[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
11 พฤษภาคม 2567 13:11:58 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 [2] 3 4 ... 101
21  สุขใจในธรรม / กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ / วันปลอดนรกการ (วันนรกหยุดทำการ) - พระราชพรหมยาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2563 11:04:46

วันปลอดนรกการ (วันนรกหยุดทำการ) - พระราชพรหมยาน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ



วันปลอดนรกการ อย่าลืมทำบุญให้ญาติฯ วันปลอดนรกการ เจ้าหน้าที่นรกปิดหยุดงาน 3 วัน

หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง สนทนากับลุงพุฒ เมื่อครั้งที่เป็นพญายมราช

* ท่านบอกว่า "วันนี้ผมปลอดภาระนรกการครับ"
รู้จักนรกการไหม อย่างคนรับราชการ
ท่านบอก "วันนี้หยุดราชการ" ที่นั่นเขาปลอดนรกการ

* ถามว่า "ลุงปลอดกี่วันล่ะ*
* ท่านบอก "ปลอด 3 วัน คือ วันขึ้น 14 ค่ำ ขึ้น 15 ค่ำ กับแรม 1 ค่ำ

* ก็เลยถามว่า "ปีหนึ่งมีการปลอดกี่ครั้ง "
* ท่านบอก "4 ครั้ง วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา
วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา" หมายความว่า ไม่มีการสอบสวนกัน

* ถามท่านว่า "ถ้าลุงไม่มีการสอบสวน ก็แสดงว่า ผู้ที่ตายยังเรียกว่า...สัตว์นรกไม่ได้ เพราะเขายังไม่แน่ว่าผิดหรือไม่ผิด ฉะนั้น ผู้ที่รอการสอบสวน ลุง..เขาปล่อยเป็นอิสระใช่ไหม"

* ท่านบอกว่า "ใช้คำว่าปล่อยน่ะไม่ถูก เพราะทุกคนเขาเป็นอิสระหมด ไม่ถือว่าเป็นนักโทษ แต่ว่าที่เขาไปรวมอยู่ที่นั่น เขาทราบว่า จะมีคนสักคนหนึ่ง คอยช่วยเหลือเขาไม่ให้ลงนรก เขาไปรอการสอบสวน เราไม่สอบสวน เขาก็ไปตามเรื่องของเขา ไปหาญาติๆ

* เลยถามว่า "ในขณะที่เขาออกมาได้อย่างนั้น และถ้าญาติเขาจะบำเพ็ญกุศลให้จะได้ไหม?"

* ท่านก็บอกว่า "ถ้าญาติฉลาดทุกคนได้หมด และก็ไม่ต้องลงนรก"

* ถามว่า "ทำยังไง"
* ท่านบอกว่า "ทำบุญอุทิศเฉพาะ ออกชื่อตรงคนนั้นเลย แต่มันก็ไม่แน่นัก บางทีบาปหนา บางทีไม่ได้รับ"

* ท่านบอกให้ฝาก "พญายม" ว่า
"การอุทิศส่วนกุศลคราวนี้ ถ้าบุคคลนั้นไม่ได้รับ
ขอฝากพญายมไว้ด้วย ถ้าพบคนนี้เมื่อไร ขอบอกให้เขาโมทนาทันที"

* ถ้าเขาผ่านสำนักผม ผมจะบอกให้เขาโมทนาทันที







#หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
จากหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" ปีที่ 32 ฉบับที่ 365
เดือนสิงหาคม พ.ศ.2554 หน้า9
22  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / Re: อาหารเป็นพิษ อันตรายถึงชีวิตคิดก่อนกิน เมื่อ: 09 มิถุนายน 2563 18:57:09


สาเหตุของอาการอาหารเป็นพิษ

มักเกิดขึ้นจากการกินอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ กินอาหารที่ปรุงไม่สุก โดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรือการวางอาหารไว้ในสภาพแวดล้อม
ที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ เช่น ในตู้เย็นที่ตั้งอุณหภูมิไว้สูงกว่า 5 องศาเซลเซียส หรือการไม่เก็บอาหารเข้าตู้เย็น หรือมาจากการปนเปื้อน
โดยการสัมผัสอาหารของผู้ป่วยและอาหารที่ปรุงสุกสัมผัสกับอาหารดิบ เป็นต้น




