[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
17 พฤษภาคม 2567 06:31:16 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เกือบลงนรก..กว่าจะพบผ้าเหลือง!  (อ่าน 932 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5081


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.272 Chrome 50.0.2661.272


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 28 สิงหาคม 2559 20:23:17 »




เกือบลงนรก..กว่าจะพบผ้าเหลือง!


…ชีวิตของอาตมา (เกือบ) ลงนรกเพราะยาเสพติด!

ตั้งแต่เด็ก อาตมาเป็นเด็กดี เรียนดีกีฬาเด่น ได้เป็นประธานนักเรียนตอนอยู่ป.5 – ป.6 จนกระทั่งย้ายไปเรียนที่โรงเรียนชายล้วนอันดับหนึ่งของจังหวัด จึงเริ่มมีสังคมใหม่เพื่อนใหม่ที่ต่างจากเดิม

อาตมารักเพื่อนและติดเพื่อนมาก ช่วงม.2 พอเพื่อนเริ่มสูบบุหรี่ ดูดกัญชา ดมกาว จึงขอลองกับเขาด้วย เพราะกลัวเพื่อนจะไม่ให้เข้ากลุ่ม พอหนักเข้าก็เริ่มไม่เข้าเรียน ไม่ทำการบ้าน เรียกว่าจบ ม.3 มาได้แบบทุลักทุเล หลังจากนั้นอาตมาย้ายไปเรียน ปวช. และเริ่มคบกับโยมภรรยาซึ่งเขาเป็นเด็กเรียนดี ต่อมาเราจึงตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน

ชีวิตของอาตมาผ่านไปแบบปกติธรรมดา จนอายุเข้าวัย 30 ภรรยาอาตมาเข้ารับราชการ ส่วนอาตมากลับมาเปิดร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ที่บ้านเกิดตัวเอง และนั่นเป็นการย้อนกลับมาเดินบนเส้นทางสีเทา ซึ่งข้องเกี่ยวกับอบายมุขอีกครั้ง

เพราะจริง ๆ แล้วร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์นั้น อาตมาเปิดไว้บังหน้าธุรกิจหวยใต้ดิน ซึ่งโยมพ่อและโยมแม่ทำให้เห็นมาตั้งแต่เด็ก และธุรกิจนี้เองที่ชักนำให้อาตมากลับมาคบกับเพื่อนกลุ่มเดิมที่เคยสำมะเลเทเมามาด้วยกัน

…จากที่เคยดูดแค่กัญชา ยาเสพติด ก็เริ่มย่างกรายเข้ามาในชีวิต…

เพื่อนเริ่มแนะนำให้รู้จักกับยาม้ายาบ้า ซึ่งอาตมา “เล่น” โดยเอายาใส่ในกระดาษฟอยล์แล้วจุดไฟลนเพื่อสูดควันของยา จำได้ว่าครั้งแรกที่เล่นยา อาตมาใจสั่นอย่างรุนแรง คึกจนนอนไม่หลับ ตาค้างถึงเช้า กัด ขบ เคี้ยวฟันตัวเองอยู่ตลอดทั้งคืนจนต้องหาอะไรทำไม่ให้อยู่นิ่ง

ตอนเล่นยาแรก ๆ อาตมาคิดว่าอย่างไรก็ไม่ติด เพราะไม่ได้เล่นเยอะ ไม่ต้องเสียเงินเยอะ ยาบ้าหนึ่งเม็ดราคาประมาณ 400 บาท แต่อาตมาซื้อไว้ทีละเยอะ ๆ พอเล่นจนคึกก็โทร.ไปชวนเพื่อนมาเล่นด้วยกันบ้าง พากันไปดริฟต์รถบ้าง เอามอเตอร์ไซค์ไปซิ่งตามเนินสูงบ้าง เมื่อเสพยาจนกลายเป็นเรื่องปกติ (ของคนไม่ปกติ) อาตมาจึงหันมาเดินบนเส้นทางสายนี้อย่างเต็มตัว!

