับพี่น้องประชาชน เผื่อท่านมีข้อเสนอแนะอะไรดีๆ ก็ยินดีรับฟัง ถ้าเกิดมีข้อกล่าวหาอะไร ก็ขอหลักฐาน ขอเหตุผลมา เรื่องของกระบวนการยุติธรรม เรื่องของต่างๆ เหล่านี้ ผมเชื่อว่าประเทศไทยเราหลังจากที่มีการเลือกตั้งผ่านมา ก็เรามีการก้าวหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่ดีขึ้น ยินดีรับฟัง ยินดีรับข้อเสนอแนะ จากท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติทุกท่าน และรัฐมนตรีทุกท่านพร้อมที่จะให้ความกระจ่างท่านสมาชิกทุกๆ ท่านในทุกๆ เรื่อง" เศรษฐา ทิ้งท้าย</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/04/108674
 
675  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - กลุ่มตาลีบันประกาศจะรื้อฟื้นลงโทษข้อหาคบชู้ด้วยการขว้างหินใส่ผู้หญิงจนเสีย เมื่อ: 03 เมษายน 2567 12:39:22
กลุ่มตาลีบันประกาศจะรื้อฟื้นลงโทษข้อหาคบชู้ด้วยการขว้างหินใส่ผู้หญิงจนเสียชีวิต
 


