[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
12 พฤษภาคม 2567 02:26:13 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  [1] 2   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ท่านอาจารย์amaged จ๋า เดียรถีย์พลศักดิ์ ขอสอนธรรมท่าน: จิตมี 2 ชนิดจ่ะ  (อ่าน 10228 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 31 ธันวาคม 2553 14:51:16 »

จิตมี 2 ชนิด

1. จิตสังขาร จิตตัวนี้สร้างวิญญาณธาตุ หรือกายทิพย์หรืออทิสมานกาย  ผู้ที่เข้านิพพาน  ต้องดับจิตสังขารหรือกายทิพย์ก่อน เพราะมันเกิดจากความไม่บริสุทธิ์หรืออวิชชา  เมื่อดับจิตสังขารหรือกายทิพย์ตัวนี้แล้ว  จะได้

2. จิตบริสุทธิ์ที่เป็นจิตปภัสสรที่หมดกิเลสอวิชชา  จิตปภัสสรที่หมดกิเลสอวิชชา จะสร้างกายทิพย์ และกายธรรม ขึ้นมาแทน


ลองฟังที่หลวงปู่มั่นเล่าให้ฟังในเรื่องนิพพานไม่สูญ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตนะครับ

http://www.watpanonvivek.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1257:%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%95%E0%B9%92-%m-%E0%B9%91%E0%B9%95-%E0%B9%91%E0%B9%98-%M-%S&catid=39:2010-03-02-03-51-18

นิพพานเป็น แดนของวิสุทธิเทพคือผู้เป็นพระอรหันต์ ที่ละลายกายทิพย์หมดสิ้นแล้วเหลืออยู่แต่จิตสุขใสเป็นดวงประกายพรึกพระ อรหันต์สถิตย์อยู่ในแดนพระนิพพานนั้น.......

ไม่ใช่กายทิพย์ธรรมดาเหมือนโอปปาติกะทั้งหลาย กายทิพย์ หรือ ธรรมกาย ของพระอรหันต์ในแดนนิพพานเป็นกายทิพย์ที่นฤมิตขึ้นด้วยธรรม

ไม่ได้เกิดขึ้นเองเป็นเองโดยธรรมชาติของโลกวิญาณ ร่างธรรมกายของพระอรหันต์เป็นทิพย์ละเอียดใสสะอาดใสเป็นประกายคล้ายแก้วประกายพรึก

มีรัศมีสว่างไสวมากกว่าพระพรหมอย่างเทียบกันไม่ได้เลย มีความสุขที่สุดอย่างไม่มีอะไรเปรียบเทียบเพราะความรู้สึกอื่นไม่มี มีแต่จิตสงเคราะห์

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2553 15:41:29 »

จิตมี 2 ชนิด

1. จิตสังขาร จิตตัวนี้สร้างวิญญาณธาตุ หรือกายทิพย์หรืออทิสมานกาย  ผู้ที่เข้านิพพาน  ต้องดับจิตสังขารหรือกายทิพย์ก่อน เพราะมันเกิดจากความไม่บริสุทธิ์หรืออวิชชา  เมื่อดับจิตสังขารหรือกายทิพย์ตัวนี้แล้ว  จะได้

2. จิตบริสุทธิ์ที่เป็นจิตปภัสสรที่หมดกิเลสอวิชชา  จิตปภัสสรที่หมดกิเลสอวิชชา จะสร้างกายทิพย์ และกายธรรม ขึ้นมาแทน


ลองฟังที่หลวงปู่มั่นเล่าให้ฟังในเรื่องนิพพานไม่สูญ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตนะครับ

http://www.watpanonvivek.com/index.php?option=com_content&view=article&id=1257:%E0%B9%92%E0%B9%95%E0%B9%95%E0%B9%92-%m-%E0%B9%91%E0%B9%95-%E0%B9%91%E0%B9%98-%M-%S&catid=39:2010-03-02-03-51-18

นิพพานเป็น แดนของวิสุทธิเทพคือผู้เป็นพระอรหันต์ ที่ละลายกายทิพย์หมดสิ้นแล้วเหลืออยู่แต่จิตสุขใสเป็นดวงประกายพรึกพระ อรหันต์สถิตย์อยู่ในแดนพระนิพพานนั้น.......

ไม่ใช่กายทิพย์ธรรมดาเหมือนโอปปาติกะทั้งหลาย กายทิพย์ หรือ ธรรมกาย ของพระอรหันต์ในแดนนิพพานเป็นกายทิพย์ที่นฤมิตขึ้นด้วยธรรม

ไม่ได้เกิดขึ้นเองเป็นเองโดยธรรมชาติของโลกวิญาณ ร่างธรรมกายของพระอรหันต์เป็นทิพย์ละเอียดใสสะอาดใสเป็นประกายคล้ายแก้วประกายพรึก

มีรัศมีสว่างไสวมากกว่าพระพรหมอย่างเทียบกันไม่ได้เลย มีความสุขที่สุดอย่างไม่มีอะไรเปรียบเทียบเพราะความรู้สึกอื่นไม่มี มีแต่จิตสงเคราะห์



 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

คุณเดียรถีย์พลศักดิ์....จ๋า.......

