[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
16 พฤษภาคม 2567 17:50:53 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: “ชีวิตผมเหมือนเป็นหนี้พระพุทธศาสนา” ฤทธิพร อินสว่าง  (อ่าน 1247 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5081


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.272 Chrome 50.0.2661.272


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 26 สิงหาคม 2559 23:54:45 »




“ชีวิตผมเหมือนเป็นหนี้พระพุทธศาสนา” ฤทธิพร อินสว่าง


ในยามที่ท้อแท้ขอเพียงแค่คนหนึ่ง จะคิดถึงและคอยห่วงใย ในยามที่ชีวิตหม่นหมองร้องไห้ ขอเพียงมีใครปลอบใจสักคน ในวันที่โลกร้างความหวังให้วาด มันขาด มันหาย ใครจะช่วยเติมเพิ่มพลังใจให้ฉันได้เริ่มต่อสู้อีกครั้ง บนหนทางไกล …กำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฝันให้ใฝ่ ให้ชีวิตได้มีแรงใจ ให้ดวงใจลุกโชนความหวังกำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฉันได้ไหม ดั่งหยาดฝนบนฟากฟ้าไกล ที่หยาดรินสู่พื้นดินแห้งผาก…

ในช่วงที่ประเทศไทยประสบกับภาวะวิกฤติน้ำท่วมครั้งใหญ่ ผม (ฤทธิพร อินสว่าง) ได้มีโอกาสสนทนากับหลายคนผ่านเว็บไซต์ของผม (www.ritthiporn.com) ทำให้ทราบว่าบทเพลง “กำลังใจ” ที่ผมแต่งและมีศิลปินหลายท่านนำไปขับร้อง เช่น วงโฮป อี๊ด – วงฟลาย อรวี สัจจานนท์ เสาวลักษณ์ ลีละบุตร สุนารี ราชสีมา ฯลฯ ได้ช่วยพลิกฟื้นจิตใจของพวกเขาจากความท้อแท้สิ้นหวัง

แม้ว่าบางครั้งฟังแล้วอาจมีน้ำตา แต่เป็นน้ำตาที่เต็มไปด้วยกำลังใจที่จะต่อสู้ชีวิตอีกครั้ง

ในการทำงานที่ผ่านมา ผมมีสถานะเป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรี และกวี แต่หลายปีมานี้ ผมใช้ชีวิตอย่างสันโดษจนทำให้หลายคนคิดว่าผมออกจากวงการบันเทิงไปแล้ว ความจริงคือผมไม่ได้ออกจากวงการบันเทิงเสียทีเดียว เพียงแต่ว่าเลือกพบสื่อมวลชนหรือออกสู่สังคมในโอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น

“ศิลปิน” ยังเป็นบทบาทหนึ่งของผม และผมตระหนักดีว่านี่คือหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เป็นอาชีพเดียวที่ใช้เลี้ยงชีวิต เป็นช่องทางสำคัญในการทำงานสร้างสรรค์สังคมและรับใช้พระพุทธศาสนา ทั้งนี้เพราะว่าศิลปินอยู่กับสื่อ สามารถสื่อสารถึงผู้คนจำนวนมากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “สารอันประเสริฐ” ที่ผมอยากสื่อไปถึงผู้คนมากที่สุดก็คือ“คำสอนของพระพุทธเจ้า” นั่นเอง



จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต

เมื่อปี พ.ศ. 2541 ผม ภรรยา และลูกทั้งสองคนเดินทางไปร่วมงานทำบุญอายุครบ 90 ปีของย่า วันนั้นพวกเราออกจากกรุงเทพฯตั้งแต่เช้าตรู่ ไปถึงศาลาการเปรียญวัดบ้านกร่าง อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ในช่วงสาย ผู้คนในอำเภอและญาติพี่น้องของผมไปร่วมงานกันจนพื้นที่บนศาลาการเปรียญดูแคบไปถนัดตา

ผมและครอบครัวนั่งอยู่ที่ด้านล่างของศาลาการเปรียญ ผมได้ยินชาวบ้านคนหนึ่งพูดว่า “พระประยุทธ์มาแล้ว” พระประยุทธ์ หมายถึงพระพรหมคุณาภรณ์ (สมณศักดิ์ของท่านในเวลานั้น คือ พระธรรมปิฎก)ท่านเป็นพระที่ชาวพุทธให้ความเคารพศรัทธาอย่างสูง ผมได้ยินเรื่องราวของท่านมาตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะเรื่องที่ท่านสอบเปรียญธรรม 9 ประโยคได้ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร

จนกระทั่งปี พ.ศ. 2542 ผมกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่อำเภอศรีประจันต์ พบหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์เล่มหนึ่งชื่อ “ชีวิตที่สมบูรณ์”เมื่อเปิดอ่านจึงรู้ว่าเนื้อหาในเล่มน่าสนใจมาก โดยเฉพาะข้อความที่ว่า

“เราดำเนินชีวิตไป เราก็นึกว่าถ้ายิ่งเรามีมาก เราก็จะยิ่งมีความสุขมาก เราก็หาเงินหาทรัพย์ยิ่งขึ้นไป แต่แล้วบางทีกลายเป็นว่าไปๆ มาๆเราก็วิ่งไล่ตามความสุขไม่ถึงสักที ยิ่งมีมาก ความสุขก็ยิ่งวิ่งหนีเลยหน้าไป แต่ก่อนเคยมีเท่านี้ก็สุข แต่ต่อมาเท่านั้นไม่สุขแล้ว ต้องมีมากกว่านั้น…”

ข้อความนี้กระตุกให้ผมฉุกคิดและกลับมาทบทวนตัวเอง เรื่องการตะเกียกตะกายหาชื่อเสียงเงินทองที่ทำมานานนับสิบปี รวมทั้งความยึดติดมากมาย หนังสือเล่มเล็กๆ นั้นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งสำคัญ

เมื่อกลับมาที่กรุงเทพฯ ผมตามอ่านหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์อีกมากมายอย่างต่อเนื่อง ความคิดของผมค่อยๆ เปลี่ยนไปใจสว่างไสวขึ้นเพราะแสงแห่งธรรม ผมปรับวิธีการทำงานใหม่ ไม่ทำด้วยกระแสแห่ง ตัณหา แต่ทำด้วย ปัญญา ทำอย่างมีสติ คำสอนที่ว่า“เมื่อต้องการผลก็ต้องทำเหตุปัจจัยให้ตรง ให้พร้อม และให้พอ” ของพระพรหมคุณาภรณ์นั้น ผมนำมาใช้ในการทำงานและทุกเรื่องในชีวิต

โดยเฉพาะ “โยนิโสมนสิการ” ที่พระพรหมคุณาภรณ์เขียนถึงอยู่หลายครั้ง ช่วยให้ผมมองเห็นความจริงในชีวิต รู้จักค้นหาประโยชน์จากเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้าย รวมทั้งแก้ไขปัญหาฝ่าข้ามอุปสรรคที่เผชิญได้อย่างน่าอัศจรรย์ ผมนำคำสอนของท่านมาสอนลูกๆ รวมถึงชี้ทางสว่างให้คนที่ประสบกับความทุกข์ และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเสมอว่า

“การได้พบหนังสือของพระพรหมคุณาภรณ์คือการได้พบสิ่งที่ล้ำค่าสำหรับชีวิต”

ผมภูมิใจมากที่เกิดมาเป็นคนศรีประจันต์เช่นเดียวกับท่าน เพราะผลงานมากมายของท่านนำพาผู้คนไปสู่ธรรมและสันติสุขอย่างแท้จริง แม้จะไม่ได้เข้าไปกราบท่านเมื่อวันงานของย่า แต่หลายปีที่ผ่านมา ผมระลึกถึงท่าน กราบท่านในใจเสมอ ท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผมและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

“ความสันโดษ” เคล็ดลับของความสุข

บ้านเกิดของผมที่อำเภอศรีประจันต์อยู่ติดกับแม่น้ำท่าจีน อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำที่เห็นมาตั้งแต่เด็กคือ บ้านไม้สภาพเก่าเรียงรายเป็นจำนวนมาก บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองในอดีต ที่วิถีชีวิตของผู้คนมีความใกล้ชิดผูกพันกับแม่น้ำ ก่อนที่หลายอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อถนนหนทางมีมากขึ้น

ที่ชั้น 2 ของบ้านมีนอกชานขนาดกว้าง นั่นคือที่ที่ผมนอนหนุนแขนแม่มองฟ้าตอนเป็นเด็ก จำได้ว่าพ่อคอยโบกพัดไปมาและชี้ให้ดูดาวดวงนั้นดวงนี้ ทั้งที่แยกไม่ออกว่าดาวดวงไหนชื่ออะไร แต่แสงระยิบระยับในค่ำคืนแห่งวัยเยาว์ก็ยังส่องใจผมตลอดมา

