หัวข้อ: "น้ำผึ้ง" สุดยอดอาหารและยาจากธรรมชาติ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 09 มกราคม 2556 12:55:50 .
(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQKChKMkInqgLNQOF6TY8qJag5maA20lJmVVFTSSZ--uHwjDivy)(http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQMnwzEr2UawVbyNY_pJCXU35dYHUsvNQoWXjTuKreCTh8WnAD0GA) ภาพจาก : variety.thaiza.com & ohozaa.com น้ำผึ้ง ยอดอาหารและยาจากธรรมชาติ ย้อนหลังไปนับหมื่นปี มนุษย์รู้จักลิ้มรสหวานตามธรรมชาติจากน้ำผึ้ง และใช้น้ำผึ้งในชีวิตประจำวันเพื่ออาหาร ยา และเครื่องสำอาง หลักฐานต่าง ๆ ปรากฏอยู่มากมาย ทั้งในภาพวาดบนผนังถ้ำในประเทศสเปน อายุประมาณ ๙,๐๐๐ ปีก่อนคริสตกาล แสดงถึงมนุษย์ในยุคหินกำลังปีนขึ้นไปตีผึ้งที่อยู่ในโพลง นำก็บน้ำผึ้งใส่ภาชนะไว้กิน ในราว ๕,๐๐๐ เศษปีล่วงมาแล้ว ชาวอียิปต์เริ่มรู้จักเขียนหนังสือ ได้จารึกเรื่องราวเกี่ยวกับผึ่งเป็นครั้งแรก ว่า พระเจ้าเมนิส ฟาโรห์แห่งอียิปต์ ทรงให้ความสำคัญกับน้ำผึ้งมากจนถึงกับใช้น้ำผึ้งเป็นตราเครื่องหมายประจำพระองค์ นอกจากผึ้งจะให้ความหวานจากน้ำผึ้งแล้ว ไขผึ้งหรือรวงผึ้งยังนำมาทำเทียนไขให้แสงสว่างสำหรับบูชาเทพเจ้าได้อีกด้วย พระนางคลีโอพัตรา แห่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำไนล์ในอดีตก็ได้สมุนไพรหลายชนิดรวมทั้งน้ำผึ้งมาใช้เสริมสุขภาพและความงาม อารยธรรมลุ่มน้ำแยงซีเกียงของจีนก็ใช้ประโยชน์จากน้ำผึ้ง การแพทย์ในดินแดนชมพูทวีปลุ่มน้ำสินธุ ใช้น้ำผึ้งผสมผงอบเชยเป็นยาบำรุงร่างกายที่ดีมานานหลายศตวรรษแล้ว จนกระทั่งดินแดนตะวันตกนำไปศึกษาและค้นพบสรรพคุณน้ำผึ้งกับอบเชยอีกมากมาย เช่น ช่วยให้สดชื่น ผิวพรรณดี ไปจนถึงช่วยลดคลอเรสเตอรอล ฯลฯ (http://www.sookjaipic.com/images/3250149500_1.JPG) พ่อค้าน้ำผึ้ง หน้าพระธาตุหลวง นครเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ภูมิปัญญาไทยเราก็ใช้น้ำผึ้งเป็นอาหารและยาสมุนไพรมากมาย ที่รับรู้กันดี คือ ยาบำรุงกำลัง ให้ดื่มน้ำผึ้งแท้ ๆ วันละ ๑ – ๒ ช้อนโต๊ะ ก่อนนอนทุกวัน จะช่วยฟื้นกำลังที่อ่อนเพลียให้กลับคืนมา และที่นิยมกันมากให้ดองกล้วยน้ำว้ากับน้ำผึ้ง กินเนื้อกล้วยวันละลูกและดื่มน้ำผึ้งด้วยวันละช้อนชา ท่านว่าเพิ่มพลังกายบำรุงกำลังอย่างดี อยากให้ชีวิตมีกำลังและผิวพรรณผ่องใส แนะนำให้เรียนรู้การกินน้ำผึ้ง แต่ถ้าดียิ่งขึ้น เราควรมาช่วยกันดูแลผึ้ง เพื่อเราจะได้ยอดยาจากธรรมชาติ และผึ้งยังเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อระบบนิเวศด้วย แม้ว่าปัจจุบันมีการเลี้ยงผึ้ง