[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
14 พฤษภาคม 2567 05:34:29 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วาจาสุดท้าย หลวงพ่อคูณ เรื่องเล่าปาฏิหาริย์ หยั่งรู้ แคล้วคลาด  (อ่าน 2179 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Maintenence
ผู้ดูแลระบบ
นักโพสท์ระดับ 10
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 1024


[• บำรุงรักษา •]

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 42.0.2311.152 Chrome 42.0.2311.152


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 22 พฤษภาคม 2558 12:56:19 »

.



วาจาสุดท้าย หลวงพ่อคูณ เรื่องเล่าปาฏิหาริย์ หยั่งรู้ แคล้วคลาด

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ขอนำแฟนๆ ไปฟังคำบอกเล่าจากปากของผู้ใกล้ชิดที่สุด 2 คน ของหลวงพ่อคูณ เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด ก่อนที่ท่านจะละสังขาร คือ นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวที่ดูแลท่านมาเป็นเวลานานกว่า 19 ปี ส่วนอีกคนคือ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นักการเมืองผู้คร่ำหวอดแห่งเมืองโคราช ลูกศิษย์คนสนิทที่ใกล้ชิดกันมาเกือบ 20 ปี ซึ่งจะมีเรื่องเล่าทั้งที่เป็นเรื่องปาฏิหาริย์ไม่สามารถอธิบายได้ และคำพูดสุดท้ายปริศนาของหลวงพ่อ....
 
นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ รื้อฟื้นความทรงจำถึงเทพเจ้าแห่งด่านขุนทด ก่อนกล่าวเปิดใจกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่าได้มีโอกาสดูแลหลวงพ่อคูณครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 ตราบจนกระทั่งหลวงพ่อได้ละสังขาร นับเป็นเวลามานานกว่า 19 ปี
 
เพียงแค่นึก จู่ๆ ก็ได้เหรียญหลวงพ่อมาบูชา
 
โดยก่อนหน้าที่คุณหมอคู่ใจเทพเจ้าแห่งด่านขุนทด จะได้มีโอกาสพบหลวงพ่อคูณครั้งแรกนั้น นพ.พินิศจัย ได้ถ่ายทอดเรื่องอัศจรรย์ที่แม้แต่เจ้าตัวก็ยังไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้ให้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ฟังว่า ในปี พ.ศ.2537 ซึ่งตอนนั้นคุณหมอยังทำหน้าที่เป็นแพทย์ใช้ทุนหลวงอยู่ที่ รพ.มหาราช จ.นครราชสีมา ในช่วงวันสุดท้ายของการทำงานก่อนที่จะลาจากจังหวัดโคราชเพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครเพื่อมาเรียนต่อด้านโรคหัวใจ ที่ รพ.ศิริราช นั้น จู่ๆ ไม่รู้นึกอย่างไรได้พูดเปรยๆ กับภรรยาว่า
 
"เอ… เราสองคนเนี่ย อยู่โคราชกันมาตั้ง 4 ปี แล้ว ยังไม่เคยได้มีโอกาสไปกราบนมัสการหรือมีเหรียญของหลวงพ่อคูณเอาไว้บูชากันสักเหรียญเดียวทั้งๆ ที่อยู่ จ.นครราชสีมาแท้ๆ แถมในตอนนั้นท่านก็โด่งดังมาก" แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ..............คุณเชื่อไหม วันรุ่งขึ้นคนไข้คนแรกที่เข้ามาตรวจรักษากับผม จู่ๆ ก็ควักเอาเหรียญของหลวงพ่อมาให้ผมบูชา หลังจากที่ได้ตรวจรักษาเสร็จ" คุณหมอพินิศจัยกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือไปด้วยความรู้สึกอิ่มเอิบใจเมื่อนึกได้ถึงความหลังครั้งนั้น
 
"ตอนนั้นผมยอมรับตรงๆ เลยว่าในใจเริ่มรู้สึกว่า เอ… มันน่าจะแปลกๆ ยังไงๆ อยู่เหมือนกับว่ามันน่าจะมีความพิเศษอะไรบางอย่างเกิดขึ้น"


ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ สิ่งอัศจรรย์ดลใจวางแผนรักษาพ่อคูณล่วงหน้าและก็เหมือนจะเป็นโชคชะตาที่ดลบันดาลให้ นพ.พินิศจัย จะได้มาเป็นหมอคู่ใจของเทพเจ้าแห่งด่านขุนทด เพราะในเวลาต่อมาหลังจากเรียนจบทางด้านโรคหัวใจโดยตรงจาก รพ.ศิริราช และกลับมาทำงานที่ รพ.มหาราช อีกครั้งในปี พ.ศ.2539 นั้น เหมือนจะเป็นเรื่องบังเอิญที่อัศจรรย์เกินกว่าจะคิดได้ จู่ๆ หลวงพ่อคูณก็ถูกส่งตัวมารักษาด่วนด้วยอาการภาวะเส้นเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลันซึ่งนั่นถือเป็นครั้งแรกของโชคชะตาที่ทำให้คุณหมอได้พบกับหลวงพ่อคูณเป็นครั้งแรกในชีวิต
 
ซึ่งในครั้งนั้น คุณหมอกล่าวยอมรับกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า "ตอนนั้นผมยอมรับเลยว่ารู้สึกกลัวๆ เกรงๆ และรู้สึกกังวลพอสมควร เพราะในตอนนั้นท่านถือเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ที่มีคนเคารพรักกันทั้งแผ่นดิน แถมอาการภาวะเส้นเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลันที่เกิดขึ้นกับหลวงพ่อในเวลานั้นถือเป็นภาวะวิกฤติทางหัวใจและหลอดเลือดที่มีความเสี่ยงอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง" แต่ที่สุดแล้วก็สามารถทำการรักษาจนอาการหลวงพ่อดีขึ้นๆ ตามลำดับ
 
"แต่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่นะ" คุณหมอผู้มากประสบการณ์ในการรักษาคนไข้โรคหัวใจพูดกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ก่อนเล่าเรื่องอัศจรรย์ที่คุณหมอเองก็ยอมรับว่ารู้สึกว่าแปลกๆ ทุกครั้งที่พูดเรื่องนี้ว่า
 
"ก่อนที่ผมจะได้รักษาหลวงพ่อในครั้งแรก คุณเชื่อไหมมันเหมือนกับมีอะไรบางอย่างมาดลจิตดลใจให้ผมเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการรักษาในกรณีที่หลวงพ่อท่านเกิดภาวะเส้นเลือดหัวใจอุดตันเฉียบพลัน อธิบายง่ายๆ ให้เห็นภาพก็คือเหมือนมีใครมาวางแผนใส่โปรแกรมให้เราเตรียมพร้อมเอาไว้ ซึ่งตอนนั้น ผมเองก็บอกไม่ถูกว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่ที่น่าอัศจรรย์ก็คือที่สุดแล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ซึ่งทำให้เมื่อถึงเวลาต้องทำการรักษาหลวงพ่อเราก็ได้ทำตามที่เราเตรียมพร้อมเอาไว้เหมือนกับว่าเราคิดไว้ก่อนแล้ว"



เข้าดูแลใกล้ชิดยามหลวงพ่ออาพาธ
 
สุดอัศจรรย์ เทพเจ้าด่านขุนทดรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าเป็นจริงดั่งลั่นวาจาและไม่ใช่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวที่ทำให้คุณหมอคู่ใจเทพเจ้าแห่งด่านขุนทดรู้สึกอัศจรรย์ใจตลอดเวลาที่ได้ดูแลหลวงพ่อมาเป็นเวลานานกว่า 19 ปี โดยก่อนที่จะเล่าคุณหมอได้เกริ่นนำไว้อย่างน่าติดตามว่า
 
"ผมอยากจะเรียนให้ทุกท่านได้ทราบว่า สำหรับใครที่ยังไม่เคยได้ไปกราบหลวงพ่อ ต้องไปกราบ เพราะหลวงพ่อท่านมีอะไรหลายอย่างที่เราซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายหรือหาคำตอบในทางวิทยาศาสตร์ได้"
 
อยากจะรู้กันแล้วใช่ไหม? บรรดาแฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ ………. งั้นเราไปฟังคำบอกเล่าของ คุณหมอพินิศจัย กันต่อไปเลยดีกว่า........
 