เกือบทุกคืนผมจะได้ยินเสียงเพลงไทยเดิมจากบ้านฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ สมาชิกในบ้านหลังนั้นเป็นนักดนตรีวงปี่พาทย์ บทเพลงที่พวกเขาซ้อมบรรเลงไพเราะจับใจและยังกังวานอยู่ในความทรงจำ เพลง“ใบไผ่” และอีกหลายเพลงที่ผมแต่งได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงที่เคยได้ยินเหล่านั้น

ทุกวันนี้ผมชอบพาลูกๆ ไปสัมผัสชีวิตวัยเยาว์ของผม ไปนั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ ให้อาหารปลาที่หน้าวัด กินขนมหวานน้ำแข็งไสเจ้าเก่า ไปร้านตัดผมโบราณที่ผมเคยใช้บริการตอนเป็นเด็ก เก้าอี้สำหรับตัดผมตัวนั้นให้บริการลูกค้ามาหลายสิบปีแล้ว ช่างตัดผมก็ยังเป็นคนเดิมที่คุ้นเคยและผูกพันกันเหมือนญาติ

นานกว่าสิบปีแล้วที่ผมใช้ชีวิตอย่างสันโดษ หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือ การที่ผมได้ศึกษาผลงานของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญในการปรับเปลี่ยนชีวิตของผมในทุกๆ ด้าน ดวงตาภายในทำให้ผมเห็นโลกภายนอกที่เป็นจริงและปอกเปลือกบางสิ่งที่เคยหลงเชื่อ ซึ่งแท้จริงก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า “หลุมพรางของความไม่รู้” เลยสักนิด ผมพบคำตอบของชีวิตว่าควรวางท่าทีแบบใหม่ในการคบหาผู้คน โดยให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพของคนและความจริงใจ ส่วนการเข้าถึงความสุขนั้น “ความสงบสันโดษ” เป็นหนทางที่นำมาซึ่งความสุขอันประเสริฐ มีสติ และทำให้มีเวลาสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับตัวเอง ครอบครัว และเพื่อนร่วมโลกมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ สำหรับผม ความเป็นพ่อถือเป็นหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์เป็นความรับผิดชอบที่จะละทิ้งไม่ได้อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเหนื่อยหนักเพียงใดก็จะขอทุ่มเทแรงกายแรงใจ ให้ความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ เวลา การอบรมสั่งสอนลูกๆ ให้ก้าวเดินไปในทางที่ดีและดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะภรรยาของผมที่เป็นทั้งคู่ชีวิตและเพื่อนแท้ที่ร่วมสุขร่วมทุกข์ด้วยกันตลอดมานั้น คงไม่มีสิ่งใดที่ผมจะตอบแทนได้ดีไปกว่าการทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่มีคุณภาพ

ที่สำคัญคือ การพยายามแก้ไขข้อบกพร่องและฝึกฝนพัฒนาตนเองอยู่เสมอ อย่างเช่น เรื่องการเลิกสูบบุหรี่ที่ผมอยากถ่ายทอดถึงวิธีการของผม ด้วยหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านผู้อ่าน

โดยเฉพาะท่านที่กำลังพยายามเลิกสูบบุหรี่ แต่ยังทำได้ไม่สำเร็จ…

โปรดติดตามตอนต่อไป

Secret Box

สันโดษไม่ได้หมายความว่าหนีสังคมแต่คือใจที่สงบได้ทุกที่ทุกเวลา

ที่สำคัญอย่างยิ่ง ในความสันโดษนั้นจะต้องไม่ละทิ้งความเพียรอย่างเด็ดขาด


ฤทธิพร อินสว่าง


จาก http://www.secret-thai.com/article/4079/rittiporn1/




ทุกวันนี้การเขียนหนังสือเป็นงาน อีกอย่างหนึ่งที่ผม (ฤทธิพร อินสว่าง) รัก แม้ว่ารูปแบบจะแตกต่างจากการทำเพลงที่เป็นงานหลัก แต่ความปีติที่ได้รับนั้นไม่ต่างกันเลย

