[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 29 กรกฎาคม 2553 18:12:30



หัวข้อ: 3 นิมิตปริศนาธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 29 กรกฎาคม 2553 18:12:30
(http://ht6hsa.bay.livefilestore.com/y1px_eDKidDfU_uHZnlLbgOkajW5SLNkwonLd3iEkuJDzsQqnIu6DWURg6SLcCpCa6WRrMPv0Ad45OPnZW5bZ3rTCX4N20wGNPP/National%20GO%2011.jpg?psid=1)

http://www.fungdham.com/download/song/allhits/21.wma



ผมจะชอบฝันเห็นว่าตัวเองเข้าพิธีบวชหรือเป็นพระอยู่แล้วแต่ร่วมพิธีกรรมอะไรสักอย่างอยู่เป็นประจำ ถ้าจะให้นับก็เป็นร้อยครั้งหน่ะครับนิมิตแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 2551 ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพของสมเด็จพระพี่นางเธอประมาณ 1 - 2 เดือน ขณะที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ก็มีนิมิตว่า.......ผมยืนอยู่ริมท่าน้ำเก่า ๆ โทรม ๆที่หนึ่ง แต่งกายแบบธรรมดาปกติทั่วไป แล้วผมก็เห็นมีเรือพาย พายมาจอดเทียบท่าที่ผมยืนอยู่นี่เอง แล้วเค้าก็เชิญผมขึ้นเรือ (บนเรือจะมีคนพายหัวท้ายจุดละ 1 คน) พอผมนั่งเรือก็พายออกไป สักพักผมก็รู้สึกว่าเหมือนจะมีคนนั่งอยู่ข้างหลังผมอีกคนหนึ่ง แต่แค่สงสัยไม่ได้หันไปมอง จนเรือมาเทียบท่าอีกท่าหนึ่ง ท่าน้ำนี้ทำด้วยไม้ที่มีลวดลายสีสรรสวยงามมาก และเป็นท่าใหม่ ผมก้าวขึ้นไป พอขึ้นไปยืนบนท่าเรือเรียบร้อยผมก็มองสำรวจท่าน้ำได้สักพักก็เริ่มมาสังเกต ตัวเอง อ้าว...นี่ผมแต่งชุดพระตั้งแต่เมื่อไหร่ พอเรือจะออกผมก็รู้สึกอยากมองคนที่นั่งอยู่ข้างหลังผม ผมจึงมองไปไม่น่าเชื่อ คนที่นั่งอยู่ข้างหลังผมคือ สมเด็จพระพี่นางเธอ ท่านยิ้มให้ผมอย่างเมตตา ผมเกิดความรู้สึกปลาบปลื้มใจขึ้นมาผมไม่รู้ว่านิมิตนี้มีความหมายว่าอะไร ทำไมท่านถึงเมตตาผมและท่านรู้จักผมได้อย่างไร




............................นิมิตที่ 2 เกิดเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง.........................



ผมเห็นเป็นป่าโปร่งบรรยากาศดีสวยงาม ดูแล้วรู้สึกร่มรื่น ในขณะที่ผมกำลังชมทิวทัศน์ธรรมชาติอยู่นั้นเอง ก็มีเสียงดังก้องกังวานใสขึ้นมาว่าธรรมะทั้งหลายมีอยู่ที่วัด เจ้าจงไปเรียนรู้ที่วัด เป็นพระก็ต้องอยู่ที่วัดผมมองไม่เห็นเจ้าของเสียงไม่รู้เป็นเสียงของใคร แต่เสียงนั้นดังก้องป่าไปหมดแล้วนิมิตก็หายไป



...............................นิมิตที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อต้นปีนี้เอง.............................



เป็นพระมาสอนปฎิบัติธรรม ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าพระท่านมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไรผมไม่รู้จักมีพระรูปหนึ่งมาปรากฎ ท่านนั่งในท่าขัดสมาธิอยู่บนแท่นอะไรสักอย่าง ผมไม่รู้จัก ท่านบอกว่าจะสอนการปฎิบัติเบื้องต้นให้ผมพอท่านพูดจบก็มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีดำเงาปางสมาธิปรากฎขึ้นมา ท่านบอกว่าเริ่มแรกในการปฎิบัติ จิตของเรายังเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา จึงทำให้จิตใจของเราดำมืด การปฎิบัติก็เพื่อขัดเกลาจิตตัวเองจากกิเลสตัณหาที่ดำมืดเหล่านี้ เมื่อเราปฎิบัติไปได้พอสมควรจิตของเราก็จะเริ่มขาวสะอาดขึ้น เริ่มเบาบางจากกิเลส
ขณะที่ท่านกำลังพูดสอนอยู่นั้นพระพุทธรูปก็มีการเปลี่ยนสีองค์ตามไปด้วย จากพระพุทธรูปองค์สีดำเงาก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นสีขาวบริสุทธิ์ท่านกล่าวอีกว่า แต่ความขาวสะอาดของจิตนี้ก็ยังมีโอกาสที่กิเลสมันจะเข้ามาเกาะกุมจิตใจให้ กลับไปดำมืดได้อีก เจ้าต้องเพียรปฎิบัติต่อไป จนกระทั่งจิตของเจ้าใสปานดวงแก้วนี้พระพุทธรูปค่อย ๆ โปร่งใสขึ้น ๆ จนกระทั่งมีความโปร่งใส ดูแล้วเจิดจ้าสวยงามมาก
แต่ในความใสของจิตนี้ก็ยังไม่เป็นที่สิ้นสุด โอกาสที่กิเสศจะเข้ามาเกาะกุมจิตใจจนกระทั่งขุ่นมัว และนำไปสู่ความดำมืดของจิตยังมีอยู่ เจ้าจะต้องปฎิบัติจนกระทั่งไม่มีจิตหลงเหลือให้กิเลสเข้ามาเกาะกุมจิตใจของ เจ้าได้อีกต่อไป จึงจะสิ้นสุดในความเพียรของการปฎิบัติ
พระพุทธรูปค่อย ๆ จางหายไป จนกระทั่งผมมองไม่เห็นพระพุทธรูปอีก มีแต่แสงสว่างจ้าสวยงาม


