[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
12 พฤษภาคม 2567 01:44:36 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปาฏิหาริย์พระพุทธสิริสัตตราช ( หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ )  (อ่าน 11719 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5081


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 17 มิถุนายน 2553 20:13:54 »

ปาฏิหาริย์พระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)

http://img107.imageshack.us/img107/2690/dsc06037wr6.jpg
ปาฏิหาริย์พระพุทธสิริสัตตราช ( หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ )

พระพุทธสิริสัตตราช สิ่งศักสิทธิ์ ที่ต้องเข้าไปนมัสการ เพื่อความเป็นสิริมงคล
http://img107.imageshack.us/img107/9500/dsc06050qc9.jpg
ปาฏิหาริย์พระพุทธสิริสัตตราช ( หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ )


รายละเอียด ของพระพุทธสิริสัตตราช
ภาพที่ปรากฏในอัลบั้ม เป็นประมวลภาพเหตุการณ์ ณ บ้านเรือนไทย ลาดพร้าว

ระหว่างวันที่ 14-16 เมษายน 2544 ในโอกาสที่พระเดชพระคุณพระครูภาวนากิจโกศล
(หลวงปู่สอ พันธุโล)ให้จัดงานในเทศกาลตรุษสงกรานต์ เพื่อให้ชาวพุทธในกรุงเทพมหานคร
และในปริมณฑลใกล้เคียง ได้มีโอกาสมาทำบุญ ตักบาตร ถวายภัตตาหารและสังฆทาน อุทิศส่วนกุศล
ผลบุญแด่บุพพการีชน ครูบาอาจารย์ และสรงน้ำพระพุทธรูป พระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ
และพระธาตุครูบาอาจารย์ เลือกมาเฉพาะภาพที่”ไม่ธรรมดา” ปรากฏ”รังสี”หรือ”แสง” ส่วนภาพอื่น
เลือกมาเพียงเพื่อลำดับเหตุการณ์เท่านั้น
“รังสี”หรือ”แสง”เหล่านี้ ท่านเพิ่งมายินยอมอธิบายให้ศิษย์ผู้ใฝ่ในการเรียนทำสมาธิภาวนา
ทราบ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2544นี่เอง โดยทุกครั้งก่อนหน้านั้น เมื่อกราบเรียนถาม ท่านจะเพียงเปรย
ให้ศิษย์ใกล้ชิด(ที่ใฝ่ภาวนา)ฟังเท่านั้นว่า วันนี้-คืนนี้ ครูบาอาจารย์มาทุกองค์ เทวดาก็มามาก…….
เต็มไปหมด บางเวลาหากเรียนถามลึกลงไปว่า ท่านหลวงปู่องค์นั้น…..องค์นี้มาหรือไม่ ท่านจะตอบรับ
ว่า-มา บอกแล้วว่ามาทุกองค์ เทวดา ชั้นพรหม ชั้น…..มาไหม ท่านจะยิ้มตอบรับแล้วนิ่งอยู่……….
ก็เพียงแค่นั้น…….เป็นอย่างมาก
แต่ครั้งนี้ เป็นโอกาสพิเศษด้วยเรียนถามท่านด้วยความสงสัยว่า ทำไมภาพ”ไม่ธรรมดา”
จึงมีมากมาย เป็นภาพพิเศษกว่า70% โดยที่ทุกครั้ง จะมีภาพพิเศษเพียงไม่เกิน 10%ของภาพที่ถ่าย
บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด

 
หลวงปู่ท่านอธิบายว่า พุทธาภิเษกครั้งนี้กระทำต่อหน้าพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุและ
พระธาตุครูบาอาจารย์ “ท่าน”และ “เทวดา” จึงมาอวยชัยให้พรมาก และอีกประมาณหนึ่ง เป็นการพุทธาภิเษก
ที่จะหาทุนมาจัดสร้างพระพุทธรูป เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย “พระ”ผู้ทรงเป็น “ยอด”และ “ปิ่น”แห่งแผ่นดินทั้งสองพระองค์ เพื่อพระราชทานให้บังเกิดความร่มเย็น สันติสุขแก่แผ่นดินและทวยราษฎร์ ครูบาอาจารย์
และปวงเทพ จึงมาชื่นชมแซ่ซ้องสาธุการอย่างน่าอัศจรรย์
หลวงปู่(สอ พันธุโล)ท่านเมตตา ถึงกับชี้ให้ดูในแต่ละภาพว่า ที่นั้นๆมี “ใคร”อยู่ กลุ่มพ่อแม่ครูอาจารย์
เหาะลอยอยู่บริเวณนี้……..แสงของเทวดาที่เหาะเข้ามากราบและลอยขึ้นไป…….อยู่บริเวณใด จุดใด…………
จึงมี”รังสี-แสง”เป็นร่องรอย ให้พอบันทึกภาพได้บ้าง
แสงสีเหลือง………….ครูบาอาจารย์
แสงสีขาว…………….พรหม
แสงสีเขียว……………จนทั้งภาพกลายเป็นสีเขียว พระอินทร์และคณาบริวาร
แสง สีอื่นๆ เทพที่มาเป็นกลุ่ม จะมีพัสตราภรณ์สีต่างๆกัน ในความเป็นทิพย์แต่งองค์เช่นไร
“รังสี-แสง”ที่บังเอิญกล้อง “จับ”ได้ ก็จะปรากฏขึ้นมาเป็น “สี”เช่นนั้น
“แสง” เป็น “ดวงกลม” ท่านมาเป็นกลุ่ม เป็นคณะ บางทีพร้อมวิมาน……

 

 
ในเทศกาลตรุษสงกรานต์ ขึ้นปีใหม่ไทยวันที่ 14-16 เมษายน 2544 ณ บ้านเรือนไทย ลาดพร้าว
มีประชาชนมารอร่วมใส่บาตร ถวายสังฆทาน และสรงน้ำหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ พระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุและพระธาตุครูบาอาจารย์อย่างคับคั่ง หลวงปู่สอ พันธุโลนำคณะสงฆ์ออกรับบาตรในภาพหลายภาพ ปรากฏ”แสง”เป็นดวงกลม ซึ่งท่านว่าเป็น “แสงเทพ”
ถวายสังฆทานอันประกอบด้วย ภัตตาหารและบริวาร “สังฆทาน”ประเภทอาหารคาว หวาน ต้อง
ลำเลียงมาจากข้างล่าง ใช้เวลาประเคนประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง
ท่านอาจารย์ ดาด สิริปุญโณ นำขมาพระรัตนตรัย ขอขมาหลวงปู่สอ
หลวงปู่สอ นำสงฆ์สรงน้ำพระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)องค์จริง พระบรมสารีริกธาตุ
พระธาตุพระปัจจเจกพุทธเจ้า พระธาตุพระอรหันต์สมัยพุทธกาล พระธาตุพระอรหันต์นิรนามสมัยโบราณและ
พระธาตุครูบาอาจารย์สมัยปัจจุบัน
ก่อนพิธีพุทธาภิเษก หลวงปู่บุญฤทธิ์ บัณฑิโต ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม และขณะนี้ท่านไป
เผยแพร่ธรรมอยู่ที่ออสเตรเลีย ได้เดินทางมาเยี่ยม ได้คุยกับท่านถึงความหลัง เมื่อกำลังเขียนประวัติหลวงปู่ชอบ
ประมาณ พ.ศ.2529 ท่านมากราบหลวงปู่ชอบที่เรือนไทย
ท่านกล่าวว่า เรื่องหลวงปู่ชอบ เต็มไปด้วยเทวดา แต่หลวงปู่บุญฤทธิ์ยังไม่เคยพบเทวดา จึงไม่กล้า
เชื่อว่าเทวดามีจริง ทันใดนั้นที่เรือนไทย ก็ส่งเสียงครืนลั่น กลดแดงใหญ่ที่หลวงปู่หลุยให้ไว้ แกว่งหมุน เสียงครืนลั่นขนาดนี้ เรือนไทยน่าจะไหวโยกทั้งหลัง ท่านมองหน้าผู้เขียนว่าเป็นเสียงอะไร
หรือเป็นเสียงเทวดา…………?
ผู้เขียนบอกว่า ถ้าเป็นเสียงเทวดา ขอฟังอีกสักครั้งชัดๆ ปรากฏเสียงครืนดังลั่น ติดต่อกันเป็นระยะจนต้องร้องว่า เชื่อแล้วว่าเทวดามีจริง เสียงจึงหยุด รุ่งขึ้นเรียนถามหลวงปู่ชอบ ซึ่งท่านพักจำวัตรอยู่ในกุฏิตรงหน้า หลวงปู่ชอบท่านรับว่า ใช่-เสียงเทวดาเขาทำให้ฟัง
คืนวันที่ 14 เมษายน 2544เป็นเวลา 15 ปีให้หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น หลวงปู่บุญฤทธิ์มานั่ง
ตรงจุดที่ท่านเคยนั่งเมื่อปี2529 ท่านก็เปรยว่า เทวดา เขายังอยู่ตรงนี้หรือเปล่า
ภาพที่ถ่ายออกมาเลยมี “แสง”ให้ปรากฏ