เพิ่งนึกได้เหรอจ๊ะ ....เลยเปลี่ยนเป้นจิตสองชนิด
อายมั๊ยล่ะครับ....  พื้นฐานยังไม่แน่น
ก็ตกม้าตาย ....หัวจิ้ม  ขี้

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

พระวิสุทธิเทพนั่นเหรอครับเป็นพระอรหันต์
ไม่ได้เป็นพระอรหันต์ ดอกเด้อ......
 
เป็นเพียงพระราชา... ของคนผมหงอกเท่านั่นแหละ ครับ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

อ่านพระคาถานี้ให้ดีๆ...

พระราชาทรงถือผมหงอก ตรัสพระคาถานี้แก่อำมาตย์ทั้งหลายว่า
ผมที่หงอกบนศีรษะของเรานี้เกิดแล้ว เป็นเหตุนำวัยไป เทวทูตปรากฏแล้ว นี้เป็นสมัยแห่งการบรรพชาของเรา.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุตฺตมงฺครุหา ได้แก่ ผม. จริงอยู่ ผมทั้งหลายเรียกว่า อุตฺตมงฺครุหา เพราะงอกขึ้นบนเบื้องสูงแห่งอวัยวะ มีมือและเท้าเป็นต้น คือว่า บนศีรษะ. บทว่า อิเม ชาตา วโยหรา ความว่า พ่อทั้งหลาย จงดูผมหงอกเหล่านี้เกิดแล้ว ชื่อว่าเป็นเหตุนำเอาวัยไป เพราะนำเอาวัยทั้ง ๓ ไป โดยภาวะปรากฏผมหงอก. บทว่า ปาตุภูตา ได้แก่ บังเกิดแล้ว.
มัจจุ ชื่อว่า เทวะ ที่ชื่อว่า เทวทูต เพราะเป็นทูตแห่งเทวะนั้น. จริงอยู่ เมื่อผมหงอกทั้งหลายปรากฏบนศีรษะ บุคคลย่อมเป็นเหมือนยืนอยู่ในสำนักของพญามัจจุราช เพราะฉะนั้น ผมหงอกทั้งหลายท่านจึงเรียกว่า ทูตของเทวะ คือมัจจุ ที่ชื่อว่า เทวทูต เพราะเป็นทูตเหมือนเทวะ ดังนี้ก็มี เหมือนอย่างว่า บุคคลย่อมเป็นเหมือน ผู้อันเทวดาผู้มีทั้งประดับและตกแต่ง แล้วยืนในอากาศกล่าวว่า ท่านจักตายในวันชื่อโน้น ฉันใด เมื่อผมหงอกทั้งหลายปรากฏแล้วบนศีรษะ ย่อมเป็นเช่นกับเทวดาพยากรณ์ ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ผมหงอกทั้งหลาย ท่านจึงกล่าวว่า เป็นทูตเหมือนเทพ ที่ชื่อว่าเทวทูต เพราะเป็นทูตของวิสุทธิเทพทั้งหลาย ดังนี้ก็มี.
จริงอยู่ พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ ทอดพระเนตรเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย และบรรพชิต เท่านั้น ก็ถึงความสังเวช เสด็จออกบวช.

สมดังที่ตรัสไว้ว่า
ดูก่อนมหาบพิตร เพราะอาตมภาพเห็นคนแก่ คนป่วยไข้ได้ความทุกข์ คนตายอันถึงความสิ้นอายุ และบรรพชิตผู้ครองผ้ากาสาวะ จึงได้บวช ดังนี้.
โดยปริยายนี้ ผมหงอกทั้งหลาย ท่านจึงเรียกว่าเทวทูต เพราะเป็นทูตแห่งวิสุทธิเทพทั้งหลาย.

มฆเทวชาดก
ว่าด้วย เทวทูต


 ตลก ตลก ตลก

พระพุทธเจ้า เห็นผมหงอก  อันเป็นสาส์นจากพระวิสุทธิเทวา จึงออกบรรชา....เด้อ

พระวิสุทธิเทวา ผมหงอกเมื่อไร ก็ถึงความตาย
ความสิ้นอายุ ....เด้อ

และขณะที่เห็นผมหงอก....  พระพุทธเจ้ายังไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า

และก็เป็นเครื่องยืนยัน ...ว่า พระวิสุทธิเทวา ไม่ได้เป็นพระอรหันต์อย่างที่เข้าใจกัน ดอกเด้อคุณเดียรถีย์พลศักดิ์

เพราะ ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะออกบรรพชา
ทั้งสามโลกในตอนนั้น.....  ไม่มีพระอรหันต์สักองค์...เด้อ

คุณเดียรถีย์พลศักดิ์.... จ๋า

สวัสดีปีใหม่นะจ๊ะ.....จุ๊ปส์ๆ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น



บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2553 15:57:18 »

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

ชนิดของจิตในพระอภิธรรม

อกุศลจิต คือ อกุศล+จิต หมายความว่า
จิตมีอกุศลปรุงแต่งอยู่ ๑๒ ชนิด

อเหตุกจิต คือ อเหตุก+จิต หมายความว่า
จิตไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ,อโลภะ อโทสะ อโมหะเป็นเหตุให้เกิด ๑๘ ชนิด