"อันนี้ใครจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่นะครับ คือหลวงพ่อท่านมักจะรู้อะไรล่วงหน้าที่เราจะทราบและก็มักจะตรงด้วย โดยเรื่องแรกที่ผมขอเล่าก็คือ เมื่อ 4 ปีก่อนที่หลวงพ่อป่วยโดยมีอาการทางปอดและได้เข้ามาทำการรักษาที่ รพ. ซึ่งตอนนั้นในส่วนตัวก็คิดว่าท่านนอนพักรักษาตัวสัก 1 เดือน ซึ่งก็ถือว่าเยอะแล้ว และก็น่าจะหายจนกลับวัดได้ แต่ท่านกลับบอกกับบรรดาลูกศิษย์ว่าท่านจะนอนรักษาตัวที่ รพ.ไปจนกระทั่งถึงปีหน้าซึ่งก็จะกินระยะเวลาประมาณถึง 6 เดือน ตอนนั้นผมบอกตรงๆ เลยว่าไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไร แต่ที่สุดแล้วมันก็เป็นจริงตามที่หลวงพ่อท่านได้ลั่นวาจาเอาไว้จริงๆ" คุณหมอกลั้วเสียงหัวเราะก่อนจะบรรยายความให้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ได้ฟังต่อ
 
"ตอนนั้นจำได้เลยว่าท่านมีอาการแทรกซ้อนตามมาหลายอย่างจนกระทั่งต้องนอนพักรักษาตัวยาวนานกว่า 6 เดือน ตามที่ท่านพูดไว้จริงๆ"




คำสอนที่เข้าใจง่าย เข้าถึงประชาชน
 
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจลำดับต้นๆ ของประเทศเล่าให้ฟังต่อว่า "อีกเรื่องหนึ่ง มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ผมตรวจอาการท่านอยู่ในห้องพักของ รพ.มหาราช จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาแจ้งว่า อีกประมาณ 1 ชั่วโมง ท่านผู้ว่าฯ โคราช จะเดินทางมาประชุมเรื่องเครื่องมือแพทย์ สิ้นคำนั้น หลวงพ่อท่านก็พูดสวนขึ้นมาทันทีว่า ผู้ว่าฯ อยู่ข้างล่างแล้ว! ซึ่งก็สุดที่จะเหลือเชื่อคือท่านผู้ว่าฯ ท่านก็มาถึงแล้วจริงๆ ดังที่หลวงพ่อท่านบอกไว้ ผมเองบอกตรงๆ ว่ารู้สึกพิศวงงวยงงมากเพราะทั้งท่านและผมอยู่ในห้องพักตลอดเวลาซึ่งก็ไม่น่าเป็นไปได้เลยที่ท่านจะทราบว่าท่านผู้ว่าฯ ท่านเดินทางมาถึงแล้ว"
 
"จริงๆ ยังมีเรื่องอัศจรรย์อีกหลายเรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อซึ่งตัวผมเองก็ไม่สามารถจะอธิบายได้ แต่ขออนุญาตไม่เล่าให้ฟังเพราะเกรงว่าบางเรื่องอาจจะไม่เหมาะสม และไม่สมควรที่จะพูดออกไป แต่สำหรับผมคงบอกได้เพียงว่าหลวงพ่อคูณท่านไม่ธรรมดา สมกับที่ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ ดั่งสมญาเทพเจ้าแห่งที่ราบสูงจริงๆ"



ความเมตตาปราณีของหลวงพ่อ

รับมีลางสังหรณ์ ก่อนพ่อคูณละสังขาร
 
แล้วคุณหมอเกิดลางสังหรณ์อะไรก่อนเกจิชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่จะละสังขารหรือไม่? คำถามนี้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์เชื่อว่าหลังจากได้ฟังเรื่องราวอัศจรรย์ต่างๆ จากหมอคู่ใจหลวงพ่อคูณ คงจะอยากถามคำถามนี้เอากับคุณหมอในทันทีเช่นเดียวกันแน่ๆ
 
