[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
11 พฤษภาคม 2567 18:39:55 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 16
101  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เจาะลึกสุดๆเรื่อง"สมเด็จองค์ปฐม"(หาอ่านที่ไหนก็ไม่ได้) เมื่อ: 17 ธันวาคม 2553 13:21:57
พระพุทธเจ้าพระองค์แรก ที่ตรัสรู้ก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ มีอยู่ จริง ๆ
และมีคัมภีร์ปฐมมูลรับรองพระนาม คือ " พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า"
หอสมุดแห่งชาติ มีคัมภีร์เก่า ๆ มากมายที่ยังไม่ได้แปล และมีสุดยอดคัมภีร์อีกหลาย ๆ คัมภีร์ที่ คนไทย ยังไม่รู้ และเป็นของเถรวาทแท้ ๆ ด้วย ครับ
พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐม ที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ทรงตรัสแสดงแก่ท่าน " พระอัญญาโกณฑัญญะ" และ พระปฐมสาวกทุกองค์ในศาสนาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็จะทูลถาม พุทธประวัติ ของ " พระพุทธเจ้าองค์ปฐม" พระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตทุกพระองค์ก็จะทรงตรัสแสดงให้ฟังปฐมสาวกได้ฟัง แม้มาในศาสนาของพระพุทธเจ้าของเราก็เหมือนกัน คัมภีร์นี้เป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่มาก ต้นฉบับ เป็น " ภาษาล้านนา " คณาจารย์ของกรมศิลปากร ได้แปลรวมไว้อยู่ใน หนังสือเล่มใหญ่ ชื่อ " โลกุปปัตติ อรุณวดีสูตร ปฐมมูล ปฐมกัป มูลตันไตรย " -และถ้ามีปัญหาถามว่า " พระพุทธเจ้าองค์แรก ใน พระพุทธศาสนา ที่ตรัสรู้ก่อนพระ พุทธเจ้าทุกพระองค์ ทรงพระนามว่าอะไร ? พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ อุบัตขึ้นก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และพระองค์ไม่เคยได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์อื่นใดมาก่อนเลย เพราะยังไม่มี พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ก่อนหน้านั้นเลยแม้แต่องค์เดียว พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ใช้ระยะเวลาในการประทับนั่งบนโพธิบัลลังก์เป็นเวลา ยาวนานกว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่เกิดขึ้นมาภายหลัง คือ ทรงใช้เวลา 5,000 ปีนั่ง ประทับตรัสรู้อยู่ใต้ต้นไม้ 25 ต้น ๆ ละ 200 ปี เพราะพระองค์ไม่เคยสร้างพระบารมี และ ไม่เคยได้รับพุทธพยากรณ์ในศาสนาพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์มาก่อนเลย (ก็เป็นพระองค์แรกหนิ)
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมมูล พระองค์นั้น ทรงพระนามว่า " พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า " พระองค์มีพระชนม์มายุ 100,000 ปี แล้วจึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ได้ทรงพยากรณ์เป็นพระองค์แรก ว่า

http://www.mythland.org/v3/archiver/tid-2266.html

 
คัมภีร์นี้เก่าแก่มากครับ หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น
เป็นภาษาล้านนาแท้ๆ
อาณาจักรล้านนา  มีอยู่ในพระไตรปิฎกหรือเปล่า
เอาพระไตรปิฎก มายืนยันก่อนสิครับ
ว่าอาณาจักรล้านนา ถือกำเนิดเมื่อไร

หรือว่า มารแต่งนิยาย ขึ้นมาเพื่อ ดิสเครดิท
 หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว





พวกที่เป็นมาร  แล้วมารแต่งนิยาย ขึ้นมาเพื่อ ดิสเครดิท   หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว  คือ ใคร????

ตอบ

ก็พวกสมมุติสงฆ์ฝ่ายปริยัติของเรานั่นแหละ  พวกนี้ไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติได้ไม่ถึงขั้น เรียกว่า ไม่เป็นสัปปะรด  อาศัยพวกมาก  ใช่กฎหมาหมู่  ทำการปฎิรูปพระพุทธศาสนา  ให้กลายเป็นศาสนาของมาร ที่เรียกว่า "สัทธรรมปฏิรูป"  หรือของปลอม

พวกสมมุติสงฆ์ฝ่ายปริยัติ ที่ถูกมารครอบงำ ได้ทำการล้างบางพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า เริ่มต้นมาตั้งแต่ในการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 2  จะเห็นได้ว่า ในปฐมสังคายนา มีแต่พระอรหันต์ที่มีอภิญญา 6 เข้าร่วมเท่านั้น  พวกท่านจึงรู้ว่า  สิ่งใดเป็นของจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้

พระอรหันต์ที่มีอภิญญา 6 ทั้ง 500 รูป รวมทั้งพระมหากัสสปะและพระอานน์ ต่างรับรองพระไตรปิฎกของเถรวาท และปิฎกของฝ่ายอาจาริยวาท หรือ มหายาน  รวมปิฎกทั้ง 2 ฝ่าย จึงเป็นพระไตรปิฎก

แต่เมื่อสงฆ์มีจำนวนมากขึ้นในการสังคายนาครั้งที่ 2 กฎหมาหมู่(ประชาธิปไตย)จึงถูกตั้งขึ้น ให้อนุญาตทั้งพระอรหันต์ที่มีอภิญญา 6  และพระทั่วไปร่วมด้วยได้  ความเละเทะในพระไตรปิฎกจึงเริ่มต้นขึ้น  เถรวาทจะเอาเฉพาะคำสอนที่พระพุทธองค์เป็นผู้ชี้ทางให้พวกตนเท่านั้น  อีกอย่างในการสังคายนาครั้งที่ 2 ไม่มีการเชิญฝ่ายอาจาริยวาท หรือ มหายาน เข้าร่วม  ดังนั้นจึงเป็นการง่ายที่สงฆ์ที่ถูกมารสิง จะตัดคำสอนทุกอย่างที่ในปิฎกของฝ่ายอาจาริยวาททิ้งไป  เหลือแต่คำสอนของพวกตน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่จิตปภัสสร หลงกลอวิชชา ปฏิจจสมุปบาทจึงเกิดขึ้น

คำสอนสำคัญในปิฎกของฝ่ายอาจาริยวาท  ที่ฝ่ายเถรวาทไม่มีอยู่ หรือมีอยู่น้อยมากคือ เรื่องก่อนหน้าจิตปภัสสรนั้นเอง ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ

1. เรื่องสุญญตวาท ที่มี จิตอมตวาทอยู่  เรียกว่า อาทิพุทธ พระไวโรจนพุทธเจ้า หรือธรรมกาย(ศาสนาอื่นเรียกว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า)

2. เรื่องกายทั้ง 3 ของพระพุทธเจ้า -  
        ๑. สัมโภคกาย คือ พระกายที่เป็นทิพยภาวะ ประทับอยู่ ณ แดนพุทธเกษตร
          ๒. นิรมานกาย คือ พระกายที่พระองค์เนรมิตรขึ้นทำนองอวตารลงมา อาการมีทรงพระชวร ประสูติทางพระวรกายนั้นเป็นสิ่งมายาทั้งสิ้น
          ๓. ธรรมกาย คือสุญญตภาวะ หรือ พระนิพพานนั้นเอง

สงฆ์ที่ถูกมารสิงในตอนนั้น ตัดกายของพระพุทธเจ้าให้เหลือเพียง 2 กาย คือ นิรมานกาย และ ธรรมกาย  

อย่างไรก็ตาม สงฆ์ที่ถูกมารสิงในยุคต่อๆมา ก็พยายามตัดเรื่องธรรมกายออกไป และแยกนิพพานเป็นอะไรก็ไม่รู้  มาถึงยุคนี้ สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง กำแหงหนัก  กล้าทะลึ่งบอกว่า นิพพานเป็นอนัตตา  ทั้งๆที่ในอนัตตลักขณะสูตร นิพพานแปลว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา  พอผมถามว่า  แล้วเราจะเข้านิพพานไปหาพระแสงอะไรเล่า?  ก็ไม่เห็นมีใครตอบได้สักคน  เห็นมีแต่ไล่ผมออกจากเว็บพุทธศาสนา 10 กว่าเว็บแล้ว

3. เรื่องความเมตตากรุณาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย  ที่ยังคอยช่วยเหลือมนุษย์และสรรพสัตว์ที่เดือดร้อนในโลกอยู่ เช่น เจ้าแม่กวนอิม พระพิฒเนศ ตรีมูรติ  เรืองพวกนี้ สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง พยายามบอกว่าไม่มีอยู่จริง  แต่คนทั่วโลก  ไม่เฉพาะคนไทยเท่านั้น  ต่างเคยพบเห็นและเคยประสพกับพระบารมีของพวกท่านมาแล้วมากมาย

เรืองทั้ง 3 เรื่องนี้ เป็นข้อใหญ่ที่สุด ที่สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง ในทุกยุคทุกสมัย ไม่ยอมให้ประชาชนรู้ความจริง


มีพระไตรปิฎกเถรวาทเก็บซ่อนอยู่ในที่อื่นๆไหม? 


