[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: phonsak ที่ 26 ธันวาคม 2553 17:45:46



หัวข้อ: ปริศนาทางสายกลางสูงสุดของศาสนาพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 26 ธันวาคม 2553 17:45:46
ปริศนาทางสายกลางสูงสุดของศาสนาพุทธ:  นิพพานเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างรูปภพและอรูปภพ ซึ่งเป็นของสมมุติ


การไปยึดติดว่า นี่เป็นข้า นี่เป็นของข้า แม้ว่าจะน้อยสักเพียงใด จะนำไปสู่ภพภูมิใดภพภูมิหนึ่งในสังสารวัฏฏ์  แม้จะเป็นรูปพรหมและอรูปพรหมต่างๆ  ถ้าไม่เข้าใจในจุดนี้  ก็จะไม่พบพระนิพพาน นอกจากนี้ ในนิพพานไม่รับกิเลสตัณหาและความสุขของภพภูมิใดทั้งนั้น ไม่รับทั้งรูปและอรูป จึงเกิดธรรมกาย ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างรูปและอรูป ระหว่างมีรูปและไม่มีรูป เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นของสมมุติ เมื่อเกิดธรรมกายแล้ว  ธรรมกายจะแปลงรูปเป็นของสมมุติใดก็ได้  ดังที่เจ้าแม่กวนอิม ท่านจะแปลงรูปเป็นใครก็ได้


หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ  

"พระนิพพานอุปมาขนาดเท่าเส้นผม ผู้ที่จะผ่านพ้นในขั้นสุดท้ายไปได้หรอืไม่ได้อยู่เพียงนิดเดียวในการทำจิตตัดจุดนี้ได้หรือไม่เท่านั้น พระพุทธเจ้าตอนที่ท่านจะปรินิพพาน ท่านได้ปรินิพพานไประหว่างรูปฌานและอรูปฌาน เป็นการดับขันธ์ด้วยความบริสุทธิ์เหนือสมมติโดยสิ้นเชิง
/color]"

สำหรับนักวิปัสสนาคงจะไม่ชอบที่ผมพูดแบบนี้ เพราะท่านไม่เน้นฌาน ได้แค่ฌาน 1 ก็พอแล้ว  ผมจึงขอนำคำของหลวงปู่ดูลย์ อตโล มาลงดีกว่า:

หลวงปู่ดูลย์ อตโล

....พระพุทธเจ้า พระองค์ไม่ได้เข้าสู่นิพพานในฌานสมาบัติอะไรที่ไหนหรอก เมื่อพระองค์ออกจากจตุตถฌานแล้ว จิตขันธ์หรือนามขันธ์ ก็ดับพร้อม ไม่มีอะไรเหลือ นั่งคือพระองค์ดับเวทนาขันธ์ ในภาวะจิตตื่น หรือวิถีจิตอันปกติของมนุษย์ ครอบพร้อมทั้งสติ และสัมปชัญญะ ไม่ถูกภาวะอื่นใดมาครอบงำอำพรางให้หลงใหลใดๆ ทั้งสิ้น เป้นภาวะแห่งตนเองอย่างสมบูรณ์ ภาวะนันเรียกว่า มหาสุญญตา หรือจักรวาลเดิม หรือเรียกกว่า นิพพาน อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ......

สรุป

กาเข้านิพพานทำได้โดยการตายแบบมีสติ และสัมปชัญญะ แบบตื่นเต็มที่  ไม่ถูกอารมณ์ใดๆทำให้หลงไหลไปในภพภูมิแห่งภวังคจิต(จิตใต้สำนึก)  อนึ่ง  การอยู่ฌานใดฌานหนึ่งก่อนตาย จะนำไปเกิดเป็นพรหมซึ่งเป็นของสมมุติ  ถ้ามีสติ และสัมปชัญญะ ก็จะไม่หลงไหล ไปเกิดเป็นพรหมชั้นนั้น

....ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร

และเข้าปฐมฌานไปจนถึงจตุตถฌานอีก เมื่อออกจากจตุตถฌาน ยังมิได้ทันได้เข้าสู่อากาสานัญจายตนะ พระองค์ก็ปรินิพพานในระหว่างนั้น

ในคำนี้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากจตุตถฌานในลำดับมา เสด็จปรินิพพาน คือ ในลำดับทั้ง ๒ คือ ในลำดับแห่งฌาน ในลำดับแห่งปัจจเวกขณญาณ.
               พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากฌานแล้ว หยั่งลงสู่ภวังค์ แล้วปรินิพพานในระหว่างนั้น   ชื่อว่าระหว่างฌาน ในลำดับ ๒ นั้น. พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากฌานแล้ว พิจารณาองค์ฌานอีก หยั่งลงสู่ภวังค์ แล้วปรินิพพานในระหว่างนั้นนั่นแหละ ชื่อว่าระหว่างปัจจเวกขณญาณ. แม้ทั้ง ๒ นี้ก็ชื่อว่าระหว่างทั้งนั้น. ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าเข้าฌานเสด็จออกจากฌาน พิจารณาองค์ฌานแล้วปรินิพพานด้วยภวังคจิต เป็นอัพยากฤตเป็นทุกขสัจจะ. สัตว์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ไม่ว่าพระพุทธเจ้าหรือพระสาวก อย่างต่ำมดดำมดแดง ต้องกระทำกาละด้วยภวังคจิตที่เป็นอัพยากฤต เป็นทุกขสัจทั้งนั้นแล.

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร


หัวข้อ: Re: ปริศนาทางสายกลางสูงสุดของศาสนาพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 26 ธันวาคม 2553 23:06:20
ปริศนาทางสายกลางสูงสุดของศาสนาพุทธ:  นิพพานเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างรูปภพและอรูปภพ ซึ่งเป็นของสมมุติ


การไปยึดติดว่า นี่เป็นข้า นี่เป็นของข้า แม้ว่าจะน้อยสักเพียงใด จะนำไปสู่ภพภูมิใดภพภูมิหนึ่งในสังสารวัฏฏ์  แม้จะเป็นรูปพรหมและอรูปพรหมต่างๆ  ถ้าไม่เข้าใจในจุดนี้  ก็จะไม่พบพระนิพพาน นอกจากนี้ ในนิพพานไม่รับกิเลสตัณหาและความสุขของภพภูมิใดทั้งนั้น ไม่รับทั้งรูปและอรูป จึงเกิดธรรมกาย ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างรูปและอรูป ระหว่างมีรูปและไม่มีรูป เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นของสมมุติ เมื่อเกิดธรรมกายแล้ว  ธรรมกายจะแปลงรูปเป็นของสมมุติใดก็ได้  ดังที่เจ้าแม่กวนอิม ท่านจะแปลงรูปเป็นใครก็ได้


หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ  

"พระนิพพานอุปมาขนาดเท่าเส้นผม ผู้ที่จะผ่านพ้นในขั้นสุดท้ายไปได้หรอืไม่ได้อยู่เพียงนิดเดียวในการทำจิตตัดจุดนี้ได้หรือไม่เท่านั้น พระพุทธเจ้าตอนที่ท่านจะปรินิพพาน ท่านได้ปรินิพพานไประหว่างรูปฌานและอรูปฌาน เป็นการดับขันธ์ด้วยความบริสุทธิ์เหนือสมมติโดยสิ้นเชิง
/color]"

สำหรับนักวิปัสสนาคงจะไม่ชอบที่ผมพูดแบบนี้ เพราะท่านไม่เน้นฌาน ได้แค่ฌาน 1 ก็พอแล้ว  ผมจึงขอนำคำของหลวงปู่ดูลย์ อตโล มาลงดีกว่า:

หลวงปู่ดูลย์ อตโล

....พระพุทธเจ้า พระองค์ไม่ได้เข้าสู่นิพพานในฌานสมาบัติอะไรที่ไหนหรอก เมื่อพระองค์ออกจากจตุตถฌานแล้ว จิตขันธ์หรือนามขันธ์ ก็ดับพร้อม ไม่มีอะไรเหลือ นั่งคือพระองค์ดับเวทนาขันธ์ ในภาวะจิตตื่น หรือวิถีจิตอันปกติของมนุษย์ ครอบพร้อมทั้งสติ และสัมปชัญญะ ไม่ถูกภาวะอื่นใดมาครอบงำอำพรางให้หลงใหลใดๆ ทั้งสิ้น เป้นภาวะแห่งตนเองอย่างสมบูรณ์ ภาวะนันเรียกว่า มหาสุญญตา หรือจักรวาลเดิม หรือเรียกกว่า นิพพาน อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ......

สรุป

กาเข้านิพพานทำได้โดยการตายแบบมีสติ และสัมปชัญญะ แบบตื่นเต็มที่  ไม่ถูกอารมณ์ใดๆทำให้หลงไหลไปในภพภูมิแห่งภวังคจิต(จิตใต้สำนึก)  อนึ่ง  การอยู่ฌานใดฌานหนึ่งก่อนตาย จะนำไปเกิดเป็นพรหมซึ่งเป็นของสมมุติ  ถ้ามีสติ และสัมปชัญญะ ก็จะไม่หลงไหล ไปเกิดเป็นพรหมชั้นนั้น

....ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร

และเข้าปฐมฌานไปจนถึงจตุตถฌานอีก เมื่อออกจากจตุตถฌาน ยังมิได้ทันได้เข้าสู่อากาสานัญจายตนะ พระองค์ก็ปรินิพพานในระหว่างนั้น

ในคำนี้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากจตุตถฌานในลำดับมา เสด็จปรินิพพาน คือ ในลำดับทั้ง ๒ คือ ในลำดับแห่งฌาน ในลำดับแห่งปัจจเวกขณญาณ.
               พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากฌานแล้ว หยั่งลงสู่ภวังค์ แล้วปรินิพพานในระหว่างนั้น   ชื่อว่าระหว่างฌาน ในลำดับ ๒ นั้น. พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากฌานแล้ว พิจารณาองค์ฌานอีก หยั่งลงสู่ภวังค์ แล้วปรินิพพานในระหว่างนั้นนั่นแหละ ชื่อว่าระหว่างปัจจเวกขณญาณ. แม้ทั้ง ๒ นี้ก็ชื่อว่าระหว่างทั้งนั้น. ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าเข้าฌานเสด็จออกจากฌาน พิจารณาองค์ฌานแล้วปรินิพพานด้วยภวังคจิต เป็นอัพยากฤตเป็นทุกขสัจจะ. สัตว์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ไม่ว่าพระพุทธเจ้าหรือพระสาวก อย่างต่ำมดดำมดแดง ต้องกระทำกาละด้วยภวังคจิตที่เป็นอัพยากฤต เป็นทุกขสัจทั้งนั้นแล.

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร


ถามไปหลายกระทู้ เรื่องมหายาน

จนป่านนี้ คุณเดียรถีย์พลศักดิ์ ยังแถไม่ออก มาตอบไม่ได้

เมี่ยวซ่าน เกิดมาในจีน สมัยใด พศ.ใด
ยังไปเอาเมี่ยวซ่าน เจ้าแม่กวนอิม ธรรมกายมามั่วๆ

ไปเอาพระไตรปิฎก ที่ขัดกับพระวินัยเถรวาทมาเป้นข้อแก้ต่าง

เดี๋ยว รื้อฟื้นคดีธรรมกายขึ้นมาใหม่ ซะเลย

 ;D ;D ;D





หัวข้อ: Re: ปริศนาทางสายกลางสูงสุดของศาสนาพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 29 ธันวาคม 2553 01:13:19


ถามไปหลายกระทู้ เรื่องมหายาน

จนป่านนี้ คุณเดียรถีย์พลศักดิ์ ยังแถไม่ออก มาตอบไม่ได้

เมี่ยวซ่าน เกิดมาในจีน สมัยใด พศ.ใด
ยังไปเอาเมี่ยวซ่าน เจ้าแม่กวนอิม ธรรมกายมามั่วๆ
 

