[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ใบบุญ ที่ 21 มีนาคม 2564 17:41:38



หัวข้อ: พระธรรมธีรราชมหามุนี (เที่ยง อัคคธัมโม) วัดระฆังโฆสิตาราม บางกอกน้อย กรุงเทพฯ
เริ่มหัวข้อโดย: ใบบุญ ที่ 21 มีนาคม 2564 17:41:38
(http://www.sookjaipic.com/images_upload_2/92250569785634_MONG_Copy_.jpg)

พระธรรมธีรราชมหามุนี (เที่ยง อัคคธัมโม)
วัดระฆังโฆสิตาราม บางกอกน้อย กรุงเทพฯ

“พระธรรมธีรราชมหามุนี” (เที่ยง อัคคธัมโม) เจ้าอารามผู้ปกครองวัดระฆังโฆสิตาราม เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นทั้งนักปราชญ์ พระนักเทศน์ และพระนักพัฒนา

รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 ด้วย

มีนามเดิมว่า เที่ยง ชูกระโทก เกิดเมื่อวันที่ 16 เม.ย.2478 ที่บ้านดอนชมพู ต.บิง อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา

ในวัยเยาว์ เป็นเด็กที่ซุกซนเที่ยวเล่นสนุกสนานไปวันๆ จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนประชาบาลวัดดอนชมพู

บรรพชา ที่วัดสมอราย ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีพระครูพรหมวิหารี เป็นพระอุปัชฌาย์

อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะบวชเป็นสามเณรแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมิได้ละทิ้งอุปนิสัยความเป็นเลือดนักสู้ เวลามีคนมาข่มเหงรังแกมักจะต่อสู้อย่างไม่หวาดหวั่นพรั่นพรึง แต่ด้วยความที่มีร่างกายเป็นคนตัวเล็ก มักจะเอาชนะคู่ต่อสู้ไม่ได้

กระทั่ง เจ้าอารามวัดสมอราย เห็นท่าไม่ดีเกรงว่าจะไม่เอาดีทางด้านการศึกษาธรรม จึงตัดสินใจนำตัวส่งไปฝากเรียนที่วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ

แต่มิได้ทำให้ความเลือดร้อนตามประสาวัยหนุ่มลดน้อยลงแต่อย่างใด

วันหนึ่งได้มีโอกาสท่องคาถาชินบัญชร เกิดความปีติสุขจิตใจเป็นสมาธิยิ่ง จนมีคนมาบอกเล่าให้ฟังว่าผู้ใดได้สวดภาวนาพระคาถาชินบัญชรนี้ เป็นประจำอยู่สม่ำเสมอ จะทำให้เกิดความสิริมงคลสมบูรณ์พูนผล ศัตรูหมู่พาลไม่กลํ้ากราย ไปทางใดย่อมเกิดเมตตามหานิยม

จึงตั้งจิตอธิษฐานจะขอท่องคาถาชินบัญชรให้สำเร็จทุกถ้วนความ หากทำได้จะขอเลิกนิสัยเกเร จะตั้งใจเรียนศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างจริงจัง เพื่อตอบแทนพระคุณบุพการีและสืบทอดพระพุทธศาสนาตลอดไป

ตั้งแต่นั้นมาจึงมุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ ที่สำนักเรียนวัดระฆังโฆสิตาราม

เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2501 ที่วัดบ้านดอนชมพู ต.บิง อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา มีพระครูพินิจยติกรรม วัดใหม่สุนทร อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เป็นพระอุปัชฌาย์

ในช่วงนั้น กลับไปอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านเกิดเป็นเวลา 2 ปี กระทั่งหวนกลับมาที่วัดระฆังฯ เพื่อศึกษาภาษาบาลี

พ.ศ.2514 สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค สร้างผลงานเป็นคุณูปการมากมายหลากหลายด้าน ทั้งด้านงานปกครองคณะสงฆ์ การศึกษาพระปริยัติธรรม การสาธารณประโยชน์ ด้านการพัฒนา และอื่นๆ อีกมากมาย

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2507 เป็นเลขานุการเจ้าสำนักเรียนวัดระฆังโฆสิตาราม พ.ศ.2515 เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส พ.ศ.2517 เป็นรองเจ้าคณะภาค 11 พ.ศ.2519 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2536 เป็นเจ้าคณะภาค 11

พ.ศ.2550 เป็นเจ้าอาวาส พ.ศ.2558 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2516 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระศรีวิสุทธิโสภณ พ.ศ.2526 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชวิสุทธิเวที

พ.ศ.2538 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพวิสุทธิเมธี

พ.ศ.2551 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ พระธรรมธีรราชมหามุนี

มีความสามารถในการเขียนกวีธรรมสาธกหรือกลอนธรรมะจำนวนมากมาย อาทิ บทกลอนเพื่อชีวิต ทำดีเริ่มต้นที่ตนก่อน เป็นต้น

นอกจากนี้ยังเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง มักได้รับนิมนต์ให้ร่วมพิธีพุทธาภิเษกและอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่เป็นประจำ

เกียรติคุณด้านมงคลปูชนียวัตถุที่สร้างชื่อ คือ พระสมเด็จเนื้อดินและพระปิดตาเนื้อดิน สร้างจากเนื้อดินหุ่นหรือดินไทย ที่เหลือจากพิธีการสร้างหล่อรูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) จึงนำดินนั้นมาสร้างเป็นพระเครื่องเนื้อดินมีลักษณะสีดำเกรียม เมื่อปี พ.ศ.2500

มีหลักธรรมคำสอนง่ายๆ เช่น “การสวดมนต์ไหว้พระ ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ทำให้จิตใจเกิดความสงบ เมื่อเกิดความสงบแล้ว สมาธิและปัญญาจะเกิดตามมา คนเราขอเพียงมีสมาธิและปัญญา การทำงานให้สำเร็จ ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก”

สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง เวลา 20.00 น. วันที่ 8 มี.ค.2564 จึงมรณภาพอย่างสงบ ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ที่โรงพยาบาลธนบุรี 2

สิริอายุ 85 ปี พรรษา 63
   ข่าวสดออนไลน์