13 พฤษภาคม 2567 13:23:25
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
นั่งเล่นหลังสวน
สุขใจ ห้องสมุด
.:::
ธรรมเนียมสืบทอดมรดกในสยาม ทำไมเจ๊สัวเนียมยกทรัพย์สินมหึมา(ตลาด)ให้ลูกสาวแทนบุตร
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ธรรมเนียมสืบทอดมรดกในสยาม ทำไมเจ๊สัวเนียมยกทรัพย์สินมหึมา(ตลาด)ให้ลูกสาวแทนบุตร (อ่าน 472 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออนไลน์
Thailand
กระทู้: 2332
ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ
ธรรมเนียมสืบทอดมรดกในสยาม ทำไมเจ๊สัวเนียมยกทรัพย์สินมหึมา(ตลาด)ให้ลูกสาวแทนบุตร
«
เมื่อ:
21 มิถุนายน 2564 15:53:05 »
Tweet
๑ พระยาอิศรานุภาพ (เอี่ยม บุนนาค) บุตรเขยเจ๊สัวเนียม (ภาพจากหนังสือสกุลบุนนาค)
๒ รูปปั้นพระศรีทรงยศ (เจ๊สัวเนียม) ที่มาของชื่อตรอกเจ๊สัวเนียมตลาดเก่า
ธรรมเนียมสืบทอดมรดกในสยาม ทำไมเจ๊สัวเนียมยกทรัพย์สินมหึมา(ตลาด)ให้ลูกสาวแทนบุตร
ที่มา - ศิลปวัฒนธรรม ฉบับกันยายน 2547
ผู้เขียน - พิมพ์ประไพ พิศาลบุตร
เผยแพร่ - วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2563
ธรรมเนียมการแบ่งมรดกเป็นเรื่องสำคัญ และมักส่งผลสะท้อนกลับมายังระบบเศรษฐกิจของสังคมนั้นๆ เสมอ โครงสร้างเศรษฐกิจของคนต่างวัฒนธรรมจึงมีลักษณะแตกต่างกันออกไป ดังเช่นความแตกต่างในกรณีของอังกฤษและจีน
ในอังกฤษธรรมเนียมดั้งเดิมของการสืบทอดทรัพย์คือ ยกสมบัติทั้งหมดให้กับบุตรชายคนโตเท่านั้น บุตรคนรองๆ จะได้เพียงเงินก้นถุงเล็กน้อย เพื่อเป็นทุนในการตั้งตัว ที่ดินและคฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลซึ่งไม่ถูกแบ่งปันก็ตกทอดต่อกันมาหลายชั่วคน นานนับเป็นร้อยปี ขณะที่บุตรคนรองๆ ต้องออกจากบ้าน ไปดิ้นรนสร้างฐานะ เกิดเป็นกลุ่มนักแสวงโชค ซึ่งเป็นเฟืองจักรสำคัญของอาณานิคมอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘-๒๐ และสมบัติที่ตกทอดสืบต่อกันมาทางบุตรชายคนโต เมื่อสะสมรวมกับที่คนในแต่ละรุ่นทำมาหาได้ ก็เกิดเป็นความมั่งคั่งขนาดมหึมา
ส่วนที่เมืองจีน ซึ่งยึดมั่นในเรื่องของการสืบแซ่สกุล มีธรรมเนียมการแบ่งสมบัติให้ทายาทฝ่ายชายเช่นกัน แต่วิธีแบ่งสมบัติต่างไปจากของคนอังกฤษ คือนิยมปันเฉลี่ยให้บุตรชายทุกคนกับหลานชายคนโต คนละประมาณเท่าๆ กัน โดยลูกชายคนโตอาจได้รับส่วนแบ่งมากหน่อย เพราะวัฒนธรรมจีนให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว ต้องการให้ลูกหลานอยู่รวมกันในหมู่บ้านดั้งเดิมของบรรพบุรุษ เวลาแบ่งที่ดินทำกินจึงแบ่งให้เท่าๆ กัน เพื่อความสามัคคีปรองดอง และหลีกเลี่ยงที่จะสร้างแรงกดดันให้ลูกหลานอพยพไปทำงานที่อื่น แต่การแบ่งมรดกแบบนี้ก็มีส่วนทำให้ความร่ำรวยของครอบครัวจีนอยู่ได้ไม่นาน ส่วนใหญ่แล้วไม่เกินสามชั่วคน โดยเฉพาะในสมัยที่คนโบราณมีลูกนับได้เรือนสิบ ทรัพย์สินชิ้นใหญ่ถูกซอยย่อยลงจากรุ่นลูกไปถึงรุ่นหลาน รุ่นเหลน ยิ่งมีลูกมากทรัพย์สินที่ทายาทได้รับก็ยิ่งชิ้นเล็กลง เมื่อเวลาผ่านไปหลายชั่วคนที่ดินมรดกจากบรรพชนถูกซอยย่อยร่อยหรอลงเรื่อย ในที่สุดก็ไม่เพียงพอสำหรับใช้เป็นที่ทำกิน ทำให้คนส่วนใหญ่ยากจนถ้วนทั่วกัน