"อึม….. มีครับ" คุณหมอพินิศจัยชั่งใจเล็กน้อยก่อนกล่าวต่อไปว่า "แต่ในตอนที่เกิด ซึ่งผมขออนุญาตไม่เล่าว่าเกิดสิ่งใดขึ้นนั้นคือสักประมาณสองวันก่อนหน้านี้ ในตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะเกี่ยวอะไรกับท่าน แต่หลังจากท่านได้ละสังขารผมก็มาคิดในใจว่า อ้อ คงจะถึงเวลาของท่านแล้วจริงๆ"
 
คำพูดสุดท้ายหลวงพ่อปริศนาธรรม "นับจากนี้ไปจะดี"
 
อะไรคือคำพูดสุดท้ายที่คุณหมอ ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับเกจิชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่? คุณหมอพินิศจัยนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนเล่าให้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ได้ฟังว่า ในช่วงหลังนี้ๆ ท่านพูดน้อยมาก เนื่องจากมีอาการป่วย แต่ครั้งสุดท้ายที่ผมได้มีโอกาสสนทนากับท่านเป็นการส่วนตัวสักประมาณ 6 เดือนก่อนหน้านี้ ก็คือ "นับจากนี้ไปจะดี" ซึ่งหลังจากนั้นท่านก็ไม่พูดอะไรอีกเลยแม้แต่ในช่วงสัก 2-3 วันก่อนหน้าที่ท่านจะละสังขาร ที่ผมได้เข้าไปกราบท่านท่านก็ไม่พูดอะไรอีกเลย พวกเราก็ไปตีความหมายกันเอาเองแล้วกันว่าท่านหมายถึงอะไร?
 
ส่วน 19 ปี ที่ได้มีโอกาสรักษาหลวงพ่ออย่างใกล้ชิด รู้สึกประทับใจอะไรในตัวท่านมากที่สุดนั้น คุณหมอพินิศจัยกล่าวว่า "หลวงพ่อท่านเป็นพระมีเสน่ห์อย่างล้นเหลือ ใครได้มีโอกาสเข้าใกล้ท่านจะรักท่านและรักท่านจากใจจริงกันทุกคน และเป็นความรักที่เกิดจากความศรัทธาไม่ใช่รักแบบงมงาย
 
ผมจำได้เลยว่าในวันสุดท้ายที่หลวงพ่อท่านละสังขาร บรรยากาศใน รพ. ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและคราบน้ำตา พยาบาลและเจ้าหน้าที่เกือบทุกคนไม่มีใครสามารถกลั้นน้ำตาได้อยู่ และผมเชื่อว่าทุกๆ คนไม่มีใครอยากให้ท่านจากไป...."



หลวงพ่อคูณละสังขาร

อีกเรื่องที่ผมรู้สึกประทับใจในตัวหลวงพ่อ คือท่านเป็นพระที่ติดดินและเสียสละ หลวงพ่อท่านไม่มีอะไรติดตัวท่านเลย หากใครได้มีโอกาสไปพบท่านก็จะรู้ว่าท่านไม่เหมือนพระที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ เลย และท่านยังทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองอย่างมหาศาลเท่าที่ลูกศิษย์เล่าให้ผมฟัง ซึ่งก็อาจจะเป็นตัวเลขคร่าวๆ ก็คือตลอดชีวิตของหลวงพ่อท่านบริจาคเงินให้กับสาธารณประโยชน์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท!
 
แพทย์ผู้ดูแลหลวงพ่อคูณมาเป็นเวลาถึง 19 ปี กล่าวทิ้งท้ายว่าการที่หลวงพ่อคูณท่านบริจาคร่างให้กับ รพ.ขอนแก่นนั้น ถือเป็นความภูมิใจและโชคดีสูงสุดของมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพราะได้มีอาจารย์ใหญ่ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ยอมอุทิศร่างมาให้พวกเรานักศึกษาแพทย์ได้ทำการศึกษา

ที่สุด คุณหมอคู่ใจหลวงพ่อคูณกล่าวทิ้งท้ายว่า ผมอยากให้ทุกท่านได้ระลึกถึงคำสั่งสอนดีๆ ของหลวงพ่อและนำไปปฏิบัติเพราะถือเป็นแสงสว่างในการนำทางชีวิตได้ ยกตัวอย่างเช่น คำสอนหนึ่งที่ตัวผมเองชื่นชอบก็คือ "คนเราเกิดมาเพื่อสู้ ไม่ได้เกิดมาเพื่อแพ้" ซึ่งตลอดชีวิตของหลวงพ่อท่านก็สู้จริงๆ ผมจำได้เลยว่า ตอนท่านอายุประมาณ 80 กว่าๆ ทั้งที่ยังอยู่ในอาการอาพาธท่านก็พยายามลงมาเดินเคาะให้บรรดาประชาชนจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลกันมากราบไหว้ และแม้กระทั่งบรรดาลูกศิษย์ยังบ่นๆ ว่าทำไมยังมากันอีกหลวงพ่อท่านเหนื่อยแล้ว หลวงพ่อท่านก็เลยพูดออกไปว่า "ไม่เป็นไรดอก เค้ามากันตั้งไกล กูอยู่แค่นี้เอง" นี่แหละคือความเมตตาของหลวงพ่อที่ประทับอยู่ในความทรงจำของชาวไทยที่จะไม่มีวันลืมเลือน และส่วนตัวผมรู้สึกโชคดีมากๆ ที่ได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับท่าน


นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรคชาติพัฒนา นักการเมืองผู้ใกล้ชิดพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย กล่าวเปิดใจกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่าผมได้มีโอกาสรู้จักกับหลวงพ่อคูณเป็นครั้งแรกตั้งแต่สมัย พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัน ผู้ล่วงลับ เป็นนายกรัฐมนตรีประมาณปี พ.ศ.2531 โดย พล.อ.ชาติชายซึ่งมีความเคารพรักและศรัทธาหลวงพ่อคูณเป็นอย่างมากนั้น จะแวะไปเยี่ยมเยือนวัดบ้านไร่อยู่เป็นประจำ ทำให้มีโอกาสติดสอยห้อยตามคณะไปนมัสการหลวงพ่อด้วย ซึ่งนับจากวันนั้นจนวันนี้ก็ผ่านระยะเวลามานานกว่า 20 ปีแล้ว
 
สั่งสอน เป็นนักการเมืองต้องเสียสละคิดถึงส่วนรวม
 
"โดยตลอดระยะเวลาที่ได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับหลวงพ่อ ท่านจะสอนสั่งให้ผมได้มีจิตสำนึกของความเป็นนักการเมืองที่จะต้องทำประโยชน์ให้กับจังหวัดโคราชและประเทศชาติอยู่ในทุกครั้งที่ได้มีโอกาสพบกัน โดยคำพูดที่หลวงพ่อมักจะใช้ในทุกๆ ครั้งที่พบกันก็คือ มึงนี่อยู่โคราชนะมึงต้องดูแลคนโคราช มึงต้องทำงานเพื่อคนโคราช และที่สำคัญมาทำงานเพื่อส่วนรวม ต้องเสียสละนะโว้ย ซึ่งคำสั่งสอนแบบชาวบ้านๆ ที่ฟังดูง่ายๆ เหล่านี้แหละที่ทำให้ผมรู้สึกประทับใจในตัวหลวงพ่อเสมอมา"
 
นอกจากนี้ ทุกข์ร้อนต่างๆ ของพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมาที่ร้องผ่านท่านเวลามากราบนมัสการ ท่านก็ไม่เคยนิ่งเฉย และจะเป็นธุระจัดการปัดเป่าให้เสียทุกครั้ง โดยเวลาที่ผมไปกราบนมัสการท่านก็จะสั่งการให้ผมไปช่วยดูแลแก้ไขให้ ซึ่งในเรื่องนี้เป็นเครื่องสะท้อนตัวอย่างของความเสียสละเพื่อส่วนรวมของหลวงพ่อได้เป็นอย่างดี นายสุวัจน์กล่าว
 
เป็นถึงลูกศิษย์เอกคนหนึ่งของเกจิชื่อดังแห่งภาคอีสาน ได้ของดีจากหลวงพ่อไว้บูชาหรือไม่
 