อาการและภาวะแทรกซ้อน

อาการที่เกิดขึ้น คือ ปวดท้องอย่างรุนแรง ท้องร่วง คลื่นไส้อาเจียน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากลัวคืออาการแทรกซ้อน คือ ภาวะร่างกายขาดน้ำ
เนื่องจากในร่างกายของคนปกติที่ร่างกายแข็งแรง จะประกอบด้วยน้ำประมาณ 60-65 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเลือดที่ไหลเวียน
ไปเลี้ยงทุกอวัยวะในร่างกาย เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เช่น ปอดมีน้ำอยู่เกือบ 90% สมองมีน้ำอยู่ถึง 75%
น้ำช่วยรักษาสมดุลให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ และน้ำในร่างกายยังต้องสมดุลไปกับสภาวะเกลือแร่ด้วย

เมื่อร่างกายขาดน้ำ การทำงานของระบบไหลเวียนเลือดและอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ ไต สมอง ทางเดินอาหาร กล้ามเนื้อ จะทำงานผิดปกติ
เพราะการท้องเสียทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำไปมาก ซึ่งหากยังไม่ได้รับการรักษา ร่างกายก็จะขาดน้ำมากขึ้นจนกระทบต่อระบบไหลเวียนเลือด
ชีพจรเต้นเบาเร็ว ความดันเลือดต่ำ ความรุนแรงจะส่งผลให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ล้มเหลว โดยเฉพาะ ไตวายเฉียบพลัน เกิดภาวะช็อก
หมดสติ และทำให้ถึงแก่ชีวิต




การรักษาและการป้องกัน

โดยปกติ เมื่อร่างกายสร้างภูมิต้านทานได้แล้ว ก็จะหายได้เองภายใน 2-3 วัน โดยไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ ซึ่งก็จะดูแลกันไปตามอาการ คือ
ให้ดื่มน้ำสะอาดมากๆ พักผ่อนให้มาก เลือกกินเฉพาะอาหารอ่อน ๆ แต่ต้องคอยสังเกตอาการจนกว่าจะหายดี เพราะหากอาการไม่ดีขึ้นและทรุดลง
หรือมีอาการขาดน้ำอย่างรุนแรง เช่น มึนงง หัวใจเต้นเร็วและแรง ชีพจรเต้นอ่อน ตาพร่ามัว หน้ามืด ปัสสาวะน้อย หรือไม่ปัสสาวะเลย
ต้องรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด

ส่วนวิธีป้องกันอาการอาหารเป็นพิษที่ดีสุด คือ สุก ร้อน สะอาด ล้างมือ นอกจากนี้สำนักงานมาตรฐานอาหารของอังกฤษ (FSA) ได้แนะนำ 4C
เพื่อการกินอาหารที่สะอาด ปลอดภัย และห่างไกลจากอาหารเป็นพิษ คือ

 - ความสะอาด (Cleaning)
 - การเตรียมและปรุงอาหาร (Cooking)
 - การเก็บรักษาและแช่แข็งอาหาร (Chilling)
 - หลีกเลี่ยงและป้องกันการปนเปื้อนระหว่างของสด (Cross-contamination)

นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่หมดอายุ ปฏิบัติตามคำแนะนำในการเก็บรักษาอาหารบนฉลากอย่างเคร่งครัด กินอาหารที่ปรุงสุก สด ใหม่
และล้างมือบ่อยๆ ก็จะช่วยให้เราห่างไกลจากอาหารเป็นพิษได้แล้ว





ขอขอบคุณ
ภาพ: iStock
เรื่อง: Sanook.com
23  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / อาหารเป็นพิษ อันตรายถึงชีวิตคิดก่อนกิน เมื่อ: 09 มิถุนายน 2563 18:54:27



“อาหารเป็นพิษ” ถ้าไม่ระวังการกิน อาจอันตรายถึงชีวิตได้


 