 
ปาฏิหาริย์พระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)(ต่อ)

 
หลวงปู่สอ และคุณหญิงสุรีย์พันธ์ มณีวัต

เมื่อเดือนธันวาคม2543 พระอินโดนีเซีย 2 องค์พร้อมคหบดีชาวอินโดนีเซียอีก 2คน มาขอกราบ
พระบรมสารีริกธาตุที่บ้านลาดพร้าว ด้วยทราบกิติศัพท์จากสมเด็จพระสังฆราชได้บอกเขาไปว่า ปัจจุบันจะเปิดให้กราบและสรงน้ำเฉพาะระหว่างสงกรานต์เท่านั้น ถ้าหากสนใจขอให้มาระหว่างวันที่ 14-15เมษายนปี 2544นี้
คหบดีชาวอินโดนีเซียและเพื่อนมีความเคารพเลื่อมใสพระบรมธาตุมาก เขาได้นำภาพถ่ายและวีดีโอ
ออกมาอวด โดยจัดที่ตั้งบูชา ประดับดอกไม้สดอย่างสวยงาม เป็นแท่นบูชายาวเกือบ 300 เมตร เสียค่าดอกไม้
ประดับไปเป็นเงินกว่า 3 ล้านบาท โดยมีพระธาตุเพียง 111 องค์เท่านั้น
พระอินโดนีเซียและฆราวาสบอกว่า ยินดีที่จะบินมาและอาจชักชวนเพื่อนผู้ศรัทธามาด้วย
น่าตื้นตันใจ ที่พอถึงวันที่ 14 เมษายน 2544 ท่านทั้งสองได้พาคณะศรัทธาชาวพุทธอินโดนีเซียบินมา
กราบพระธาตุจริงๆ รวมถึง 31 คน คณะท่านมากราบถึง 2 วัน คือคืนวันที่ 14 และ 15 เมษายน ได้มอบพระบรม-
สารีริกธาตุให้แก่ทุกคนในคณะและเกิดปาฏิหาริย์เพิ่มขึ้นอีก 8 ซอง คณะอินโดนีเซียตื่นเต้นกันมาก พระท่านเลยขอไปไว้ที่วัดในสุราบายาและเดนปาซาร์
ก่อนเริ่มพุทธาภิเษก เริ่มมี “รังสี “ปรากฏ
จุดเทียนที่อ่างน้ำมนต์
รังสีเหนือเศียรหลวงปู่
รังสีสีเขียว จับองค์หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ จนเห็นชัด แม้ด้วยตาเปล่า
หลวงปู่บอกว่า เป็นรัศมีของพระอินทร์ที่พาเทวดาคณาบริวารมากราบและร่วมพิธี
ภาพล่างซ้ายสุด ตอนบนในความเป็นจริงไม่มีลักษณะดังในภาพ
รังสีเหนือเศียรหลวงปู่สอ มีอยู่ในภาพล่างซ้ายสุดและภาพกลางของหน้าขวา
บน……..หลวงปู่ดับเทียนชัย