ผมเชื่อว่า “การเขียนหนังสือคือการเขียนชีวิต” ที่ต้องมุ่งมั่นทุ่มเทในการถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก และประสบการณ์ ซึ่งในปี พ.ศ. 2554 นี้ ผมเขียนหนังสือออกมาสองเล่ม คือ “สุขอย่างมีศิลป์” และ“ธรรมะทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนไป” นอกจากนี้ ผมยังให้กำลังใจผู้คนผ่าน www.ritthiporn.com โดยในเว็บไซต์นี้ผมได้รวบรวมผลงานที่ผ่านมาของผมเอาไว้ รวมทั้งยังเปิดโอกาสให้แฟนเพลงซึ่งทุกข์หนักเครียดจัด ท้อแท้กับชีวิต ตั้งคำถามหรือสื่อสารถึงผมได้โดยตรงที่ bob_rtp@hotmail.com

อาจกล่าวได้ว่าชีวิตผมเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากการลองผิดลองถูก รวมถึงใช้ความทุกข์เป็นเครื่องพัฒนาปัญญา

พระพุทธศาสนาสอนให้ไม่ยึดติด แต่ถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพที่ชัดเจน ชีวิตผมก็เหมือนเป็นหนี้พระพุทธศาสนาอย่างไม่อาจปฏิเสธได้พระพุทธศาสนาสอนให้ผมรู้จักการดำเนินชีวิตแบบใหม่ วิธีการทำงานแบบใหม่ และท่าทีที่ถูกต้องในจิตใจ นำมาซึ่งความสุขอันวิเศษที่ไม่พึ่งวัตถุภายนอกเกินจำเป็น

ยิ่งผมเห็นธรรมก็ยิ่งเห็นโลกและเห็นการแบกโลกเป็นเรื่องน่าขัน


ความเจียมตัวช่วยชีวิต

แม้จะมีชื่อเล่นเป็นฝรั่งว่า “บ็อบ” ที่น่าจะเรียกกันเล่นๆ ตามชื่อนักฟุตบอลอังกฤษที่โด่งดัง บ็อบบี ชาร์ลตัน และ บ็อบบี มัวร์ แต่แท้จริงแล้วผมไม่ใช่ลูกครึ่งฝรั่งที่ไหน เป็นลูกสุพรรณเต็มตัว เกิดและเติบโตบนผืนแผ่นดินที่งดงามในชุมชนตลาดเก่าริมแม่น้ำท่าจีน

แม้จะภูมิใจที่เกิดเป็นคนสุพรรณ แต่ผมก็เจียมตัวอยู่ลึกๆช่วงแรกที่เข้ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯนั้น ผมไม่กล้าแม้แต่จะสบตาผู้คน เมื่อจำเป็นต้องพบปะใครก็มักจะก้มหน้าหรือมองเฉียดไปด้านอื่นบุคลิกมาดมั่นที่มองเห็นจากภายนอกนั้น ยังมีอีกด้านที่คนส่วนใหญ่ไม่เห็นคือ “ความเจียมตัว”

เมื่อมีผลงานเพลงเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วประเทศแล้ว ความเจียมตัวของผมก็ไม่ได้จางหายไป ยิ่งมีคนให้ความสำคัญก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเล็กลง ความเจียมตัวว่าเป็นคนบ้านนอกช่วยปกป้องผมไม่ให้ตกอยู่ในความประมาท

แม้ว่าบางครั้งโอกาสดีๆ ความมีชื่อเสียง และถ้อยคำเยินยอจะทำให้ตกอยู่ในอาการ “พอง” หรือ “เผลอ” เชื่อมั่นตัวเองจนเกินไปอยู่บ้าง แต่ความเป็นคนบ้านนอกที่เป็น “มิตรแท้” ในตัวผมก็ช่วยดึงกลับมาสู่จุดเดิมได้เองโดยปริยาย เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผมประคองตัวอยู่ได้บนเส้นทางที่เลือกเดิน



วิธีเลิกสูบบุหรี่ในแบบของผม

ผมเลิกสูบบุหรี่มานานแล้วครับ แต่อยากนำเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เพราะคิดว่าประสบการณ์ของผมน่าจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านได้บ้าง โดยเฉพาะท่านที่พยายามเลิกสูบบุหรี่ แต่ยังเลิกไม่ได้