กามาวจรจิต คือ กามาวจร+จิต หมายความว่า
จิตที่ท่องเที่ยวอยู่ในอารมณ์อันน่ารักใคร่ ๒๔ ชนิด ได้แก่ บุคคลชั้นเทพ ๖ ชั้น

รูปาวจรจิต คือ รูปาวจร+จิต หมายความว่า
จิตที่ท่องเที่ยวในรูปพรหม ๑๕ ชนิด

อรูปาวจรจิต คือ อรูปาวจร+จิต หมายความว่า
จิตที่ท่องเที่ยวอยู่ในอรูปพรหม ๑๒ ชนิด

โลกุตตรจิต หมายความถึง
มรรคและผลที่เข้าไปประกอบจิตทำให้อยู่เหนือโลก (อารมณ์) รวม ๘ ชนิด
และในแต่ละชนิดเหล่านี้ ต่างก็มีปัญจมฌาน (ฌาน ๕) ประกอบอยู่ด้วย
ดังนั้น จึงเป็นจิตโดยละเอียด เท่ากับ ๘x๕ คือ ๔๐ ชนิด

เพราะฉะนั้น
ในพระอภิธรรมจึงมีจิต โดยย่อ ๘๙ ชนิด โดยละเอียด ๑๒๑ ชนิด

การที่เรียก จิต เป็น ชนิด
เรียกตามชนิดของอารมณ์ที่เข้ามาปรุงแต่ง
แต่ในพระอภิธรรม เรียกระบุเป็น ๘๙ ดวง และ ๑๒๑ ดวง...ล่ะจร้าๆ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 ธันวาคม 2553 15:59:19 โดย armageddon » บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2553 16:17:52 »

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

ถ้ายังมีข้อสงสัย
ว่าวิสุทธิเทวาเป็นไฉน

ก็มีคำตอบให้ ...เด้อ คุณเดียรถีย์พลศักดิ์

  วิสุทธิเทพเป็นไฉน? พระอรหันตขีณาสพสาวกของพระตถาคต และพระปัจเจก-
*สัมพุทธเจ้า เรียกว่า วิสุทธิเทพ

โธตกมาณวกปัญหานิทเทส
ว่าด้วยปัญหาของท่านโธตกะ



 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

ผมหงอก เรียกว่า ฑูตจากพระวิสุทธิเทวา

ในเมื่อความหมาย พระวิสุทธิเทวานั้น จะต้องเป็น
พระอรหันต์สาวก ของพระพุทธเจ้า
หรือพระปัจจเจกพุทธเจ้า

แต่ที่ส่งสาส์นเรื่องผมหงอก มานั่น พระพุทธเจ้า ยังไม่ออกบรรพชาเลย
ยังไม่บังเกิดมีพระสาวกสักองค์เดียว

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น


ยังไม่มีพระอรหันต์สาวกเลย
บันทึกการเข้า
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 31 ธันวาคม 2553 22:34:51 »

จิต(สังขาร)ในพระอภิธรรมมีดวงเดียว ที่บอกว่ามี 89/121 ดวง เป็นอารมณ์/อาการของจิต 


"คัมภีร์อภิธรรมรุ่นอรรถกถา ประมวลเรื่องจิตที่แสดงไว้ในพระอภิธรรมปิฎกแล้ว แจงนับสภาพจิตทั้งหลายไว้ว่า มีจำนวน 89 หรือโดยพิสดารมี 121 เรียกว่า จิต 89 หรือ 121"

http://www.bloggang....roup=14&gblog=1

ด้วยเหตุนี้ จะเรียก 89/121 ว่า สภาพจิต หรือจะเรียก อาการ/อารมณ์ ของจิตก็ได้ แต่มันไม่ใช่ตัวจิต(สังขาร)ซึ่งมีอยู่ดวงเดียว 

ถ้าดับตัวจิต(สังขาร)ซึ่งเป็นความคิดปรุงแต่งได้  เมื่อนั้นแหละจะได้จิตประภัสสร หรือจิตหลุดพ้น ซึ่งเป็นนิพพาน  แล้วไอ้ตัวจิตหลุดพ้น(นิพพาน)ตัวนี้แหละ มันสร้างอายตนะนิพพาน หรือธรรมกายขึ้นมา  ตัวธรรมกายตัวนี้ก็ไปสร้างกายทิพย์ที่เรียกว่า "สัมโภคกาย" ขึ้นมาอีกทอดหนึ่ง  ที่เรียกว่า "พระโพธิสัตว์อรหันต์"
บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 01 มกราคม 2554 00:01:45 »

