[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 พฤษภาคม 2567 06:58:25 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ เรื่องที่ ๔๙ สุตนชาดก : ชายยากจนพิทักษ์ยักษ์  (อ่าน 482 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5489


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 25 มีนาคม 2564 20:21:18 »




พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๔๙ สุตนชาดก
ชายยากจนพิทักษ์ยักษ์

          พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลคหบดีที่ตกยาก ญาติทั้งหลายจึงตั้งชื่อท่านว่า สุตนะ เมื่อโตเป็นหนุ่มได้เลี้ยงบิดามารดา ต่อมาไม่นานบิดาก็เสียชีวิตจึงเหลือแต่มารดา
          เจ้าเมืองพาราณสี พระองค์ทรงมีพระทัยฝักใฝ่ในการล่าสัตว์ วันหนึ่งได้เสด็จประพาสป่าไปล่าสัตว์พร้อมทั้งข้าทาสบริวารทั้งหลายตามไปด้วย พอเดินทางไปไกลประมาณ ๑ โยชน์ จึงตรัสสั่งกับทุกคนว่าใครปล่อยให้เนื้อหนีออกไปได้ ผู้นั้นจะถูกปรับสินไหม
          อำมาตย์ต่างพากันทำซุ้มดักเนื้อเพื่อไม่ให้หนีไปได้ แต่เนื่องจากทนการขับไล่ด้วยก้อนหินและไม้ไม่ไหว จึงวิ่งไปทางที่พระราชาประทับอยู่
          พระราชามองเห็นเนื้อกำลังวิ่งมา หมายจะยิงให้ได้จึงได้ทรงยิงลูกศรไปที่เนื้อ เนื้อนั้นหลบลูกศรทัน เนื่องจากได้ศึกษาวิชามารมาอย่างดี แล้วแกล้งล้มลงทำเหมือนว่าถูกยิง
          พระราชาจึงวิ่งเข้าไปจะจับเนื้อ เพราะเข้าพระทัยว่าเนื้อที่ล้มลงไปนั้นถูกยิงตายแล้ว แต่เนื้อลุกวิ่งหนีเข้าป่าไป อำมาตย์ต่างพากันหัวเราะชอบใจ
          แต่พระราชายังไม่วางพระทัย ไล่ตามเนื้อไปอีกจนกระทั่งทันตอนที่เนื้อล้าแล้ว จึงใช้พระขรรค์ฟันออกเป็น ๒ ท่อน คล้องใส่ไม้ทำเหมือนคานหามเสด็จ ระหว่างทางเสด็จกลับทางแวะพักใต้ต้นไทรใกล้ทางเดิน เผลอหลับไป
          ยักษ์มรรคเทพอาศัยอยู่ใต้ต้นไทรนั้น ได้สิทธิที่จะกินคนหรือสัตว์ที่เข้าไปบริเวณต้นไทรนั้น จากสำนักท้าวเวสสุวรรณ พระราชาตื่นขึ้นกำลังจะเสด็จออกจากบริเวณนั้น ยักษ์ตนนั้นได้จับพระหัตถ์ไว้แล้วขู่ว่า “หยุดก่อน! ตอนนี้เท่านตกเป็นอาหารของเราแล้ว”
          พระราชาตรัสถามว่า”แล้วเจ้าเป็นใครกัน”
          “เราเป็นยักษ์ที่เกิดในต้นไม้นี้ และได้สิทธิที่จะกินคนหรือสัตว์ที่เข้ามายังบริเวณต้นไม้นี้” ยักษ์ตอบ
          พอพระราชาตั้งสติได้ ก็ตรัสถามว่า “เจ้าอยากได้เนื้อกินเป็นประจำหรือจะกินเฉพาะวันนี้”
          ยักษ์จึงตอบว่า “อยากกินเป็นประจำ”
          ถ้าท่านปล่อยเราในวันนี้ พรุ่งนี้เราจะส่งคนพร้อมกับอาหารมาให้ท่านกิน
          ยักษ์ขู่พระราชาต่อว่า “พรุ่งนี้ถ้าท่านไม่ส่งคนพร้อมกับอาหารมาให้ข้า ข้าจะกินตัวท่านเอง”
          “เราเป็นเจ้าเมืองพาราณสี ตรัสสิ่งใดแล้วย่อมเป็นสิ่งนั้น”
          ยักษ์รับคำแล้วปล่อยพระราชาไป