เมื่อเทียบเคียงกับประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของชาวตะวันตก การสะสมทุนขนาดใหญ่เป็นทุนรอนในการพัฒนาอุตสาหกรรมท้องถิ่น จึงมิได้เกิดขึ้นในเมืองจีนจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐
ธรรมเนียมการสืบทอดมรดกของชนชาวสยามมิได้เคร่งครัดเช่นของจีน อาจจะเป็นเพราะชาวพุทธเถรวาทส่วนใหญ่เห็นสมบัติเป็นของนอกกาย จึงมิได้เน้นเรื่องการสืบทอดมรดกและการสืบแซ่ออกมาเป็นนิติธรรมเนียม จารีตที่ใช้ปฏิบัติกันอยู่ในสยามถือเพียงว่ามรดกเป็นของผู้สืบสันดาน ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งชายและหญิง การใช้หลักผู้สืบสันดานนี้เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้สยามไม่มีธรรมเนียมการใช้นามสกุล จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว อาจกล่าวได้ว่าสังคมสยามในอดีตมีระบบแบ่งสมบัติให้กับสตรีที่ค่อนข้างเป็นธรรม
ผู้ใหญ่ที่เคารพเคยเล่าให้ดิฉันฟังว่า บิดาเป็นทหาร เวลาแบ่งสมบัติ ลูกชายได้ปืนของพ่อ ส่วนลูกสาวได้ทองหยองของแม่ ฟังดูยุติธรรมดี ธรรมเนียมการยกทรัพย์ให้ผู้สืบสันดานทำให้หญิงชาวสยามพอมีสมบัติมอบให้กับลูกหลานได้บ้าง ส่วนจีนบางบ้านที่มาอยู่อาศัยในสยามนานๆ บางคนก็ปรับเปลี่ยนวิธีการแบ่งมรดกให้ลูกหลานให้เป็นไทยมากขึ้น แตกต่างไปจากธรรมเนียมดั้งเดิมของจีน
ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ นอกจากกรณีของบ้านตลาดน้อย ที่ชาวกรุงเทพฯ เรียกว่าโซวเฮงไถ่ ซึ่งส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ให้ทายาทฝ่ายหญิงเป็นผู้ดูแลรักษาต่อเนื่องกันถึง ๔ ชั่วคนแล้ว ยังมีเรื่องเจ๊สัวเนียมยกทรัพย์สินชิ้นมหึมาให้บุตรสาว ทั้งที่มีบุตรชายสองคนเป็นผู้สืบแซ่ ทรัพย์ชิ้นนี้ได้แก่ “
ตลาดเจ๊สัวเนียม
” หรือ “ตลาดเก่า” ซึ่งเป็นสมบัติที่บิดาทิ้งเป็นมรดกไว้ให้บุตรสาว คือจากพระศรีทรงยศ (เนียม) มายังคุณหญิงนิ่ม ภรรยาพระยาอิศรานุภาพ (เอี่ยม บุนนาค) เรื่องนี้โด่งดังในวงจีนสยามไม่แพ้เรื่องของโซวเฮงไถ่ เพราะอภิมหาเศรษฐีไม่เคยหลีกหนีพ้นความสนใจของชาวบ้าน
เจ๊สัวเนียมเป็นคนสมัยรัชกาลที่ ๒ น่าจะอายุมากกว่าหลวงอภัยวานิช (จาต) ต้นตระกูล
จาติกวณิช
เจ้าของโซวเฮงไถ่สักรุ่นหนึ่ง เพราะพระยาอิศรานุภาพ (เอี่ยม) บุตรเขยคนโตของเจ๊สัวเนียมเกิดปลายสมัยรัชกาลที่ ๒ เมื่อ พ.ศ.๒๓๖๖ อายุอ่อนกว่าเจ๊สัวจาตเพียง ๑๐ ปี