ไปเอาพระไตรปิฎก ที่ขัดกับพระวินัยเถรวาทมาเป้นข้อแก้ต่าง

เดี๋ยว รื้อฟื้นคดีธรรมกายขึ้นมาใหม่ ซะเลย

 ;D ;D ;D




ขอประทานโทษครับ   ผมจะสนธนาและถกกับผู้ที่ต้องการความรู้จริงๆ  ประเภทถามมา พอผมตอบไป  ทิฏฐิมานะของเขา ทำให้เขาไม่เคยยอมรับ  และอาจจะอ่านแค่คร่าวๆ  อ่านเพื่อจะหาเรื่องยั่วเรื่องอื่นๆ  คนประเภทนี้  ผมเสียเวลาเปล่าๆ  และไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตอบ

คุณอยากพูดอะไร  อยากเขียนอะไร  ก็เชิญเขียน  ผมเห็นว่าเรื่องไหนควรตอบ  ผมก็ตอบ  ผมจำได้ว่า ผมตอบคุณมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งในเว็บต่างๆที่คุณอวตารเข้าไป  ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย  ในเมื่อใจของคุณ มีแต่ความอวดเก่ง  ทิฏฐิมานะอย่างเดียว


หัวข้อ: Re: ปริศนาทางสายกลางสูงสุดของศาสนาพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 29 ธันวาคม 2553 09:32:29


ถามไปหลายกระทู้ เรื่องมหายาน

จนป่านนี้ คุณเดียรถีย์พลศักดิ์ ยังแถไม่ออก มาตอบไม่ได้

เมี่ยวซ่าน เกิดมาในจีน สมัยใด พศ.ใด
ยังไปเอาเมี่ยวซ่าน เจ้าแม่กวนอิม ธรรมกายมามั่วๆ
 

ไปเอาพระไตรปิฎก ที่ขัดกับพระวินัยเถรวาทมาเป้นข้อแก้ต่าง

เดี๋ยว รื้อฟื้นคดีธรรมกายขึ้นมาใหม่ ซะเลย

 ;D ;D ;D




ขอประทานโทษครับ   ผมจะสนธนาและถกกับผู้ที่ต้องการความรู้จริงๆ  ประเภทถามมา พอผมตอบไป  ทิฏฐิมานะของเขา ทำให้เขาไม่เคยยอมรับ  และอาจจะอ่านแค่คร่าวๆ  อ่านเพื่อจะหาเรื่องยั่วเรื่องอื่นๆ  คนประเภทนี้  ผมเสียเวลาเปล่าๆ  และไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตอบ

คุณอยากพูดอะไร  อยากเขียนอะไร  ก็เชิญเขียน  ผมเห็นว่าเรื่องไหนควรตอบ  ผมก็ตอบ  ผมจำได้ว่า ผมตอบคุณมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งในเว็บต่างๆที่คุณอวตารเข้าไป  ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย  ในเมื่อใจของคุณ มีแต่ความอวดเก่ง  ทิฏฐิมานะอย่างเดียว

 ;D ;D ;D

คุณพลศักดิ์
อายปากไหมล่ะนั้น

กระทู้ทั้งหมด ที่อยู่เวปนี้
ทุกคำ ไม่มีการลบ ไม่มีการตัดต่อ เปลี่ยนแปลงข้อความ
เหมือนเวปลูกสมุนใบไม้นอกกำมือของคุณหรอก

คนอ่าน จะได้อ่านทุกๆประโยค
เห็นทุกคำ ที่คุณเพ้อเจ้อ
และดิ้นไม่ออก ตอบไม่ได้ ในประเด็นสำคัญๆๆ

ใครๆก็อ่านออก และก็รู้ว่า คุณชกไม่มีศักดิศรีที่จะชก
มวยคนละรุ่น มวยอ่อนหัด
ทั้งปริยัติ ทั้งปฎิบัติ
ควรจะลงเวที ไปได้นานแล้ว