มีหลายที่มากเลย เช่น 1. คัมภีร์ปฐมมูลเป็นภาษาล้านนาแท้ๆ มารตัดทิ้งไปแล้วในพระไตรปิฎก แต่พระพุทธเจ้าดลจิตให้อาณาจักรล้านนาบันทึกเอาไว้ 2. คัมภีร์วิชาเปิดโลก มารทิ้งไปแล้ว แต่พระพุทธเจ้า ก็มาสอนให้กับหลวงพ่อคง 3. คัมภีร์วิชาธรรมกาย  มารทิ้งไปแล้วเช่นกัน แต่พระพุทธเจ้า ก็มาสอนให้กับหลวงพ่อสด

ปิฎกและพระสูตรของมหายานที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนแก่ปรมาจารย์ในนิกายต่างๆของมหายาน  สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง ต่างก็หาเรื่องใส่ร้ายว่า ตำราพวกนี้แต่งขึ้นมาเอง  โง่บัดซบจริงๆ  ในโลกนี้ไม่มีใครกล้าเขียนพระสูตรหรือปิฎกขึ้นมาเอง แล้วไปบอกว่าเป็นถ้อยคำของพระผู้มีพระภาคเจ้าหรอก  เพราะบาปใกล้ๆอนันตริยกรรม แล้วคัมภีร์ของปลอมพวกนี้  ในที่สุด จะสลายไปเอง ตามกฎแห่งกรรม

ด้วยเหตุนี้ การที่จะบอกว่า พวกที่เป็นมาร  มามารแต่งนิยายคัมภีร์ปฐมมูล หรือแต่งปิฎกและพระสูตรมหายานต่างๆ ขึ้นมาเอง เพื่อ ดิสเครดิท   หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว   จึงเป็นไปไม่ได้

แม้แต่ที่ผมเข้ามาเขียนอธิบายเรื่องราวต่างๆในพระพุทธศาสนา  ก็เป็นเรื่องประเภทมีหักหัวใจมารให้สลายทั้งนั้น  ผมมาเพื่อล้มล้างศาสนาของมารโดยเฉพาะ ผมจึงนำพระไตรปิฎก และการตีความที่ถูกต้อง เป็นสัมมาทิฏฐิมาลงโดยไม่เกรงกลัวและไม่เกรงใจมารทุกตัว


102  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เจาะลึกสุดๆเรื่อง"สมเด็จองค์ปฐม"(หาอ่านที่ไหนก็ไม่ได้) เมื่อ: 17 ธันวาคม 2553 01:31:35
สิ่งใดเกิด ย่อมมีดับเป็นธรรมดา
พระติกขในคัมภีร์ แต่งขึ้นสมัยล้านนา หลังปรินิพพาน ไปแล้ว พันกว่าปี
พระสิขี เกิดพร้อมหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ส่วน พระรังสีวิสุทธิ เกิดหลังมหายานแตกแยกเป็นอนุตรธรรม

เมื่อสังสารวัฎพระพุทธเจ้า ยังหาเบื้องต้นไม่ได้
พระพุทธเจ้าองค์ปฐม จีงไกลเกินฌานของพระพุทธเจ้า สมณโคดม


คนที่มีอภิญญา ส่องไปถึงได้  เก่งมั๊กๆๆ

--------------------------------------------------------------------------------

ตอบ

คุณกำลังคิดเอาเอง แต่เอาความคิดที่เป็นมิจฉาทิฏฐินั้น ไปยัดใส่พระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นสัพพัญญู ท่านจึงทรงรู้ทุกเรื่อง

คุณบอกมาได้อย่างไร เมื่อสังสารวัฎพระพุทธเจ้า ยังหาเบื้องต้นไม่ได้
พระพุทธเจ้าองค์ปฐม จีงไกลเกินฌานของพระพุทธเจ้า สมณโคดม


พระพุทธเจ้าหาจุดเบื้องต้นของสังสารวัฎได้ แต่สอนให้เถรวาทเพียงว่า จุดเบื้องต้นนั้นเราเป็นจิตปภัสสร แต่ต่อมาหลงในอวิชชา จึงทำให้เกิดปฏิจจสมุปบาท เกิดภพเกิดชาติขึ้น เพราะนิกายเถรวาทต้องการแค่ดับทุกข์ให้เร็วที่สุด พระพุทธเจ้าจึงไม่สอนเรื่องของผู้ยิงลูกศรใส่เรา แต่ให้เรารักษาโรคทุกข์ให้หายก่อน(เป็นพระอรหันต์) แล้วจึงจะรู้ถึงเรื่องผู้ยิงลูกศรให่เรา

อย่างไรก็ตาม นิกายของมหายาน ถ้าพระพุทธเจ้าตอบปัญหาเรื่องผู้ยิงศรใส่เขาไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องจุดเบื้องต้นก่อนสังสารวัฎ มหายานเขาไม่เรียนกับพระพุทธเจ้าแน่ พระพุทธองค์จึงต้องสอนให้ทางมหายานถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนสังสารวัฏ - เรื่องอาทิพุทธ พระไวโรจนพุทธเจ้า ทั้ง 2 องค์เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐม ในรูปของธรรมกายและสัมโภคกาย ให้เขา

เรื่องพระติกขคัมมะ พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ในพระไตรปิฎกเถรวาท บันทึกอยู่ในคัมภีร์ปฐมมูล แต่เนื่องจากเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพาน พวกมารที่แทรกซึมเรืองอำนาจในคณะสงฆ์ปริยัติ จึงต้องพยายามกำจัดทิ้งให้พ้นจากพระพุทธศาสนาเถรวาท เราจึงยากจะค้นพบจำรึกในพระไตรปิฏก แต่กรมศิลปากรเขาก็ยังไปค้นคว้ามาบันทึกไว้ นอกจากนี้พระบางรูปยังมีประสบการณ์ส่วนตัวจากสมาธิ แล้วไปพบพระติกขคัมมะ จึงนำมาเล่าให้ฟัง

ส่วนเรื่องพระรังสีวิสุทธิ และพระพุทธสิกขีนั้น ผู้ที่ทำกรรมฐานจนตัวรู้เปิดหมดแล้ว ทุกท่านย่อมรู้เท่าเทียมกันว่าทั้ง 2 พระองค์เป็นใคร

สรุป

พระติกขคัมมะ เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐมในรูปสัมโภคกาย และเป็นองค์เดียวกับพระไวโรจนพุทธเจ้าที่มหายานพูดถึง

พระรังสีวิสุทธิ เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐมในรูปธรรมกาย และเป็นองค์เดียวกับอาทิพุทธเจ้าที่มหายานพูดถึง

พระพุทธสิกขี เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐมที่เป็นมนุษย์
103  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: พระปัจเจกพุทธเจ้าที่เป็น พระพุทธเจ้าองค์ปฐม คือ อาทิพุทธ เมื่อ: 15 ธันวาคม 2553 17:28:45
armageddon เขียน:

นับเป็นภัยศาสนา  ที่แฝงมา เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก

เรื่องสังสารวัฎ  แม้แต่พระพุทธเจ้า ยังหาที่สุดเบื้องต้นไม่ได้
ด้วยอดีตังคสญาณ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเอกอุยิ่งกว่าสัตว์ตนใดๆ

ยังไม่อาจมองไป ถึงเบื้องต้นของสังสารวัฎ
อันหาที่สุดของเบื้องต้น ไม่ได้

อดีตังคสญาณของพระพุทธองค์ ยังไม่อาจมองและกล่าว ไปถึงเบื้องต้น แห่งปฐมบรมพุทธเจ้า
พระบรมศาสดา ยังมองได้เพียงพระทีปังกร

แต่คนพวกนั้น สามารถแต่งนิยาย แต่งเรื่อง แต่งชื่อมาได้
พระปฐมพุทธเจ้ามาได้ 

นายแน่มาก



คุณมีความรู้คุณแค่หางอึ่ง  ทะลึ่งเอามาแสดง แล้วไปยัดใส่พระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า  เลวจริงๆ  สมเป็นมารเลย

พระพุทธเจ้าหาจุดเบื้องต้นของสังสารวัฎได้  แต่สอนให้เถรวาทเพียงว่า จุดเบื้องต้นนั้นเราเป็นจิตปภัสสร  แต่ต่อมาหลงในอวิชชา จึงทำให้เกิดปฏิจจสมุปบาท เกิดภพเกิดชาติขึ้น

พระพุทธเจ้าหาจุดเบื้องต้นของสังสารวัฎได้  จึงสอนให้ทางมหายานถึงเรื่องก่อนเกิดสังสารวัฏในเรื่องอาทิพุทธ พระไวโรจนพุทธเจ้า ฯลฯ
104  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: อมตะและไม่ทุกข์=อัตตาจริง หรือนิพพาน ไม่อมตะและทุกข์=อัตตาเก๊ เมื่อ: 15 ธันวาคม 2553 17:10:11
armageddon เขียน:

ไปหาหัวข้อ อัตตาลักขณะสูตร มายืนยันก่อน

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น



อัตตาในคำนิยามที่พระพุทธเจ้าได้ให้ไว้ในอนัตตลักขณะสูตร

ในอนัตตลักขณสูตร พระพุทธองค์ให้นิยามคำว่า "อัตตา" ไว้ชัดเจน

" ดูกรภิกษุทั้งหลาย....

ถ้ารูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) นี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) นี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในรูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ว่า รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย "

สรุป

ถ้ามีรูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ใด ที่ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสิ่งนั้นว่า ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถิด อย่าเป็นอย่างนี้เลย สิ่งนั้นก็เป็น "อัตตา"

และพระพุทธองค์ยังตรัสถามพระปัญจวัคคีย์ เพื่อสอบความเข้าใจด้วยว่า :

ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

ป. ข้อนั้น ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

ตอนนี้เราจะถามท่านWangJai และท่านarmageddon ที่มีตัวเดียว แต่แปลงเป็น 2 ตัว ว่า:

ก็สิ่งใดเที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

ท่านมาร 2 ตัว ที่เป็นตัวเดียว  ต้องตอบว่า : ข้อนั้น ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า

เมื่อไรที่ท่านมาร 2 ตัว ที่เป็นตัวเดียว  ตอบได้ดังนี้ ท่านก็พบและเข้าใจ อัตตาที่พระพุทธเจ้าให้นิยามไว้ในอนัตตลักขณะสูตร


 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

ตอบว่า
แหกตาดูซะก่อนครับ
อนัตตลักขณะสูตร
พูดเรื่อง ขันธ์

ถ้าขันธ์ทั้งหลายเที่ยง ก็สิ่งใดเที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา

นั่นเรียกว่า ปัญญาอ่อน



อย่าด่าตัวเองว่า  ปัญญาอ่อนเลย  จริงๆคุณเป็นพวกฉลาดน้อย และแกล้งโง่ต่างหาก


อนัตตลักขณสูตร พูดเรื่องขันธ์ 5 ที่ไม่เที่ยง ทุกข์ แปรปรวน  และก็พูดถึงเรื่องขันธ์อีกประเภทหนึ่งซึ่งเที่ยง ไมทุกข์ ไม่แปรปรวนด้วย

ต้องฝึกให้ได้ถึงขั้นเห็นขันธ์ 5 เป็นอนัตตา  แล้วจะเห็นว่า ธรรมขันธ์ หรือธรรมกาย ที่เป็นอายตนะนิพพาน นั้นเป็นอัตตาที่เที่ยง ไมทุกข์ ไม่แปรปรวน

แกล้งโง่ต่อไปนะ  หรือว่าคุณเป็นบัวใต้น้ำลึกสุดวะนี้  จึงไม่มีทางเห็นธรรมจริงๆวะนี่

สมเด็จพระสังฆราช อริยวงศาคตญาณ (แพ ติสูรเทโว)


" สัตว์โลกยังมีอวิชชาจะเข้าใจว่าขันธ์ ๕ เป็นอัตตา เว้นเมื่อเข้าถึงอสังขตธาตุได้ความบริสุทธ์เป็นนิพพาน จะเข้าใจว่า ขันธ์ ๕ เป็นอนัตตาทันที แล้วจะเห็นว่าพระนิพพานเป็นอัตตา "
105  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / พระปัจเจกพุทธเจ้าที่เป็น พระพุทธเจ้าองค์ปฐม คือ อาทิพุทธ เมื่อ: 12 ธันวาคม 2553 22:20:24
พระปัจเจกพุทธเจ้าที่เป็น พระพุทธเจ้าองค์ปฐม คือ อาทิพุทธ


อ้างจาก: วิถีคนจร;4140447
ฉนั้น ปัจเจกพุทธเจ้าองค์แรก กับ พระพุทธเจ้าองค์แรก คนละเรื่องกัน

 
เห็นจะไม่ใช่ครับ...

พระพุทธเจ้า = พระธรรม พระธรรมมีแค่หนึ่งเดียว เป็นพุทธะ หรือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แต่พระธรรมนี้สามารถนิรมิตพระพุทธเจ้าๆได้มากมาย

พระปัจเจกพุทธเจ้า = พระธรรม หรือ พุทธะ แต่มิได้สอนให้ผู้อื่นรู้ตาม

พระพุทธเจ้าที่เป็นมนุษย์ = พระธรรม หรือ พุทธะ ที่เที่ยวสั่งสอนชาวโลกให้รู้ตาม จึงเรียกว่า "ตถาคต" หรือผู้ชี้ทาง เพื่อประโยชน์แก่ชาวโลก

ฉนั้น ปัจเจกพุทธเจ้าองค์แรก กับ พระพุทธเจ้าองค์แรก จึงเป็นคนละเรื่องกัน ในเรื่องที่เกี่ยวกับการชี้ทางสั่งสอนชาวโลกให้รู้ตามตน หรือไม่สั่งสอนเท่านั้น

แต่ปัจเจกพุทธเจ้าองค์แรก กับ พระพุทธเจ้าองค์แรก เป็นเรื่องเดียวกัน เพราะพระองค์คือ พระธรรม หรือพุทธะ ถ้าปัจเจกพุทธเจ้าองค์นั้นเป็นองค์แรก = ท่านก็เป็นพระพุทธเจ้าองค์แรก หรือองค์ปฐม

พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์เป็นองค์แรก และเป็นพระพุทธเจ้าองค์แรก หรือองค์ปฐม มีรายเดียวเท่านั้น คือ อาทิพุทธ หรือ พระวิสุทธิพุทธรังสี พระบรมบิดา เพราะว่าท่านไม่ใช่มนุษย์ และไม่ใช่สัมโภคกาย แต่ท่านเป็นพระธรรม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ใด หรือเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ล้วนเป็นการสำแดงออกของอาทิพุทธ