เจ๊สัวเนียมเป็นลูกจีน แต่ไม่มีข้อมูลเรื่องชื่อแซ่ของบิดา ศาลเจ๊สัวเนียมที่เยาวราชก็มิได้ระบุแซ่ ว่าเป็นคนแซ่อะไร เพียงแต่ระบุว่ามีบรรดาศักดิ์เป็นพระศรีทรงยศ (เนียม) ผู้พัฒนาที่ดินตรอกเจ๊สัวเนียม ตลาดที่พ่อค้าจีนให้ความนิยมสูงสุดของกรุงเทพฯ ตลอดสองร้อยกว่าปีที่ผ่านมา จนคนทั่วไปขนานนามตลาดสองฟากทางของตรอกนี้ว่า “ตลาดเก่า”
แผนที่เก่าระบุชื่อตรอกนี้ไว้ว่า “ตรอกเจ๊สัวเนียม” ในขณะที่แผนที่รุ่นหลังเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “
ตรอกพระยาไพบูลย์
” ตามราชทินนามของเอี่ยมบุตรเขยคนโต ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ดำรงตำแหน่งเป็นพระยาไพบูลย์สมบัติ จางวางคลังสินค้าฝ่ายกรมพระราชวังบวรฯ ต่อมาในรัชกาลที่ ๕ เมื่อท่านเอี่ยมได้รับพระราชทานพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นพระยาอิศรานุภาพ อธิบดีกรมมหาดไทยฝ่ายกรมพระราชวังบวรฯ ชื่อตรอกเจ๊สัวเนียมนี้ก็เปลี่ยนใหม่อีกครั้งเป็น “
ตรอกอิศรานุภาพ
”
ดิฉันติดใจเรื่องเจ๊สัวเนียมมาตั้งแต่ครั้งที่ค้นหาข้อมูลเพื่อเขียนสำเภาสยาม : ตำนานเจ๊กบางกอก คำถามที่ติดปากมานาน และได้ถามซ้ำๆ กันอยู่หลายปีคือ “เจ๊สัวเนียมแซ่อะไร?” “เจ๊สัวเนียมมีบุตรชายหรือไม่? ถ้ามีทำไมจึงยกสมบัติให้บุตรสาวล่ะคะ?”
ไม่มีเสียงตอบจากสวรรค์ คราวนั้นจึงจำใจต้องปิดต้นฉบับไป โดยไม่มีเรื่องของพระศรีทรงยศ (เนียม) นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คนสำคัญช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์รวมอยู่ด้วย
มาคราวนี้ค้นข้อมูลเรื่องของสตรีชั้นกระฎุมพีของสยาม จึงเปลี่ยนคำถามใหม่เป็น “มารดาเจ๊สัวเนียมคือใคร? ภรรยาชื่ออะไร?” คราวนี้ได้ผล ประวัติเจ๊สัวเนียมเริ่มกระจ่างขึ้นทันตา ดิฉันได้รับความกรุณาจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ส่งสาแหรกตระกูลมารดาของเจ๊สัวเนียมมาให้ รวบรวมโดยวิชัย ทรรทรานนท์ ขออนุญาตนำบางส่วนมาพิมพ์เผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วย
บิดาของเจ๊สัวเนียมเป็นจีนแซ่เตีย เข้ามาแต่งงานอยู่กินกับอำแดงทองดี ภรรยาไทย ซึ่งเป็นน้องสาวร่วมบิดากับเจ้าจอมมารดาอิ่มในรัชกาลที่ ๓ เอกสารระบุว่าทองดีเป็นบุตรสาวคนหนึ่งในจำนวนบุตรสาว ๑๑ คนของพระศรีศุภโยคหรือพระนรินทร์ทิพย์ (ผู้เขียนสาแหรกตระกูลไม่แน่ใจ จึงระบุทั้งสองชื่อที่รับทราบมา) พระนรินทร์ทิพย์ผู้นี้มีบุตรชายเพียงคนเดียว ชื่อสิน เป็นต้นตระกูลสุวรรณเตมีย์
เจ๊สัวเนียมมีบุตรสาว ๕ คน บุตรชาย ๒ คน ชื่อรุ่ง และเชย หากเจ๊สัวเนียมแบ่งสมบัติโดยใช้ธรรมเนียมจีนเป็นหลักแล้ว ทรัพย์สินส่วนใหญ่ก็คงตกอยู่กับทายาทฝ่ายชายสองคนนี้ เพราะเป็นผู้สืบตระกูลตามวิธีคิดของคนมีแซ่
คราวนี้สมมุตินะคะสมมุติ ว่าเจ๊สัวเนียมคิดแบบไทยตามแบบมารดา สมบัติจะยกให้ใคร คราวนี้สมบัติก็ไปตกอยู่กับเอกภรรยาและบุตรธิดาผู้สืบสันดาน ตามธรรมเนียมไทยที่ใช้กันอยู่ในสมัยนั้น