ผมเริ่มสูบบุหรี่ตอนเป็นหนุ่ม ทั้งเพื่อนฝูงและคนรู้จักหลายคนสูบบุหรี่ทั้งนั้น เห็นพวกเขาสูบก็สูบบ้าง สูบไปสูบมาก็ติดอย่างหนักจนกระทั่งตอนอายุ 29 ปี ผมตัดสินใจบริจาคอวัยวะให้กับสภากาชาดไทยวันที่ไปบริจาคมีการแถลงข่าวเพื่อช่วยประชาสัมพันธ์การรับบริจาคให้สภากาชาดไทยด้วย ผมให้สัมภาษณ์ว่าจะเลิกสูบบุหรี่เพื่อถนอมอวัยวะไว้แต่พอเวลาผ่านไปผมกลับทำอย่างที่ตั้งใจไม่ได้ เมื่อต้องแต่งเพลงเข้าห้องบันทึกเสียง แสดงคอนเสิร์ต ผมก็สูบบุหรี่เหมือนเดิมอีก

ในเวลาต่อมา ผมไปแสดงคอนเสิร์ตทั่วประเทศที่จังหวัดทางภาคใต้มีอยู่วันหนึ่งผมนั่งอยู่ในร้านอาหารกับทีมงาน พนักงานสาวของร้านเอ่ยทักผมขณะสูบบุหรี่ว่า

“พี่ฤทธิพรประกาศว่าเลิกแล้วไม่ใช่หรือคะ แล้วทำไมยังสูบอยู่”

คำพูดนั้นเสียดแทงใจผม รู้สึกเจ็บปวดที่ไม่สามารถทำได้อย่างที่พูด…ผมหยุดสูบบุหรี่ได้ระยะหนึ่ง แต่ก็หวนกลับไปอีก เมื่อไม่อาจทนต่อความรู้สึกผิด ก็เลิกแล้วก็สูบอยู่อย่างนั้นหลายครั้ง จนกระทั่งตัดสินใจยุติการทำงานชั่วคราวเพื่อยุติความเครียด มุ่งที่จะเลิกสูบบุหรี่อย่างจริงจัง

นอกจากการพักงาน ผมใช้แผ่นนิโคตินและยาที่ได้รับจากแพทย์ด้วยในบางครั้งผมยังพยายามทำอีกหลายอย่าง เช่น ออกกำลังกายสม่ำเสมอดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด

แต่ที่ได้ผลจริงๆ และช่วยให้ผมเอาชนะบุหรี่ได้สำเร็จคือ “การฝึกจิตใจ”

เริ่มจากการเขียนบันทึกว่า บุหรี่ให้ผลร้ายกับชีวิตอย่างไรและทำไมจึงต้องเลิก พยายามหาเหตุผลมาบันทึกไว้ให้มากที่สุด ทุกครั้งที่อยากสูบบุหรี่ ผมจะตั้งสติและอ่านบันทึกนั้นเพื่อเตือนตัวเองให้อดทนอดกลั้น ฝึกฝนจนรู้เท่าทันว่าความอยากแค่เกิดขึ้น คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง แล้วดับไปเท่านั้น

ผมไปที่สวนสาธารณะทุกวันติดต่อกันหลายสัปดาห์ ทำตัวให้คุ้นเคยกับการไม่สูบบุหรี่ มีความสุขกับแมกไม้ สายน้ำ อากาศบริสุทธิ์และได้พบอิสรภาพที่ขาดหายไปจากชีวิตอีกครั้ง

เมื่อเลิกสูบบุหรี่ได้เด็ดขาด สุขภาพที่เคยแย่ก็กลับดีขึ้นมากไม่ต้องเสียเงิน เสียเวลา และความเชื่อมั่นอีกต่อไป ที่สำคัญคือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกๆ ได้อีกด้วย

กอดลูก กอดโลก

บ้านคือที่ที่ทำให้ผมมีความสุขมากที่สุด ผมจะออกไปข้างนอกก็ต่อเมื่อจำเป็นจริงๆ เช่น ไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียน ไปทำงานหรือให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นอกเหนือจากความพยายามที่จะทำให้บ้านเป็น“บ้านแห่งความสุขของลูกๆ” ด้วยการเป็นพ่อที่ดีแล้ว ผมยังมั่นใจว่าผมเป็นพ่อที่กอดลูกมากที่สุดคนหนึ่งด้วย…แล้วท่านผู้อ่านล่ะครับ“มีลูกไว้กอดหรือชอบกอดลูกเหมือนผมหรือเปล่า”

ตอนที่ลูกคนแรกยังเป็นทารกอยู่นั้น ลูกมักจะคลานมากอดผมแล้วซบหน้าลงบนอกผม…ดวงตาที่มีประกายแวววาวของลูกเป็นยิ่งกว่าพระอาทิตย์ในใจ…