<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-04-03 10:48</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพในอัฟกานิสถานหลังการเข้าปกครองของกลุ่มตาลีบัน ถ่ายเมื่อ 19 ก.ย.2564 โดย Milad Hamadi สำหรับ Tasnim News Agency</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กลุ่มตาลีบันประกาศจะรื้อฟื้นบทลงโทษผู้หญิงที่คบชู้ ทั้งโบยและปาหินใส่จนเสียชีวิตต่อหน้าสาธารณะ ที่ผ่านมาทั้งยูเอ็นและองค์กรสิทธิอย่างฮิวแมนไรท์วอทช์ต่างมีรายงานสถานการณ์สิทธิสตรีอัฟกานิสถานที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ นับตั้งแต่ตาลีบันกลับเข้าปกครองประเทศ ทำให้การประกาศของผู้นำสูงสุดของตาลีบันครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณต่อต้านที่ชัดเจนในการต่อต้านค่านิยมด้านสิทธิสตรี</p>
<p>กลุ่มตาลีบันประกาศจะรื้อฟื้นโทษประหารชีวิตผู้หญิงมีชู้ผ่านแถลงการณ์เชิงโต้ตอบกลุ่มประเทศประชาธิปไตยตะวันตก โดยที่ผู้นำสูงสุดของตาลีบัน มุลเลาะห์ ฮีบาตุลเลาะห์ อัคคุนด์ซาดา ประกาศจะรื้อฟื้นการลงโทษผู้หญิงในข้อหาคบชู้ด้วยการโบยตีและขว้างปาหินใส่พวกเธอจนเสียชีวิตต่อหน้าสาธารณะ</p>
<p>"พวกคุณบอกว่ามันคือการละเมิดสิทธิสตรีเมื่อพวกเราขว้างปาหินให้พวกเธอจนเสียชีวิต ...แต่อีกไม่นานพวกเรานำบทลงโทษการคบชู้มาบังคับใช้ พวกเราจะโบยผู้หญิงต่อหน้าสาธารณะ พวกเราจะขว้างปาหินใส่พวกเธอจนเสียชีวิตในที่สาธารณะ" อัคคุนด์ซาดากล่าว</p>
<p>ผู้นำสูงสุดของตาลีบัน อัคคุนด์ซาดา กล่าวถึงเรื่องนี้ผ่านข้อความเสียงที่เผยแพร่ในสื่อภาครัฐของอัฟกานิสถานเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยที่ อัคคุนด์ซาดา กล่าวหาว่าสิทธิสตรีที่ประชาคมโลกรณรงค์ส่งเสริมนั้นเป็นสิ่งที่ขัดกับกฎหมายชะรีอะฮ์ตามการตีความในแบบของตาลีบัน</p>
<p>"ตาลีบันไม่ได้หยุดลงแค่การยึดอำนาจกรุงคาบูล (เมืองหลวงอัฟกานิสถาน) มันเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น" อัคคุนด์ซาดากล่าว</p>
<p>ผู้หญิงในอัฟกานิสถานเผชิญกับปัญหาจำนวนมากหลังจากที่ตาลีบันกลับมามีอำนาจในปี 2564 พวกเธอถูกกีดกันจากการศึกษา, การจ้างงาน และพื้นที่สาธารณะ</p>
<p>เพียงแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้นหลังจากที่ตาลีบันกลับคืนสู่อำนาจ พวกเขาก็สั่งแบนไม่ให้เด็กผู้หญิงเข้าเรียนในโรงเรียนชั้นมัธยมศึกษา และในเดือน ธ.ค. 2565 ก็สั่งห้ามไม่ให้ผู้หญิงเรียนในระดับมหาวิทยาลัย จากนั้นยังจำกัดผู้หญิงอย่างหนักมากในการรับเข้าทำงาน</p>
<p>การที่กลุ่มตาลีบันประกาศเช่นนี้สะท้อนให้เห็นความตั้งใจของพวกเขา ที่ต้องการจะรื้อฟื้นนโยบายสุดโต่งแบบเดียวกับในช่วงที่พวกเขาปกครองอัฟกานิสถานในยุคคริสตทศวรรษที่ 1990s ถึงแม้ว่านานาชาติจะประณามและเรียกร้องให้รักษาสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะสิทธิสตรีก็ตาม</p>
<p>นอกจากการลิดรอนสิทธิสตรีแล้ว ประชาคมโลกยังคงจับตามองตาลีบันด้วยความวิตกต่อเรื่องการลิดรอนสิทธิมนุษยชนด้านอื่นๆ ด้วย เช่น เมื่อเดือน ส.ค. 2564 ตาลีบันได้รื้อฟื้นโทษประหารชีวิตกลับมาอีกครั้งรวมถึงการประหารชีวิตในที่สาธารณะ รายงานของสหประชาชาติเมื่อเดือน พ.ค. 2566 ระบุว่า มีผู้ถูกลงโทษด้วยมาตรการโหดร้ายเช่นนี้แล้วรวม 175 ราย ในจำนวนนี้มีอยู่ 37 รายที่ถูกลงโทษโดยการขว้างปาก้อนหินใส่ ซึ่งตัวเลขในจำนวนนี้ยังไม่ชัดเจนว่ามีอยู่กี่รายที่เป็นผู้หญิง</p>
<p>รายงานของยูเอ็นระบุอีกว่าสภาพของผู้หญิงในอัฟกานิสถานนั้น "เลวร้ายที่สุดในระดับโลก" โดยระบุว่าการตีความคำสอนอิสลามแบบเคร่งสุดโต่งในแบบของตาลีบันนั้น อาจจะก่อให้เกิด "การแบ่งแยกกีดกันทางเพศ" ในระดับเดียวกับการแบ่งแยกสีผิวในแอฟริกาใต้ได้</p>
<p>ฮิวแมนไรท์วอทช์รายงานเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาว่า ชีวิตของผู้หญิงอัฟกานิสถานกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย พวกเธอเผชิญกับการถูกสอดแนม, ถูกคุกคาม, ถูกทำร้าย, ถูกคุมขังโดยพลการ, ถูกทารุณกรรม และถูกเนรเทศ เพราะพวกเธอต่อต้านการละเมิดสิทธิฯ ของตาลีบัน ฮิวแมนไรท์วอทช์เรียกร้องให้ทั่วโลกยืนหยัดเคียงข้างการต่อสู้ของผู้หญิงในอัฟกานิสถาน</p>
<p>มีนักเรียนเยาวชนรายหนึ่งให้สัมภาษณ์ต่อสื่อตะวันตกว่า ในหลายครอบครัวนั้น สิ่งเดียวที่พวกเขาทำให้ลูกสาวของตัวเองได้คือการส่งพวกเธอให้แต่งงาน "โดยไม่สนใจความยินยอมของพวกเธอ" นักเรียนเยาวชนรายนี้กล่าวอีกว่า ภาวะซึมเศร้ากำลังแพร่ระบาดในหมู่เด็กผู้หญิงและมีอัตราการฆ่าตัวตายของเด็กผู้หญิงในอัฟกานิสถานเพิ่มมากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา</p>
<p>มีการตั้งข้อสังเกตอีกว่า การที่ผู้นำตาลีบันจงใจโต้ตอบคำวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องข้อกล่าวหากดขี่ผู้หญิงนั้น เป็นการส่งสัญญาณว่าตาลีบันจะยืนกรานต่อต้านค่านิยมประชาธิปไตยและบรรทัดฐานของนานาชาติต่อไป โดยเฉพาะในเรื่องสิทธิสตรี</p>
<p> </p>
<p><strong>เรียบเรียงจาก</strong></p>
<ul>
<li>Taliban To Resume Stoning Women In Public For Adultery: Report, NDTV, 29-03-2024</li>
<li>The Taliban and the Global Backlash Against Women’s Rights, Human Rights Watch, 06-02-2024</li>
<li>'Taliban vows to publicly stone women to death for adultery', Times of India, 27-03-2024</li>
</ul>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/04/108672
 