เนื่องจากคนโบราณมีภรรยาหลายคน กฎหมายสยามจึงกำหนดประเภทของภรรยา โดยภรรยาทุกประเภทมีสิทธิในมรดกของสามี แต่จะได้รับส่วนแบ่งไม่เท่ากัน ดังนี้ ภริยาพระราชทานจะได้รับมรดก ๓.๕ ส่วน ภริยาสู่ขอได้มรดก ๓ ส่วน ภริยาอันทูลขอและพระราชทานให้ได้มรดก ๒.๕ ส่วน และภรรยาลำดับรองลงไปแต่ละคนได้มรดก ๑.๕ ส่วน๑ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นภรรยาประเภทไหน จะมีสิทธิในส่วนแบ่งมรดกของสามีก็ต่อเมื่ออยู่กินกับสามีมานานกว่า ๓ ปี ไม่เช่นนั้นจะได้รับส่วนแบ่งเพียง ๐.๕ ส่วนเท่านั้น
หากเทียบวิธีส่งมอบมรดกกันแล้ว ความแตกต่างระหว่างคำว่า “ผู้สืบสันดาน” และ “ผู้สืบแซ่” เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สถานภาพของหญิงชาวสยามดูดีกว่าสตรีจีนในสมัยเดียวกันมากมาย
สืบไปสืบมาก็พบว่าเจ๊สัวเนียมเป็นบรรพชนอีกคนหนึ่งของดิฉัน สืบสายมาทางทองคำ บุตรสาวเจ๊สัวเนียมที่แต่งงานกับพระประเสริฐวานิช (เจ๊สัวเสง) จากสายสกุลเศรษฐบุตร สังคมเจ๊สัวเมืองกรุงช่างแคบนัก ไล่สืบไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็แต่งงานเป็นญาติเกี่ยวดองกันไปหมด สำหรับมรดกของเจ๊สัวเนียมนั้นเมื่อลูกหลานรับไปเป็นทุนแล้ว จะจีรังยั่งยืนเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตของแต่ละคนด้วย สำหรับทองคำ บุตรสาวเจ๊สัวเนียมผู้เป็นย่าทวดของดิฉัน หลังจากพระประเสริฐวานิช (เสง) สามีค้าขายล้มละลายในที่สุดก็ไม่เหลืออะไร เพราะกฎหมายไทยระบุว่า หนี้ทั้งหมดที่สามีก่อขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ครอบครัวถือเป็นหนี้ร่วมของสามีภรรยา๒ ส่วนน้อยและนวม คุณหญิงของพระยาอาหารบริรักษ์ (นุช) นั้น ขึ้นสมัยรัชกาลที่ ๕ สามีท่านก็กลายเป็นขุนนางตกยาก เหลือเพียงสายคุณหญิงนิ่มเท่านั้น ที่วาสนาดี ครอบครัวสามารถรักษาสมบัติไว้ได้จีรังยั่งยืน
ส่วนคำถามที่ค้างคาใจมานานว่า “ทำไมคนมีแซ่เช่นเจ๊สัวเนียมยกสมบัติให้กับลูกสาว”
ผู้ใหญ่ซึ่งเป็นหลานของคุณหญิงนวม อาหารบริรักษ์ อธิบายให้ฟังว่า เจ๊สัวเนียมนั้นสำนึกเสมอว่าตัวเองมั่งคั่งขึ้นมาในแผ่นดินสยาม จึงยกที่ดินให้ลูกหลานฝ่ายหญิงเป็นผู้ปกปักรักษา เพราะแน่ใจว่าจะไม่ทิ้งแผ่นดินหนีไปไหน ส่วนเงินทองมอบให้ฝ่ายชายไปเป็นทุนทรัพย์ในการทำมาหากิน ฟังคล้ายกับว่าในสมัยนั้นเชื่อกันว่าลูกชายมีโอกาสเดินทางไปตั้งหลักแหล่งที่อื่นมากกว่าฝ่ายหญิง
การที่จีนสยามหลายครอบครัวเปลี่ยนคติธรรมเรื่องการสืบทรัพย์ให้เป็นไทยมากขึ้น อธิบายได้ด้วยทฤษฎีว่าด้วยความสัมพันธ์ของมนุษย์ ที่ดิฉันอ่านพบในหนังสือของทวีศักดิ์ เผือกสม ชื่อคนแปลกหน้านานาชาติของกรุงสยาม ความว่า