แต่คนจำนวนมากยังต้องการน้ำผึ้งธรรมชาติ น้ำผึ้งธรรมชาติมาจากผึ้งหลายหลายสายพันธุ์ ในประเทศไทยพบผึ้ง ๔ สายพันธุ์ที่นำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน คือ ผึ้งมิ้มเล็ก ผึ้งมิ้ม ผึ้งโก๋นหรือผึ้งโพรง และผึ้งหลวง ผึ้งมิ้มเล็ก เป็นผึ้งที่มีขนาดของตัวผึ้งและรังเล็กที่สุดในโลก มีรายงานว่าพบในแถบจังหวัดจันทบุรี ขนาดตัวและรังเล็กกว่าผึ้งมิ้ม เป็นผึ้งที่หายาก พบเฉพาะในบริเวณป่าละเมาะใกล้ภูเขาเท่านั้น ผึ้งชนิดนี้สร้างรังในซุ้มไม้และบนกิ่งไม้ขนาดเล็กที่ไม่สูงมากนัก ลักษณะรังมีชั้นเดียว บอบบางและเล็ก กว่ารังของผึ้งมิ้ม มีขนาดเท่าฝ่ามือหรือประมาณ ๑๐ – ๑๒ เซนติเมตร ผึ้งมิ้มเล็ก มักจะปกปิดรังของมันอยู่ในซุ้มไม้และกิ่งไม้อย่างดีเพื่อป้องกันศัตรู บางท้องถิ่นเรียกว่า “ผึ้งม้าน” ผึ้งมิ้ม เป็นผึ้งที่มีขนาดเล็ก ทำรังตามกิ่งไม้ที่ไม่สูงมากนัก มีขนาดตัวใหญ่กว่าแมลงวันบ้านเล็กน้อย บางทีเรียกว่า “ผึ้งแมลงวัน” พบอยู่ทั่วไป ชอบตอมขนมหวาน ชอบสร้างรังบนต้นไม้ และในพุ่มไม้ที่ไม่สูงมากนัก ลักษณะรังมีชั้นเดียว มีขนาดประมาณ ๒๐-๓๐ เซนติเมตร มักจะปกปิดรังเช่นกัน เดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน เป็นช่วงเวลาที่ผึ้งมิ้มให้น้ำผึ้งมากที่สุด น้ำผึ้งมิ้มเป็นแหล่งรายได้ของชาวบ้านในพื้นที่ราบ เนื่องจากพอว่างเว้นงานในไร่นา ชาวบ้านจะพากันตระเวนออกหาผึ้งมิ้มมาขาย แต่รังของผึ้งมิ้มมีขนาดเล็กให้น้ำผึ้งน้อย จึงนิยมขายแบบยกรัง หรือมีการรีดน้ำผึ้งจากส่วนที่โอบกิ่งไม้อยู่ออกมาใส่ขวดขาย แล้วขายส่วนที่เป็นแผงที่มีตัวอ่อนติดอยู่ด้วย เพราะคนอีสานนิยมนำมาปิ้งรับประทาน น้ำผึ้งมิ้มขายได้ฤดูเดียว คือ ช่วงกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม ผึ้งโก๋นหรือผึ้งโพรง ชอบทำรังอยู่ในโพรงไม้หรือตามโพรงที่มิดชิด คุณสมบัตินี้เองที่เหมาะนำผึ้งชนิดนี้มาเป็นผึ้งเลี้ยงแบบกึ่งธรรมชาติ แต่ผึ้งที่เลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมในประเทศไทยส่วนใหญ่ใช้ผึ้งสายพันธุ์ที่นำมาจากต่างประเทศหรือที่เรียกว่าผึ้งโพรงฝรั่ง ผึ้งโก๋นมีขนาดตัวใหญ่กว่าผึ้งมิ้มแต่เล็กกว่าผึ้งหลวง ลักษณะรังมีหลายรังซ้อนเรียงขนานกัน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓๐-๔๐ เซนติเมตร สามารถนำมาเลี้ยงในภาชนะที่มีลักษณะปิดได้ เช่น ท่อคอนกรีต หรือกล่องที่ทำจากไม้แผ่นหรือลำต้นของต้นไม้ เช่น ไม้ตะคร้อ ไม้สมพง ไม้เขวา ไม้เหล่านี้เอาส่วนที่เป็นไส้ออกได้ง่าย และมีส่วนของผิวนอกแข็งแต่มีรูพรุนระบายอากาศได้ ทำให้อุณหภูมิภายในไม่ร้อนเกินไปเหมาะนำมาใช้เลี้ยงผึ้ง