          พระราชาเสด็จกลับพระนคร เล่าเรื่องให้อำมาตย์ฟังแล้วตรัสถามว่า “ควรจะทำอย่างไร”
          “พระองค์ทรงได้กำหนดวันหรือไม่” อำมาตย์ทูลถาม
          “ไม่ได้กำหนด”
          “นักโทษในเรือนจำมีอยู่มาก พระองค์ทรงอย่ากังวลไปเลย”
          “ถ้าอย่างนั้น เจ้าจงจัดการเรื่องนี้แทนข้าด้วย”
          อำมาตย์รับเกล้าแล้วทำการเบิกคนในเรือนจำนำเข้าไปให้ยักษ์กินทุกวันโดยไม่ให้รู้อะไรเลย
          ต่อมาคนในเรือนจำหมด ไม่เหลือนักโทษสักคนให้ยักษ์กิน
          พระราชาเริ่มรู้สึกหวาดกลัวความตาย เมื่อไม่มีคนและอาหารไปให้ยักษ์
          อำมาตย์ทรงปลอบพระทัยแล้วกราบทูลว่า “คนที่มีความหวังในทรัพย์มากกว่าชีวิตของตนเองยังมีอยู่เยอะพระองค์ ข้าพเจ้าจะวางห่อเงินพันกหาปณะไว้บนคอช้างเที่ยวประกาศ คนที่อยากได้ทรัพย์นี้ให้นำอาหารไปให้ยักษ์”
          เมื่อสุตนะผู้ยากจนได้ยินเข้า ก็คิดว่าเงินที่เราได้มาจากค่าจ้าง ๑ มาสกบ้าง ครึ่งสกบ้าง ไม่พอเลี้ยงมารดา จึงคิดจะเอาทรัพย์นี้มาให้มารดา แล้วไปยังที่อยู่ของยักษ์ ถ้าทรมานยักษ์ได้ก็จะเป็นกุศล และมารดาก็จะได้อยู่อย่างสบาย จึงตกลงตามนั้น พอมารดาทราบเรื่องก็กล่าวห้ามถึง ๒ ครั้ง แล้วบอกกับลูกว่า “แม่ไม่ต้องการทรัพย์หรอก”
          พอครั้งที่ ๓ สุตนะตัดสินใจไปโดยไม่บอกมารดาเลย ให้อำมาตย์นำเงินจำนวน ๑ พันกหาปณะมา ข้าพเจ้าจะนำอาหารไปให้ยักษ์เอง นำทรัพย์มาให้มารดา  จึงพูดกับมารดาว่า “แม่! ไม่ต้องคิดอะไร ผมจะไปทรมานยักษ์ ทำความสวัสดีแก่มหาชน และกลับมาดูรอยยิ้มบนใบหน้าของแม่ แม่จงเบาใจเถอะ
          แล้วจึงเดินทางเข้าราชสำนักกับเจ้าหน้าที่ และได้ถวายบังคม พระราชาจึงตรัสว่า “เจ้าเองหรือที่จะนำอาหารไปให้ยักษ์”
          “พระพุทธเจ้าข้า”
          “จะเอาอะไรไปบ้าง”
          “ข้าพเจ้าทูลขอฉลองพระบาททองคำของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
          “เพราะเหตุอันใดเล่า”
          “ข้าแต่สมมติเทพ! ยักษ์ได้สิทธิกินเฉพาะคนที่ยืนอยู่ใต้โคนต้นไม้ของตน แต่ข้าพเจ้าจะยืนอยู่บนฉลองพระบาท
          “แล้วอย่างอื่นล่ะ”
          “ฉัตรของพระองค์”       
          “เพื่อประโยชน์อะไรเล่า”
          “ข้าแต่สมมติเทพ! ยักษ์นี้กินคนที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ของตน แต่ข้าพเจ้าจะยืนอยู่ใต้ร่มฉัตร”
          “อยากได้อะไรอีกไหม”
          “พระขรรค์ของพระองค์”
          “ทำไมเล่า”
          “ยักษ์ทั้งหลายล้วนแต่กลัวพระขรรค์ แม้แต่มนุษย์ก็กลัวเหมือนกัน”
          “จะเอาอะไรอีกไหม”
          “ถาดทองคำของพระองค์”
          “จะเอาถาดทองคำไปทำไม”
          “เพราะว่าชายชาติบัณฑิตอย่างข้าพระพุทธเจ้าไม่เหมาะแก่การนำอาหารเลวๆ บรรจุถาดดิน ข้าพระพุทธเจ้า”