อาตมาใช้วิธีเซ้งร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์แล้วเปิดร้านเหล้าบังหน้าเพื่อขายหวยใต้ดิน เงินที่ใช้ซื้อยาส่วนมากเป็นเงินของอาตมาเองบ้าง เงินของภรรยาบ้าง บางครั้งก็เป็นเงินของพ่อแม่ แต่พอต้องการเงินมากขึ้น อาตมาก็เริ่มเกรงใจทางบ้าน จึงตัดสินใจเดินทางเข้าสู่วงการพนัน โดยหวังว่าจะมือขึ้นและไม่ต้องไปรบกวนเงินคนอื่น

เมื่อข้องแวะกับการพนัน ชีวิตของอาตมาก็เลวลงทุกที จากที่เคยเดินเข้าบ่อนธรรมดา ก็ถลำมาเล่นแบบออนไลน์ซึ่งถ่ายทอดสอดมาจากคาสิโนปอยเปต ช่วงนั้นแม้จะได้กำไรมาวันละสองสามหมื่น แต่เวลาเสียทีก็ไม่เคยต่ำว่าสามสี่หมื่นไปจนถึงสองแสน เวลานั้นอาตมาไม่คิดอะไร ขอเพียงแต่ละวันเหลือเงินสำรองไว้ซื้อยามาตุนไว้เสพเป็นพอ

การเป็นนักเสพที่รู้จัก “แบ่งปัน” ทำให้อาตมากลายเป็นผู้มีอิทธิพลและเริ่มมีลูกน้องมากมาย อาตมาน่าจะเป็นลูกพี่ที่ค่อนข้างแฟร์ในสายตาของพวกเขา เพราะไม่ฆ่าใครด้วยคำพูด มีเงินก็เลี้ยงลูกน้อง มียาก็ให้ลูกน้องเสพ บางทีซื้อยาไอซ์ยาบ้ามาวางเต็มโต๊ะ ใครอยากได้ก็หยิบไป อาตมาเริ่มมีลูกน้องที่เพิ่งออกจากคุกมาอยู่ด้วยกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เวลาเข้าบ่อน พนักงานจะเปิดห้องวีไอพีให้ทันที เพราะมีลูกน้องเดินตามหลังอย่างต่ำสองสามคน

แต่ไม่ว่าจะชั่วอย่างไร อาตมาไม่ยอมให้ความชั่วของอาตมากระทบครอบครัว (ยกเว้นเรื่องเงิน) เวลาทะเลาะกับภรรยา อาตมาจะไม่มีปากเสียง อาศัยเลี่ยงไปนอนโรงแรมและเรียกลูกน้องมาเล่นยาคลายเครียดด้วยกัน

ทุกครั้งที่มีทุกข์หรือไม่สบายใจอาตมาจะใช้ยาเสพติดเป็นที่พึ่ง ยึดเป็นสรณะ เพราะไม่เคยรู้จักที่พึ่งอื่น



 หลัง ๆ โยมภรรยาเริ่มระแคะระคายว่าอาตมาเสพยาและเล่นการพนัน เธอจึงเก็บของมีค่าทุกอย่างไว้ในตู้เซฟ และถึงกับโทร.ไปขอร้องบ่อนต่าง ๆ ว่า หากอาตมาเข้าไปให้ช่วยบอกด้วย แต่น่าเสียที่ “มาตรการ” ของเธอไม่สามารถหยุดอาตมาได้เลย

ชีวิตอาตมาเริ่มดุเดือดขึ้น จากที่เสียพนันวันละหลักพันหรือหมื่นก็ขยับขึ้นไปเป็นหลักแสน ส่วนเรื่องยาเสพติด รายใหญ่ก็เริ่มไว้ใจปล่อยของให้มากขึ้น อาตมาจึงกลายเป็นผู้มีอิทธิพลด้านยาเสพติดและเหิมเกริมขึ้นมาก ถ้าหมั่นไส้ใครจะสั่งให้ลูกน้องไปจัดการทันที และมีหลายกรณีที่ลงมือด้วยตัวเอง ตอนนั้นอาตมาทำทุกอย่างเพื่อให้คนมองว่าเราเป็นคนไม่ดี จะได้ไม่มีใครกล้าหือ เข้าทำนองว่า “กูเป็นคนไม่ดีนะโว้ย อย่ามาวุ่นวายกับกู!”

แต่ถึงอย่างนั้นก็มีหลายครั้งที่ลูกน้องพาหัวหน้า “ซวย” บางคนเมื่อได้ยาไปแล้วก็นำไปล่อยต่อจนได้เรื่อง วันหนึ่งตำรวจถึงกับเข้ามาค้นตัวอาตมา สั่งให้แก้ผ้าตั้งแต่ชั้นนอกยันชั้นใน แต่โชคยังดีที่วันนั้นอาตมาไม่มี “อะไร” ติดตัวจึงรอดมาได้

