หัวข้อ: ธรรมย่อมชนะอธรรม เริ่มหัวข้อโดย: 時々๛कभी कभी๛ ที่ 30 มิถุนายน 2554 14:40:17 (http://image.ohozaa.com/i/281/122824p7120119.jpg) (http://static.panoramio.com/photos/original/52707600.jpg) (http://image.ohozaa.com/i/1ec/prwheel.gif) http://poerlife.fx.gs/index.php?topic=336.new#new (http://poerlife.fx.gs/index.php?topic=336.new#new) หลายครั้งที่เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ห่วงกังวลในหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่อง สถานการณ์บ้านเมืองก็ปลอบใจตัวเองว่าไม่ต้องห่วง{ธรรมย่อมชนะอธรรม}โดยที่ยัง ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า ธรรมย่อมชนะอธรรมนั้นจะเป็นอย่างไร เดิมเข้าใจว่า{ธรรม}ที่กล่าวถึง คือ กุศลธรรม หมายถึงคนที่ทำความดี คนดี และ {อธรรม}คือ อกุศลธรรม หมายถึงผู้ร้าย คนไม่ดี ซึ่งถ้ามีการต่อสู้แข่งขันกันแล้ว คนดี ต้องชนะ ชนะในที่นี้หมายถึงว่าได้รับลาภ ยศ สุข สรรเสริญ หรือชนะในการแข่งขันต่อสู้ รักษาชีวิตรอดปลอดภัย ได้รับรางวัลที่ต้องการ ต่อมาเมื่อมีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้นก็เห็นว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น คนไม่ดีทำทุจริตคด โกงได้รับสิ่งดีๆมากมายกว่าคนที่ซื่อสัตย์สุจริตอย่างที่เห็นกันทั่วไปเมื่อมาได้ศึกษา ธรรมมากขึ้น ก็เข้าใจว่า ความดีกับผลดีนั้นเป็นคนละส่วนกัน ความดีที่กระทำในปัจจุบัน เป็นเหตุที่จะทำให้เกิดผลดีข้างหน้า แต่ผลดีที่ได้รับในปัจจุบันนั้นเป็นเหตุของความดีที่ ได้กระทำไว้แล้วในอดีต{คือที่ผ่านไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นชาติก่อนๆที่ยาวไกล ทำ เมื่อกี้นี้ก็เป็นอดีตแล้ว}ซึ่งทุกคนในโลกนี้ก็ได้ทำทั้งกุศลและอกุศลในอดีตมาแล้วมาก มายเมื่อได้เหตุปัจจัยที่เหมาะสม ผลของกุศลและอกุศลนั้นก็ให้ผลตามสมควรแก่เหตุที่ ได้กระทำไว้แล้วต่อมาเข้าใจมากขึ้น เมื่อได้ทราบว่าทุกอย่างเป็นธรรมก็รู้ว่าที่เข้าใจว่าเป็นคนดีคนไม่ดี นั้นไม่ถูกเสียแล้วความจริงเป็นเรื่องกุศลธรรมและอกุศลธรรม ซึ่งต่างก็เป็นธรรม เป็นสิ่ง ที่มีจริง เมื่อกุศลธรรมและอกุศลธรรมเกิดขึ้นก็เป็นเหตุให้ได้รับผล เป็นกุศลวิบากและ อกุศลวิบากตามควรแก่เหตุนั้น ๆ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร เช่น เมื่อมีปัญญา ความเข้าใจถูกในสภาพธรรมที่เกิดปรากฏตามความเป็นจริงเป็นแสงสว่างดับอวิชชา คือ ดับความมืดจากความไม่รู้ไม่เข้าใจและปัญญาซึ่งเป็นกุศล เป็นความดีย่อมชนะ อวิชชา ซึ่งเป็นอกุศล ความไม่ดีได้ เมื่อวานนี้ ----->>>>วันเสาร์ที่ 25 มิุนายน 255454ได้ดูรายการ{บ้านธัมมะ}จากสถานี TNN 2 ก็ทำให้ รู้ว่าที่คิดว่าเข้าใจเรื่องนี้แล้วนั้นก็ยังไม่ถูกเมื่อได้ฟังท่านอาจารย์พูดถึงเรื่องธรรมย่อม ชนะอธรรมว่า ธรรมจะชนะอธรรมได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูธรรมกับอธรรมว่า เลี้ยงดูอย่างไหนดีกว่ากัน ถ้าเลี้ยงดูธรรมดีกว่าให้อาหารธรรมมากกว่า ธรรมก็จะมีกำลัง ชนะอธรรมได้ แต่ถ้าไม่ได้ให้อาหารธรรมมากกว่า อธรรมที่ปกติมีกำลังมากกว่าเพราะมี อาหารมากกว่านั้นก็จะชนะอธรรมเสมอ อย่างอยากมีปัญญา แต่ไม่ได้ฟังธรรมไม่ได้ ศึกษาไม่ได้พิจารณาปัญญาก็เกิดไม่ได้ แต่{อวิชชา}นั้นมีอยู่มากเป็นปกติแล้วยังมี อาหารของอวิชชามากมายโดยไม่ต้องแสวงหาให้เหน็ดเหนื่อยเลย ไม่ว่าจะเป็นรูป เสียง กลิ่น รส {โผฏฐัพพะ}ที่ปรากฏทำให้เกิดความติดข้อง ต้องการอยู่ตลอดเวลาดังนั้น ปัญญาจะชนะ{อวิชชา}ไม่ได้ง่าย ๆ เลย ดังนั้นที่เข้าใจว่า ธรรมย่อมชนะอธรรมนั้น ไม่ใช่อยู่เฉยๆ ก็จะชนะได้ ธรรมก็ต้องมีพี่ เลี้ยงที่คอยบำรุงรักษาให้เติบใหญ่มีกำลังมากกว่าอีกฝ่าย คือ อธรรมด้วย จึงจะชนะได้ กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์ที่ทำให้ได้ยินสิ่งที่ไม่เคยฟัง และทำให้เข้าใจในสิ่งที่ คิดว่าเข้าใจแล้วแต่จริงๆแล้วยังไม่เข้าใจเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ ย่อมอยู่เป็นทุกข์ มีความเดือดร้อน มีความคับแค้น มีความเร่าร้อนในปัจจุบัน เมื่อตายไปพึงหวังได้ทุคติ ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน คือ...................................... ความเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ๑ ความเป็นผู้ไม่รู้จักประมาณในโภชนะ ๑ ko - sa - na Sometime Home http://poerlife.fx.gs http://www.fungdham.com/download/song/allhits/21.wma ข้อมูลจาก.....มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาบ้านธัมมะ 136 หมู่ 5 ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ 50230 |