676  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "ครูไพบูลย์" เปิดใจครั้งแรก? รู้สึกยังไง ชาวเน็ตมอบฉายา "กงยูเมืองไทย" เมื่อ: 03 เมษายน 2567 12:00:34
"ครูไพบูลย์" เปิดใจครั้งแรก? รู้สึกยังไง ชาวเน็ตมอบฉายา "กงยูเมืองไทย"
         


&quot;ครูไพบูลย์&quot; เปิดใจครั้งแรก? รู้สึกยังไง ชาวเน็ตมอบฉายา &quot;กงยูเมืองไทย&quot;" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;"ครูไพบูลย์" เปิดใจครั้งแรก? รู้สึกยังไง หลังชาวเน็ตมอบฉายา "กงยูเมืองไทย" และความสัมพันธ์ชวนจิ้นดาราสาวท่านหนึ่ง หนูรัตน์ เฮเลน
         

https://www.sanook.com/news/9313866/
         
677  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - แผ่นดินไหวเขย่าไต้หวัน 7.4 อาคารถล่ม ญี่ปุ่นเตือนภัยสึนามิ สั่งอพยพชายฝั่งโอกินา เมื่อ: 03 เมษายน 2567 09:27:29
แผ่นดินไหวเขย่าไต้หวัน 7.4 อาคารถล่ม ญี่ปุ่นเตือนภัยสึนามิ สั่งอพยพชายฝั่งโอกินาวา
         


แผ่นดินไหวเขย่าไต้หวัน 7.4 อาคารถล่ม ญี่ปุ่นเตือนภัยสึนามิ สั่งอพยพชายฝั่งโอกินาวา" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;แผ่นดินไหวเขย่าไต้หวัน 7.4 อาคารถล่ม ญี่ปุ่นเตือนภัยสึนามิ สั่งอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งใกล้กับจังหวัดโอกินาวา
         

https://www.sanook.com/news/9313702/
         
678  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - "วีเจจ๋า" แชร์เคล็ดลับ ออกกำลังกายท่าไม่ยาก ได้หน้าท้องสวยทันสงกรานต์พอดี (ค เมื่อ: 03 เมษายน 2567 06:57:04
"วีเจจ๋า" แชร์เคล็ดลับ ออกกำลังกายท่าไม่ยาก ได้หน้าท้องสวยทันสงกรานต์พอดี (คลิป)
         


&quot;วีเจจ๋า&quot; แชร์เคล็ดลับ ออกกำลังกายท่าไม่ยาก ได้หน้าท้องสวยทันสงกรานต์พอดี (คลิป)" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;วีเจจ๋า กับเคล็ดลับหุ่นปัง ออกกกำลังกายท่าไม่ยาก ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ ได้หน้าท้องสวยทันสงกรานต์พอดี
         

https://www.sanook.com/news/9313414/
         
679  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวเด่น] - จ่ายเงินนอนโรงแรม หนุ่มคันคะเยอทั้งคืน เปิดไฟยิ่งสยอง ตัวอะไรคลานเต็มห้อง?!!! เมื่อ: 03 เมษายน 2567 04:26:02
จ่ายเงินนอนโรงแรม หนุ่มคันคะเยอทั้งคืน เปิดไฟยิ่งสยอง ตัวอะไรคลานเต็มห้อง?!!!
         