ปัจจุบัน ผมมีเหรียญหลวงพ่อคูณคล้องติดตัวอยู่ตลอดเวลา คือเหรียญรุ่นยอดธง รุ่นที่ 1 ซึ่งมีเพียง 99 องค์ในประเทศไทยเท่านั้น โดยรุ่นนี้จัดสร้างขึ้นเมื่อครั้งที่หลวงพ่อคูณมีอายุครบ 72 ปี



เหรียญรุ่นยอดธง รุ่นที่1 ที่คุณสุวัจน์ พกติดตัวตลอดเวลา

ส่วนอีกรุ่นหนึ่งคือรุ่นคูณพิทักษ์ ถูกจัดสร้างขึ้นที่โรงเรียนสุรธรรมพิทักษ์ซึ่งอยู่ในค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กรมทหารราบที่ 23 กองทัพภาคที่ 2 โดยในครั้งนั้นจำได้ว่าหลวงพ่อคูณได้เชิญ พล.อ.ชาติชายกับผมไปเป็นประธาน ซึ่งวัตถุมงคลชิ้นนี้นี่เองที่ทำให้ผมพบเจอเรื่องอัศจรรย์ที่ยากจะมีคำอธิบายได้... นักการเมืองชื่อดังกล่าวทิ้งท้ายให้ชวนติดตาม
 
สุดมหัศจรรย์ เหรียญคูณพิทักษ์คุ้มครอง ขับรถตกเหวลึก 50 เมตร รอด! ไร้รอยขีดข่วน
 
นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า หลังจากปลุกเสกเสร็จหลวงพ่อท่านก็มอบเหรียญนี้ให้กับมือของผมเลยพร้อมกับกล่าวว่า "เอา มึงเอาไว้ จะได้คุ้มครอง" พอรับจากมือท่านผมก็เอาใส่กระเป๋าเสื้อสูทไว้ จากนั้นก่อนออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ เหมือนจะมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง เพราะ พล.อ.ชาติชายได้หันมาถามว่า "ทำไมไม่นั่งรถกลับด้วยกันล่ะ" ผมก็ตอบไปว่า "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะขับรถกลับมาเอง"
 
จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้ากลับมาเองคนเดียว แถมยังไปคนละเส้นทางกับอดีตนายกรัฐมนตรีเสียด้วย และเมื่อรถมาถึงโค้งร้อยศพใน อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นที่เลื่องลือกันอย่างมาก เป็นสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตอยู่เป็นประจำ ก็ปรากฏว่า จู่ๆ มีรถสิบล้อคันหนึ่งวิ่งสวนพุ่งเข้ามาหารถด้วยความเร็ว ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น จึงได้ตัดสินใจหักหลบแบบชนิดฉิวเฉียดจนทำให้รถเสียหลักร่วงกลิ้ง 5-6 ตลบ ตกลงไปในหุบเหวลึกข้างทางที่สูงกว่า 50 เมตร ตัดต้นไม้ขาดไป 5-6 ต้น ตอนนั้นบอกตรงๆ เลยว่าในใจคิดว่ายังไงคงไม่รอดแน่ แต่เชื่อไหมผมกลับไม่เป็นอะไรเลยและแถมไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ ด้วย ทั้งที่ๆ รถที่ขับมาคือ รถเบนซ์ 190E พังยับชนิดจำไม่ได้ทั้งคัน ตอนรถหยุดนิ่งจำได้เลยว่าตัวเองยังงงๆ อยู่คิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าตอนนี้อยู่หรือตายไปแล้ว