อาการ “อาหารเป็นพิษ”
“อาหารเป็นพิษ (Food Poisoning)” เป็นอาการเกิดจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งอาจเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส หรือเชื้อราก็ได้
เมื่อกินอาหารที่ปนเปื้อนนั้นเข้าไปแล้ว ร่างกายจะแสดงอาการหลังจากที่กินอาหารเข้าไปแล้วภายใน 1-2 วัน หากมีการปนเปื้อนมาก
หรือเป็นเชื้อจุลินทรีย์สายพันธุ์ก่อโรครุนแรง ก็จะเร่งให้แสดงอาการได้เร็วขึ้น โดยอาการอาหารเป็นพิษมักจะเกิดในช่วงหน้าร้อนและหน้าฝน
เนื่องจากความชื้นและอุณหภูมิอบอุ่นที่พอเหมาะ เป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์

เชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ มีทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส เช่น

 - ซัลโมเนลลา (salmonella) เป็นเชื้อแบคทีเรียที่มีความรุนแรง หากในอาหารมีจำนวนแบคทีเรียชนิดนี้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้
แบคทีเรียชนิดนี้เติบโตได้ดีที่อุณหภูมิระหว่าง 8-45 องศาเซลเซียส และในอาหารที่มีค่าความเป็นกรดด่างระหว่าง 4-9 มักพบในอาหารดิบ
หรืออาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อีกทั้งยังพบได้ในน้ำนมและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อหรือฆ่าเชื้ออย่างไม่มีประสิทธิภาพ
และพบในผักบางชนิด

 - อีโคไล (E.coli) เป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ในระบบทางเดินอาหารของคนและสัตว์ ซึ่งสายพันธุ์ของเชื้อที่พบในร่างกายจะไม่มีอันตราย
และไม่ก่อให้เกิดโรค แต่หากเป็นเชื้ออีโคไลที่พบปะปนมากับอุจจาระหรือเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก เมื่อกินอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อนก็จะเกิดอาการท้องร่วง
อย่างไรก็ตาม อีโคไลเจริญเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิระหว่าง 7-50 องศาเซลเซียส และถูกทำลายที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป
จึงเป็นเชื้อที่พบได้ง่ายในการปนเปื้อน

 - โนโรไวรัส (norovirus) เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อผ่านทางการกินอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนมาจากอุจจาระหรืออาเจียนของผู้ป่วย เป็นเชื้อก่อโรค
ที่ทนทั้งความร้อนและกรด ที่สำคัญ ยังเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิต่ำด้วย เชื้อชนิดนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน และการรักษาที่เฉพาะ เมื่อได้รับเชื้อ
อาการแทรกซ้อนที่สำคัญคือ การขาดน้ำ การรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการด้วยการชดเชยน้ำ ซึ่งอาจทำได้โดยการกินหรือการให้
ทางหลอดเลือดดำ

 - ไรโซปัส สโตโลนิเฟอร์ (Rhizopus stolonifer) เป็นเชื้อราสีดำที่มีลักษณะเป็นจุดดำอ่อนนุ่ม มักพบตามขนมปังที่ขึ้นรา ถั่ว และพืชผักที่เป็นหัว
เติบโตได้ดีที่อุณหภูมิระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส หากมีความชื้นสูงก็จะเติบโตได้เร็ว เมื่อบริโภคอาหารที่มีเชื้อราชนิดนี้เข้าไป
เชื้อราจะสร้างสารพิษที่มีผลต่อสุขภาพ อาจจะแสดงอาการได้ในทันที หรือเก็บสะสมเป็นสารพิษในร่างกาย






24  สุขใจในธรรม / ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก / พระอินทร์ หรือท้าวสักกะเทวราช มีจริงไหม ? โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เมื่อ: 11 พฤษภาคม 2563 09:35:00
พระอินทร์ มีจริงไหม ?



