[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
22 พฤษภาคม 2567 17:24:25 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: แสงสว่างบัลลังก์กรุงศรีฯ เริ่มริบหรี่ เมื่อสิ้น "พระสุริโยทัย"  (อ่าน 4477 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5504


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 04 พฤษภาคม 2556 16:31:41 »

.


พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระสุริโยทัย ณ ทุ่งมะขามหย่อง จ.พระนครศรีอยุธยา

แสงสว่างบัลลังก์กรุงศรีฯ เริ่มริบหรี่
เมื่อสิ้น "พระสุริโยทัย"
 

เมื่อพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์นั้น ปรากฏความในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาตอนหนึ่งว่า

“ศักราช ๙๐๕ ปีเถาะเบญจศก (พ.ศ. ๒๐๙๑) ณ วันอาทิตย์ ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๓ เวลาอุษาโยค สมเด็จพระเจ้าหงสาวดีก็ทรงเครื่องสิริราชปิลันธนาลังการาภรณ์ บวรมหาสังวาลเนาวรัตนสะพักพระอังสาอลงกตอังคาพยพอย่างอัครราชรามัญวิสัย  สำหรับมหาพิชัยรณรงค์เสร็จ  เสด็จทรงช้างพระที่นั่งพลายมงคลปราบทวีปเป็นราชพาหนะ ประดับเครื่องคเชนทราลังการาภรณ์บวรมหาสารวิภูสิต พร้อมด้วยเสนางคนิกรพิริยโยธาหาญ  ดำเนินธงคลาพยุหโยธาทัพ พร้อมพลสามสิบหมื่น ช้างเครื่องเจ็ดร้อย ม้าสามพัน ให้พระมหาอุปราชเป็นกองหน้า  พระเจ้าแปรเป็นเกียกกาย  พระยาพสิมเป็นกองหลัง   จากกรุงหงสาวดี รอนแรมมาเจ็ดเวน ข้ามแม่น้ำเมาะตะมะ โดยทางสมี

ขณะนั้น มีหนังสือบอกเมืองกาญจนบุรีเข้ามาว่า ชาวด่านไปถีบด่านถึงตำบลจอยยะได้เนื้อความว่า สมเด็จพระเจ้าหงสาวดียกพลมา ข้ามเมืองเมาะตะมะถึง ๗ วันจึงสิ้น

สมเด็จพระมหาจักพรรดิราชาธิราช ตรัสให้เทครัวเมืองตรีจัตวาและแขวงจังหวัดเข้าพระนคร และมีพระราชกำหนดขึ้นไปถึงเมืองพิษณุโลกว่า ถ้าศึกหงสาวดีเข้ามาติดพระนครศรีอยุธยาเมื่อใด ให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาเอาทัพเมืองหน้าทั้งปวงยกมาเป็นทัพกระหนาบ  แล้วตรัสให้พระยาจักรีออกตั้งค่ายตำบลลุมพลี ถือพลห้าหมื่น ล้วนใส่เสื้อแดงหมวกแดง  

ฝ่ายพระมหานาคอยู่ วัดภูเขาทองสึกออกมารับอาสาตั้งค่ายกันทัพเรือ  ตั้งค่ายแต่วัดภูเขาทองลงมาจนวัดป่าพลู  พรรคพวกสมกำลังญาติโยมทาสชายทาสหญิงของมหานาค ช่วยกันขุดคูนอกค่ายกันทัพเรือ  จึงเรียกว่า "คลองมหานาค"

เจ้าพระยามหาเสนา ถือพลหมื่นหนึ่งออกตั้งค่าย ณ บ้านดอกไม้ ป้อมท้องนาหันตรา พลใส่เสื้อเขียวหมวกเขียว พระยาพระคลังถือพลหมื่นหนึ่งตั้งค่ายป้อมท้ายคู  พลใส่เสื้อเหลืองหมวกเหลือง

พระสุนทรสงคราม เจ้าเมืองสุพรรณบุรี ถือพลหมื่นหนึ่งตั้งค่ายป้อมจำปา พลใส่เสื้อดำหมวกดำ และบรรดาการพระนครนั้นก็ตกแต่งป้องกันเป็นสามารถ

ฝ่ายสมเด็จพระเจ้าหงสาวดี ยกทัพข้ามกาญจบุรีมาถึงพระนครศรีอยุธยา ณ วันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๔  ตั้งค่ายทัพหลวงตำบลกุ่มดอง ทัพพระมหาอุปราชตั้งค่ายตำบลเพนียด  ทัพพระเจ้าแปรตั้งค่ายตำบลบ้านใหม่มะขามหย่อง  ทัพพระยาพสิมตั้งค่ายตำบลทุ่งวัดวรเชษฐ