 
ในพิธีการฯ

บน:….พระธาตุหลวงปู่สอ พันธุโล ซึ่งเกิดจากเส้นเกศาและเล็บมือเล็บเท้าของท่าน จาก”เส้น-
เกศา”ปีนี้ใสเพิ่มขึ้นเป็น “แก้วใสดุจเพชร”และเพิ่มจำนวนมากขึ้นมาก จาก”เล็บมือเล็บเท้า”เล็กขนาดเท่าไข่ปลา
ใสเช่นกัน
ล่าง:….โอ่งน้ำมนตร์ ซึ่งปักเทียนเป็นแนวนอน ปรากฏว่า เมื่อเทียนใกล้จะหมดเล่ม ก็ควรจะตกลง
ในอ่างน้ำมนตร์และดับ แต่เทียน 2 เล่มกลับปักตั้งบนขอบโอ่ง และมีเทียนอีกเล่มหนึ่ง “ไปตั้งอยู่บนผิวน้ำและเปลวไฟลุกต่อไปได้อย่างอัศจรรย์”
ภาพ”ไม่ธรรมดา”ในอัลบั้มที่ผ่านมา เป็นภาพในงานสงกรานต์ วันที่ 14-16 เมษายน 2544 ณ บ้าน
เรือนไทย ลาดพร้าว และส่วนใหญ่เป็นภาพระหว่างพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)
ขนาด 1.9 ซม.เมื่อคืนวันที่ 14 เมษายน 2544
พิธีพุทธาภิเษกก็ดี พิธีเทเทองหล่อพระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)จำลองก็ดี มักจะมีภาพพิเศษที่ไม่ธรรมดา มี”รังสี” มี “สี” มี “แสง”รวมอยู่ด้วยเสมอ
พิธีพุทธาภิเษกพระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)จำลอง ณ บ้านเรือนไทย ลาดพร้าว ในวาระต่างๆกัน
พระพุทธรูปหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์นี้ กล่าวกันว่า ท่านเหมือนกับมนุษย์ มีเลือดเนื้อ บางทียิ้มได้ ลืมตาได้ ขยับมือเปลี่ยนจากมือขวาทับมือซ้าย ปลายนิ้วชี้ซ้ายขวาจรดกัน ปลายนิ้วหัวแม่มือซ้ายขวาจรดกัน…..

 
 