ถ้าจะถามว่า พระอินทร์ มีจริงไหม อาตมาขอยืนยันว่า พระอินทร์ มีจริง เทวดาทั้งหลายก็มีจริง พรหมมีจริง ท้าวมหาราช ทั้ง ๔ ก็มีจริง

ถ้าใครไม่มั่นใจว่ามีจริงหรือไม่จริง เอาคำแนะนำขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปลองปฏิบัติดูบ้าง ทำให้ได้ ๒ ใน วิชชาสาม
๕ ใน อภิญญาหก ก็จะปรากฏผลตามที่พระพุทธเจ้าตรัสทุกอย่าง อย่ามานั่งวิพากษ์วิจารณ์กันแต่แค่ตำรา อันนี้มันไม่ถูกไม่ต้อง
คนที่เรียนวิชาทำอาหาร ดูแต่หนังสือดูแค่ตำรา เขาว่ามาอย่างไรก็ว่าตามเขาแต่ก็ไม่เคยปรุงอาหารบริโภคเลย ดีไม่ดีก็ไปนั่งติตำราว่า
ทำไม่ถูก มันไม่อร่อยทั้งนี้เพราะอะไร เพราะตัวไม่เคยกินอาหาร
อ่านมาอ่านไปศึกษามาศึกษาไป หนักเข้าก็สงสัยว่า เอ๊ะ นี่มันจะกิน
ได้หรือไม่ได้ ดีไม่ดีเขาบอกว่า ไอ้หน่อไม้ในป่านี่มันกินอร่อย
ไปยืนมอง ๆ ว่า อพิโธ่เอ๋ย ไอ้หน่อไม้ประเภทนี้ กินเข้าแล้วมันไม่มีประโยชน์ รสชาติมันไม่อร่อย ทั้งนี้เพราะอะไร
เพราะความโง่เขลาเบาปัญญา ไม่ลองเอาหน่อไม้มาทำอย่างที่ชาวบ้านเขาสอน อย่างที่ชาวบ้านเขากินกัน

ข้อนี้มีอุปมาฉันใด เรื่อง สวรรค์ พรหม นิพพาน นรก เปรต อสุรกาย ก็เช่นเดียวกัน ถ้ามานั่งอ่านแต่หนังสือก็มานั่งวิพากษ์วิจารณ์
ก็ไม่ต่างอะไรกับกัณฑหาลพราหมณ์ นี่แหละ




โอวาทหลวงพ่อฯ เล่ม 3 หน้า 20
ข้อมูลจากเฟสบุ๊ค เพจ คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
25  สุขใจในธรรม / สมถภาวนา - อภิญญาจิต / ฝึกกสิณ ๑๐ ให้ใช้เพื่อละโทสะและปฏิฆะ ตลอดจนกระทั่งกามราคะ - พระครูวิลาศกาญจนธรรม เมื่อ: 09 พฤษภาคม 2563 13:43:56
ฝึกกสิณ ๑๐ ให้ใช้เพื่อละโทสะและปฏิฆะ ตลอดจนกระทั่งกามราคะ



โยมที่ถามปัญหาเมื่อเช้านี้เป็นเศรษฐีที่ใช้เงินไม่เป็น เขาบอกว่าเขาฝึกกสิณ ๑๐ จนครบแล้ว จะทำอย่างไรต่อไป ?
มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ? หลวงพ่อวัดท่าซุงสั่งให้ฝึกเพื่อที่จะใช้ในการละโทสะและปฏิฆะ ตลอดจนกระทั่งกามราคะ แต่ใช้ไม่เป็น

อาตมาก็เลยไปนึกถึงสมัยหลวงปู่ปานท่านไปหาหลวงปู่พริ้งที่วัดบางปะกอก ลูกศิษย์บอกว่า หลวงปู่ปานบอกกับใคร ๆ ว่า
หลวงปู่พริ้งเป็นอาจารย์ แต่ไม่เห็นท่านมาฝึกวิชาอะไรกับหลวงปู่พริ้งเลย หลวงปู่พริ้งท่านบอกว่า
"เขาไม่เหมือนพวกแกนี่ เขามาแค่คืนเดียว" แค่มาเรียนรู้วิธีใช้เงิน

