ในคัมภีร์ จุณฑิธารณีสูตร แสดงไว้ว่า พระพุทธองค์ทรงรำลึกอนาคตกาลว่า สืบไปภาคหน้าสรรพชีวิตจักหนาแน่นไปด้วยอกุศล อันจะนำ
มาซึ่งภัยและความทุกข์ยากเป็นอันมาก ด้วยพระมหากรุณาธิคุณต่อมวลสรรพชีวิต จึงทรงเข้าสมาธิอันมีนามว่า จุณฑิสมาธิ จากนั้นจึงทรงแสดง คาถาที่
พระพุทธองค์ในอดีตอันมีจำนวนถึง ๗ โกฏิได้เคยแสดงไว้ นั่นก็คือคาถาอันมีนามว่า จุณฑิธารณี ซึ่งเป็นภาษาสันสกฤตดังนี้...............นะมะฮ์ สัปตะนัม สัมมาสัมพุทธายะ โกฏินัม ตะทะยะธา อม จเล จุเล จุณเฑ สวาหา
โดยปัจจุบันมักจะออกเสียงตามสำเนียงจีนกลางว่า....................................................นำมอ สะตอนัน ซำเมียวซำพุทธอ จฺวีจือนัน เตยยาทา อม เจอลี จุลี จุณที ซอพอเฮอ
การออกเสียงบางแห่งอาจต่างไปจากนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะสาระสำคัญไม่ใช่การออกเสียง หากแต่อยู่ที่ใจของผู้ที่สวดเป็นสำคัญคาถา จุณฑิธารณี นี้ แบ่งออกเป็น ๒ ส่วนคือ...............................
ท่อนแรกคือบทนมัสการ พระพุทธเจ้าทั้ง ๗ โกฏิ คือ นะมะฮ์ สัปตะนัม สัมมาสัมพุทธายะ โกฏินัม
(นำมอ สะตอนัน ซำเมียวซำพุทธอ จฺวีจือนัน)และท่อนหลังคือ ตัวคาถา หรือที่เรียกว่า หฤทัยคาถา คือ ตะทะยะธา อม จเล จุเล จุณเฑ สวาหา
(เตย ยาทา อม เจอลี เจอลี จุณที ซอพอเฮอ) หรือ อม จเล จุเล จุณเฑ สวาหา(อม เจอลี เจอลี จุณที ซอพอเฮอ)
คาถา จุณฑิธารณี นี้ ต่างจากคาถาอื่น ๆ กล่าวคือผู้สวดไม่ต้องเตรียมตัว หรือเตรียมการใด ๆก่อนสวด สวดได้ทุกที่ทุกสถานการณ์ ผู้ใดหมั่นสวดสาธยาย สติปัญญาเพิ่มพูน ทรัพย์สินบริบูรณ์ พ้นจากภยันตรายทั้งปวง อายุยืนนานร่างกายแข็งแรง เป็นที่เคารพยำเกรงต่อมนุษย์ อมนุษย์
เทพยดาทั้งหลาย ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ มนุษย์ อมนุษย์ ภูตผี เทพ อาวุธ ยาพิษ โจร สัตว์ร้าย ขุนนาง ฯลฯ ไม่อาจทำอันตรายสวดครบ ๔ แสน ๖ หมื่นจบ จักได้พบพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ในความฝัน สวดครบ ๑ ล้านจบ เมื่อสิ้นอายุขัย จักสามารถท่องเที่ยวไปยังพุทธเกษตรทั้งทศทิศ