เมื่อนำมาเลี้ยงสามารถเก็บน้ำผึ้งได้หลายครั้งต่อปี (http://www.sookjaipic.com/images/7610066110_2.JPG) แม่ค้ำน้ำผึ้ง ที่เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทดสอบให้ดูว่า น้ำผึ้งที่วางขายเป็นน้ำผึ้งแท้ ผึ้งชนิดนี้ให้น้ำผึ้งดีในช่วงไม้ผลออกดอก เช่น ดอกลำไย ดอกเงาะ ดอกทุเรียนและดอกมะพร้าวบาน วิธีการเก็บน้ำผึ้งตามธรรมชาติที่ถูกต้อง ควรตัดเฉพาะรังส่วนที่มีน้ำผึ้ง ไม่ควรเผารังผึ้ง เพราะทำให้ผึ้งตายหมดทั้งรัง ทำให้เชื้อพันธุ์สูญได้ การเลี้ยงผึ้งโก๋นมีตั้งแต่ระดับชาวบ้านไปจนถึงอุตสาหกรรม ปัจจุบันมีชาวบ้านเลี้ยงมากขึ้น โดยใช้ภูมิปัญญาในการเลี้ยงที่แตกต่างกันตามภูมินิเวศและสิ่งแวดล้อม เช่น การนำไปเลี้ยงร่วมกับสวนผลไม้ เช่น ลำไย ลิ้นจี่ มะไฟ ฯลฯ หรือสวนป่าวนเกษตรหรือบริเวณใกล้ที่รกร้างที่มีต้นสาบเสือ ผึ้งหลวง เป็นผึ้งที่มีการทำรังขนาดใหญ่มากเก็บน้ำผึ้งได้มากด้วย จึงเป็นน้ำผึ้งที่มีในตลาดมากกว่าผึ้งชนิดอื่น ผึ้งหลวงมักทำรังใหญ่อยู่ในป่า ชอบสร้างบนต้นไม้สูงหรือภายนอกอาคารบ้านเรือน ตามวัดหรือใต้ถังเก็บน้ำสูง ๆ รังมีชั้นเดียวเป็นรูปครึ่งวงกลม ขนาด ๐.๕ – ๑ เมตร รังไม่มีการปกปิด ผึ้งหลวงดุและต่อยปวดกว่าผึ้งอื่นทุกชนิด การเก็บหาล่าผึ้งเป็นอาชีพที่สำคัญของหลายชุมชนในประเทศไทย โดยเฉพาะในชุมชนที่อยู่ใกล้ป่าดิบแล้งหรือป่าดิบเขา การล่าน้ำผึ้งทำได้ตลอดเวลา ยกเว้นในช่วงเข้าพรรษา น้ำผึ้งเดือนห้าเป็นน้ำผึ้งที่มีคุณภาพดีที่สุด เพราะเป็นช่วงที่มีดอกไม้บานหลากหลายชนิดและเป็นช่วงไม่มีน้ำฝนปนเปื้อน ทำให้ได้น้ำผึ้งที่มีความหอมหวานเข้มข้น น้ำผึ้งเดือนอื่น ๆ ก็กินได้แต่จะมีแต่ความหวานไม่มีความหอม ถ้าเป็นน้ำผึ้งเดือน ๑๑ จะมีรสขมเจืออยู่ด้วย เนื่องมาจากเกสรดอกไม้ที่บานในระยะนั้นมีรสขม ผึ้งบางชนิดอาจดุกัดเจ็บ บางคนแพ้ทำให้อาการรุนแรง แต่มีผึ้งตัวน้อย ผึ้งใจดีที่เรานำมาเลี้ยงกึ่งธรรมชาติ และใช้ประโยชน์จากน้ำผึ้งและผลิตภัณฑ์จากผึ้งได้อีกมาก ข้อมูล : คอลัมน์ สมุนไพรเพื่อสุขภาพ “ปีใหม่ ดื่มน้ำผึ้ง รักษ์ผึ้ง” โดย มูลนิธิสุขภาพไทย หน้า ๙๓ หนังสือมติชนรายสัปดาห์ ฉบับประจำวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ – ๓ มกราคม ๒๕๕๖ (http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQKChKMkInqgLNQOF6TY8qJag5maA20lJmVVFTSSZ--uHwjDivy) น้ำผึ้งจากดอกไม้ น้ำผึ้งเป็นผลผลิตของน้ำหวานหรือน้ำต้อยของดอกไม้ ที่ผึ้งไปเก็บมาจากดอกไม้ลงสู่กระเพาะ และผ่านปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีบางประการ แล้วแปรรูปสะสมไว้ในรังผึ้ง น้ำผึ้งเป็นแหล่งของสารอาหารที่ให้พลังงานคาร์โบไฮเดรตที่สำคัญ อุดมไปด้วยน้ำตาลฟรักโทสและกลูโคส ที่ผึ้งย่อยสลายจากน้ำตาลซูโครสในน้ำหวาน น้ำตาลทั้งสองชนิดนี้เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปสร้างพลังงานได้ทันที น้ำผึ้งมีสีสัน กลิ่น และรสชาติแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับต่อมน้ำหวานของพืชแต่ละชนิดที่ผึ้งไปเก็บมาสะสมเป็นอาหาร น้ำผึ้งตามธรรมชาติจะมีรสหวานจัด กลิ่นหอม มีสีเหลืองอ่อนจนถึงน้ำตาลเข้ม แล้วแต่แหล่งหรือชนิดของพืชหรือชนิดของดอกไม้ที่ผึ้งได้มา น้ำผึ้งที่ได้จากดอกไม้ เช่น ดอกลำใยจะมีสีเข้ม มีกลิ่นหอมและรสหวานกว่าน้ำผึ้งที่ได้จากดอกลิ้นจี่ เงาะ ชมพู่ ทุเรียน และส้ม น้ำผึ้งให้คุณค่ากับร่างกายของคนเราเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักที่ไม่เคร่งครัดมากนัก สามารถรับประทานน้ำผึ้งจากน้ำหวานดอกไม้ ซึ่งอุดมไปด้วยน้ำตาลลีวูโลสมากกว่าน้ำตาลเดกซ์โทรส ในยุคโบราณ ชาวกรีกจะดื่มน้ำผึ้งก่อนลงแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เพราะเชื่อว่าน้ำผึ้งช่วยขจัดความเมื่อยล้าได้ และแพทย์ชาวอียิปต์โบราณใช้น้ำผึ้งช่วยสมานแผลผ่าตัดเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนที่จะรู้จักแบคทีเรียกันเสียอีก น้ำผึ้งยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยในระยะพักฟื้น ช่วยบำรุงประสาทและสมองให้สดชื่น แจ่มใส ช่วยให้นอนหลับสบาย และเนื่องจากน้ำผึ้งมีปริมาณน้ำน้อย มีแรงดูดซึมสูง ดังนั้น จึงดูดซึมน้ำจากเซลล์จุลินทรีย์ต่างๆ ออกมาหมด ทำให้เชื้อโรคตายได้ จึงมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค บรรเทาอาการไอ หวัด ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร แก้ท้องผูก นอกจากนี้น้ำผึ้งยังอุดมด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นองค์ประกอบของฮีโมโกลบิน ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดแดงและแก้ความดันโลหิตสูง... (http://www.sookjaipic.com/images/2450032705_3.JPG) หัวข้อ: Re: "น้ำผึ้ง" สุดยอดอาหารและยาจากธรรมชาติ เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 17 มกราคม 2556 21:49:46 น้าแม๊ค : แม่ค้า น้ำผึ้งนี่แท้รึเปล่าเนี่ย
แม่ค้า : แท้จ้า น้ำผึ้งแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ น้าแม๊ค : แล้วจะรู้ได้ไงว่าไม่ได้เอาน้ำตาลมาเคี่ยวผสม แม่ค้า : โอ้ย... ของแท้จริง ๆ แฟนป้าไปเก็บรังผึ้งมาเองกับมือ น้าแม๊ค : แต่มันแพงจังเลย ลดให้หน่อยสิ แม่ค้า : โอ้ย... ลดไม่ได้หรอก เดี๋ยวนี้น้ำตาลแพง !! น้าแม๊ค : !?!!?! ;D ;D ;D |