จ่ายเงินนอนโรงแรม หนุ่มคันคะเยอทั้งคืน เปิดไฟยิ่งสยอง ตัวอะไรคลานเต็มห้อง?!!!" width="100" height="100&nbsp;&nbsp; น่ากลัวมาก! ฝันร้ายนอนโรงแรม หนุ่มคันจนต้องลุกมาเปิดไฟ ผงะ ตัวอะไรสีดำๆ เต็มเตียง
         

https://www.sanook.com/news/9293638/
         
680  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ร้านน้ำชา / [ข่าวมาแรง] - แค่ 2 ปี ปธน.เวียดนามลาออก 2 คน กำลังเกิดอะไรขึ้นในการเมืองเวียดนาม? เมื่อ: 03 เมษายน 2567 03:14:42
แค่ 2 ปี ปธน.เวียดนามลาออก 2 คน กำลังเกิดอะไรขึ้นในการเมืองเวียดนาม?
 


<span class="submitted-by">Submitted on Tue, 2024-04-02 13:14</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>Võ Văn Thưởng ภาพจาก quirinale.it</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>ประธานาธิบดีเวียดนามลาออกติดต่อกันเร็วมากเป็นประวัติการณ์ แค่ 2 ปีลาออกไป 2 คน นักวิเคราะห์ประเมินว่าพวกเขาถูกเซ่นให้กับโครงการปราบปรามการทุจริตของรัฐบาลเวียดนามจนส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเมือง และมีการวิเคราะห์กันว่าเกิดจากการช่วงชิงอำนาจภายใน</p>
<p>2 เม.ย. 2567 เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาประธานาธิบดี Vo Van Thuong ของเวียดนามลาออกจากตำแหน่ง ทำให้รองประธานาธิบดี Vo Thi Anh Xuan ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการประธานาธิบดีของเวียดนาม</p>
<p>Vo Van Thuong ดำรงตำแหน่งอยู่ได้เพียงหนึ่งปีกว่าเท่านั้นหลังขึ้นมารับตำแหน่งแทน Nguyen Xuan Phuc ที่เพิ่งลาออกไปเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว ในตอนนั้น Anh Xuan ก็เข้ามาอยู่ในตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีต่อเช่นกัน ก่อนเปลี่ยนผ่านเป็น Van Thuong</p>
<p>เรื่องนี้ชวนให้ตั้งคำถามเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองของเวียดนามในช่วงที่พรรคคอมมิวนิสต์ของเวียดนามมีโครงการปราบปรามการทุจริต ในขณะที่เศรษฐกิจของเวียดนามกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อห่วงโซ่อุปทานของโลก</p>
<p>นิตยสารไทม์ระบุว่า เศรษฐกิจของเวียดนามต้องพึ่งพาการส่งออกและการลงทุนจากต่างชาติอย่างมาก แต่เหล่าผู้นำของประเทศเวียดนามก็พยายามยึดกุมอำนาจในพรรคและปราบปรามผู้ต่อต้าน รวมถึงการปราบปรามการทุจริต มีนักวิเคราะห์มองว่าการลาออกของผู้นำเวียดนามด้วยข้ออ้างเรื่องการปราบปรามการทุจริตนั้นเกิดจากความบาดหมางกันภายในพรรครัฐบาลด้วย</p>
<p>ไทม์ระบุว่าตำแหน่งประธานาธิบดีในเวียดนามนั้นไม่ได้เป็นตำแหน่งที่มีอำนาจอย่างแท้จริง แต่เป็นตำแหน่งในเชิงพิธีการเสียมากกว่า ตำแหน่งที่มีอำนาจสูงสุดจริงๆ คือตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามที่ตอนนี้ Nguyen Phu Trong ดำรงตำแหน่งอยู่</p>
<p>การที่ Anh Xuan ได้รับตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดีจนกว่าจะถึงการประชุมสมัชชาแห่งชาติเพื่อคัดเลือกประธานาธิบดีคนใหม่นั้น ถือเป็นปรากฏการณ์ที่หายากในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ผู้หญิงจะได้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงๆ ทางการเมือง</p>
<p>ในคำประกาศลาออกของ Thuong นั้น สื่อรัฐบาลเวียดนามระบุว่า การฝ่าฝืนกฎของเขา "สร้างความด่างพร้อยให้กับชื่อเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์" การลาออกของ Thoung เกิดขึ้นหลายวันหลังจากที่อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดกว๋างหงาย ในภาคกลางของเวียดนามถูกจับกุมข้อหาต้องสงสัยทุจริต โดยที่ Thuong เคยเป็นผู้นำพรรคในระดับท้องถิ่นของจังหวัดนี้มาก่อน</p>