จิต(สังขาร)ในพระอภิธรรมมีดวงเดียว ที่บอกว่ามี 89/121 ดวง เป็นอารมณ์/อาการของจิต 
 "คัมภีร์อภิธรรมรุ่นอรรถกถา ประมวลเรื่องจิตที่แสดงไว้ในพระอภิธรรมปิฎกแล้ว แจงนับสภาพจิตทั้งหลายไว้ว่า มีจำนวน 89 หรือโดยพิสดารมี 121 เรียกว่า จิต 89 หรือ 121"

http://www.bloggang....roup=14&gblog=1

ด้วยเหตุนี้ จะเรียก 89/121 ว่า สภาพจิต หรือจะเรียก อาการ/อารมณ์ ของจิตก็ได้ แต่มันไม่ใช่ตัวจิต(สังขาร)ซึ่งมีอยู่ดวงเดียว 

ถ้าดับตัวจิต(สังขาร)ซึ่งเป็นความคิดปรุงแต่งได้  เมื่อนั้นแหละจะได้จิตประภัสสร หรือจิตหลุดพ้น ซึ่งเป็นนิพพาน  แล้วไอ้ตัวจิตหลุดพ้น(นิพพาน)ตัวนี้แหละ มันสร้างอายตนะนิพพาน หรือธรรมกายขึ้นมา  ตัวธรรมกายตัวนี้ก็ไปสร้างกายทิพย์ที่เรียกว่า "สัมโภคกาย" ขึ้นมาอีกทอดหนึ่ง  ที่เรียกว่า "พระโพธิสัตว์อรหันต์"


หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น


ดักคอคุณเดียรถีย์พลศักดิ์ ...ไว้ก่อน
เดี่ยวจะมากล่าวหา....หาว่าพระอภิธรรม ......ตีความผิดๆอีก

แล้วก็ไม่ต้องมากล่าวอ้างพระสูตรต่างนิกาย ต่างศาสนาเลย
เพราะที่ผ่านมา ยังตอบไม่ได้ ว่าพระสูตรต่างนิกาย
พระพุทธเจ้าพระองค์ไหน ตรัส ......นะจ๊ะๆๆ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น


จิตตสังขาร (ได้แก่ เจตนาเจตสิก ที่ประกอบกับอกุศลจิต ๑๒ มหากุศลจิต ๘ รูปาวจรกุศลจิต ๕ อรูปาวจรจิต ๔ หรือเรียกว่า เจตนา ๒๙ )

ที่ชื่อว่า จิตตสังขาร เพราะอรรถว่า เป็นสังขาร (การปรุงแต่ง) อันจิตเป็นไป หรือเพราะจิต หรือเป็นไปแต่จิต

ชื่อว่า วจีสังขาร กายสังขาร และจิตตสังขาร ที่พระธัมมทินนาเถรีกล่าวในประโยคอาทิว่า “ดูก่อนวิสาขะผู้มีอายุ เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ วจีสังขารย่อมดับก่อน ต่อจากนั้นกายสังขารก็ดับ ต่อจากนั้นจิตตสังขารก็ย่อมดับ”๓ ดังนี้

วจีสังขาร ได้แก่ วิตก วิจาร

กายสังขาร ได้แก่ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก

จิตตสังขาร ได้แก่ สัญญา และเวทนา


   ดูกรคฤหบดี ลมหายใจเข้าและลมหายใจออกเป็นของเกิดที่กาย
   ธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยกาย ฉะนั้น ลมหายใจเข้าและลมหายใจออกจึงชื่อว่ากาย
   สังขาร บุคคลย่อมตรึกตรองก่อนแล้ว จึงเปล่งวาจาภายหลัง ฉะนั้น วิตกวิจาร
   จึงชื่อว่าวจีสังขาร สัญญาและเวทนาเป็นของเกิดที่จิต ธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยจิต
   ฉะนั้น สัญญาและเวทนาจึงชื่อว่าจิตตสังขาร ฯ



บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 01 มกราคม 2554 09:14:37 »

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

อ้างอิงคุณพลศักดิ์

ถ้าดับตัวจิต(สังขาร)ซึ่งเป็นความคิดปรุงแต่งได้  เมื่อนั้นแหละจะได้จิตประภัสสร หรือจิตหลุดพ้น ซึ่งเป็นนิพพาน  แล้วไอ้ตัวจิตหลุดพ้น(นิพพาน)ตัวนี้แหละ มันสร้างอายตนะนิพพาน หรือธรรมกายขึ้นมา  ตัวธรรมกายตัวนี้ก็ไปสร้างกายทิพย์ที่เรียกว่า "สัมโภคกาย" ขึ้นมาอีกทอดหนึ่ง  ที่เรียกว่า "พระโพธิสัตว์อรหันต์"




 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

ส่วนข้อความนี้ อันนี้ จะเห็นได้ชัดว่า 
จิตตสังขาร ....เมื่อดับไป ....ก็ยังไม่ใช่พระนิพพาน
ได้แต่เข้าไปอาศัยอยู่ใน สัญญาเวทยิตนิโรธ เท่านั้น

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น


ดูกามภูสูตรอีกที ให้ชัดๆ ว่า สัญญาเวยิทนิโรธนั้น ไม่ใช่พระนิพพาน.... เด้อ

สังขาร ๓ และวิธีดับ
ปัญหา กายสังขาร วจีสังขาร จิตตสังขารคืออะไร และสังขารทั้ง ๓ นี้ดับไปเมื่อใด ?