การสร้างและการแสวงหาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในชุมชนในสังคม คือ การหาหรือนิยามกำหนดเอกลักษณ์บางอย่างที่ทำให้ทุกคนเป็นพวกเดียวกันกับตน แต่ในอีกด้านหนึ่ง คือการกำหนดความเป็นอื่นที่แตกต่างออกไปจากตัวเอง หรือหาลักษณะของความไม่เป็นพวกเดียวกับตนออกมา. การสร้างความรู้สึกถึงความมีเอกลักษณ์ร่วมกันจึงเป็นธรรมชาติประการหนึ่งของมนุษย์ เพื่อที่จะก่อให้เกิดความปรองดองเป็นพวกเดียวกันในกลุ่มในสังคม…
การแสวงหาเอกลักษณ์ของกลุ่มคน หรือกลุ่มสังคมการเมือง จึงเป็นลักษณะปรกติวิสัยของมนุษย์ และแต่ละสังคมต่างก็ผลิตวาทกรรมว่าด้วยความเป็นตัวตนของตนเองที่แตกต่างจากคนอื่นอยู่เสมอ เช่นด้วยการใช้ภาษา รอยสัก ความเชื่อ…ในด้านกลับกัน คนอื่นที่แปลกต่างจากตัวเองจึงถูกมอง ถูกพูดถึง และถูกนำมาเปรียบ…
ดังนั้นหากใช้ทฤษฎีนี้อ่านใจจีนสยาม เช่น เจ๊สัวเนียม อำแดงอยู่ ภรรยาหลวงอภัยวานิช (จาต) แห่งโซวเฮงไถ่ และเจ๊สัวอีกหลายครอบครัวในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เราก็จะเห็นแววว่าพวกเขาต้องการเป็นหนึ่งเดียวกับสังคมสยาม ไม่อยากถูกมอง ถูกพูดถึง หรือถูกนำไปเปรียบว่าลำเอียง เอนไปข้างบุตรชายตามธรรมเนียมการสืบแซ่สกุลของจีน ซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นธรรมเนียมอื่นไปแล้ว โดยเฉพาะในสายตาของนายแม่ภรรยาเจ๊สัว และเป็นประมุขฝ่ายหญิงของบ้าน
ด้วยวิธีการแบ่งสมบัติของผู้มีทรัพย์ในสยามนี่เอง ทำให้ดิฉันเชื่อว่านารีผู้มีทรัพย์ในสังคมกรุงเทพฯ มีอยู่เป็นจำนวนมาก น่าจะเกลื่อนพอๆ กับถังข้าวสาร ที่พวกเธอถูกนำไปเปรียบเทียบในคำพังเพยร่วมสมัยเรื่อง “หนูตกถังข้าวสาร” ส่วนบทบาทของพวกเธอที่มีต่อสังคมและระบบเศรษฐกิจไทย ทิ้งให้ท่านผู้อ่านช่วยวิเคราะห์จะเหมาะกว่า
ศาลพระศรีทรงยศ เยาวราช
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ
เริ่มโดย
ตอบ
อ่าน
กระทู้ล่าสุด
หลวงปู่หนู ญาณวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านแมด ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม
พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
Kimleng
0
2041
24 มิถุนายน 2557 12:36:19
โดย
Kimleng
หลวงพ่อบุญตา ปัญญผโล วัดบูรพาราม ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ
0
1093
15 ตุลาคม 2560 11:30:58
โดย
ใบบุญ
หลวงปู่พระสมุห์ดี วัดบ้านนางใย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ
0
1238
23 กุมภาพันธ์ 2561 16:22:22
โดย
ใบบุญ
หลวงปู่พิมพ์ (พระครูโยคีอุทัยทิศ) วัดอุทัยทิศ ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ
0
950
23 มีนาคม 2561 16:19:09
โดย
ใบบุญ
พระครูวิชัยสารกิจ วัดนาควิชัย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ
0
591
07 มิถุนายน 2562 15:45:06
โดย
ใบบุญ
กำลังโหลด...