          พระราชาทรงตรัสให้ประทานทุกอย่างตามที่ขอ และทรงมอบให้คนรับใช้แก่พระโพธิสัตว์ไป กล่าวกราบทูลพระราชาว่า           
          “พระองค์ทรงอย่ากลัวไปเลย วันนี้ข้าพเจ้าจะทรมานยักษ์และจะนำความสวัสดีแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทและปวงชนทุกคน”
          จากนั้นจึงถวายบังคมพระราชาแล้วสวมฉลองพระบาททองคำขัดพระขรรค์ กั้นเศวตฉัตรบนศีรษะ ถืออาหารบรรจุถาดทองคำไปยังที่อยู่ของยักษ์   
         “เอ วันนี้ดูแปลก ชายผู้นี้มาไม่เหมือนกับวันอื่นๆ เพราะเหตุใดหนอ” ยักษ์นึกในใจ
          พอไปใกล้ถึงต้นไม้ สุตนโพธิสัตว์ใช้ปลายดาบผลักถาดอาหารเข้าไปใต้ร่มไม้ แล้วกล่าวว่า “มฆเทพ! ที่ประจำอยู่ ณ ต้นไทรนี้ ข้าได้นำอาหารเจือด้วยเนื้อสัตว์สะอาดมาให้ท่านตามคำรับสั่งของพระราชา จงออกมารับเอาเถิด”
          ได้ยินดังนั้นแล้ว ยักษ์จึงนึกหาวิธีลวงชายผู้นี้เข้ามาใต้ร่มไม้เพื่อที่จะกิน จึงกล่าวว่า “พ่อหนุ่ม เจ้าจงถืออาหารและกับข้าวลงมากินพร้อมกับเราเถิด”
          พระโพธิสัตว์จึงกล่าวตอบว่า “ท่านผู้เก่งกล้า ถึงขนาดจะยอมละทิ้งประโยชน์มากมายเพราะเหตุเล็กน้อย ผู้ที่ระแวงความตาย ไม่นำอาหารมาให้ท่าน อาหารที่เรานำมานี้เป็นของสะอาด ประณีต รสอร่อย หาได้ยากที่จะมีใครนำมาให้ท่าน”
          ฟังแล้วเกิดมีจิตใจเลื่อมใสในคำพูดของมาณพ จึงกล่าวว่า “สุตนะ! ประโยชน์ที่ท่านกล่าวนี้ ย่อมเจริญแก่เราทีเดียว ท่านจงกลับไปหามารดาของท่านเถิด จงนำพระขรรค์ ฉัตร และฉลองพระบาทไปให้มารดาท่าน จงสวัสดีเถิด
          พระโพธิสัตว์ได้ฟังแล้วปลื้มใจที่ทรมานยักษ์สำเร็จ แถมยังได้ทรัพย์จำนวนมาก ทั้งยังได้ปฏิบัติตามพระราชดำรัสด้วย จึงกล่าวกับยักษ์ว่า “ขอให้ท่านเป็นผู้มีความสุขพร้อมกับญาติทั้งหมดเหมือนกัน เราได้ปฏิบัติตามพระราชดำรัส รวมทั้งทรัพย์ด้วย แล้วจึงเรียกยักษ์มาบอกอานิสงส์ศีลและโทษศีลว่า “แต่ก่อนนี้ท่านคงทำอกุศลกรรมไว้มาก จึงเกิดเป็นคนกักขฬะหยาบคาย กินเลือดเนื้อผู้อื่นเป็นอาหาร แต่นี้ไปท่านจงอย่าได้ทำอกุศลกรรมอีกเลย จงมีปาณาติบาตเป็นต้น  จงตั้งอยู่ในศีล ๕ เราจะพาท่านไปนั่งอยู่ที่ประตูพระนคร มีอาหารเลิศรสให้ท่าน จะมีประโยชน์อันใดกับการอยู่ป่าเล่า”
          จากนั้นจึงพายักษ์มุ่งหน้าไปยังเมืองพาราณสี
          อำมาตย์พากันกราบทูลพระราชาว่า “สุตนะมาณพพายักษ์เข้าเมือง”
          พระราชาและอำมาตย์ทำการต้อนรับพระโพธิสัตว์ และให้ยักษ์นั่งที่ประตูพระนคร จัดหาอาหารให้อย่างดี ทำให้เขามีลาภแล้ว จึงเสด็จเข้าพระนคร
          จากนั้นได้ตีกลองเที่ยวประกาศให้ชาวนครประชุมกัน แล้วตรัสถึงคุณงามความดีของพระโพธิสัตว์ และทรงพระราชทานตำแหน่งเสนาบดีแก่พระโพธิสัตว์ พระองค์ทรงดำรงอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์ ได้ทรงทำบุญถือศีลตลอดพระชนม์ชีพ
 

ธรรมนิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“จงอย่าสร้างกรรม เพราะเห็นแก่ประโยชน์อันเล็กน้อย”
“สิ่งสิ่งผิดพลาดในอดีตสามารถแก้ไขได้ในปัจจุบันโดยการสร้างบุญสร้างกุศลให้แก่ตน”

พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ยสฺส ปาปํ กตํ กมฺมํ  กมฺมํ กุสเลน ปิหียติ
โสมํ โลกํ ปภาเสติ  อพฺภา มุตฺโต ว จนฺทิมา

บุคคลใดเคยทำกรรมชั่วไว้แล้ว (กลับตัวได้) หันมาทำดีปิดกั้น
บุคคลนั้นย่อมทำโลกให้แจ่มใส เหมือนดั่งดวงจันทร์อันพ้นจากเมฆหมอก (๒๕/๑๗๓) 


คัดจาก : หนังสือ พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ / จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดย สถาบันบันลือธรรม

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ เรื่องที่ ๑๙ เภริวาสชาดก : ช่างตีกลองกับบุตรชาย
ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
Kimleng 0 803 กระทู้ล่าสุด 15 กรกฎาคม 2563 20:06:56
โดย Kimleng
พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ เรื่องที่ ๒๐ วัณณุปถชาดก : ความเพียรของพ่อค้า
ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
Kimleng 0 1580 กระทู้ล่าสุด 15 กรกฎาคม 2563 20:09:53
โดย Kimleng
พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ เรื่องที่ ๓๙ เจติยราชชาดก : พระเจ้าเจติยราช
ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
Kimleng 0 752 กระทู้ล่าสุด 05 พฤศจิกายน 2563 20:50:13
โดย Kimleng
พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ เรื่องที่ ๔๐ กายนิพพินทชาดก : ชายขี้โรคบวชไม่สึก
ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
Kimleng 0 630 กระทู้ล่าสุด 06 กุมภาพันธ์ 2564 19:55:41
โดย Kimleng
พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ เรื่องที่ ๔๑ กัสสปมันติยชาดก : บิดาชรากับบุตรน้อย
ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
Kimleng 0 707 กระทู้ล่าสุด 06 กุมภาพันธ์ 2564 19:58:21
โดย Kimleng
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 1.176 วินาที กับ 35 คำสั่ง

Google visited last this page 25 เมษายน 2567 20:22:10