พระกามภูตอบ "ดูก่อนคฤหบดีลมหายใจเข้าและหายใจออก ชื่อว่ากายสังขาร...ลมหายใจเข้าหายใจออกเป็นของเกิดที่กายธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยกายฉะนั้น...จึงชื่อว่ากายสังขาร...

"วิตกวิจารชื่อว่าวจีสังขาร...บุคคลตรึกตรองก่อนจึงเปล่งวาจาภายหลัง ฉะนั้น วิตกวิจารจึงชื่อว่า วจีสังขาร...

"สัญญาและเวทนาชื่อว่าจิตตสังขาร...สัญญาและเวทนาเป็นของเกิดที่จิต ธรรมเหล่านี้เนื่องด้วยจิตฉะนั้น...จึงชื่อว่าจิตตสังขาร

"ดูก่อนคฤหบดี เมื่อภิกษุเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ วจีสังขารดับก่อน ต่อจากนั้นกายสังขารดับต่อจากนั้นจิตตสังขารจึงดับ..."

กามภูสูตรที่ ๒


 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น



บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 01 มกราคม 2554 09:30:21 »

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

มากราบเท้าผมงามๆ...ซะก่อน

มาเรียกเป็นอาจารย์ก่อน... ได้ไง

เป้นเดียรถีย์เกรียน ...มาจากโรงเรียนไหน..หว่า

สอบตกทุกกระทู้

เอ้า..ให้กำลังใจ เอานี่ไป .... ขี้ ขี้ ขี้
บันทึกการเข้า
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 01 มกราคม 2554 14:50:55 »

หนอย! เดรัจฉานarmagedonจะหลอกให้เดียรถีย์พลศักดิ์ สอนธรรมให้เรื่อยๆโดยวิธีการยั่ว และแสดงความเป็นผู้รู้  ทั้งๆที่ไม่รู้ 

อย่าฝันหวานไปเลย  เราตอบข้อสงสัยของเธอไปเยอะแล้ว  เราไม่ได้ตอบเพื่อเธอ  แต่เราตอบเพื่อคนอื่น  เพราะถ้าปล่อยให้เธอเผยแพร่สิ่งที่เธอเข้าใจผิด ตีความผิดๆไปเรื่อยๆ  ศาสนาพุทธจะถึงกาลวิบัติ  เพราะเธอเข้าไปอยู่ในทุกเว็บศาสนา และมีตำแหน่งสำคัญในเว็บเหล่านั้นด้วย  จึงมีอิทธิพล  กำหนดความเชื่อและการตีความพุทธพจน์

เมื่อไรเธอยอมกราบเท้า ขอขมาเรา  เราจะสอนในสิ่งที่เธอไม่รู้ให้กับเธอ  จะได้ไม่ต้องขอความรู้จากเราด้วยการด่าประณาม ผู้ที่เป็นเสมือนอาจารย์ของเธออีก

แค่เขียนว่า ขอกราบเท้า ขอขมาเรา(พลศักดิ วังวิวัฒน์)  ลดความหยิ่งจองหองว่าตนเองเก่ง เป็นผู้รู้  ทั้งๆที่ไม่รู้อะไรจริงๆสักเรื่อง  ถึงเวลานั้น  เธอจะได้ถามธรรมเรา  และเราจะได้ตอบเธอ

เมื่อเธอยังมีทิฏฐิมานะ  อย่าหวังจะได้ความรู้จากเราอีก
บันทึกการเข้า
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 01 มกราคม 2554 14:58:56 »

ถ้าเธอละอายใจ ที่จะเขียนว่า ขอกราบเท้า ขอขมาเรา(พลศักดิ วังวิวัฒน์)  ก็เปลี่ยนเป็นขอกราบตีน ขอกราบพระบาทอาจารย์พลศักดิ วังวิวัฒน์ แทนก็ได้นะ

ถ้าเธอไม่ทำ  เธอก็ต้องทนอยู่กับความอยากรู้อยากเห็นที่อยู่ในใจของเธอต่อไป  ชั่งน้ำหนักเอาเองนะจ๊ะ  ว่าจะเอาแบบไหน 55555 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หุบปาก

รักนะเด็กโง่ รัก รัก รัก
แต่ขอบ๊ายบายก่อน บ๊าบบาย บ๊าบบาย บ๊าบบาย
บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 01 มกราคม 2554 16:26:25 »

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

555+

ใครจะไปกราบคุณเกรียน.... เอาคุณเกรียน ...เป็นสรณะล่ะครับ
ได้ลงนรกกันพอดี...

ท่านมหาเกรียนธรรม 10 ประโยค   กลอกตา

 ก็นี่ยังไงล่ะจ๊ะ ....... ที่ให้คุณเกรียนเดียรถีย์.... แสดง.... ความเกรียน....
 ตามอัตตาของคุณเกรียน
 ที่คอยยั่วคนอื่น..... และก็แสดงความเป็นผู้รู้ ทั้งๆที่.....เกรียน  ไม่รู้อะไรเลย

และแล้ว....เมื่อ....เกรียน...จนตรอก....