 อาทิพุทธ ทรงเป็นปฐมกำเนิดของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ที่ปรากฏในโลกนี้และในพุทธเกษตรต่างๆ ไม่ว่าในเวลานี้ และในเวลาต่อไปด้วย
106  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เจาะลึกสุดๆเรื่อง"สมเด็จองค์ปฐม"(หาอ่านที่ไหนก็ไม่ได้) เมื่อ: 11 ธันวาคม 2553 11:09:35


คุณเอกอิสโร เขียนว่า:  อยากให้ลองอ่าน คัมภีร์ ปฐมมูล ทุกตัวอักษร ทุกบรรทัดใหม่นะครับ การสร้างบารมี ไม่ใช่ว่า จะอยู่ในสมัยที่มีพระพุทธเจ้า เท่านั้นการทำความดี ก็คือ การสร้างบารมี


ผมบอกว่า...พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามประวัติพระองค์ไม่เคยสร้างพระบารมีมาก่อน

แต่คุณบอกว่า อยากให้ลองอ่าน คัมภีร์ ปฐมมูล ทุกตัวอักษร ทุกบรรทัดใหม่นะครับ การสร้างบารมี ไม่ใช่ว่า จะอยู่ในสมัยที่มีพระพุทธเจ้า เท่านั้นการทำความดี ก็คือ การสร้างบารมี

ตอบ

ใครๆมันก็รู้ครับว่า การทำความดี ก็คือ การสร้างบารมี แต่มนุษย์ ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ อย่างน้อยต้องหลายอสงไขยและหลายกัป ผมว่า ผมก็หาดูอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบว่าพระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า มีการสร้างพระบารมีมาก่อนเป็นอสงไขยหรือเป็นกัป นอกจากการสร้างบารมีในชาตินั้นชาติเดียว นั่นก็คือ ท่านไม่ใช่มนุษย์แน่นอน

...


Bloggang.com : นภัทรษร :

23 ส.ค. 2010 ... พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐม ... ประทับตรัสรู้อยู่ใต้ต้นไม้ 25 ต้น ๆ ละ 200 ปี เพราะพระองค์ไม่เคยสร้างพระบารมี ...
www.bloggang.com/viewdiary.php?id=siamniramis&group=6 - แคช

บทความ พระพุทธเจ้าองค์แรก พระปฐมพุทธเจ้า

พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐม ... และ พระปฐมสาวกทุกองค์ในศาสนาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็จะทูลถาม พุทธประวัติ ของ ... และพระองค์ไม่เคยได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์อื่นใดมาก่อนเลย ... 25 ต้น ๆ ละ 200 ปี เพราะพระองค์ไม่เคยสร้างพระบารมี และ ..... ก็อาจจะไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าตามที่ตั้งใจไว้ ...
atcloud.com/stories/77787 - แคช

พระพุทธเจ้าองค์แรก พระปฐมพุทธเจ้า(หน้า 1) - Mysterious - Mythland ...

17 โพสต์ - 14 ผู้เขียน - โพสต์ครั้งล่าสุด: 17 ส.ค.
พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐม ... พุทธประวัติ ของ " พระพุทธเจ้าองค์ปฐม" ... และพระองค์ไม่เคยได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์อื่นใดมาก่อนเลย เพราะยังไม่มี ... 25 ต้น ๆ ละ 200 ปี เพราะพระองค์ไม่เคยสร้างพระบารมี และ .... จากโลกอื่นตอนสมัยที่ท่าน ตามหาบาตรของพระพุทธเจ้า ...
www.mythland.org/v3/archiver/tid-2266.html
107  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เจาะลึกสุดๆเรื่อง"สมเด็จองค์ปฐม"(หาอ่านที่ไหนก็ไม่ได้) เมื่อ: 11 ธันวาคม 2553 00:58:26
คุณเอกอิสโร กล่าวว่า:

 1.ไม่มีตรงไหน ที่ระบุว่า

"พระพุทธเจ้าติกขคัมมสมฺมาสมฺพุทธํ"
ไม่ได้เป็นมนุษย์


 2.เกิดมนุษย์คู่แรกมา จนเกิดวัฏฏสงสาร
ก็มี พระพุทธเจ้าติกขคัมมสมฺมาสมฺพุทธํ พระองค์นี้เป็น
พระองค์แรก ไม่มีพระองค์อื่น มาตรัสก่อนเลย

ตอบ

พระพุทธเจ้าตรัสสอนไปทางเถรวาทว่า พระพุทธเจ้าในอดีต 27 พระองค์ แต่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไปทางมหายานว่า พระพุทธเจ้าในอดีต มีมากมายยิ่งนัก จนถึงกับมีคำพูดที่ได้ยินกันอยู่เป็นประจำว่า มีมากกว่าเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้ง ๔

พวกเราเป็นมนุษย์และอยู่ในเถรวาท ซึ่งพระพุทธองค์พยายามไม่กล่าวถึงเรื่องที่อยู่นอกเหนือจากการรับรู้โดยขันธ์ 5 ของมนุษย์ หรือกล่าวถึงให้น้อยที่สุด ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าในอดีต 27 พระองค์ และพระพุทธเจ้าในอนาคต อีก ๑๐ พระองค์ จึงเป็นมนุษย์ทั้งหมด แต่อาจจะไม่อยู่ในโลกมนุษย์ในมิตินี้

ส่วนพระพุทธเจ้าในอดีต มีมากมายยิ่งนัก มีมากกว่าเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้ง ๔

เราผู้เป็นมนุษย์ย่อมรู้ว่า จำนวนของพระพุทธเจ้าในอดีตที่ต่างกันระหว่างเถรวาทกับมหายาน ส่วนที่ต่างกันนั้น ล้วนเป็นพระพุทธเจ้าที่เป็นสัมโภคกาย

สรุปก็คือ

1. คุณต้องคิดเป็นครับ และต้องมีความรู้ทางเถรวาทและมหายาน ถ้าคิดไม่เป็น ไม่มีความรู้ในทั้ง 2 นิกาย ย่อมตีความไม่ออก เพราะผมบอกแล้วว่า มารนั้นสิงใจสงฆ์ที่ไม่บรรลุธรรมของเถรวาท ให้ตัดข้อความทุกข้อความ ที่จะอิงไปเรื่องที่ไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้น

จึงไม่มีตรงไหน ที่ระบุว่า

"พระพุทธเจ้าติกขคัมมสมฺมาสมฺพุทธํ"ไม่ได้เป็นมนุษย์

คิดซิครับ....คิด ถ้ายังคิดไม่ออก ก็ดูหลักฐานในข้อต่อไปนะครับ

 
2. ถ้าพระพุทธเจ้าติกขคัมมสมฺมาสมฺพุทธํ พระองค์นี้เป็น
พระองค์แรก แล้วพระพุทธสิกขีที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำพูดถึงไปไหนกันล่ะ
คิดซิครับ....คิด

 พระพุทธสิกขีอายุของ มีอายุขัยประมาณ 8 หมื่นปี

- พระองค์เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์เพื่อพระชนมายุได้ 4 หมื่นปี
- หลังจากทรงผนวชแล้วเป็นเวลาอีก 2 หมื่นปี จึงได้ทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์แรกของโลก
- พระองค์ทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์อีกประมาณ 2 หมื่นปี จึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน

ในคัมภีร์ปฐมมูล "พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า " พระองค์มีพระชนม์มายุ 100,000 ปี แล้วจึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน

หลักฐานเรื่องอายุของพระพุทธสิกขี(8 หมื่นปี) และพระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า (100,000 ปี) ก็ชี้ว่าทั้ง 2 พระองค์เป็นคนละองค์กัน

หลักฐานอีกชิ้นหนึ่ง...พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามประวัติพระองค์ไม่เคยสร้างพระบารมีมาก่อน และท่านเป็นผู้กำหนดว่า ต่อไปภายภาคหน้า ตระกูลของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ซึ่งจะมาตรัสรู้ต่อจากพระองค์ จะมี 3 ตระกูล คือ

