[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ไปเที่ยว => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 15 กันยายน 2557 14:20:43



หัวข้อ: ชม โบสถ์ร้าง วัดสังกระต่าย จังหวัดอ่างทอง
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 15 กันยายน 2557 14:20:43
.

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/68145578106244_3.JPG)

โบสถ์ร้าง วัดสังกระต่าย
ตำบลศาลาแดง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง

ความสวยงาม เก่าแก่ ของโบสถ์ร้าง วัดสังกระต่าย หมู่ที่ ๔ ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง เป็นที่ร่ำลือมานาน

ล่าสุด นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมคณะจึงเดินทางมาตรวจสอบ และสั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งเก็บข้อมูล เตรียมขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งใหม่และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในอ่างทอง โดยจะเร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักพุทธศาสนาเพื่อให้ทางจ.อ่างทอง ลงมาดูแล

นายเอนกระบุว่า ด้านการบูรณะนั้นคงปล่อยไว้ตามธรรมชาติ เพราะธรรมชาติที่สร้างอยู่เป็นเรื่องมหัศจรรย์อยู่แล้วที่หาดูยาก ทางกรมศิลปากรคงจะดูแลรอบๆ โบสถ์ให้ดูดีขึ้น และถ้าขุดได้คงจะขุดดินรอบโบสถ์ด้านนอกเพื่อให้เห็นถึงด้านล่างของโบสถ์ ที่สำคัญพื้นที่หลังโบสถ์ที่เป็นทางเข้ามาเที่ยวเป็นที่วัดก็จริง แต่มีเอกชนได้จับจองตามสิทธิ์ไว้ คงต้องคุยกับสำนักพุทธศาสนาเพื่อดึงพื้นที่ดังกล่าวกลับมาเพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาและการท่องเที่ยว

สำหรับโบสถ์ร้างวัดสังกระต่าย ขณะนี้อยู่ในการดูแลของสำนักงานเทศบาลศาลาแดง พื้นที่บริเวณวัดเหลือแต่ตัวโบสถ์ที่คงให้เห็นอยู่ มองไปในระยะไกลคิดว่ามีแต่ต้นโพธิ์ขึ้นอยู่ ๔ ต้นเท่านั้น แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าบริเวณโคนต้นโพธิ์ ที่แท้เป็นโบสถ์ร้างโบราณ ที่สร้างเป็นห้องไว้ จำนวน ๓ ห้อง ประตูโบสถ์อยู่ด้านข้าง ภายในห้องแรกมีพระบูชา คือ หลวงพ่อแก่น เมื่อเข้ามาในห้องใหญ่มีพระประธานองค์ใหญ่ ๑ องค์ คือ หลวงพ่อวันดี และอีก ๒ องค์มีขนาดย่อมลงมา คือ หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุข ส่วนห้องสุดท้ายเป็นห้องว่างเปล่า

โบสถ์ร้างดังกล่าวนี้ไม่มีหลังคาแต่ร่มรื่น เนื่องจากอาศัยร่มเงาของต้นโพธิ์ที่ปกคลุมจนเปรียบเสมือนหลังคาแล้ว ส่วนผนังโบสถ์ก็อยู่ในสภาพที่เก่าแก่ ทรุดโทรม แตกหัก แต่คงสภาพอยู่ได้โดยไม่พังทลายลงมา เพราะได้รากต้นโพธิ์ทั้ง ๔ ต้น ที่ขึ้นอยู่ ๔ มุม รากได้ชอนไชยึดผนังโบสถ์ไว้ทั้งหลังอย่างแน่นหนา

จากการบอกเล่าต่อๆ กันมา วัดสังกระต่าย เดิมชื่อว่า "วัด สามกระต่าย" แต่ได้มีการเรียกชื่อผิดเพี้ยนกันมาเรื่อยๆ จนกลาย เป็นวัดสังกระต่าย มี "ทวดติ จันทนเสวี" ซึ่งเป็นพระมารดาของพระยาหัสกาลเป็นผู้สร้าง ตั้งแต่สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา ประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ ปีมาแล้ว

สมัยนั้นมีพระภิกษุสงฆ์มาจำพรรษาอยู่นาน โดยมีสภาพเป็นวัด บริเวณด้านซ้ายเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งต่อมาได้ถมดินกลบไปแล้ว ส่วนบริเวณข้างโบสถ์มีกุฏิสร้างเรียงรายอยู่หลายหลัง ต่อมาพระภิกษุสงฆ์เกิดทะเลาะวิวาทกันขึ้น และทะเลาะกันเรื่อยมา ชาวบ้านเชื่อกันว่าสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องของเจ้าที่ที่สิงสถิตในบริเวณวัดแรงมาก จึงทำให้พระสงฆ์ไม่สามัคคีกัน ต้องแยกย้ายกันไปคนละที่คนละทาง จนในที่สุดชาวบ้านก็เริ่มเสื่อมศรัทธา ไม่เข้ามาทำบุญ พระสงฆ์ไม่มีจำวัด กลายเป็นวัดร้าง

หลังเป็นวัดร้างนานนับ ๑๐๐ ปี ในละแวกหมู่บ้านได้มีการสร้างวัดขึ้นมาใหม่ชื่อว่าวัดไผ่ล้อม ชาวบ้านจึงหันไปเลื่อมใสศรัทธาและไปทำบุญที่วัดไผ่ล้อมแทน ต่อมาชาวบ้านได้มาย้ายกุฏิที่วัดสังกระต่ายไปสร้างเป็นกุฏิใหม่ที่วัดไผ่ล้อม เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้จำวัด ทำให้วัดสังกระต่ายเหลือเพียงโบสถ์ร้างอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