ทำตัวเป็นข้าศึกพระศาสนา ที่อ่อนหัดมาก

ที่คุณพูดมานี่เป็นข้ออ้าง
ที่คิดจะหนี  เตรียมที่จะไส่ตีนหมาโกยแน่บ
เพราะไม่อาจเอาพระธรรม มาถก มาตอบได้
ได้แต่แถไปแถมา

กระทู้ของคุณ มีประโยชน์มากสำหรับคุณ
ที่จะแฝงศาสนาอื่นๆ มาทำลายพระศาสนาเถรวาท

นี่ผมยังไม่ได้ยก วาทะของเดียรถีย์
วาทะของปริพาชก ที่พระพุทธเจ้าตรัส ในคัมภีร์ มายันคุณหรอกนะ
ยังไม่เอามายันคุณให้ถึงตาย คาเวที

เพื่อให้คุณ เพื่อให้คุณ เหลือที่ยืนในนรกบ้าง

เพราะแค่นี้ คุณก็ไม่เหลือที่ยืนในเวปต่างๆแล้ว

วินัยธร ก็ต้องห้ำหั่น ข้าศึกของพระศาสนา
และเดียรถีย์ เป็นธรรมดาๆๆ

หรือจะให้เปิดแฟ้ม คดีธรรมกาย มาปัดฝุ่นใหม่ก็ได้

เสียดาย ที่ไม่ได้ร่วมอภิปรายในกรณีธรรมกาย


 ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ปริศนาทางสายกลางสูงสุดของศาสนาพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 29 ธันวาคม 2553 09:33:26
คุณพลศักดิ์
อายปากไหมล่ะนั้น

กระทู้ทั้งหมด ที่อยู่เวปนี้
ทุกคำ ไม่มีการลบ ไม่มีการตัดต่อ เปลี่ยนแปลงข้อความ
เหมือนเวปลูกสมุนใบไม้นอกกำมือของคุณหรอก

คนอ่าน จะได้อ่านทุกๆประโยค
เห็นทุกคำ ที่คุณเพ้อเจ้อ
และดิ้นไม่ออก ตอบไม่ได้ ในประเด็นสำคัญๆๆ

ใครๆก็อ่านออก และก็รู้ว่า คุณชกไม่มีศักดิศรีที่จะชก
มวยคนละรุ่น มวยอ่อนหัด
ทั้งปริยัติ ทั้งปฎิบัติ
ควรจะลงเวที ไปได้นานแล้ว

ทำตัวเป็นข้าศึกพระศาสนา ที่อ่อนหัดมาก

ที่คุณพูดมานี่เป็นข้ออ้าง
ที่คิดจะหนี  เตรียมที่จะไส่ตีนหมาโกยแน่บ
เพราะไม่อาจเอาพระธรรม มาถก มาตอบได้
ได้แต่แถไปแถมา

กระทู้ของคุณ มีประโยชน์มากสำหรับคุณ
ที่จะแฝงศาสนาอื่นๆ มาทำลายพระศาสนาเถรวาท

นี่ผมยังไม่ได้ยก วาทะของเดียรถีย์
วาทะของปริพาชก ที่พระพุทธเจ้าตรัส ในคัมภีร์ มายันคุณหรอกนะ
ยังไม่เอามายันคุณให้ถึงตาย คาเวที

เพื่อให้คุณ เพื่อให้คุณ เหลือที่ยืนในนรกบ้าง

เพราะแค่นี้ คุณก็ไม่เหลือที่ยืนในเวปต่างๆแล้ว

วินัยธร ก็ต้องห้ำหั่น ข้าศึกของพระศาสนา
และเดียรถีย์ เป็นธรรมดาๆๆ

หรือจะให้เปิดแฟ้ม คดีธรรมกาย มาปัดฝุ่นใหม่ก็ได้

เสียดาย ที่ไม่ได้ร่วมอภิปรายในกรณีธรรมกาย

 ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ปริศนาทางสายกลางสูงสุดของศาสนาพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 29 ธันวาคม 2553 12:25:02
อยากพูดอะไรก็พูดไป  คุณเข้ามาในเว็บธรรมะ  ไม่ต้องการหาธรรมะ  แต่ต้องการหาเรื่อง  ผมจึงทำอย่างเดียว (:SH:) (^^)