1. ปัญญาธิกะ
2. สัทธาธิกะ
3. วิริยาธิกะ

ในขณะที่ พระพุทธสิกขี หลวงพ่อฤาษีฯบอกว่า ท่านต้องบำเพ็ญบารมี 16 อสงไขย ฉัน 40 อสงไขยกว่า เพราะไม่มีตัวอย่าง

แล้วผู้ใดล่ะที่ไม่ต้องบำเพ็ญบารมีมาก่อน มาแล้วบำเพ็ญในชาตินั้น และก็ได้ไปพระพุทธเจ้า ไม่ใช่มนุษย์แน่ มีแต่เหล่าธยานิพุทธที่เป็นสัมโภคกายเท่านั้น คิดซิครับ....คิด
108  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เจาะลึกสุดๆเรื่อง"สมเด็จองค์ปฐม"(หาอ่านที่ไหนก็ไม่ได้) เมื่อ: 10 ธันวาคม 2553 12:04:50


หาข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือมายืนยันไม่ได้ก็หุบปากเงียบไว้เถอะ

อยากบอกจนหลุมถ่านเพลิง เผาตัวเอง  หัวเราะลั่น

ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือมายืนยัน มาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระองค์ทรงสอนไปทางเถรวาท พยายามไม่กล่าวถึงเรื่องที่อยู่นอกเหนือจากการรับรู้โดยขันธ์ 5 ของมนุษย์  หรือกล่าวถึงให้น้อยที่สุด  แม้ว่าน้อยที่สุดแล้ว  ยังโดนพวกมารขัดขวางไม่ให้รู้อีก  โดยพยามตัดข้อความเหล่านั้นทิ้งไปจากพระไตรปิฎก  แต่ผู้บรรลุธรรมในเถรวาท ท่านรับรู้แล้วก็เอามาเปิดเผย เช่น หลวงปู่ตื้อ เปิดเผยเรื่องพระโมคคัลลานะหลงจักรวาล

ผมก็เหมือนกัน เปิดเผยให้หมด เหมือนหลายร้อยเรื่องที่ผมเคยนำเสนอ

โชคดีที่เรามีศาสนาพุทธมหายานอยู่  ไม่ขึ้นอยู่กับการบงการของฝ่ายเถรวาท  ไม่งั้นมารที่สิงใจคณะสงฆ์ฝ่ายเถรวาทก็จะทำการลบข้อความเหล่านั้นออกหมดอีก

พระพุทธเจ้าเปิดเผยไปทางศาสนาพุทธมหายานว่า:

กายของพระพุทธเจ้าต่างๆมี 3 กาย

1. กายมนุษย์
2. กายทิพย์ สัมโภคกาย ที่เป็นอมตะนิรันดร
3. กายธรรม หรือธรรมกาย เป็นอมตะนิรันดรด้วย และเป็นผู้สร้างกายมนุษย์และกายทิพย์สัมโภคกาย

สมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ปฐม

พระพุทธองค์ตรัสไว้ในคัมภีร์ปฐมมูลของเถรวาทว่า องค์ปฐมที่เป็นมนุษย์ คือ พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า  อย่างไรก็ตาม พระพุทธองค์ก็บอกชื่อบรรดาพระพุทธเจ้าที่เกิดมาเป็นมนุษย์ด้วย ซึ่งไม่มีรายชือของพระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า  จึงสามารถพูดได้เต็มปากว่า พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่มนุษย์แน่นอน

เมื่อพระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่มนุษย์  ท่านก็ต้องเป็นกายทิพย์ สัมโภคกาย  

คราวนี้ในคัมภีร์มหายานบอกว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมที่เป็นสัมโภคกาย คือ พระไวโรจนพุทธเจ้า  แล้วพระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมาจากไหนล่ะ  ถ้าไม่ใช่องค์เดียวกัน

"สมเด็จองค์ปฐม" ที่มีชื่อว่า พระพุทธสิกขี หลวงพ่อฤาษีลิงดำกล่าวว่า  ได้ทรงอุบัติในโลกมนุษย์ ซึ่งขณะนั้นคนมีอายุไข ประมาณ 8 หมื่นปี พระพุทธองค์ทรงผนวช ออกมหาภิเนษกรมณ์ เมื่อพระชนมายุได้ 4 หมื่นปี หลังจากผนวชได้ 2 หมื่นปี จึงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้ เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์แรกของโลก พระพุทธองค์ทรงโปรดเวไนยสัตว์ ประมาณ 2 หมื่นปี จึงได้เสด็จดับขันธปรินิพาน

พระพุทธสิกขี จึงเป็นมนุษย์

ส่วน"สมเด็จองค์ปฐม" ที่เป็นธรรมกายต้นกำเนิด หรือเป็นพุทธภาวะ คือ อาทิพุทธ องค์นี้ไม่ได้เป็นมนุษย์ และก็ไม่ได้เป็นสัมโภคกาย

อาทิพุทธที่เป็นธรรมกายองค์นี้แหละ คือ พระวิสุทธิพุทธรังษี พระบรมบิดา  ชาวโลกเรียกว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า หรือพระบิดา  ใครจะเรียกว่าอะไรก็เรียกเอาเถอะ จะเรียกว่า เต๋า อัลเลาะห์ ปรมาตมัน ยะโฮวา ฯลฯ ท่านก็เรียกไป  

ผมมีหน้าที่เปิดเผยความจริงทางศาสนา  ให้ทุกคน ทุกชาติ ทุกศาสนารู้เท่านั้น  ส่วนใครจะเบ่งว่า สิ่งสูงสุดของท่านเหนือกว่าของศาสนาอื่น ก็เบ่งกันเข้าไป จากมิจฉาทิฏฐิในใจของท่าน

สรุป

"สมเด็จองค์ปฐม" ที่เป็นมนุษย์ = พระพุทธสิกขี พระพุทธสิกขีเป็นมนุษย์  ยืนยันจากปากของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

"สมเด็จองค์ปฐม" ที่เป็นสัมโภคกาย = พระไวโรจนพุทธเจ้า(คัมภีร์มหายาน) หรือ พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า(คัมภีร์เถรวาท) ท่านเป็นสัมโภคกาย ยืนยันจากปากขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

"สมเด็จองค์ปฐม" ที่เป็นเป็นธรรมกาย คือ อาทิพุทธ หรือ พระวิสุทธิพุทธรังษี พระบรมบิดา  หรือ เต๋า อัลเลาะห์ ปรมาตมัน ยะโฮวา ฯลฯ  อ่านหลักฐานเพิ่มเติมจาก พระพุทธโอวาทองค์พระบรมธรรมบิดา พระวิสุทธิพุทธรังษี ผู้เป็นใหญ่ในแดนนิพพาน  ผมยกมาให้เลยแล้วกัน

จิต เป็นต้นกำเนิดของสรรพสัตว์ทั้ง 3 โลก อริยธรรมคือ จิตโลกียธรรมคือ ร่างกาย จำเอาไว้ แยกจิตออก
จากร่างกายได้ก็ไปนิพพาน ร่างกาย ทุกอย่างที่ตามองเห็น คือรูป แตกสลายกลายเป็นความว่าง จิตเป็น
รัตนะดวงแก้วแววสดใส องค์พระบรมธรรมบิดาโปรดประทานให้ลูกเก็บรักษาเป็นจิตพุทธะ รู้ชัดแจ้งแห่ง
ปัญญา องค์พระบรมธรรมบิดาโปรดประทานพลังแสงทิพย์นำจิตทิพย์ลูกรักกลับนิพพาน

ในความว่าง ไม่ว่างเปล่า มีจิตองค์พระบรมธรรมบิดาเจ้า พระผู้สร้างสุริยะจักรวาลทั้ง 3 โลก คือ
ศูนย์พลังธรรมชาติ
ทุกศาสนาได้กำหนดหมายถวายพระนาม ต่างๆ นาๆ คือ
องค์พระผู้เป็นเจ้า (GOD) , พระอนุตตรธรรมมารดาองค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา , องค์สมเด็จพระปฐมพุทธะองค์สมเด็จ พระธรรมบิดา , องค์สมเด็จพระทรงปราบมารหรือท่านพ่อเกิดแม่เกิด ทั้ง 3 ภพ ทั่วทิศ
109  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เจาะลึกสุดๆเรื่อง"สมเด็จองค์ปฐม"(หาอ่านที่ไหนก็ไม่ได้) เมื่อ: 07 ธันวาคม 2553 01:17:11
มารจะพูดอะไรก็พูดไป  ถ้าถามคำถามธรรม  เราจะตอบ

ผู้ก่อตั้งเวบฯที่นี่ก็ติดไวรัสมารอีกคนหรือนี่
110  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: อมตะและไม่ทุกข์=อัตตาจริง หรือนิพพาน ไม่อมตะและทุกข์=อัตตาเก๊ เมื่อ: 07 ธันวาคม 2553 01:12:35
armageddon เขียน:

ไปหาหัวข้อ อัตตาลักขณะสูตร มายืนยันก่อน

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น



อัตตาในคำนิยามที่พระพุทธเจ้าได้ให้ไว้ในอนัตตลักขณะสูตร

ในอนัตตลักขณสูตร พระพุทธองค์ให้นิยามคำว่า "อัตตา" ไว้ชัดเจน

" ดูกรภิกษุทั้งหลาย....