 
ปาฏิหารย์ท่ามกลางหมู่สงฆ์

รูปหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ทุกรูป เป็นรูปองค์ประธานที่บ้านเรือนไทย ถ่ายโดยกล้องเดียวกัน ในเวลา
ติดต่อกัน(ยกเว้นภาพล่างซ้ายซึ่งเห็นองค์ท่านยิ้มจนแก้มปริ) แต่พักตร์ท่านต่างกัน บางรูปยิ้มมาก บางรูปทอดตา
ลงต่ำ บางรูปยิ้มลืมตาจนเห็นแก้วตาสีดำ
ในพิธีเททองหล่อพระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)จำลอง ขนาดหน้าตัก 39นิ้ว สององค์
ซึ่งขอพระราชทานน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ สำหรับพระราชทานให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ เขื่อนภูมิพลและ
เขื่อนสิริกิติ์ เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธี ณ หน้า
อุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2542 ได้ปรากฏภาพที่ “ไม่ธรรมดา”อย่างน่าอัศจรรย์
ดูหน้าตรงข้าม
เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงเททอง เสื้อผ้าเจ้าหน้าที่โรงหล่อ ซึ่งปกติเป็นสีขาวปลอด(เทียบกับรูปซ้ายมือ)เปลี่ยนเป็นลายดุจงู
ใน 2 ภาพขวามือ เห็นพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯอยู่ด้านหลัง
บนขวา : ลำแสงสีขาวพุ่งออกมาทางกลางภาพซ้ายมือ ส่วนบนเป็นรูปแสงสีขาวคล้ายเศียรพญางู
บน : ระหว่างพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)จำลอง ขนาดหน้าตัก
39 นิ้ว ณ เขื่อนภูมิพล
ภาพซ้าย ยังไม่เริ่มพิธีพุทธาภิเษก ภาพขวากำลังพุทธาภิเษก ไฟฟ้าแสงสว่างไม่ได้เปิดเพิ่มขึ้น
แต่องค์พระที่กำลังพุทธาภิเษก สว่างเรืองด้วยแสงสีแดงและเขียว เห็นความแตกต่างชัดระหว่างภาพทั้งสอง
ล่าง ; ตอนเช้า ถวายภัตตาหาร มี “แสงดวงกลม “ลอยอยู่ ดังที่ท่านผู้รู้บอกว่า เป็นกลุ่มเทพยดามาอนุโมทนา

 
ปาฏิหาริย์ต่อเบื้องพระพักตร์สมเด็จพระราชินีนาถ
ปาฏิหาริย์พระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)(ต่อ-1)

 
 
 
บน : วันรุ่งขึ้น หลังพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)จำลอง ขนาดหน้าตัก 39 นิ้ว ณ เขื่อนสิริกิติ์ มีแสงดวงกลมลอยมาปรากฏทั้งสองภาพ
ล่าง ; ต่อมาผู้อำนวยการเขื่อนสิริกิติ์ ได้นิมนต์ให้ท่านไปแผ่เมตตาที่ต้นสักที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งกำลังทรุดโทรมต้องการการอนุรักษ์อย่างมาก มีเทวดามาคารวะ ครั้งถ่ายภาพก็ปรากฏแสงวงกลมสีเหลืองและสีฟ้า
พิธีเททองหล่อพระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)จำลอง ขนาดหน้าตัก 39 นิ้ว จำนวน 2 องค์ ซึ่งจะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ เขื่อนอุบลรัตน์และเขื่อนจุฬาภรณ์ ที่มณฑลพิธีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2543
บางจุดถ่ายเห็นแสงเป็นดวงกลมสีเหลืองนวล ซึ่งหลวงปู่บอกว่า เป็นรังสีแห่งทวยเทพยดา
ด้านในของหลังคาเต๊นท์ เป็นสีหม่นค่อนข้างเก่า แต่เมื่อถ่ายรูปออกมา มีรังสีเรืองรอง เป็นสีชมพู
-ฟ้า-ม่วง-เขียวอ่อน-เขียวแก่-ขาวและเหลืองดุจแสงฉัพพรรณรังสี
ระหว่างพิธีเททองหล่อพระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)จำลอง ขนาดหน้าตัก 39 นิ้ว
จำนวน2องค์และ19นิ้ว1องค์ ซึ่งจะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ เขื่อนสิรินธร โรงไฟฟ้าพลังน้ำลำตระคองแบบสูบกลับ และเขื่อนน้ำพุง ตามลำดับ
ที่มณฑลพิธี สำนักงานใหญ่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์2544
มีลำแสงพิเศษเช่นกัน

 
 
