หัวข้อ: เรื่องอภัยราชกุมาร เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 15 สิงหาคม 2553 09:07:38 (http://www.taklong.com/lomo/p/122824P712011-9.jpg) http://www.youtube.com/v/ZV4yjdrC69E?fs=1&hl=en_US ....................................ข้อความเบื้องต้น................................ พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวันทรงปรารภอภัยราชกุมาร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า เอถ ปสฺสถิมํ โลกํ {ท่านทั้งหลายจงมาดูโลกนี้}เป็นต้น พระกุมารได้รับพระราชทานราชสมบัติ ได้ยินว่าเมื่ออภัยราชกุมารนั้นทรงปราบปรามปัจจันตชนบทให้สงบมาแล้ว พระเจ้าพิมพิสารผู้พระบิดา ทรงพอพระทัยแล้วพระราชทานหญิงฟ้อนคนหนึ่งผู้ ฉลาดในการฟ้อนและการขับแล้วได้พระราชทานราชสมบัติสิ้น ๗ วันอภัยราช - กุมารนั้นไม่เสด็จออกภายนอกพระราชมนเฑียรเลยเสวยสิริแห่งความเป็นพระราชา สิ้น ๗ วันเสด็จไปสู่ท่าแม่น้ำในวันที่ ๘ ทรงสรงสนานแล้วเสด็จเข้าไปสู่พระ อุทยานประทับนั่งทอดพระเนตรการฟ้อนและการขับของหญิงนั้นดุจสันตติมหา- อำมาตย์ในขณะนั้นเองแม้นางนั้นได้ทำกาละ(ตาย)ด้วยอำนาจกองลมกล้าดุจศัสตรา เหมือนหญิงฟ้อนของสันตติมหาอำมาตย์พระกุมารมีความโศกเกิดขึ้นแล้วเพราะ กาลกิริยาของหญิงฟ้อนนั้นทรงดำริว่าผู้อื่นเว้นพระศาสดาเสียจักไม่อาจเพื่อให้ ความโศกนี้ของเราดับได้ดังนี้แล้วจึงเข้าไปเฝ้าพระศาสดากราบทูลว่า...........พระเจ้า ข้าขอพระองค์จงให้ความโศกของข้าพระองค์ดับเถิด หัวข้อ: Re: เรื่องอภัยราชกุมาร เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 15 สิงหาคม 2553 09:15:34 (http://www.taklong.com/lomo/p/122824P712011-9.jpg) .................................ระงับความโศก.............................. พระศาสดาทรงปลอบพระกุมารนั้นแล้วตรัสว่า กุมารก็ประมาณแห่งน้ำตาทั้ง หลายที่เธอร้องไห้อยู่ในกาลแห่งหญิงนี้ตายแล้วอย่างนี้นี่แลให้เป็นไปแล้ว ย่อมไม่มีในสงสารซึ่งมีที่สุดอันใคร ๆ รู้ไม่ได้ทรงทราบความที่ความโศกเป็นภาพ เบาบางเพราะเทศนานั้นแล้วจึงตรัสว่า.......กุมารเธออย่าโศกเลย ข้อนั้นเป็นฐานะเป็นที่จมลงของชนพาลทั้งหลายดังนี้แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า................................ ท่านทั้งหลายจงมาดูโลกนี้อันตระการดุจ - ราชรถที่พวกคนเขลาหมกอยู่(แต่)พวกผู้รู้หาข้องอยู่ไม่ (:LOVE:)แก้อรรถ (:LOVE:) บรรดาบทเหล่านั้นสองบทว่า เอถ ปสฺสถ พระศาสดาตรัสหมายเอาพระราช กุมารนั่นเอง สองบทว่า อิมํ โลกํ ได้แก่ อัตภาพ กล่าวคือ ขันธโลกเป็นต้นนี้ บทว่า จิตฺตํ ความว่า อันวิจิตรด้วยเครื่องประดับมีเครื่องประดับคือผ้าเป็นต้นดุจราชรถอัน วิจิตรด้วยเครื่องประดับมีเเก้ว ๗ ประการ เป็นต้น สองบทว่า ยตฺถ พาลา ความ ว่า พวกคนเขลาเท่านั้นหมกอยู่ในอัตภาพใด บทว่า วิชานตํ ความว่า แต่สำหรับ พวกผู้รู้คือบัณฑิตทั้งหลายหามีความข้องในกิเลสเครื่องข้อง คือราคะเป็นต้นแม้อย่าง หนึ่งในอัตภาพนั้นไม่ ในเวลาจบเทศนาพระราชกุมารตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลแล้วพระธรรมเทศนา ได้มีประโยชน์แม้เเก่ผู้ประชุมกันดังนี้แล ................................จบเรื่องอภัยราชกุมาร............................. หัวข้อ: Re: เรื่องอภัยราชกุมาร เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 15 สิงหาคม 2553 09:26:07 (http://www.taklong.com/lomo/p/122824P712011-9.jpg) พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้แจ้งโลก ๖ โลก คือ โลกทางตา โลกทาง หู โลกทางจมูก โลกทางลิ้น โลกทางกาย และโลกทางใจ ทรงรู้โลกทั้ง ๖ โลกตาม ความเป็นจริง ซึ่งเป็นโลกที่พระอริยเจ้ารู้กัน สำหรับปุถุชนไม่รู้ไม่เข้าใจโลกในพระ - อริยเจ้ารู้ก็ติดข้องอยู่เพราะฉะนั้นไม่ใช่ไปรู้โลกอื่นซึ่งไม่ใช่โลกทางตาโลกทางหู และโลกทางใจตามความเป็นจริงหรือไปรู้เรื่องราวต่าง ๆ สัตว์ บุคคล สิ่งของต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่สภาพธรรมที่มีจริง ๆ แล้วก็ติดข้องอยู่กับความไม่มีสาระว่ามีสาระ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสพระคาถานี้ว่า....................................... ท่านทั้งหลายจงมาดูโลกนี้อันตระการดุจราชรถ ที่พวกคนเขลาหมกอยู่(แต่)พวกผู้รู้หา ข้องอยู่ไม่ ท่านอาจารย์{สุจินต์}กล่าวว่า...................ขณะที่คิดว่าเป็นโลก เป็นสัตว์ บุคคล วัตถุสิ่งของต่าง ๆ นั้นเป็นชั่วขณะที่จิตคิดนึกเรื่องสิ่งที่ปรากฏให้เห็นแต่ขณะที่กำลังเห็นเป็นอีกขณะ หนึ่งไม่ใช่ขณะที่กำลังคิดนึกเรื่องสิ่งที่ปรากฏแต่ละคนก็มีจิตเกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ เดียว ๆ สืบต่อกันไปทีละขณะจนปรากฏเหมือนกับว่าเป็นโลกที่กว้างใหญ่มีผู้คนและ สิ่งต่าง ๆ มากมายแต่จะเข้าใจโลกจริง ๆ นั้นต้องรู้ว่าสภาพธรรมปรากฏเพียงแต่ละขณะจิตเท่านั้น ท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์และคณะวิทยากร มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่อภิธรรม บานธรรมมะ บุคโล ธนบุรี หัวข้อ: Re: เรื่องอภัยราชกุมาร เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 15 สิงหาคม 2553 16:50:20 อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ น้อง"บางครั้ง" (http://www.isis.ecs.soton.ac.uk/images/flow00.gif) หัวข้อ: Re: เรื่องอภัยราชกุมาร เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 15 สิงหาคม 2553 18:08:30 สาธุ อนุโมทนามิ
|