ถ้ารูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) นี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) นี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในรูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ว่า รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย "

สรุป

ถ้ามีรูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ใด ที่ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสิ่งนั้นว่า ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถิด อย่าเป็นอย่างนี้เลย สิ่งนั้นก็เป็น "อัตตา"

และพระพุทธองค์ยังตรัสถามพระปัญจวัคคีย์ เพื่อสอบความเข้าใจด้วยว่า :

ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

ป. ข้อนั้น ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.

ตอนนี้เราจะถามท่านWangJai และท่านarmageddon ที่มีตัวเดียว แต่แปลงเป็น 2 ตัว ว่า:

ก็สิ่งใดเที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

ท่านมาร 2 ตัว ที่เป็นตัวเดียว  ต้องตอบว่า : ข้อนั้น ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า

เมื่อไรที่ท่านมาร 2 ตัว ที่เป็นตัวเดียว  ตอบได้ดังนี้ ท่านก็พบและเข้าใจ อัตตาที่พระพุทธเจ้าให้นิยามไว้ในอนัตตลักขณะสูตร
111  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / เจาะลึกสุดๆเรื่อง"สมเด็จองค์ปฐม"(หาอ่านที่ไหนก็ไม่ได้) เมื่อ: 06 ธันวาคม 2553 13:44:24
หลวงพ่อฤาษีลิงดำ กล่าวถึง "สมเด็จองค์ปฐม" มีชื่อว่า พระพุทธสิกขี   แต่ในคัมภีร์ปฐมมูล ที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันทรงตรัสแสดงแก่ " พระอัญญาโกณฑัญญะ"  พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า  พระพุทธเจ้าองค์แรก ใน พระพุทธศาสนา ที่ตรัสรู้ก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ทรงพระนามว่า "พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า"

ส่วนในศาสนาพุทธมหายานระบุว่า อาทิพุทธะ เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐมบ้าง  พระไวโรจนพุทธเจ้า  เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐมบ้าง

แล้วตกลงใครล่ะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐมกันแน่?.... เรื่องนี้ถ้าผมเงียบไว้  ไม่เปิดเผยก็คงไม่ได้แน่ 

"สมเด็จองค์ปฐม" ที่เป็นมนุษย์ แต่ไม่ได้อยู่ในโลกธาตุใบนี้  อยู่ในโลกธาตุใบอื่น(โลกมนุษย์ใบอื่น)มีชื่อว่า พระพุทธสิกขี

"สมเด็จองค์ปฐม" ที่เป็นมนุษย์ และอยู่ในโลกธาตุ หรือโลกมนุษย์ ใบที่พวกเราอยู่นี้  มีชื่อว่า โคตมะพุทธเจ้า

"สมเด็จองค์ปฐม" ที่เป็นสัมโภคกาย กายทิพย์ที่เกิดจากพระธรรม(ธรรมกาย) พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ในคัมภีร์มหายาน คือ พระไวโรจนพุทธเจ้า

"สมเด็จองค์ปฐม" ที่เป็นสัมโภคกาย  กายทิพย์ที่เกิดจากพระธรรม(ธรรมกาย)  พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ในพระไตรปิฎกเถรวาท  คือ พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า  แต่เพราะคณะสงฆถรวาทผู้เรืองอำนาจในอดีต โดนมารครอบงำ  พวกมารจึงได้ตัดเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าที่ไม่ใช่มนุษย์ออกหมด

"สมเด็จองค์ปฐม" ที่เป็นธรรมกายต้นกำเนิด หรือเป็นพุทธภาวะ คือ อาทิพุทธ องค์นี้ไม่ได้เป็นมนุษย์ และก็ไม่ได้เป็นสัมโภคกาย

แล้วพระวิสุทธิพุทธรังษี พระบรมบิดาล่ะเป็นใคร  ตอบ...  ท่านก็คือ อาทิพุทธ น่ะซิ
112  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / อมตะและไม่ทุกข์=อัตตาจริง หรือนิพพาน ไม่อมตะและทุกข์=อัตตาเก๊ เมื่อ: 06 ธันวาคม 2553 11:07:23
อมตะและไม่ทุกข์=อัตตาจริง หรือนิพพาน ไม่อมตะและทุกข์=อัตตาเก๊



armageddon เขียน:

ยังเถียงกันไม่เสร็จ  ว่าจะสร้างกระไดอย่างไร

แล้วคำพูดไหน ที่หลวงตาพูดว่า นิพพาน เป็นอัตตา?  ไม่เห็นมีสักประโยค

เห็นมีแต่พูดว่า

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา



phonsak ยกคำพูดของหลวงตามหาบัวมา:


ปีที่ 2 ฉบับที่ 590 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 แรม 3 ค่ำ ...

พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”



armageddon เขียน:


555+ ยังไงๆๆ  ก็ยังไม่ชัดอยู่ดี

ไม่น่าจะ ..

ไม่แน่ว่าจะ ..
อาจจะ ..
แบบนี้ หรือชัด

แต่ที่แน่ๆๆ
ชัดๆ ก็คือ

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา



phonsakเขียน:

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา

"อัตตา" ที่หลวงตามหาบัวพูดถึง ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา” = อัตตานุทิฏฐิ หรืออุปทาน สิ่งนี้เป็นความเข้าใจผิดของมนุษย์ทั่วโลกว่ามันเป็นอัตตา

ส่วนที่หลวงตามหาบัวพูดว่า  พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ หลวงตามหาบัวพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด = อัตตาแท้ที่ระบุในอนัตตลักขณะสูตรว่า เป็นสิ่งที่เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา

อย่าแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจเลยคุณarmageddon  

สรุป


"อัตตา" ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา” = อัตตานุทิฏฐิ หรืออุปทาน  อัตตาตัวนี้เป็นความเข้าใจผิดของมนุษย์ว่า ขันธ์ 5 หรือร่างกายของเรามีตัวตน  พระพุทธองค์จึงเปลี่ยนเรียกชื่อ "อัตตา" ที่เป็นอัตตานุทิฏฐิ ว่า  "อนัตตา"

ส่วน "อัตตา" ที่พระพุทธองค์ให้นิยามไว้ในอนัตตลักขณะสูตร = สิ่งที่เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา

พูดง่ายๆ

-  สิ่งที่ไม่เป็นอมตะ  ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย = อนัตตา หรือ "อัตตา"เก๊ = อัตตานุทิฏฐิ  

-  สิ่งที่เป็นอมตะ  ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย =  "อัตตา" ที่พระพุทธเจ้าพูดถึงในอนัตตลักขณะสูตร
113  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า? เมื่อ: 06 ธันวาคม 2553 11:00:38



armageddon เขียน:

ยังเถียงกันไม่เสร็จ  ว่าจะสร้างกระไดอย่างไร

แล้วคำพูดไหน ที่หลวงตาพูดว่า นิพพาน เป็นอัตตา?  ไม่เห็นมีสักประโยค

เห็นมีแต่พูดว่า

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา



phonsak ยกคำพูดของหลวงตามหาบัวมา:


ปีที่ 2 ฉบับที่ 590 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 แรม 3 ค่ำ ...

พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”



armageddon เขียน:


555+ ยังไงๆๆ  ก็ยังไม่ชัดอยู่ดี

ไม่น่าจะ ..

ไม่แน่ว่าจะ ..
อาจจะ ..
แบบนี้ หรือชัด

แต่ที่แน่ๆๆ
ชัดๆ ก็คือ

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา



phonsakเขียน:

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา

"อัตตา" ที่หลวงตามหาบัวพูดถึง ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา” = อัตตานุทิฏฐิ หรืออุปทาน

ส่วนที่หลวงตามหาบัวพูดว่า  พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ หลวงตามหาบัวพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด = อัตตาแท้ที่ระบุในอนัตตลักขณะสูตรว่า เป็นสิ่งที่เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา

อย่าแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจเลยคุณarmageddon   

สรุป


"อัตตา" ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา” = อัตตานุทิฏฐิ หรืออุปทาน  อัตตาตัวนี้เป็นความเข้าใจผิดของมนุษย์ว่า ขันธ์ 5 หรือร่างกายของเรามีตัวตน  พระพุทธองค์จึงเปลี่ยนเรียกชื่อ "อัตตา" ที่เป็นอัตตานุทิฏฐิ ว่า  "อนัตตา"

ส่วน "อัตตา" ที่พระพุทธองค์ให้นิยามไว้ในอนัตตลักขณะสูตร = สิ่งที่เที่ยง ไม่ทุกข์ ไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา

พูดง่ายๆ

-  สิ่งที่ไม่เป็นอมตะ  ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย = อนัตตา หรือ "อัตตา"เก๊ = อัตตานุทิฏฐิ 

-  สิ่งที่เป็นอมตะ  ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย =  "อัตตา" ที่พระพุทธเจ้าพูดถึงในอนัตตลักขณะสูตร
114  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า? เมื่อ: 04 ธันวาคม 2553 23:54:14
[quote author=armageddon

เออนะ  เห็นคุณหนู phonsak ประกาศชัด
ว่ามาเพื่อทำลายระบบเถรวาท

[/quote]

นายarmageddon ตัดต่อคำพูดของผมเสียแล้ว  คุณนี่สมเป็นมารจริงๆ   

ผมมาเพื่อทำลายศาสนาพุทธเถรวาทของมาร  ที่เป็นสัทธรรมปฏิรูป  เป็นของปลอมที่มารสร้างขึ้นเพื่อบิดเบือนพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า  ให้เฉไปในทางอื่น
115  สุขใจในธรรม / สมถภาวนา - อภิญญาจิต / Re: พระศรีอริยะเมตตรัย จะบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณประมาณปีพศ. 7250 เมื่อ: 04 ธันวาคม 2553 23:13:44
คุณWangJai ครับ


เราพลศักดิ์ เป็นผู้มีปัญญาและมองเห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ เราเห็นพวกเธอนอนอยู่ในหลุมถ่านเพลิงแห่งความอยากรู้อยากเห็นในพุทธพจน์ของแท้แห่งตถาคตองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  แต่พวกเธอโดนมารปิดกั้นความรู้ในพุทธพจน์

เราเห็นพวกเธอหมดปัญญาเอาชนะเหล่ามารพวกนี้   เราจึงมาดับหลุมถ่านเพลิงแห่งความอยากรู้อยากเห็นของพวกเธอในพุทธพจน์ของแท้แห่งตถาคตองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และของเหล่าพระอรหันต์ต่างๆ

เราเขียนกระทู้มาเป็นร้อยเป็นพันกระทู้  มารหมดทางปราบเราได้แล้ว  ไล่เราออกจากเว็บไหนๆ  เราก็เข้าไปได้ใหม่เสมอ  แต่เราเห็นว่าความรู้ของเราสมควรเปิดกว้างไปในเว็บต่างๆให้ถ้วนทั่ว  เราจึงเลือกเข้าไปเล่นในเว็บเหล่านั้น

มารมาเจรจากับเรา  มาเปิดเว็บให้เราฟรี  เราไม่หลงกลมารหรอก

5555555
116  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า? เมื่อ: 03 ธันวาคม 2553 15:32:51
ว่างๆ สองท่านไปนั่งสนทนาธรรมกันดีไหมคับ  อิอิ

พุทธะ ต้องการเผยแพร่พุทธศาสนา
มาร ต้องการทำลายพุทธศาสนา

พุทธะ จึงต้องสู้กับ มาร ตลอดเวลา  แล้วผมก็ไม่มีนโยบายเจรจาอะไรกับมาร  เดี๋ยวหลงกลมัน  ผมมาเพื่อชนมารสถานเดียว
117  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: หลวงตาพระมหาบัว: อย่าเอากระไดมาเปรียบเทียบกับบ้าน หมายความว่า? เมื่อ: 03 ธันวาคม 2553 15:28:51
ยังเถียงกันไม่เสร็จ  ว่าจะสร้างกระไดอย่างไร

แล้วคำพูดไหน ที่หลวงตาพูดว่า นิพพาน เป็นอัตตา?  ไม่เห็นมีสักประโยค

เห็นมีแต่พูดว่า

นิพพานมีหนึ่งเท่านั้นไม่เคยมีสอง ไม่มีสองกับอัตตา ไม่มีสามกับอนัตตา


ปีที่ 2 ฉบับที่ 590 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 แรม 3 ค่ำ ...

พระนิพพาน เป็นอัตตา ไม่สูญ “หลวงตามหาบัว” พระนักปฏิบัติพูดชัด เป็นอัตตาไม่น่าจะผิด แต่ไม่ได้หมายถึง “อัตตา” ที่เป็นคู่กับ “อนัตตา”
118  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: หลวงปู่โต๊ะ เจอ พระโพธิสัตว์กวนอิม เมื่อ: 03 ธันวาคม 2553 15:06:26
อ้างจาก: Mckaforce

คุณจิม โจนส์ เอ๊ย คุณ phonsak ครับ ที่เล่ามาคุ้น ๆ ทั้งนั้นเลย

เพราะผมก็เคยได้ยินว่าคุณเล่นเมเนเจอจนเป็นที่เอือมระอา แถมเรื่องเวบพลังจิตก็คุ้น ๆ เหมือนคุณโดนแบน

เวรกรรมแท้ ๆ ขว้างงูไม่พ้นคอเลย คำพูดตัวเองกลายเป็นบ่วงรัดคอตัวเองแท้ ๆ


เว็บเมเนเจอร์  มารตัวนี้แหละคุมอยู่  ใช้ชื่อว่า เสี่ยวอีสาน  เว็บพลังจิต ก็มารตัวนี้เหมือนกันคุมอยู่  ใช้ชื่อว่าเอกวีร์   มรฃารตังนี้เก่งด้านคอมพิวเตอร์  คนเลยจ้างมันให้เข้าไปsetระบบให้  มันเลยคิดว่า มันเป็นพระเจ้าของเว็บ

ผมน่ะถูกไล่ออกจากเว็บต่างๆมากมาย  เพราะมารตัวนี้  เป็นคนตั้งระบบให้เว็บธรรมะต่างๆมากมาย  จึงกว้างขวางในเว็บศาสนา  ข้อหาผมมีข้อหาเดียว คือ ข้อหาเสนอแต่พุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า ที่คนหรือพระทั่วไปตีความไม่ได้  มารตัวนี้ได้รับคำสั่งมาจากพญามารแม่ของมัน ให้ทำทุกวิถีทางเพื่อขจัดผมให้ไม่ได้

แต่เว็บศาสนามันเยอะเหลือเกิน  มันทำอย่างไรก็ขจัดผมไม่ได้สักที 
119  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: หลวงปู่โต๊ะ เจอ พระโพธิสัตว์กวนอิม เมื่อ: 02 ธันวาคม 2553 14:53:11
phonsak <<< จิม โจนส์