 
พระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)องค์จริง
กล่าวกันว่า ท่านเหมือนกับมนุษย์ พูดได้ สอนธรรมะได้ (สำหรับผู้ปฏิบัติภาวนา)
รูปปกติของท่าน จะทอดตาลงต่ำ พักตร์นิ่ง สงบ แต่บางครั้ง ท่านจะยิ้มให้อย่างเมตตา
บางเวลากล้องจับอากัปกิริยาของท่านได้
ภาพซ้าย เป็นภาพที่ท่านยิ้ม ลืมตา
ภาพขวา นอกจากยิ้มและลืมตาแล้ว มือทั้งสองที่เคยวางทับกัน มือขวาทับมือซ้าย
กลับเปลี่ยนเป็นนิ้วหัวแม่มือทั้งสองจรดกัน
ภาพอัศจรรย์ ณ วัดเวฬุวัน อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ หลายครั้งระหว่างพิธี-ไม่ว่าจะเป็น
พุทธาภิเษกหรือเททอง-หลวงปู่จะบอกพวกลูกศิษย์นักภาวนาว่า ขณะนี้”หลวงพ่อ”ท่านมีพญางู
แผ่พังพานอยู่เหนือมณฑลพิธี

 
ในท่ามกลางพิธีใหญ่

วันนั้นที่วัดเวฬุวัน ผู้ไม่มีตาทิพย์จึงอธิษฐานขอเห็นบ้าง(ขอเห็นโดยตาเนื้อ-)
หลังอธิษฐานไม่กี่อึดใจ เมฆบนท้องฟ้าซึ่งเป็นสีเทาทะมึน เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน
สดใส และมีเมฆขาวกลุ่มใหญ่ลอยมา แล้วแปรเปลี่ยนเป็นเหมือนเศียรพญางู 7 เศียรแผ่พังพาน
จึงประกาศให้ผู้ที่อยู่ในมณฑลพิธีประมาณหนึ่งหมื่นคน ได้เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า หลายสิบคนร้องไห้
ด้วยความปลื้มปีติ ภาพบนท้องฟ้าปรากฏอยู่เป็นเวลาประมาณ 15 นาทีจึงเลือนหายไป
รูปทั้ง 4 นี้ ผู้ถ่ายภาพอยู่ต่างสถานที่ห่างกันไม่ต่ำกว่า 100 เมตร มองขึ้นไปบนฟ้าเห็นภาพ
ในมุมต่างกันบ้าง
ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าดังเช่นที่วัดเวฬุวันนี้ เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง โดยเฉพาะในระหว่างพิธี
พุทธาภิเษก ณ บ้านเรือนไทย ลาดพร้าว ซึ่งเป็นเวลากลางคืน ทำให้น่าเสียดายที่ไม่อาจถ่ายรูปท้องฟ้า
ในเวลากลางคืนได้
ภาพชุดนี้ เกิดขึ้นที่เขื่อนสิริกิติ์ ระหว่างเชิญหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์องค์จริง ลงเรือไปในอ่างเก็บน้ำ
เมฆเกล็ดเหมือนคลื่นงูตัวใหญ่น้อย ปรากฏที่ด้านหลังของเรือ ครั้นเมื่อเรือแล่นไปประมาณ 1 ชั่วโมง
เมฆขาวกลุ่มเหมือนคลื่นงูนี้ก็สลายตัว แล้วไปลอยอยู่บนฟ้าเบื้องหน้าเรือแทน