ก็แก้ผ้า ...เอาหน้ารอดซะแล้ว.....

ก่อนคุณเกรียนจะอำลาจากไป ... เอานี่ไปอีกสามก้อน ... ขี้ ขี้ ขี้

เป็นเสบียงไว้เดินทางต่อในสังสารวัฎ.....นะคร๊าบบบ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น
บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 01 มกราคม 2554 16:30:18 »

ถ้าเธอละอายใจ ที่จะเขียนว่า ขอกราบเท้า ขอขมาเรา(พลศักดิ วังวิวัฒน์)  ก็เปลี่ยนเป็นขอกราบตีน ขอกราบพระบาทอาจารย์พลศักดิ วังวิวัฒน์ แทนก็ได้นะ

ถ้าเธอไม่ทำ  เธอก็ต้องทนอยู่กับความอยากรู้อยากเห็นที่อยู่ในใจของเธอต่อไป  ชั่งน้ำหนักเอาเองนะจ๊ะ  ว่าจะเอาแบบไหน 55555 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หุบปาก

รักนะเด็กโง่ รัก รัก รัก
แต่ขอบ๊ายบายก่อน บ๊าบบาย บ๊าบบาย บ๊าบบาย

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

ขอเอาด้ามไม้กวาด ...แยง... คุณเกรียนพลศักดิ์ ...แบบเรื่องผีอำ ..ของคุณ

ได้ป่าว

 ขำ ขำ ขำ
บันทึกการเข้า
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 01 มกราคม 2554 20:38:35 »

 อกหัก อกหัก อกหัก

ความรักในใจของเรา ที่มีต่อเธอผู้เป็นมาร สลายเลย  จงทนต่อไปกับความอยากรู้อยากเห็นในใจเธอ
บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 01 มกราคม 2554 21:27:59 »

อกหัก อกหัก อกหัก

ความรักในใจของเรา ที่มีต่อเธอผู้เป็นมาร สลายเลย  จงทนต่อไปกับความอยากรู้อยากเห็นในใจเธอ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

โดนด้ามไม้กวาด....แยงๆ...กระทุ้งๆ...หน่อยเดียว
ถึงกับ....ใจ......สลาย....เลยหรือจ๊ะ

ว้า.... ใจ คุณเกรียนศักดิ์.....นี่ช่างเปราะบาง...ซะเหลือเกิน

 รัก รัก รัก
ต้องใจแบบผมนี้ ... มั่นคง...ไม่แตกสลาย... เป็นใจอสังขตะ....อมตะนิรันด์กาล

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น
บันทึกการเข้า
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 02 มกราคม 2554 13:59:18 »




 รัก รัก รัก
ต้องใจแบบผมนี้ ... มั่นคง...ไม่แตกสลาย... เป็นใจอสังขตะ....อมตะนิรันด์กาล

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

ศิษย์โง่armageddon เข้าใจเรื่องใจที่เราสอนแล้วนิ จึงพูดว่า ใจอสังขตะ....อมตะนิรันด์กาล มั่นคง...ไม่แตกสลาย  แล้วมาแกล้งโง่อยู่ได้  เราจะสอนเธอต่อว่า

ใจอสังขตะที่เธอพูดถึงนั่นแหละ  สร้างอายตนะหรือขันธ์ที่ไม่แตกสลาย เรียกว่า "อัตตา" อายตนะที่ไม่แตกสลายเป็นอัตตา พระพุทธองค์เรียกว่า อายตนะนิพพาน หรือ ธรรมกาย  อายตนะนิพพาน หรือ ธรรมกาย  สิ่งนี้ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย  สามารถสร้างรูปอะไรก็ได้

ใจที่แตกสลาย ย่อมสร้างอายตนะหรือขันธ์ที่แตกสลาย ที่เกิด แก่ เจ็บ ตาย เรียกว่า "อนัตตา" คือ ขันธ์ของมนุษย์ สัตว์ เปรต เทวดา ยักษ์ พรหม ฯลฯ

วันหลังอย่าแกล้งโง่อีกนะ  มีอะไรก็ถามเราตรงๆก็ได้  อย่าใช้สันดานดิบสัตว์เดรัจฉานในตัวของเธอ ที่ไปด่าประณาม ตำหนิ ติเตียนผู้อื่น แล้วยังไปถามขอความรู้จากเขาอีก  

เราได้บอกเธอแล้วว่า  เธอลองเอาสิ่งที่เธอถามเราแบบนั้น  ไปถามพ่อเธอหรือลูกเมียเธอดูว่า  พวกเขายินดีจะตอบคำถามประเภทสัตว์นรกของเธอไหม   ถ้าพวกเขายินดีตอบอย่างเต็มใจ  เธอค่อยมาถามเรา

สนธนาธรรมะ เริ่มต้นด้วยการอวดเก่ง  ด่าว่าประณามคนอื่นเพื่อชูหางของตน ว่า ข้าเก่งเหนือเอ็ง  ทั้งๆที่ตกเองไม่รู้ธรรมะของจริงเลย  แล้วยังไปถามขอความรู้จากเขา  ใครเขาจะไปตอบเธอ  เขาก็ต้องปล่อยให้เธอโง่ต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 มกราคม 2554 14:08:22 โดย phonsak » บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #15 เมื่อ: 02 มกราคม 2554 14:47:04 »