ขอขอบคุณที่มาจากบร์อด........พลังจิตบทความของคุณ{SUPOP}



.............................จบนิมิต....................


ผมสงสัยในตอนสุดท้ายนี้แหละ ว่าจริง ๆแล้วจิตก็เป็นสิ่งที่เรายึดเกาะอยู่เหมือนกันหรือ แล้วถ้าจิตหายไปเราจะยึดเกาะกับอะไร การหายไปของจิตนี่คือ นิพพาน ใช่หรือไม่ ใครทราบรายละเอียดมากกว่านี้ผมอยากให้ท่านช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้ด้วยครับส่วนที่เหลือก็เป็นพวกนิ
มิตที่วิญญาณมาขอส่วนบุญ ซึ่งมันคงไม่มีสาระอะไรผมก็ขอจบเท่านี้ครับ



http://board.palungjit.com/f8/3-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2-250318.html (http://board.palungjit.com/f8/3-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2-250318.html)


หัวข้อ: Re: 3 นิมิตปริศนาธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 29 กรกฎาคม 2553 18:26:43
ผมอ่านวนไปวนมาหลายรอบ

แต่ไม่รู้จะแสดงความเห็นยังไงดี เพราะเป็นเรื่องของคำว่านิมิต

หากจะบอกไม่จริง มันก็บาปถ้าเป็นจริงขึ้นมา

เหมือนการปรามาศผู้ปฏิบัติธรรม


เพราะงั้น โนคอมเม้นต์ดีกว่า


 ;D ;D ;D




หัวข้อ: Re: 3 นิมิตปริศนาธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 29 กรกฎาคม 2553 18:35:36
ผมอ่านวนไปวนมาหลายรอบ

แต่ไม่รู้จะแสดงความเห็นยังไงดี เพราะเป็นเรื่องของคำว่านิมิต

หากจะบอกไม่จริง มันก็บาปถ้าเป็นจริงขึ้นมา

เหมือนการปรามาศผู้ปฏิบัติธรรม


เพราะงั้น โนคอมเม้นต์ดีกว่า


 ;D ;D ;D




น้า McK เชื่อเรื่องสัมผัสที่ 6 มั๊ย ? แบบว่าลางสังหรณ์หรือความฝันทำนองนี้



หัวข้อ: Re: 3 นิมิตปริศนาธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 29 กรกฎาคม 2553 18:49:46
เชื่อมากครับ

แต่เรื่องพวกนี้มันพูดยาก ไม่รู้จะแสดงความเห็นอย่างไร


หัวข้อ: Re: 3 นิมิตปริศนาธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 29 กรกฎาคม 2553 18:55:43
อ้างถึง

ผมสงสัยในตอนสุดท้ายนี้แหละ ว่าจริง ๆแล้วจิตก็เป็นสิ่งที่เรายึดเกาะอยู่เหมือนกันหรือ
แล้วถ้าจิตหายไปเราจะยึดเกาะกับอะไร การหายไปของจิตนี่คือ นิพพาน ใช่หรือไม่


จิตเกาะ ไม่ได้เกาะกับแค่ขันธ์ แต่จิตไวต่อสิ่งเร้าทุกประเภท ต้องยืมคำของ ทพ.สม สุจิรา ที่ว่า จิตไวกว่าแสง
ยากที่จะตามได้ทัน การจะรู้เท่าทันทุกขณะจิตจึงนับว่ายากมาก

ส่วนเรื่องการหายไปของจิต เท่าที่ผมอ่านเจอ ๆ มาหลาย ๆ ที่ นิพพานนี่จิตก็ไม่ได้หายนะครับ
แต่เป็นจิตที่บริสุทธิ์ ไร้กิเลส ฯลฯ

ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย ภูมิธรรมผมยังด้อยนัก แค่อาศัยอ่าน และ ศึกษา