55555555555555555+

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

Mckaforce นี่ตาถั่วจริงๆ  ผู้เข้าถึงความเป็นพุทธะอยู่ตรงหน้า  เธอกลับบอกว่าเป็น "จิม โจนส์"   จอมมารarmageddonมาราวีเว็บของเธอ  เธอกลับ "สาธุ"

เราจะบอกเธอนะ  จอมมารarmageddon เคยทำเว็บเมเนเจอร์ให้กลายเป็นเว็บมารมาแล้ว  จนคนที่เข้ามาหาธรรม...หนีหมด   ตอนหลังเข้าไปอยู่ในเว็บพลังจิต  คนก็ไม่อยากเข้าไปหาธรรมในเว็บนั้นหาธรรมอีก
120  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: หลวงปู่โต๊ะ เจอ พระโพธิสัตว์กวนอิม เมื่อ: 02 ธันวาคม 2553 14:31:35
ผม(นายพลศักดิ์ วังวิวัฒน์)ก็เคยเจอเจ้าแม่กวนอิม


ผมเคยเจอเจ้าแม่กวนอิมทั้งในนิมิต(ท่านเดินออกมาจากดวงแสงรูปวงรี) และเจออวตารของท่านที่ลงมาในโลกมนุษย์ด้วยที่โลตัสโฮมโปร สุวรรณภูมิ...เรื่องนี้ไม่ได้ล้อกันเล่นนะครับ

เรื่องเป็นอย่างนี้ คือ ปีที่แล้วผมไปที่โลตัสตอนบ่าย 2 ขาไปไม่เห็นใครในที่จอดรถสักคน พอผมกำลังจะจอดรถ ดูไปที่กระจกหลัง ผมกลับไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง หญิงคนนี้แปลกประหลาดมาก มีรัศมีแสงเหมือนพระพุทธเจ้าเลย

ผมก็แปลกใจ แต่ไม่สนใจอะไร พอลงจากรถ หญิงคนนั้น ก็เดินมาขอเงินค่ารถผม  อ้างว่าเพื่อจะกลับบ้านที่อยู่ต่างจังหวัด   ผมนึกว่า 200-300 บาท ผมก็จะให้ไป แต่หญิงคนนั้นกลับพูดว่า

"ฉันขอค่ารถกลับบ้าน 1000 บาท"

เล่นเอาผมงง..ว่า มีผู้หญิงคนไหนกล้าขอเงินผม 1000 บาท

แล้วผมก็คิดว่า ผมมีเงินในกระเป่ากางเกงไม่ถึงพันบาทแน่นอน ผมก็เลยบอกเธอไปว่า  ผมให้ได้แค่เท่าที่มี  แต่หญิงคนนี้กลับยืนยันกับผมว่า ผมมี 1000 บาทแน่นอน

ผู้หญิงที่ไหนมาขอความช่วยเหลือค่ารถกลับบ้าน เกินราคาที่เป็นไปได้  และยังมาพูดจาทำนองท้าทายผมอีก

ผมเลยบอกหญิงคนนี้ไปว่า ถ้าในกระเป่ากางเกงของผมมีเงิน 1000 บาทจริง ผมเต็มใจให้คุณทั้งหมด 1000 บาท    ปรากฏว่าผมเอาเงิน(ในกระเป๋าซ้าย)ออกมานับ มีเงินแค่ 900 บาท ผมก็เลยบอกเธอว่า ผมให้ค่ารถคุณเท่าที่ผมมีแล้วกัน คือ 900 บาท

เธอไม่ยอมอีก   แต่เธอกลับทำตาเหล่ไปที่กระเป๋าขวาของผม ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะเก็บพวกแบ็งค์ 20 เอาไว้   ผมรำคาญเธอที่ตื้อผมอยู่ได้ เลยลองควักออกมาดู และนับให้เธอเห็นกับตาว่า  ในกระเป้าข้างขวาของผม มีเงินแบ็งค์ 20 อยู่แค่ในสองใบเท่านั้น

ปรากฏว่า มีแบ๊งค์ 20 อยู่ใบหนึ่งจริงๆ  แต่ที่สำคัญ ดันทะลึ่งมีธนบัติใบละ 100 บาทอยู่อีกใบ   เมื่อเป็นเช่นนั้น  ผมจึงต้องทำตามสัญญา คือ ให้เงินเธอไป 1000 บาท

หลังจากนั้นผมก็หันหลังกลับไป  จะไปเอากระเป๋าเงินในรถ  เพราะที่ให้ไปคือเงินในกระเป๋ากางเกงเท่านั้น   ขณะเดินกลับ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า  หรือว่า  ผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมมาลองใจผม เหมือนที่ลองใจพระถังซำจั๋ง โดยเอาจีวรเก่าๆซอมซ่อไปให้พระถังซำจั๋งใส่  แทนจีวรใหม่เอี่ยม ทำด้วยผ้าอย่างดี ที่ฮ่องเต้พระราชทานให้

คิดไปคิดมาอีกที  มีอรหันต์พระโพธิสัตว์หลายองค์นี่หว่า อาจจะไม่ใช่เจ้าแม่กวนอิมก็ได้ เดี๋ยวผมไปหยิบกระเป๋าเงินก่อน แล้วจะวิ่งไปถามเธอตรงๆว่าเธอเป็นใคร

ทันใดนั้นเหมือนมีพลังบางอยาง ดึงให้ผมหันกลับไปมองหญิงคนนี้อีกที หญิงท่านนี้ก็โบกมือมาคล้ายจะอำลา ผมก็โบกมือกลับไปให้เธอ  ตอนนั้นเหมือนมีเสียงในจิตตะโกนบอกผมว่า "กวนอิม"

ช่วงนั้นผมเดินถึงรถผมแล้ว เลยเปิดประตูรถหยิบกระเป๋าเงินในรถ กะว่าหยิบเสร็จ จะเดินกลับไปถามหญิงคนนั้น(เพราะเธออยู่ห่างไปเพียงไม่เกิน 15 เมตร)  ผมกะจะถามเธอตรงๆเลยว่า

เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงในจิตของผมบอกว่า  ท่านคือ"กวนอิม"  ไม่ทราบว่า  ผมคิดไปเอง หรือท่านส่งกระแสจิตมาบอกผม

พอผมหยิบกระเป๋าเงินเสร็จ หันกลับไปอีกครั้ง หญิงคนนั้นได้อันตธานหายไปจากครงนั้นแล้ว  

- ถ้าเธอจะเดินเข้าห้างก็เป็นไปไม่ได้  เพราะต้องเดินอย่างน้อย 50 เมตรจึงจะถึง  

- ถ้าเธอจะเดินออกถนนก็ต้องเดินกว่า 60 เมตร จึงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน

- ถ้าเธอจะเดินเข้ารถคันไหน  ก็เป็นไปไม่ได้  เพราะผมก็เดินเข้าห้าง  ตาดูเข้าไปภายในรถทุกคัน  ก็ไม่เห็น

- หรือเธอจะเล่นซ่อนแอบกับผม  แอบซ่อน นั่งอยู่ข้างถังขยะ  หรือนั่งอยู่ด้านข้างรถยนคันใดคันหนึ่ง  บ้าเหรอ! เธอกับผมเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว  คงไม่ทำอะไรบ้าๆอย่างนั้น

พูดง่ายๆ....  ผู้หญิงคนนั้นหายไปเฉยๆ    จึงมีทางที่เป็นไปได้ 3 ทาง คือ เธอเหาะไป หรือดำทะลุพื้นถนนไป  หรือ ไม่ก็หายตัวไปเฉยๆ ผ่านมิติโลกนี้ไป หรือหายตัวไปอยู่ในจุดอื่นที่ไกลออกไปเกิน 40-60 เมตร

ผมเดินตามหาเธออีกสักพักหนึ่ง  แต่ก็หาไม่เจอ  ผมเลยเดินเข้าห้างโลตัสโฮมโปรสุวรรณภูมิ เข้าไปซื้อของของผม
หน้า:  1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 16
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.826 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 10 มีนาคม 2565 14:51:20