เหรียญรุ่นคูณพิทักษ์ ที่ช่วยคุณสุวัจน์ รอดจากตกเหวลึก

จนชาวบ้านที่มาช่วยเคาะกระจกเรียกถึงพอจะมีสติบอกตัวเองว่ายังไม่ตาย จากนั้นจึงชี้นิ้วมาที่ตัวเองเพื่อถามชาวบ้านเหล่านั้นให้แน่ใจว่า "นี่ผมยังไม่ตายใช่ไหม" จากนั้นพอช่วยกันทุบกระจกเอาตัวออกมาได้ เชื่อไหมคำแรกที่พลเมืองดีเหล่านั้นพูดกับผมคืออะไร? "ขอหลวงพ่อคูณหน่อยสิ" ตอนนั้น ทำให้ผมเชื่อเลยว่าชาวบ้านมีแรงศรัทธาต่อหลวงพ่อคูณมากแค่ไหน เพราะทุกคนเชื่อมั่นว่าหากมีหลวงพ่อคูณไว้กับตัวจะแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุต่างๆ ได้อย่างแน่นอน
 
สิ้นคำของชาวบ้าน จึงรีบเอามือลูบตามเสื้อสูท หาเหรียญรุ่นคูณพิทักษ์ที่ได้จากมือของหลวงพ่อทันที แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอ จนกระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมาจึงได้ไปขอเหรียญรุ่นนี้จากทางวัดบ้านไร่กลับมาบูชาได้อีกครั้งหนึ่ง
 
ยอมรับ มีคำทำนายพิเศษส่วนตัวแต่ขอไม่เปิดเผย
 
ถือเป็นอีกหนึ่งศิษย์เอกของหลวงพ่อคูณ ก่อนที่ท่านละสังขาร มีคำทำนายอนาคตเป็นการส่วนตัวเอาไว้ให้เป็นพิเศษหรือไม่ …… แกนนำพรรคชาติพัฒนา หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนตอบคำถามนี้ว่า.... "มีครับ" .......แต่ขออนุญาตเก็บไว้เป็นการส่วนตัว นายสุวัจน์ หัวเราะทิ้งท้ายเป็นปริศนาอีกครั้ง
 
คำสอนพ่อคูณเป็นวิทยาศาสตร์มีเหตุมีผล
 
แกนนำพรรคชาติพัฒนา กล่าวต่อว่าอยากให้ทุกคนได้ลองพินิจพิจารณาคำสั่งสอนที่ฝากไว้ให้โลกกันให้ดีๆ เพราะคำสอนของท่านเป็นวิทยาศาสตร์และมีเหตุมีผล ยกตัวอย่างเช่น การสอนเรื่องความไม่ประมาท ท่านก็จะพูดว่า "ที่ใครๆ พูดว่าใครพกเหรียญหลวงพ่อคูณแล้วจะไม่ตาย รถไม่ชน ไม่มีอุบัติเหตุ จริงๆ แล้ว ใครๆ ก็พูดกันได้ว่ามีกูแล้วไม่ตาย ก็เพราะคนพวกนี้ไม่ตายยังไงล่ะ ถึงได้มาพูดกันได้ แต่ไอ้พวกที่มีกูแล้วตายเค้ามาพูดกันได้ที่ไหนว่ามีกูแล้วก็ยังตาย เพราะฉะนั้น เรื่องอุบัติเหตุใครจะมาพูดว่ามีกูแล้วไม่ตายไม่จริงหรอก สำคัญที่สุดคือ มึงมีกูแล้วมึงเชื่อกูบอก กูบอกว่าไง กูบอกว่าอย่าประมาทสิ" นายสุวัจน์ เล่าให้ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์อย่างอารมณ์ดี
 
"รู้มั้ยคำสอนเรื่องอุบัติเหตุนี่ ผมอยากเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง สมัยก่อนที่ท่านแข็งแรงเวลาใครนิมนต์ให้ไปไหนมาไหนท่านจะชอบนั่งรถเบาะหน้าทุกครั้ง แล้วก่อนที่รถจะออกท่านจะบอกกับบรรดาผู้ติดตามทุกครั้งไปว่า เฮ้ย พวกมึง หากรถวิ่งเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงกูโดดหนีก่อนนะ ซึ่งก็ได้ผล เตือนสติบรรดาลูกศิษย์ลูกหาได้เป็นอย่างดี"