<p>Thuong อยู่ใต้อุปถัมภ์ของ Trong ผู้ที่เป็นหัวหน้าพรรคมาตั้งแต่ปี 2554 และอายุได้ 79 ปีแล้ว ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าการลาออกในครั้งนี้จะเปลี่ยนแปลงอนาคตการนำของเวียดนามอย่างไรบ้าง</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ทำไมผู้นำระดับสูงเวียดนามลาออก 2 รายติดต่อกัน</span></h2>
<p>ศูนย์เอเชียมีเดียตั้งข้อสังเกตว่า พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามไม่ได้เผยแพร่รายละเอียดอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับการลาออกหรือ "การฝ่าฝืนกฎ" ของ Thuong มีแค่สื่อต่างประเทศที่นำเสนอเรื่องข้อกล่าวหาฉ้อโกงและรับสินบนที่เกิดขึ้นมามากกว่า 10 ปีแล้วและเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดกว๋างหงาย</p>
<p>ในกรณีของ Nguyen Xuan Phuc ผู้ที่ลาออกในปี 2566 ด้วยสภาพการณ์ที่คล้ายคลึงกันนั้น เขาได้ลาออกหลังจากที่พรรครัฐบาลพบว่าเขามีส่วนรับผิดชอบกับการฝ่าฝืนกฎและการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐหลายคนที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขา</p>
<p>สถาบันนานาชาติเพื่อการวิจัยยุทธศาสตร์ (IISS) ระบุว่า ในกรณีของ Phuc มาจากเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการโก่งราคาชุดตรวจ COVID-19 และโก่งราคากับคนสัญชาติเวียดนามที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศและต้องการเดินทางกลับบ้านในช่วงการระบาดของ COVID-19</p>
<p>สำหรับกรณีของ Thuong นั้น ผู้สังเกตการณ์การเมืองเวียดนามบอกว่ามาจากเรื่องการรับสินบนของเจ้าหน้าที่รัฐหรือญาติพี่น้องของพวกเขา แต่ก็มีคำถามที่ชวนให้คิดมากกว่านี้ว่า ทำไมเรื่องอื้อฉาวเหล่านี้ถึงทำให้คนในระดับสูงถูกเด้งออกแต่คนอื่นๆ อีกจำนวนมากกลับไม่ถูกตรวจสอบ</p>
<p>นักวิเคราะห์ระบุว่าการลาออกของผู้นำเวียดนามในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้เป็นการลาออกในระดับที่ผิดปกติสำหรับประวัติศาสตร์เวียดนาม Nguyen Khac Giang นักวิจัยอาคันตุกะจากสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษายูซุฟ อิสซัก กล่าวว่าการลาออกถี่เช่นนี้ "ไม่ใช่สัญญาณที่ดีสำหรับประเทศที่อวดอ้างตัวเองเรื่องเสถียรภาพทางการเมือง"</p>
<p>Trong เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามผู้ที่ดำรงตำแหน่งที่มีอำนาจที่สุดในระบอบการเมืองเวียดนามตอนนี้ยกระดับปฏิบัติการของโครงต่อต้านปราบปรามการทุจริตที่มีชื่อเรียกว่า "เตาไฟที่ลุกโชน" (Blazing Furnace)</p>
<p>ในเวียดนามนั้น เป็นประเทศแบบพรรคการเมืองเดี่ยว ที่ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเวียดนาม (CPV) ตำแหน่งของกลุ่มคนที่มีอำนาจสูงสุดภายใต้โครงสร้างนี้ถูกเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า "เสาหลักสี่เสา" คือ เลขาธิการใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม, ประธานาธิบดี, นายกรัฐมนตรีแห่งเวียดนาม และประธานสมัชชาแห่งชาติเวียดนาม</p>
<p>ตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ของ CPV และคณะกรรมการกรมการเมืองของพรรคหรือ "โปลิตบูโร" ถือเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจมากที่สุดในระบอบการเมืองเวียดนาม ในขณะที่ประธานาธิบดี ที่เป็นประมุขแห่งรัฐผู้ที่มีความสำคัญต่อเรื่องความสัมพันธ์กับภายนอก มักจะเป็นตำแหน่งแค่ในเชิงพิธีการสำหรับการเมืองเวียดนาม ส่วนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลและประธานสมัชชาแห่งชาตินั้น ต่างก็นับเป็นตำแหน่งสูงสุดขององค์การเมืองเวียดนาม</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ผลกระทบที่ตามมาคืออะไร</span></h2>
