น้ำเกลือในยุคแรก คือ น้ำ ผสมเกลือ (NaCl)ในความเข้มข้น 0.9% เพราะได้ความเข้มข้นใกล้เคียงกับความเข้มข้นเลือด และผลิตง่ายไม่แพง และยังมีการผสมในความเข้มข้นน้อยลง เป็นขนาด 1/2, 1/3 จนถึง1/5 ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับโรคที่ใช้และผู้ใหญ่หรือ เด็กอายุเท่าไหร่ อีกทั้ง ยังมีการ
ผสมน้ำตาลเด็กซโตรส เพื่อให้พลังงานด้วย แต่มีการศึกษาต่อมาพบว่าการให้น้ำเกลือแบบสมดุล (balance salt solution) ซึ่งมีทั้ง K, Ca, lactate หรือ acetate จะช่วยให้สมดุลเกลือแร่และดุลกรดด่างในเลือดดีกว่า จึงนิยมใช้กลุ่มนี้มากขึ้น แต่ทั้งนี้น้ำเกลือแต่ละชนิดมีข้อบ่งชี้ต่างกัน
จึงแล้วแต่แพทย์พิจารณา น้ำเกลือจริงๆก็จัดเป็นยาอย่างนึง เพราะมีทั้งคุณและโทษ มีข้อบ่งใช้ และข้อบ่งห้าม
ชนิดของน้ำเกลือดังที่กล่าวไปข้างต้นว่า น้ำเกลือเป็นส่วนผสมระหว่างน้ำ และเกลือแร่ชนิดต่างๆ ที่อาจมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบอยู่ด้วย เราแบ่งตามความเข้มข้นของน้ำเกลือได้ดังนี้
1.น้ำเกลือชนิดนอร์มัลซาไลน์ (Normal Saline Solution: NSS) คือ น้ำเกลือแบบธรรมดา ความเข้มข้นอยู่ที่ 0.9 % เป็นค่าที่เท่ากับเกลือที่อยู่ในกระแสเลือดของคนทั่วไป
2.5% เดกซ์โทรส (5% Dextrose in water: 5%D/W) เป็นน้ำเกลือที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเดกซ์โทรสอยู่ด้วย ซึ่งอยู่ในระดับความเข้มข้น 5 % โดยไม่มีส่วนผสมของเกลือแร่
3.5% เดกซ์โทรสในนอร์มัลซาไลน์ (5% Dextrose in NSS: 5% D/NSS) เป็นการผสมระหว่างน้ำเกลือธรรมดากับน้ำตาลเดกซ์โทรส 5 %
4.5% เดกซ์โทรสใน 1/3 นอร์มัลซาไลน์ (5% Dextrose in 1/3 NSS) เป็นการผสมระหว่างน้ำตาลเดกซ์โทรสที่มีความเข้มข้น 5 % ร่วมกับน้ำเกลือความเข้มข้น 0.3 % ซึ่งน้อยกว่าน้ำเกลือธรรมดา
การใช้น้ำเกลือในทางการแพทย์หลายคนเข้าใจผิดว่า น้ำเกลือเป็นยาบำรุงร่างกาย หรือยาบำรุงเลือด เป็นตัวช่วยรักษาบาดแผล หรือฆ่าเชื้อ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด
ในทางการแพทย์จะใช้น้ำเกลือเพื่อประโยชน์ด้านการรักษาผู้ป่วยหลายด้าน เช่น
ผู้ที่มีอาการท้องเดิน
ผู้ที่อาเจียนอย่างหนัก จนทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ
ผู้ที่เสียเลือดมากจนเกิดภาวะช็อก เป็นลม หมดสติ
ผู้ที่ไม่สามารถรับประทานอาหารและน้ำตามปกติได้
ผู้ที่มีมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องอดอาหารก่อนเข้ารับการผ่าตัด
ผู้ป่วยที่ต้องใช้สารน้ำเป็นทางผ่านก่อนส่งยาเข้าสู่กระแสเลือดทำให้ง่ายต่อการฉีดยา โดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องเจ็บตัวหลายๆ ครั้งใช้เป็นอาหารทดแทน
ข้อควรระมัดระวังในการใช้น้ำเกลือ แม้น้ำเกลือจะมีความปลอดภัย ทว่ามีระดับความเข้มข้นที่แตกต่างกัน ซึ่งจะแบ่งประเภทการใช้งานให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในช่วงนั้นๆ ตามหลักการแพทย์ น้ำเกลือเป็นตัวช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายของผู้ป่วย และบรรเทาอาการบางอย่าง แต่ในการใช้งานจะต้องใช้อย่างระมัดระวังโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยเหล่านี้
1.ผู้ป่วยที่มีภาวะบวมน้ำ หรือเป็นโรคไตวาย จะต้องใช้อยู่ในความดูแลของแพทย์ ไม่ควรใช้น้ำเกลือที่มีความเข้มข้นมาก เพราะเสี่ยงที่จะทำให้หัวใจทำงานหนักจนเกิดภาวะหัวใจวาย หรือน้ำคั่งในปอดจนเป็นภาวะปอดบวมน้ำตามมา
2.กรณีที่มีผู้ป่วยเป็นเด็กเล็ก จะต้องหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเกลือที่มีส่วนผสมของ NSS แต่ให้เลือกใช้น้ำเกลือในที่มีความเข้มข้นเพียง 0.3 % ก็เพียงพอ
3.หลีกเลี่ยงการให้น้ำเกลือพร่ำเพรื่อ แต่ให้เฉพาะกับคนที่จำเป็นต้องได้รับเท่านั้น เนื่องจากน้ำเกลือเป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งของร่างกาย การได้รับมากเกินไปย่อมส่งผลเสียตามมา
4.น้ำเกลือที่นำมาใช้จะต้องมีความเข้มข้นเท่ากับ "เกลือที่อยู่ภายในเลือด" หากได้รับน้ำเกลือที่เข้มข้นต่างไปจากนี้อาจส่งผลให้ร่างกายเสียสมดุล ได้รับเกลือแร่ที่เข้มข้นมากเกินไปจนเสียชีวิตตามมาได้
5.กรณีพบอาการหนาวสั่น รู้สึกไม่สบาย หรือมีอาการผิดปกติอื่นใดในระหว่างให้น้ำเกลือ ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่พยาบาลในทันที
6.พึงตระหนักว่า การให้น้ำเกลืออาจเกิดผลข้างเคียงได้หลายประการ เช่น อาการปวดบริเวณที่ให้น้ำเกลือ การติดเชื้อ เส้นเลือดดำอักเสบ ภาวะน้ำเกิน หรือเกลือแร่ผิดปกติ เกิดลิ่มเลือด และอุณหภูมิในร่างกายต่ำ
จะเห็นได้ว่า น้ำเกลือคือ น้ำที่มีความเข้มข้นเท่ากับน้ำในร่างกายของเรา เมื่อเกิดภาวะต่างๆ ที่ร่างกายจำเป็นต้องได้น้ำเข้าไปทดแทนโดยไม่ผ่านการดื่ม จำเป็นต้องใช้น้ำเกลือ
ที่สำคัญควรใช้น้ำเกลือภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เพราะผู้ป่วยแต่ละรายมีความจำเป็นต้องใช้น้ำเกลือแตกต่างกันนั่นเอง
ที่มา
https://www.honestdocs.co/saline-solution-types-and-uses] [url]https://www.honestdocs.co/saline-solution-types-and-uses[/url]