ในเวลาต่อมา เมื่อภรรยาให้กำเนิดลูกอีกคนหนึ่ง ซึ่งอายุไล่เลี่ยกับลูกคนแรก ยิ่งเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจจริงๆ

กลิ่นหอมของลูกนั้นหอมยิ่งกว่าชื่อเสียง เงินทอง และความสำเร็จใดๆ การโอบกอดร่างน้อยๆ ที่น่าทะนุถนอมและเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขไว้ทั้งสองคนทำให้ผมรู้สึกได้ถึงการโอบกอดโลก

เมื่อโลกอยู่ในอ้อมกอดแล้วก็ไม่จำเป็นต้องแบกโลกเพราะความโลภความรักที่มีต่อลูกเติมเต็มและหนุนส่งให้ผมดำเนินชีวิตอย่างสงบและเรียบง่ายบนวิถีแห่งสติ

เชื่อเหลือเกินว่าผมจะอยู่ในใจลูกๆ ตลอดไป และอ้อมกอดของผมจะทำให้พวกเขาอบอุ่นเสมอ แม้วันนี้ลูกๆ จะก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นกันแล้วผมก็ยังกอดพวกเขาเหมือนเดิม ทั้งลูกชายและลูกสาวกอดตอบผมโดยเฉพาะลูกสาวนั้นชอบกอดผมมากเป็นพิเศษเลยทีเดียว

การกอดเป็นภาษาของความรู้สึก ถ้ามาจากส่วนลึกจริงๆ ผมไม่เห็นว่าจะน่าอายตรงไหน ผมว่าน่าเสียดายมากกว่าถ้าคนเป็นพ่อแม่ละเลยการกอดลูก หรือปล่อยให้ความถือตัวเป็นกำแพงปิดกั้นจนลูกไม่อาจมองเห็นความรักที่ยิ่งใหญ่ในหัวใจ

ธรรมะได้เปลี่ยนแปลงชีวิตผมในหลายด้าน ทำให้หัวใจของผมอ่อนโยนลงและดำเนินชีวิตอย่างมีสติ ด้วยเหตุนี้ผมจึงหวังว่าเรื่องราวของผมจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ ในสังคม โดยเฉพาะการศึกษา “คำสอนของพระพุทธเจ้า” เพื่อน้อมนำไปปฏิบัติ ร่วมกันปกป้อง และสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่ต่อไป

หากว่าข้อเขียนนี้จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตใครสักคนไปในทางที่ดีเหมือนที่หนังสือบางเล่มเคยเปลี่ยนแปลงชีวิตผม การทำหน้าที่พุทธศาสนิกชนของผมในครั้งนี้ก็บรรลุจุดมุ่งหมายแล้ว

Secret Box

อาจมีหลายปัจจัยที่นำความล้มเหลวมาสู่ชีวิตแต่ทั้งหมดนั้นไม่เพียงพอสำหรับการยอมแพ้

ฤทธิพร อินสว่าง


จาก http://www.secret-thai.com/article/4085/rittiporn2/

ตัวอย่างผลงาน บางเพลง

<a href="https://www.youtube.com/v/BH9YG3v9HBM" target="_blank">https://www.youtube.com/v/BH9YG3v9HBM</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/DhjsKGy3AV8" target="_blank">https://www.youtube.com/v/DhjsKGy3AV8</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/UwIekUmrTu0" target="_blank">https://www.youtube.com/v/UwIekUmrTu0</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/-cJpjFaRGmo" target="_blank">https://www.youtube.com/v/-cJpjFaRGmo</a>

13 จากเพื่อนถึงเพื่อน คอนเสิร์ตสหาย ศุ พงษ์สิทธิ์ ฤทธิพร

<a href="https://www.youtube.com/v/qM3k9w5ymGk" target="_blank">https://www.youtube.com/v/qM3k9w5ymGk</a>

มีอีก https://www.youtube.com/watch?v=qM3k9w5ymGk&list=RDqM3k9w5ymGk#t=54

อีกเพียบบบ https://www.youtube.com/playlist?list=PLajyM4gpcicmQopRVbLlz98lZ1GDpiECm

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
กำลังใจ....ฤทธิพร อินสว่าง
ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
มดเอ๊ก 0 1811 กระทู้ล่าสุด 24 กันยายน 2553 16:46:17
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.539 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 01 กุมภาพันธ์ 2567 07:24:17