แหม่ๆๆ ....ท่านมหาเกรียนธรรม 999 ประโยค
ท่านนี่ .....เข้าใจได้ลึกซึ้ง.... จิงๆ นิ
เข้าใจได้พันพรือ....นิ...ว่าผมแกล้งโง่ ..นิ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

แต่ท่านมหาเกรียนธรรม999 ประโยค ท่านนี่.... ไม่ได้แกล้งโง่...นิ
โง่จิงๆ ...โง่อมตะ ...แม่นเลย...นิ
สมองขี้เลี่อย..จิงๆ..นิ... ขี้ ขี้ ขี้

อายตนะนั้นมีอยู่...
แต่ดินน้ำลมไฟ... ธาตุทั้งหลาย ....ไม่มีอยู่ในอายตนะนั้น ....นิ
อายาตนะนั้น ...ก็เลยสร้างอะไรไม่ได้...นิ
เพราะไม่มี....วัสดุ....ไม่มีอุปกรณ์....อะไรจะสร้าง...นิ
หาผู้สร้าง...ก็ไม่ได้..นิ
และก็อ่ายตนะนั้น ...ก็มิได้เป็นไป...นิ

เป็นรูปอะไรก็ไม่ได้...นิ...เป็นนามอะไรก็ไม่ได้..นิ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

๑๕๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้าจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้นกระทำให้มั่น มนสิการแล้วน้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวงแล้ว เงี่ยโสตลงฟังธรรม ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย "อายตนะนั้นมีอยู่" ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้าพระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลายเราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ
ที่มา : http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=3977&Z=3992
บันทึกการเข้า
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #16 เมื่อ: 02 มกราคม 2554 20:59:52 »

แหม่ๆๆ ....ท่านมหาเกรียนธรรม 999 ประโยค
ท่านนี่ .....เข้าใจได้ลึกซึ้ง.... จิงๆ นิ
เข้าใจได้พันพรือ....นิ...ว่าผมแกล้งโง่ ..นิ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

แต่ท่านมหาเกรียนธรรม999 ประโยค ท่านนี่.... ไม่ได้แกล้งโง่...นิ
โง่จิงๆ ...โง่อมตะ ...แม่นเลย...นิ
สมองขี้เลี่อย..จิงๆ..นิ... ขี้ ขี้ ขี้

อายตนะนั้นมีอยู่...
แต่ดินน้ำลมไฟ... ธาตุทั้งหลาย ....ไม่มีอยู่ในอายตนะนั้น ....นิ
อายาตนะนั้น ...ก็เลยสร้างอะไรไม่ได้...นิ
เพราะไม่มี....วัสดุ....ไม่มีอุปกรณ์....อะไรจะสร้าง...นิ
หาผู้สร้าง...ก็ไม่ได้..นิ

และก็อ่ายตนะนั้น ...ก็มิได้เป็นไป...นิ

เป็นรูปอะไรก็ไม่ได้...นิ...เป็นนามอะไรก็ไม่ได้..นิ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

๑๕๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้าจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้นกระทำให้มั่น มนสิการแล้วน้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวงแล้ว เงี่ยโสตลงฟังธรรม ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย "อายตนะนั้นมีอยู่" ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้าพระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลายเราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ
ที่มา : http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=3977&Z=3992


ความรู้เบื้องต้นในพุทธศาสนา คุณก็ยังไม่มี  คุณอยู่ในโลกแห่งมายา ยังไม่รู้อีกหรือ  ทุกอย่างล้วนเป็นความว่าง จิตเป็นผู้กำหนด  ผมตอบแค่นี้  ถ้าสงสัยให้กราบผมงามๆ 3 ครั้งแล้วจะมาตอบ

ถ้าอายก็ให้พวกพ้องกราบผมแทนก็ได้  เห็นได้ข่าวว่า คุณกว้างขวางในแวดวงพุทธศาสนาของปลอม ให้ใครเขียนกราบเท้าผม 3 ครั้ง แทนหน่อยสิ   เอ้า! ผมจะเล่าพระไตรปิฎกบทหนึ่งให้ฟัง เพื่อเป็นน้ำย่อย  ถ้าอยากฟังว่าไม่มีธาตุดิน น้ำ ลม ไฟอยู่  ใช้อะไรสร้าง  ก็กราบบาทาผมซะ

พระพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ปลูกต้นมะม่วง อาศัยปุ๋ยวิเศษขนิดใดล่ะ  อาศัยใจอย่างเดียวมิใช่หรือ