 
ปาฏิหาริย์ท่ามกลางฝูงชนหนาแน่น

ภาพอัศจรรย์ในวันพระราชทานเพลิงศพ น.ส.ศราวณี มณีวัต ณ เมรุวัดธาตุทอง วันที่ 7
ตุลาคม 2543 เวลาประมาณ 17.00 นาฬิกา
เป็นที่ทราบกันดีว่า หลวงปู่สอ พันธุโลและหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ยิ่งด้วยความเมตตาต่อสาธุชน
และผู้ที่มีความเคารพศรัทธาต่อท่าน โดยเฉพาะผู้ที่เจ็บไข้ หากภาวนาถึงด้วยความเลื่อมใส ท่านจะไปปรากฏ
องค์อนุเคราะห์เสมอ
ศราวณีป่วยด้วยโรคร้าย แต่หลวงปู่และหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ก็มาโปรด เห็นทั้งด้วยตาเนื้อและ
ในสมาธิ เป็นที่น่าประหลาดใจว่า จวบจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ศราวณีไม่ปวดเจ็บเลย ผิดจากผู้ป่วยด้วยโรคนี้
รายอื่นๆ เธอจากไปอย่างสงบยิ่ง
เมื่อทราบข่าว ทั้งๆที่เป็นเวลาระหว่างพรรษา หลวงปู่เมตตาสัตตาหะมากรุงเทพ มานำร่างเธอ
จากโรงพยาบาลไปส่งวัด และอยู่เป็นประธานในงานสวดจนเสร็จงาน
วันพระราชทานเพลิงศพ ไม่ทราบว่าหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์มาโปรดศิษย์หรือไม่ แต่ภาพแรก มีรังสี
เริ่มปรากฏที่มุมบนขวาของภาพระหว่างผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในพิธีกำลังทอดผ้าไตร
ภาพที่สอง รังสีแผ่ลงมามากขึ้น
ภาพที่สาม มุมขวาล่าง มีรังสีสีขาวเป็นกลุ่มใหญ่แผ่กำจายอยู่
ภาพที่สี่ ครั้น พล.อ.ต.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรีประธานในพิธีเตรียมทอดผ้าไตร รังสีสีขาว
ก็แปรให้เห็นเป็นคล้ายด้านหลังขององค์หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์อย่างชัดเจน…..จบบริบูรณ์.

……………………………………….

 
............ของกำนัลแถมพิเศษ...........
ปาฏิหาริย์พระพุทธสิริสัตตราช(หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์)(ต่อ-2)

 
แสงสีแดงและสีเขียวที่ปรากฏกับองค์หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์อย่างชัดเจนแม้ด้วยตาเปล่าๆก็ตาม.....

ท่ามกลางหมู่สงฆ์และประชาชนหนาแน่น....ในงานจะมีใครจะได้ทราบ/ เห็นหรือไม่ว่ามีเทพ พรหม นางฟ้า ครูบาอาจารย์ พระอินทร์ เทพชั้นผู้ใหญ่ได้มาร่วมพิธีการอยู่ด้วย

แสง สี เป็นวงกลมหลากสีสันมากมาย.....ได้ปรากฏขึ้นในบริเวณปะรำพิธีอย่างสวยงามในภาพ ที่จริงถ้าทุกคนได้เห็นด้วยตาของทุกคนด้วย น่าจะเป็นการดีสำหรับการสร้างศรัทธาปสาทะในบวรพุทธศาสนา ท่านคิดเหมือนๆเราหรือเปล่า?.....

ภาพปาฏิหาริย์บนท้องฟ้าเหนือหลังคาโบสถ์ปรากฏเป็นเศียรพญางูใหญ่แผ่พังพาน 7 เศียรซึ่งมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าๆในพื้นที่ต่างๆห่างกันกว่า 100 เมตร เป็นเวลานานประมาณ 15 นาทีเศษทีเดียว....มีผู้รู้ท่านบอกว่าเป็นพญา นาคที่มีเศียร 7เศียรที่มีชื่อว่า พญามุจลินทร์ซึ่งมีอิทธิฤทธิ์มากมายที่มาอยู่กับพระพุทธสิริสัตตราชองค์นี้!! ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่เหตุการณ์ที่บันทึกไว้นี้ก็ปรากฏเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีอยู่แล้ว.....

ภาพ-เรื่อง เอื้อเฟื้อเขียนโดย คุณหญิงสุรีย์พันธ์ มณีวัต บ้านเรือนไทย ลาดพร้าว กทม.
 
ความรู้มิรู้หมด อนุโมทนาสาธุ
เนิน นราธร.....นำเสนอ
วันอังคารที่ 9 พฤษภาคม 2549 19:53

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.735 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 7 ชั่วโมงที่แล้ว