ครั้นรุ่งขึ้น ณ วันอาทิตย์ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๔ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชเจ้าจะเสด็จยกพยุหะโยธาหวยหาญออกไปดูกำลังข้าศึก ณ ทุ่งภูเขาทอง จึงทรงเครื่องราชอลังการยุทธเสด็จทรงช้างต้นพลายแก้วจักรพรรดิ สูงหกศอกคืบห้านิ้วเป็นพระคชาธาร  ประดับคชาลังการาภรณ์เครื่องมั่น  มีกลางช้างและควาญ



พระสุริโยทัย ผู้เป็นอัครราชมเหสี ประดับพระองค์เป็นพระยามหาอุปราช ทรงเครื่องสำหรับราชณรงค์ เสด็จทรงช้างพลายทรงสุริยกษัตริย์สูงหกศอกเป็นพระราชคชาธารประดับคชาภรณ์เครื่องมั่นเสร็จ มีกลางช้างและควาญ

พระราเมศวร ทรงเครื่องสิริราชปิลันธนาวราภรณ์สำหรับพิชัยยุทธสงครามเสร็จ เสด็จทรงช้างต้นพลายมงคลจักรพาฬสูงห้าศอกคืบสิบนิ้ว ประดับคชาภรณ์เครื่องมั่นเสร็จ มีกลางช้างและควาญ  

พระมหินทราธิราช ทรงราชวิภูษนาลังการาภรณ์ สำหรับพระมหาพิชัยยุทธ เสด็จทรงช้างต้นพลายพิมานจักรพรรดิสูงห้าศอกคืบแปดนิ้ว ประดับกุญชรอลงกตเครื่องมั่น มีกลางช้างและควาญ

ครั้นได้มหาศุภวารฤกษ์ราชดฤถี พระโหราลั่นฆ้องชัยประโคมอุโฆษแตรสังข์อึงอินทเภรี สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้าก็ยาตราพระคชาธารข้ามฟากไป พระอัครมเหสีและพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์โดยเสด็จ มีทหารประจำการขี่กรกุมปืนปลายขอประจำคอทุกตัวสาร ควาญประจำท้ายล้อมเป็นกรรกงโดยขนัด  หมู่พยุหแสนยากรโยธาหาญเดินเท้า ถือดาบดั้งเสโลห์โตมรหอกใหญ่หอกคู่ ธงทวนธนูปืนนกสับคับคั่งซ้ายขวาหน้าหลัง โดยกระบวนคชพยุหสงคราม

เสียงเท้าพลและเท้าช้างสะเทื้อนดังพสุธาจะทรุด สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชเจ้าเสด็จยืนพระคชาธาร ประมวลพลและคชพยุห โดยกระบวนตั้งอยู่ ณ โคกพระยา  

ฝ่ายกองตระเวนรามัญเห็นดังนั้น ก็เข้าไปกราบทูลพระเจ้าหงสาวดี พระเจ้าหงสาวดีตรัสว่าชะรอยจะเป็นทัพพระมหาจักรพรรดิยกออกมาจะกระทำคชพยุหสงครามกับเรา พระองค์ตรัสให้ยกพลหลวงออกจากค่ายตั้งกระบวน

สมเด็จพระเจ้าหงสาวดีทรงเกราะเครื่องพิชัยยุทธ เสด็จทรงช้างต้นพลายมงคลปราบทวีปสูงเจ็ดศอกเป็นพระคชาธาร ประดับคชาภรณ์เครื่องมั่น มีกลางช้างและควาญ เครื่องสูงสำหรับราชณรงค์แห่โดยขนาด มีหมู่ทหารถือดาบดั้งหมื่นหนึ่งล้อมพระคชาธาร

พระเจ้าแปรทรงอลังการเครื่องพิชัยยุทธ ทรงช้างต้นพลายเทวนาคพินายสูงหกศอกคืบเจ็ดนิ้วเป็นพระคชาธาร ประดับคชาภรณ์เครื่องมั่น มีควาญและกลางช้างยกเป็นกองหน้า มีทหารดาบสองมือพันห้าร้อยล้อมพระคชาธาร  และช้างท้าวพระยารามัญคับคั่ง  

เหล่าพยุหโยธาเดินเท้าถือสรรพศัสตราดารดาษโดยกระบวน

สมเด็จพระเจ้าหงสาวดีก็ยกพยุหโยธาทวยหาญออกตั้งยังท้องทุ่งตรงหน้าทัพสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ห่างกันประมาณร้อยเส้น เสด็จยืนพระคชาธารคอยฤกษ์

ขณะนั้น สมเด็จพระเจ้าหงสาวดีทอดพระเนตรดูบนอากาศ เห็นพระอาทิตย์แจ่มดวงหมดเมฆหมอก แล้วมีคิชฌราชบินนำหน้าทัพ  ครั้นเห็นศุภนิมิตราชฤกษ์ดังนั้น ก็ให้ลั่นฆ้องชัยอุโฆษแตรสังข์อึงอินทเภรีขึ้นพร้อมกัน  ก็ตรัสให้ขับพลเข้าโจมทัพสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ

ฝ่ายสมเด็จพระมหาจักรพรรดิดำรัสให้แยกพลเป็นปีกกา พลโยธาหาญทั้งสองฝ่ายบ้างโห่เห่เป็นโกลาหล  เข้าปะทะประจันตีฟันแทงแย้งยุทธยิงปืน ระดมศัสตราธุมาการตระหลบไปทั้งอากาศ  พลทั้งสองฝ่ายบ้างตายบ้างลำบากกลิ้งกลาดเกลื่อนท้องทุ่ง



สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า ก็ขับพระคชาธารเสียทีให้หลังข้าศึกเอาไว้ไม่อยู่  พระเจ้าแปรได้ท้ายข้าศึกดังนั้น ก็ขับพระคชาธารตามไล่ช้างพระมหาจักรพรรดิ

พระสุริโยทัยเห็นพระราชสวามีเสียทีไม่พ้น สะอึกออกรับ พระคชาธารพระเจ้าแปรได้ล่างแบกถนัด  พระคชาธารพระสุริโยทัยแหงนหงายเสียที พระเจ้าแปรจ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าวต้องพระอังสาพระสุริโยทัยขาดกระทั่งถึงราวพระถันประเทศ  

พระราเมศวรกับพระมหินทราธิราชก็ขับพระคชาธารถลันจะเข้าแก้พระราชมารดาไม่ทันที พอพระชนนีสิ้นพระชนม์กับคอช้าง พระพี่น้องทั้งสองพระองค์ถอยรอรับข้าศึก กันพระศพสมเด็จพระราชมารดาเข้าพระนครได้  โยธาชาวพระนครแตกพ่ายข้าศึกรี้พลตายเป็นอันมาก  

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิราชาธิราชเจ้า จึงให้เชิญพระศพพระสุริโยทัยผู้เป็นพระอัครมเหสีมาไว้ตำบลสวนหลวง...

การศึกครั้งนั้น แม้ว่าจะสูญเสียพระสุริโยทัย แต่กรุงศรีอยุธยาก็ยังสามารถรักษาเอกราชไว้ได้ ส่วนหนึ่งเพราะได้กองทัพจากพระมหาธรรมราชา แห่งเมืองพิษณุโลก มาช่วยเหลือ

อย่างไรก็ดี...แสงสว่างเหนือบัลลังก์กรุงศรีฯ เริ่มริบหรี่ เมื่อสิ้นพระสุริโยทัย...







พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย บริเวณทุ่งมะขามหย่อง พระนครศรีอยุธยา  

พระราชานุสาวรีย์นี้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระสุริโยทัย
พระมหาวีรกระษัตรีของชาติไทย ผู้ทรงองอาจกล้าหาญ สละพระชนมชีพถวายเป็นราชพลี
ปกป้องจอมไผทไทย สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระปิยบรมราชสวามี
รอดพ้นภยันตรายในสงครามยุทธหัตถี ณ สมรภูมิทุ่งมะขามหย่อง
เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๔ ปีวอก พุทธศักราช ๒๐๙๑
มหาวีรกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ ได้ธำรงรักษาอธิปไตยของชาติไว้สืบเนื่องมาตราบจนปัจจุบัน





เจดีย์พระศรีสุริโยทัย
อำเภอพระนครศรีอยุธยา  จังหวัดพร ะนครศรีอยุธยา

เจดีย์พระศรีสุริโยทัย เป็นเจดีย์สูงใหญ่สี่เหลี่ยม ทรงย่อไม้มุมสิบสอง ภายในบรรจุพระอัฐิสมเด็จพระสุริโยทัย  ตั้งอยู่ในเกาะเมืองด้านทิศตะวันตก ติดกับสำนักงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ ๓ (บริเวณกรมทหารเก่า)ถนนอู่ทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ โปรดให้จัดพระราชพิธี ทำพระเมรุถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระอัครมเหสี พระสุริโยทัย ที่ในสวนหลวง ภายในวัดสบสวรรค์ แล้วโปรดให้สร้างพระอารามขึ้นตรงพระเมรุ มีเจดีย์สูงใหญ่สี่เหลี่ยม ทรงย่อไม้มุมสิบสอง บรรจุพระอัฐิสมเด็จพระสุริโยทัย พระอารามที่โปรดให้สร้างขึ้นที่สวนหลวง กับวัดสบสวรรค์ จึงรวมเรียกว่า "วัดสวนหลวงสบสวรรค์"  ซึ่งปัจจุบันเป็นวัดร้าง มีสภาพพื้นดินว่างเปล่า  ปัจจุบันยังมีพระสถูปเจดีย์องค์ใหญ่เป็นสำคัญ เรียกว่า เจดีย์พระศรีสุริโยทัย

ศาลสมเด็จพระศรีสุริโยทัย สร้างไว้ข้างเจดีย์พระศรีสุริโยทัย

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 ธันวาคม 2560 12:43:43 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.374 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 6 ชั่วโมงที่แล้ว