ยกเว้นมีเรื่องที่ผมต้องการจะตอบ  ผมจึงจะ (:DA:) (:RK:)


หัวข้อ: Re: ปริศนาทางสายกลางสูงสุดของศาสนาพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 29 ธันวาคม 2553 15:45:18
อยากพูดอะไรก็พูดไป  คุณเข้ามาในเว็บธรรมะ  ไม่ต้องการหาธรรมะ  แต่ต้องการหาเรื่อง  ผมจึงทำอย่างเดียว (:SH:) (^^)

ยกเว้นมีเรื่องที่ผมต้องการจะตอบ  ผมจึงจะ (:DA:) (:RK:)

 ;D ;D ;D

คำให้การ ....ของมารศาสนา.....จนตรอก

 ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: ปริศนาทางสายกลางสูงสุดของศาสนาพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 29 ธันวาคม 2553 16:32:02
ยืนยัน สภาวะเดียรถีย์ .... ของ.... เดียรถีย์พลศักดิ์ ...บุตรของพระเจ้า
ที่ชอบเอาศาสนาอื่น มามั่ว มาสอดแทรก

ลองอ่าน

 ;D ;D ;D

[๕๘๓] คำว่า ชนเหล่าใด ย่อมสรรเสริญธรรมอื่นจากธรรมนี้ ชนเหล่านั้น ย่อม
เป็นผู้พลาดทางแห่งความหมดจด เป็นผู้ไม่บริบูรณ์ ความว่า ชนเหล่าใด ย่อมสรรเสริญธรรม
คือ ทิฏฐิ ปฏิปทา มรรค อื่นจากธรรมนี้ ชนเหล่านั้น ย่อมเป็นผู้ พลั้ง พลาด คลาด
เคลื่อนทางแห่งความหมดจด ทางแห่งความหมดจดวิเศษ ทางแห่งความหมดจดรอบ ทางแห่ง
ความขาว ทางแห่งความขาวรอบ ชื่อว่าพลาดจากอรหัตผล เป็นผู้ไม่บริบูรณ์ ไม่เต็มเปี่ยม ไม่
เต็มรอบ คือ เป็นพวกเลว ทราม ต่ำช้า ลามก สกปรก ต่ำต้อย เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
ชนเหล่าใด ย่อมสรรเสริญธรรมอื่นจากธรรมนี้ ชนเหล่านั้น ย่อมเป็นผู้พลาดทางแห่งความหมด
จด เป็นผู้ไม่บริบูรณ์.

http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=29&A=6685&Z=6832&pagebreak=0 (http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=29&A=6685&Z=6832&pagebreak=0)


หัวข้อ: Re: ปริศนาทางสายกลางสูงสุดของศาสนาพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: phonsak ที่ 29 ธันวาคม 2553 19:36:04
คำพูดหมาไม่รับประทานของคุณ   แล้วอยากได้ความรู้จากผม  ผมหรือจะไปตอบ (:BYE:) (:BYE:) (:BYE:) (:BYE:) (:BYE:)


หัวข้อ: Re: ปริศนาทางสายกลางสูงสุดของศาสนาพุทธ
เริ่มหัวข้อโดย: armageddon ที่ 30 ธันวาคม 2553 00:57:00
คำพูดหมาไม่รับประทานของคุณ   แล้วอยากได้ความรู้จากผม  ผมหรือจะไปตอบ (:BYE:) (:BYE:) (:BYE:) (:BYE:) (:BYE:)

 ;D ;D ;D

ตอบไม่ได้....เลยไส่ตีนหมาโกยอ้าวเหรอครับ......

 ;D ;D ;D