บางครั้งลูกน้องบางคนก็เคยทำให้อาตมาถึงกับ “ตีนกระตุก” มาแล้ว

เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งอาตมาใช้ให้ลูกน้องไปซื้อยาพร้อมกับให้เงินไปหมื่น แต่มันกลับหายตัวไป แถมยังปิดเครื่องโทรศัพท์จนติดต่อไม่ได้ ผ่านไป 6-7 วัน อาตมาไปเจอตัวอยู่ที่ร้านบาคาร่า (การพนันชนิดหนึ่ง) ระหว่างที่ลูกน้องตัวแสบกำลังจะยกมือไหว้ อาตมาก็เดินเข้าไปออกอาวุธมวยไทยทั้งเตะทั้งต่อยจนได้เลือด ก่อนเดินออกจากร้านยังชี้หน้าเด็กคุมเคาน์เตอร์แลกชิปให้ลบภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออกจากกล้องวงจรปิดให้หมด…อาตมากลายเป็นขาใหญ่ในวงการมืดเต็มตัวไปแล้ว!

เมื่อมีอิทธิพลมากขึ้น ผู้หญิงที่ไม่ใช่ภรรยาก็เริ่มเข้ามาในชีวิต ความตั้งใจที่ว่าจะชั่วให้หมดยกเว้นเรื่องผู้หญิงจึงเริ่มสั่นคลอน อาตมาเริ่มคบหากับผู้หญิงคนหนึ่งในฐานะ “กิ๊ก” เธอมีดีกรีปริญญาโทจากสถาบันมีชื่อ และเป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งอาตมามาทราบทีหลังว่า ผู้หญิงคนนี้ทำธุรกิจมืดเป็นอาชีพเสริมคือรับจำนำรถ และบางครั้งก็นำรถไปส่งให้เอเย่นต์เพื่อถอดชิ้นส่วนและขายต่อ

อาตมาตกลงกับกิ๊กว่า เราจะพบกันชั่วครั้งชั่วคราว ห้ามให้ภรรยารู้เด็ดชาด ช่วงนั้นชีวิตของอาตมาถลำลึกจนกู่ไม่กลับ พอเสพยามากก็มีกำลังนั่งเล่นการพนันไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บางวันเสียเงินไปเป็นล้าน หมดเนื้อหมดตัวจนต้องรบกวนทางบ้าน และบางครั้งถึงกับต้องบากหน้าไปขอเงินลูกน้องตัวเอง

พอยาหมด เงินไม่มี อาตมาก็เริ่มคิดการใหญ่คือวางแผนปล้นธนาคารเพื่อหาเงินไปคืนพ่อแม่และภรรยา ส่วนหนึ่งก็ตั้งใจว่าจะเอาไปปรนเปรอกิ๊กด้วย อาตมาติดต่อลูกน้องที่ไว้ใจได้ให้มาช่วยงาน เตรียมอาวุธปืน พร้อมอุปกรณ์พรางตัว ก่อนจะปฏิบัติการขโมยเหล้าบุหรี่ตามโกดังต่างๆ เป็นการซ้อมมือ ทำให้พบว่าแก๊งของเรายังขาดคนขับรถ จึงต้องพับแผนการนี้เอาไว้ก่อน นับว่าเป็นโชคดีของอาตมาที่ไม่หลวมตัวทำผิดกฎหมายไปมากกว่านี้

อาตมาเดินกลับบ้านด้วยความสิ้นหวัง นอกจากจะคิดไม่ตกเรื่องเงินทองซึ่งไม่มีหนทางจะหามาได้ ยังกังวลว่าภรรยาจะทำอย่างไรหลังจากที่เธอถูกกิ๊กของอาตมาโทรศัทพ์ไประราน



ทว่าวันนั้นโยมภรรยานั่งรออาตมาอยู่อย่างสงบ ปกติเธอเป็นคนช่างโวยวายจนอาตมาต้องลี้ภัยออกจากบ้านไปบ่อย ๆ แต่คราวนี้เธอกลับนิ่งจนอาตมานึกกลัว เธอบอกว่า เพิ่งกลับจากวัดและทำใจเรื่องผู้หญิงคนนั้นได้แล้ว มีคนแนะนำเธอว่า “ไม่ต้องตาม ไม่ต้องทวง ไม่ต้องหย่า” ก่อนจะพูดต่อนิ่ง ๆ ว่า

                “ถ้าจะไปก็ไป แต่จะไม่เซ็นใบหย่าให้ และถ้าจะมาอยู่บ้านต้องเลิกยา”

                ในวันที่ชีวิตมืดมนไปหมดทุกด้าน เมื่อโยมภรรยาให้โอกาส อาตมาจึงรีบคว้าโอกาสครั้งใหญ่ในชีวิตไว้ และตัดสินใจเลิกยาทันที หลังจากนั้นก็จะขอบวชสักระยะหนึ่ง