แม้ยามอาพาธหลวงพ่อก็ไม่เคยลืมประชาชน

ความเชื่อหลวงพ่อเหยียบโฉนดแล้วจะขายได้... จริงๆ แฝงธรรมะสอนสั่ง
 
อีกคำสอนหนึ่งของเกจิชื่อดังของวัดบ้านไร่ที่ทำให้นักการเมืองผู้คร่ำหวอดในจังหวัดโคราชรู้สึกชื่นชอบเป็นพิเศษ ก็คือคำสอนเรื่องการใช้เงิน ซึ่งก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเวลาใครมาขอพรจากหลวงพ่อท่านก็มักจะมาขอเรื่องโชคลาภขอให้ร่ำขอให้รวยกันเป็นส่วนใหญ่ ท่านจึงมีวิธีสั่งสอนว่า เอาล่ะ จะมาขอพรให้ร่ำให้รวย ท่านก็จะให้ แต่เวลามีเงินแล้วอย่าเป็นทาสของเงินใช้เงินให้เป็น และที่สำคัญเมื่อมีแล้วก็ให้บริจาคเหมือนดั่งคำที่ว่า "ยิ่งอยากได้ก็จะยิ่งอด แต่ถ้าให้หมดแล้วก็จะยิ่งได้" ซึ่งพวกคุณรู้ไหมในเรื่องนี้ หลวงพ่อคูณท่านทำให้บรรดาคนใกล้ชิดได้เห็นอยู่เสมอๆ เห็นได้จากเวลามีใครนำเงินมาถวายเงินบริจาคให้ท่าน หากใครยื่นแบงก์ร้อยมา 2 ใบ ท่านจะเอาไว้ 1 ใบ อีก 1 ใบ ท่านจะส่งคืนให้ เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าตั้งแต่ท่านบวชเรียนมา 71 พรรษา ท่านจึงมีเงินบริจาคให้สาธารณกุศลต่างๆ เป็นพันๆ ล้านบาท
 
อีกคำสอนหนึ่ง ที่เป็นที่จดจำเป็นพิเศษก็คือ จำได้สมัยก่อนที่คนมักจะนิยมนำโฉนดที่ดินมาให้หลวงพ่อท่านเหยียบด้วยความเชื่อว่าเมื่อท่านเหยียบแล้วจะเป็นสิริมงคลทำให้สามารถขายที่ดินได้ พอหลวงพ่อท่านเหยียบให้แล้วท่านก็มักจะสอนสั่งว่า" เออ กูขอให้มึงขายได้นะ แต่ไอ้การค้าการขายเนี่ย กูเสกให้แล้ว เหยียบให้แล้ว มึงก็อย่าไปขายเค้าแพงนะ ของซื้อของขาย ขายไม่แพง คนเค้าก็ซื้อมึง" ซึ่งคำสอนเหล่านี้หากพินิจดูให้ถ่องแท้แม้จะเป็นคำพูดง่ายๆ แต่ก็แฝงไว้ด้วยหลักธรรมของพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล่าวทิ้งท้ายให้แฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ได้คิด


ไทยรัฐออนไลน์

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

[• สุขใจ บำรุงรักษาระบบ •]
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ให้พรปีใหม่ ขอให้เลิกทะเลาะกัน
สุขใจ จิบกาแฟ
หมีงงในพงหญ้า 1 2217 กระทู้ล่าสุด 22 ธันวาคม 2552 12:49:34
โดย PETER
เลี้ยงไก่ผิดธรรมชาติ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ
ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
มดเอ๊ก 1 2052 กระทู้ล่าสุด 21 มกราคม 2554 17:18:33
โดย หมีงงในพงหญ้า
หลวงพ่อคูณ สิริธัมโม วัดดอกบัวทอง หมู่ 3 ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ 0 1075 กระทู้ล่าสุด 21 พฤศจิกายน 2561 15:25:41
โดย ใบบุญ
หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
ใบบุญ 0 704 กระทู้ล่าสุด 18 พฤษภาคม 2563 15:23:38
โดย ใบบุญ
[ไทยรัฐ] - คาถาบูชาพระราหู คืนวันลอยกระทง 2565 ช่วยขจัดปัดเป่า แคล้วคลาด ปลอดภัย
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 121 กระทู้ล่าสุด 08 พฤศจิกายน 2565 22:55:12
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.568 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 05 มีนาคม 2567 03:49:33