<p>ในช่วงสิบปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของเวียดนามเริ่มบูมหลังจากที่มีการลงทุนจากต่างชาติหลั่งไหลเข้าประเทศ และเวียดนามก็กลายเป็นทางเลือกที่น่าเข้าหามากกว่าจีน ในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ กำลังถดถอย</p>
<p>มีการลงทุนจากต่างชาติหลั่งไหลเข้าไปในเวียดนาม โดยเฉพาะในด้านสินค้าเทคโนโลยีอย่างสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าเวียดนามอาจจะกลายเป็น "เสือเอเชีย" รายใหม่ในทางเศรษฐกิจ ภาคส่วนการผลิตของเวียดนามครึ่งหนึ่งมีบรรษัทต่างชาติรวมอยู่ด้วยทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นสูง</p>
<p>นักวิเคราะห์มองว่าโครงการปราบปรามการทุจริตให้ผลตอบแทนบางส่วนจากการปราบปรามเงินส่วยที่ผิดกฎหมายสำหรับคนทำธุรกิจในประเทศ แต่มันก็ทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวตามมาจำนวนมาก และทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง ในปี 2566 ที่ผ่านมาปีเดียวกับที่มีการลาออกของประธานาธิบดีคนก่อนหน้านี้เศรษฐกิจเติบโตลดลงจากร้อยละ 8 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 5.1 ในปี 2566</p>
<p>นอกจากนี้นิตยสารไทม์ยังตั้งข้อสังเกตว่าเหล่าผู้นำเวียดนามทำการเน้นปราบปรามผู้ต่อต้านในประเทศมากขึ้นด้วย โดยมีการคุมขังผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานสะอาดรวมถึงนักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมในขณะเดียวกันโครงการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นก็มีการเอาผิดนักธุรกิจและเจ้าหน้าที่หลายพันราย มีเศรษฐีด้านอสังหาริมทรัพย์ Truong My Lan ที่อาจจะเผชิญโทษประหารชีวิตจากข้อหายักยอกทรัพย์ 12,500 ล้านดอลลาร์ นับเป็นคดีฉ้อโกงทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามเท่าที่เคยมีมา</p>
<p>การประชุมพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามครั้งถัดไปจะมีขึ้นในช่วงต้นปี 2569 ผู้เชี่ยวชาญมองว่าจนกว่าจะถึงตอนนั้นเวียดนามก็คงต้องเผชิญกับความวุ่นวายทางการเมืองต่อไปจากการที่มีกลุ่มคู่แข่งต่างๆ พยายามแย่งชิงอำนาจเพื่อเป็นคนที่จะมาแทนที่ Trong ในตำแหน่งหัวหน้าพรรค ในขณะเดียวกันเหล่าข้าราชการในเวียดนามก็มีความระมัดระวังตัวมากขึ้นเพราะกระแสการปราบปรามการทุจริต</p>
<p>Le Hong Hiep นักวิจัยอาวุโสและผู้ประสานงานโครงการเวียดนามศึกษาที่สถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษายูซุฟ อิสซัก กล่าวว่า "ถึงแม้จะมีการคัดเลือกประธานาธิบดีใหม่แล้ว แต่ก็จะยังคงมีการต่อสู้ขัดแย้งภายในเกิดขึ้นต่อไปจนกว่าจะถึงปี 2569 เว้นแต่ว่า Trong จะประกาศตัวแผนการเกี่ยวกับผู้สืบทอดอย่างชัดเจน"</p>
<p>"ในช่วงระหว่างนั้น เหล่านักลงทุนและคู่ค้าของเวียดนามก็จะต้องอยู่กับสภาพความเป็นจริงแบบใหม่ของการเมืองเวียดนามไปก่อน" Le Hong Hiep กล่าว</p>
<p> </p>
<p><strong>เรียบเรียงจาก</strong></p>
<ul>
<li>Vietnam Experiences Second Presidential Resignation in Two Years: What to Know, Time, 22-03-2024</li>
<li>Explainer: Vietnam's second president in two years resigns, Asia Media Centre, 27-03-2024</li>
<li>Vietnam leadership turnover and foreign-policy implications, IISS</li>
</ul>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ขhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2024/04/108665
 
หน้า:  1 ... 32 33 [34] 35 36 ... 1130
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.667 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 26 กันยายน 2566 05:59:18