ภรรยาของอาตมาจัดการล็อกประตูทุกบานเพื่อกันไม่ให้อาตมาออกไปหายามาเสพ แม้กิ๊กอาตมามาตามก็ไม่สามารถออกไปเจอได้ ในระหว่างที่ต่อสู้กับอาการอยากยาอยู่นั้น วันหนึ่งภรรยาก็เอาหนังสือเล่มหนึ่งมาให้อ่าน เรื่องราวในหนังสือเป็นเรื่องของพระอาจารย์รูปหนึ่งกับลูกศิษย์สุดแสบ เป็นอดีตนักโทษประหารบ้าง อดีตคาสโนวาบ้าง เมื่ออ่านจบอาตมาจึงตัดสินใจไปบวชกับพระรูปนั้น ซึ่งก็คือ พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

วันนี้อาตมาเลิกยามาได้เดือนกว่า ๆ แล้ว แม้ร่างกายจะยังได้รับผลกระทบจากยาเสพติดอยู่บ้าง แต่จิตใจของอาตมาเหมือนอยู่บนสวรรค์ จากที่เคยมองเห็นแต่ผลประโยชน์และเงินเป็นสำคัญ มีแต่คนไม่ดีอยู่รอบข้าง ใจวุ่นวายร้อนรน ตอนนี้อาตมามีความสุขมากกับการ “ไม่มีอะไร ไม่ต้องเป็นอะไร” ในแต่ละวันก็ทำกิจของสงฆ์และภาวนาไปเรื่อย ๆ อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด และทำตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิม เท่านี้ก็เป็นสุขที่สุดแล้ว

                …เจริญพร…

 

พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ


พระอาจารย์ไม่เคยรู้จักท่านแมนมาก่อนเลย จนกระทั่งมีครอบครัวหนึ่งนั่งรถมาพบพระอาจารย์ที่ยุวพุทธฯ (สาขา 2) เพื่อส่งสามีมาให้พระอาจารย์บวช คนเป็นภรรยาแจ้งว่า “รับสามีคนนี้ไม่ไหวแล้ว ทั้งติดยา ติดการพนัน จนตระกูลล้มละลาย” ด้วยความที่โยมภรรยาเคยอ่านหนังสือ 191 (1 พระอาจารย์ 9 มารร้าย ปิดอบายใน 1 พรรษา) จึงคิดว่าสไตล์ของสามีน่าจะเหมาะกับการมาบวชกับพระอาจารย์ พระอาจารย์จึงรับไว้ พอถึงตีสี่ก็จับโกนผม บวชวันนั้นเลย เพราะคนประเภทนี้จะทำอะไรต้องทำโดยฉับพลัน ช้าไม่ได้

จริง ๆ แล้วท่านแมนก็ไม่ได้ชั่วโดยสันดาน แต่รักเพื่อนพ้อง ด้วยความที่รักเพื่อนมากเกินไปนี่เอง เขาชวนทำอะไรก็ทำตามเขาไป เสพยาจนเสียอนาคต ทำให้ทั้งพ่อแม่และเมียทุกข์มาก พระพุทธองค์ถึงบอกว่า “กัลยาณมิตรคือทั้งหมดของพรหมจรรย์”

พอท่านแมนมาบวช ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น คนประเภทนี้ปัญญาเยอะ อัตตาสูง ถ้าใช้วิธีพูดบอกไม่น่าจะเข้าท่า ต้องทำให้เห็นหรือให้เขาลงมือทำเอง

ตอนนี้ท่านเริ่มดีขึ้นมาก สงบ ร่มเย็น มีความคิดดีมากขึ้น ทั้งพ่อแม่และภรรยาก็อนุโมทนา ขอให้อยู่ในผ้าเหลืองต่อไป เพราะก่อนหน้านั้นคนทั้งบ้านต้องนอนกันแบบหวาดผวา ตอนนี้ท่านจึงบวชต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อคนอื่น เมื่ดใดที่ท่านมั่นใจแล้วว่าจะไม่ทำชั่วอีก เมื่อนั้นท่านจึงจะสึก

ในอนาคตพระอาจารย์เชื่อว่า ท่านแมนคงจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ทางธรรมได้เป็นอย่างดี สามารถเอาชีวิตที่ผิดพลาดมาเป็นบทเรียนสอนธรรมให้คนอื่นต่อได้…เราก็ต้องรอดูกันต่อไป

จาก http://www.secret-thai.com/article/1519/phra-man/

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.37 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 12 กุมภาพันธ์ 2567 09:36:56