"ครั้นพระพุทธเจ้าทรงเสวยอัมพปานะแล้ว จึงรับสั่งให้นายอุทยานบาลนั้นเอาเมล็ดมะม่วงนั้นปลูกที่พื้นดิน ณ ที่ตรงนั้น แล้วพระบรมศาสดาก็ทรงอธิษฐานล้างพระหัตถ์รดเมล็ดมะม่วงนั้น ซึ่งเพิ่งเพาะในขณะนั้น  ด้วยพระพุทธานุภาพ เมล็ดมะม่วงก็เริ่มงอกในทันใดนั้นเอง แล้วเริ่มเกิดเป็นลำต้น แตกใบ แตกกิ่งก้านสาขาโดยลำดับ จนต้นมะม่วงใหญ่สูงได้ ๑๒ วา ๒ ศอก พร้อมกับตกช่อ ออกดอก ออกผล อ่อน แก่ สุก ถึงงอม หล่นตกลงภาคพื้นออกเกลื่อนกล่น มหาชนเดินผ่านมาก็เก็บบริโภค มีรสหวานสนิท ไม่ช้าข่าวมะม่วงพิเศษ  ซึ่งเป็นของอัศจรรย์ก็แพร่ไปทั่วพระนคร  ประชาชนก็พากันสัญจรหลั่งไหลมาชมเป็นอันมาก สุดที่จะประมาณ"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 มกราคม 2554 21:17:15 โดย phonsak » บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #17 เมื่อ: 02 มกราคม 2554 22:52:25 »

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

บ๊ายบายมาหลายรอบแล้ว ....คุณมหาเกรียนธรรม 999 ประโยค ...ก็ยังไม่ไปซะที..นิ

ความกว้างขวางในเวปธรรมะทุกเวป ของผม
ไม่ได้ไปบังคับบัญา ให้ใครๆมาเชื่อถือหรอกครับ

แต่เป็น...สัจธรรม....ที่แสดงให้คนอื่นๆ....เห็นธรรมะจริงๆได้...เห็นตามความจริงได้
เห็นสิ่งที่กล่าวในพระธรรมตามจริงได้ ....

และสิ่งที่ทำให้เห็นได้จริงๆ อีกอย่างก็คือ .....ว่า
..ทำให้เห็น....คุณมหาเกรียน ....เป็นเดียรถีย์ตัวพ่อ....ได้ถนัดถนี่...ชัด..ชัด...ไง


 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น


นับว่าเป็นความรู้เบื้องต้น ...แบบอ่อนๆ....ของพี่มหาเกรียน..
ที่น่าสนุก..นิ

อ้างอิงข้อความเดิม....

อายตนะนั้นมีอยู่...
แต่ดินน้ำลมไฟ... ธาตุทั้งหลาย ....ไม่มีอยู่ในอายตนะนั้น ....นิ
อายาตนะนั้น ...ก็เลยสร้างอะไรไม่ได้...นิ
เพราะไม่มี....วัสดุ....ไม่มีอุปกรณ์....อะไรจะสร้าง...นิ
หาผู้สร้าง...ก็ไม่ได้..นิ
และก็อ่ายตนะนั้น ...ก็มิได้เป็นไป...นิ

เป็นรูปอะไรก็ไม่ได้...นิ...เป็นนามอะไรก็ไม่ได้..นิ


ยมกปาฎิหารย์ นี่ แสดงในโลกนะจ๊ะ พี่เกรียน .....โลกนี้เป็นสมมุติ ...นิ

แต่.....ไม่ได้แสดงในอายตนะ ..นิ

มะม่วง...หรอย...หรอย..จังหู๋..นิ

นั้นเป็นอิทัปจจยตา  แห่ง..เม็ดมะม่วง ...จะต้องออกลูกออกดอกออกผล เป็นมะม่วง เท่านั้น

ปาฎิหารย์นี้ ....ยังไง้ ..ยังไง....ไม่สามารถ ....ทำให้มะม่วง ...เป็นแอปเปิ้ล บ่ได้ดอก เด้อ


แม้แต่ยมกปาฎิหารย์.... ก็ไม่สามารถแสดงในนิพพานได้ ..นิ





บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #18 เมื่อ: 03 มกราคม 2554 15:18:34 »

 ดูกรภิกษุทั้งหลาย "อายตนะนั้นมีอยู่" ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้าพระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

ดูกรภิกษุทั้งหลายเราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯที่มา : http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=3977&Z=3992


หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

หาเม็ดมะม่วงและดิน....ที่จะปลูก .... ในอายตนะนั้นให้เจอก่อน.. นะครับ....คุณมหาเกรียน 999 ประโยค

อย่ามาหาในโลก ...เพราะในโลก......มีเม็ดมะม่วงเกลื่อนตลาด......อยู่แร๊ว

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น









บันทึกการเข้า
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #19 เมื่อ: 03 มกราคม 2554 15:40:35 »

สงสัยอยากรู้ ก็กราบบาทางามๆ  หรือจะกราบตีนก็ได้นะ เลือกเอา   แล้วเธอจะรู้คำตอบที่รอคอย  คำตอบของเรา รอคอยเธอมาหลายภพหลาชาติแล้วนะ...จะบอกให้  จะให้มันรออีกสักชาติก็ไม่มีปัญหา 

เราดับพยศของเธอไม่ได้  เราไม่บอกเธอหรอก 

หุบปากซะ หุบปากซะ หุบปากซะ ขำ ขำ ขำ
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า:  [1] 2   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.759 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 12 เมษายน 2567 21:42:40