เมื่อวัดสังกระต่าย กลายเป็นวัดร้าง ก็มีสภาพเป็นป่ารกทึบ ถ้ามองมาจากข้างนอกไม่เห็นเลยว่าข้างในป่านี้เคยเป็นวัดมาก่อน กระทั่งต่อมา "ทวดนิ่ม จันทเสวี" ซึ่งมาขอเช่าพื้นที่บริเวณวัดจากกรมศาสนา เพื่อใช้ทำสวน ซึ่งเมื่อก่อนพื้นที่วัดมีอยู่ประมาณ ๗ ไร่ หลังจากนั้นได้มีชาวบ้านมาบริจาคที่ดินที่อยู่ด้านหลังเพิ่มให้อีก ๒ ไร่ ปัจจุบันที่ดินดังกล่าวได้ถูกสร้างเป็นสำนักงานเทศบาลตำบลศาลาแดง

จากการสอบถามนางจำนง พุ่มอุสิต อายุ ๘๔ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒๔ หมู่ที่ ๔ ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง ซึ่งมีบ้านอยู่ตรงข้ามกับ วัดสังกระต่าย และเติบโตมาบนพื้นที่แห่งนี้ กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเกิดมาและจำความได้ ก็เห็นวัดสังกระต่ายตั้งอยู่หน้าบ้านแล้ว แต่มีสภาพเป็นป่ารกทึบ มีต้นไม้ขึ้นเป็นจำนวนมาก มีร่องรอยของการใช้พื้นที่ทำเป็นสวนมะม่วง กล้วย อ้อย และพันธุ์ไม้อีกหลายชนิด มีสัตว์อาศัยอยู่จำนวนมาก เช่น ไก่ป่า และกระต่าย


จำนงเล่าว่า เมื่อก่อนวัดสังกระต่าย มีเพียงพระพุทธรูป ๓ องค์ที่อยู่ข้างในคือ หลวงพ่อวันดี หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุขเท่านั้น แต่มีสภาพที่โดนตัดเศียรกองไว้กับพื้น จนต้องมีการบูรณะซ่อมแซมต่อเศียรพระไว้กับองค์พระ ส่วนหลวงพ่อแก่น ได้นำเศียรพระที่ถูกตัดมาจาก อ.วิเศษชัยชาญ มาบูรณะสร้างองค์ใหม่และประดิษฐานไว้

ปัจจุบันชาวบ้านบางส่วนยังมีความเลื่อมใสศรัทธาในตัววัด ถึงแม้จะเป็นวัดร้างก็ตาม บ้านไหนมีงานบุญงานมงคลจะมากราบไหว้ที่วัดแห่งนี้ ยิ่งเป็นงานบวช ก็จะแห่นาคมาเวียนรอบโบสถ์ร้างโบราณ แห่งนี้ ๓ รอบบ้าง ๙ รอบบ้าง ก่อนที่จะแห่นาคไปยังวัดที่จะอุปสมบทอีกที

วัดสังกระต่าย ได้รับการดูแลจากสำนักงานเทศบาลตำบลศาลาแดงและชาวบ้านเป็นอย่างดี ส่วนพื้นที่ของวัดส่วนใหญ่ชาวบ้านได้เช่าไปเพื่อประโยชน์ โดยมุ่งเน้นให้คงสภาพเป็นโบราณสถานที่มีศิลปกรรมที่สวยงามตามธรรมชาติเอาไว้

ที่สำคัญสถานที่สะอาด ร่มรื่น ร่มเย็นมาก มีประชาชนแวะเวียนเข้ามาท่องเที่ยวสักการบูชา ขอพรพระพุทธรูป และชื่นชมความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา โดยเฉพาะในวันหยุดจะมีประชาชนเข้ามาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก

ส่วนการเดินทางนั้น วัดสังกระต่าย ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองอ่างทองประมาณ ๒ กิโลเมตร เดินทางมาจากถนนสายเอเชีย แยกเข้า จ.อ่างทอง ด้านขวามือจะผ่านโรงเรียนอ่างทองปัทมโรจน์วิทยาคม ตรงไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา (สะพานอ่างทอง) จะเจอสี่แยกไฟแดง ให้ตรงมาผ่านตลาด

จากนั้นตรงไปเรื่อยๆ เจอสี่แยกไฟแดงแยกเรือนจำให้เลี้ยวขว ผ่านเรือนจำอ่างทอง ตรงไปด้านซ้ายมือเห็นปั๊มน้ำมัน ปทต. ให้ ยูเทิร์นกลับ จะพบป้ายวัดสังกระต่ายอยู่ซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเทศบาลตำบลศาลาแดง ประมาณ ๕๐๐ เมตรก็ถึงวัดสังกระต่าย



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/55475072604086_5_1.JPG)
หลวงพ่อแก่น พระปางนาคปรก
ประดิษฐานที่โบสถ์ร้าง วัดสังกระต่าย จ.อ่างทอง


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/68145578106244_3.JPG)
หลวงพ่อวันดี

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/91536367146505_5.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/58199259224865_4.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/56198921799659_1.JPG)
หลวงพ่อวันดี หลวงพ่อศรี หลวงพ่อสุข

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/36282781056231_2.JPG)
รากโพธิ์ "สี่ทิศ" ช่วยโอบอุ้มพยุงผนังโบสถ์ ทำให้โครงสร้างผนังทรงตัวไม่พังทลาย

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/58806324336263_6.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/80004679742786_7.JPG)

ข้อมูล : หนังสือพิมพ์รายวันข่าวสด (น.๑๑ จันทร์ที่ ๒๕ ส.ค. ๕๗)