พอเห็นโยมเมื่อเช้าแล้วก็ชื่นใจอยู่อย่างว่า คนที่ฝึกปฏิบัติธรรมแบบเอาจริงเอาจังยังมีอยู่ แต่ขณะเดียวกันส่วนหนึ่งที่น่ากลัวคือ
โยมทรงฌานอยู่ตลอดเวลา การทรงฌานใช้งานอยู่ตลอดเวลา จะเกิดผลอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือ
สภาพจิตปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง บางคนจะเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว

อาตมาเคยมีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่งเป็นผู้หญิง ไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษีเกือบปี ฝึกทรงฌานในลักษณะอย่างนี้ พอฝึกไปเสร็จแล้ว
เขาก็หลุดปากออกมาว่า “หลวงพ่อ...คนเป็นพระอรหันต์ไม่เห็นจะต้องตายอย่างที่หลวงปู่ฤๅษีบอกเลย” เขามั่นใจว่าเขาเป็นแน่นอน
กิเลสไม่เกิดเป็นปีเลย ท้ายสุดด้วยความมั่นใจของเขาก็ขอลาไป ตอนนี้ไปเลี้ยงลูกเป็นโขยง ทั้ง ๆ ที่คิดว่าตัวเองบรรลุแล้ว..!

ประการที่ ๒ ก็คือ ถ้าเผลอสติหลุดจากฌานเมื่อไร คราวนี้ปางตายเลย กิเลสจะมาฟ้าถล่มดินทลาย เหมือนอย่างกับเขาจ้องตลอดเวลา
ว่าเรามีจุดอ่อนตรงไหน แล้วจะโจมตีตรงนั้น อาตมาเองเคยเกือบตายมาหลายรอบแล้ว ไปกราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่า
"ข้าก็เคยเป็น ข้าทรงสมาบัติ ๘ คล่องตัวชนิดเข้าเมื่อไรก็ได้ตามที่ต้องการ ข้าก็คิดว่าแน่ มีอยู่วันหนึ่งหลุดออกมาเหลือแค่อุปจารสมาธิตอนไหนก็ไม่รู้ ?"

ท่านบอกว่าเกือบตาย รัก โลภ โกรธ หลง กระหน่ำมาทุกทิศทุกทาง ท่านบอกว่า "แกลองคิดดูว่า บ้านมีเสา ๘ ต้น อยู่ ๆ เสาก็พังไป ๗ ต้นครึ่ง
เหลืออยู่แค่ครึ่งต้น แล้วจะค้ำบ้านอยู่ไหม ?

เพราะฉะนั้น...อาตมาก็ยังเป็นห่วงโยมเขาอยู่ ลักษณะของผู้ทรงฌาน คนรอบข้างไม่เข้าใจอาจจะเป็นโทษกับเขาได้ด้วย
เพราะว่าจะไปพูดจาล่วงเกินอะไรเขาได้ เพื่อนฝูงเคยชวนกินเหล้าเมายาอยู่เป็นปกติก็ไม่ไปกับเขา

ถ้ายิ่งมีครอบครัวยิ่งลำบาก สมมติว่ามีภรรยา ภรรยามีความต้องการทางเพศตามปกติ แต่สามีตายด้านชั่วคราวไปทีหนึ่งหลาย ๆ เดือน
เดี๋ยวก็ได้บ้านแตกสาแหรกขาด

เรื่องของทางโลกกับทางธรรมจริง ๆ แล้ว เราต้องพยายามระมัดระวังไม่ให้โลกช้ำธรรมเสีย ยกเว้นบุคคลประเภทหนึ่ง
คือมาสายพุทธภูมิแต่เดิม ท่านทั้งหลายเหล่านี้กำลังใจเกินคน ส่วนที่ท่านคิดว่าพอดี มักจะเกินกว่าที่ชาวบ้านเขารับได้
จึงมักจะกลายเป็นโลกช้ำไป

ใครถอดเทปช่วงเมื่อเช้าลองฟังเสียงเขาดู ลักษณะของบุคคลทรงฌานจะเป็นอย่างนั้น มีอารมณ์เดียวตลอด ไม่รับอะไรเลย
ถามปัญหาแค่ ๒ ข้อ

ไปนึกถึงตัวอาตมาเองอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงมาทั้งหมด ๑๘ ปี เคยถามแค่ ๔ ครั้ง เพราะว่าในเรื่องของการปฏิบัติ
ถ้าเราทำจริง ๆ จะได้คำตอบเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปถามครูบาอาจารย์ เพียงแต่ว่าที่ไปถามเพราะว่าเป็นช่วงของการเปลี่ยนอารมณ์
การก้าวข้ามอะไรสักอย่าง ทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่าไปถูกทางหรือเปล่า ? ก็ต้องไปกราบเรียนถามหลวงพ่อเพื่อขอความมั่นใจ

เมื่อเช้านี้เขาก็ถามแค่ ๒ ข้อ คือสงสัยว่าที่ตัวเองทำมาผิดพลาดหรือถูกต้อง และจะไปต่ออย่างไร

ลักษณะอย่างนั้นถึงเวลาจำเป็นแล้ว หลวงปู่ หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ หรือพระท่านจะใช้งาน ไม่อย่างนั้นแล้วท่านไม่สั่งให้ฝึกขนาดนั้นหรอก
แบบเดียวกับที่สั่งเน้นพวกอาตมาให้ฝึกอภิญญาโดยเฉพาะ ท่านบอกว่ากาลต่อไปข้างหน้า บุคคลที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ
จะจ้วงจาบพระพุทธศาสนามาก ถึงขนาดกล่าวหาว่าอภิญญาสมาบัติเป็นของหลอกลวงกัน เพื่อยกย่องศาสดาของตน

ท่านบอกว่า ถึงวาระนั้นแล้วพวกแกจะต้องไปแสดงให้เขาดูว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีจริง ก็กราบเรียนถามหลวงพ่อท่านว่า
"ก็พระพุทธเจ้าท่านห้ามไม่ให้ภิกษุสามเณรแสดงฤทธิ์แสดงอภิญญา แล้วพวกผมจะแสดงได้หรือ ?"
 หลวงพ่อท่านบอกว่า "ถึงเวลาแล้วพระท่านจะสั่งเอง"

ก็ได้แต่หวังว่าท่านจะไม่สั่ง เพราะว่ายังทำอะไรไม่ค่อยเป็น ถึงเวลาสั่งแล้วเดี๋ยวไปเหมือนกับโยมเมื่อเช้า มีสตางค์เต็มกระเป๋าแต่ใช้ไม่เป็น
แล้วที่ตลกมากก็คือ หลังจากที่มีโยมถามปัญหาขั้นประถมของเขา เลยไปเจอระดับปริญญาเข้าให้ โยมเขาบอกว่าขออนุญาตถามปัญหาระดับประถม
ก็เลยบอกว่า “เออ...ถึงระดับประถมแล้วหรือ ? ที่เจอมาอนุบาลล้วน ๆ” เพิ่งจะพูดจบไม่นานเจอระดับปริญญาเลย..!



พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ณ บ้านเติมบุญ
26  สุขใจในธรรม / บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม / คาถาเงินล้าน ยิ่งสวดมากยิ่งได้ลาภมาก และ ที่มาของคาถา - หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2563 21:44:18



คาถาเงินล้าน ยิ่งสวดมากยิ่งได้ลาภมาก และ ที่มาของคาถา - หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ




คาถาเงินล้าน เป็นคาถาของ ฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง เป็นคาถาที่ได้จากกรรมฐาน ได้อนุญาตให้ลูกหลานและพุทธบริษัทใช้ได้เป็นสาธารณะ 

หลวงพ่อได้คาถาบทเหล่านี้ โดยตรงจากองค์สมเด็จฯ (องค์ปฐม) ตั้งแต่ปี 2517
เป็นเวลา 4 ปี จึงจะได้ครบถ้วน ท่านบอกว่าคาถาที่ได้จากกรรมฐาน เขาจะไม่บอกใคร

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2527 เวลา 23.59 น. องค์สมเด็จฯ ได้อนุญาตให้ลูกหลาน และพุทธบริษัทใช้ได้เป็นสาธารณะ
เพื่อช่วยบรรเทาสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ อีกทั้งการก่อสร้างของวัดท่าซุง จะต้องเร่งรัดให้เสร็จทันฉลองวัดในปี 2532
จึงจำเป็นที่จะต้องใช้คาถาเหล่านี้ช่วย เพื่อพุทธบริษัท และลูกหลานของหลวงพ่อ มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น

พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า "หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ"
ท่านเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนานิกายเถรวาทฝ่ายมหานิกายเจ้าอาวาสวัดท่าซุง (วัดจันทาราม) จังหวัดอุทัยธานี
ท่านมีชื่อเสียงในด้านการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานจนได้วิชามโนยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ)
หลังการมรณภาพ สังขารร่างกายของท่านมิได้เน่าเปื่อยอย่างศพของคนทั่วไป และได้มีการเก็บรักษาไว้ที่วัดท่าซุงจนถึงปัจจุบันนี้

แรงศรัทธาหลั่งไหลเข้ามา ณ วัดท่าซุงอันสงบเย็น ทุกวันจะมีกระแสแรงศรัทธาจากผู้คนถ้วนทั่วทุกสารทิศ
เดินทางเข้ามากราบไหว้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเองและครอบครัว ได้สัมผัสกับความอิ่มเอม
จุดเด่นวิหารแก้ว ภายในประดับด้วยกระจกทำให้เกิดแสงระยิบระยับเป็นที่เก็บร่างหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่คนเคารพนับถือ

ในปัจจุบันพระคาถาเงินล้านของท่านได้แพร่หลายและเป็นที่รู้จักเป็นอย่างมาก มีความเชื่อกันว่ายิ่งสวดมากยิ่งได้ลาภมาก
ตามความศรัทธาของแต่ละคน

- สวดอย่างน้อยวันล่ะ 9 จบ
- แต่จะให้ดี อย่างน้อย 30 จบ
- ถ้าติดขัดการเงินแบบหนักหนาสาหัสสากรรจ์เจียนจะตายเสียให้ได้ให้ตั้งใจท่อง พระคาถาวันละ 108 จบ

และทำทานทุกวันสม่ำเสมอด้วยความเต็มใจอย่างแท้จริง ถ้าทำได้ว่างเมื่อไหร่ก็ให้สวดเมื่อนั้น ก่อนสวดพระคาถาให้ตั้งจิตให้นิ่ง



(ตั้ง นะโม 3 จบ )

สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน )
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันต ุเม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตภาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา
วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ

( บูชา 9 จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)



เคล็ดวิชานี้ใช้ได้ผลมามากมาย ทั้งคนที่ตกงานหางานทำไม่ได้ คนที่เป็นหนี้สิน สิ้นหวังในชีวิต
หากท่านทำได้ครบถ้วนทุกประการที่ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำแล้ว รับรองว่าจะได้รู้ความเปลี่ยนแปลงในชีวิตด้วยตัวเอง




ข้อมูลจาก Sanook Horoscope
27  สุขใจในธรรม / ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก / Re: “อย่าพูดคำว่าไม่มีเงิน” โดย หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2563 21:24:24


เกริ่นเรื่องราวจากหลวงพ่อเล็กกันมานาน ว่าแล้วก็ต่อด้วยคาถาเงินล้านกันเลย...

(ตั้ง นะโม 3 จบ )

สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน )
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันต ุเม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตภาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา
วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
เพ็ง ๆ พา ๆ หา ๆ ฤา ๆ

( บูชา 9 จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)








28  สุขใจในธรรม / ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก / Re: “อย่าพูดคำว่าไม่มีเงิน” โดย หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2563 21:21:55





หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ท่านแนะนำเอาไว้ ท่านบอกว่าจะมากจะน้อย ขอให้มีเงินติดตัวไว้
บาทหนึ่งสลึงหนึ่งก็ยังดี ถ้าใช้คาถาเงินล้านของท่าน “อย่าพูดคำว่าไม่มีเงิน” อย่างไรก็ต้องมี

“ถ้าหากว่าโยมมีเหรียญที่ไม่ได้ใช้ ก็ใส่ ๆ กระเป๋าไว้บ้าง อย่างไรก็ให้มีเงินติดกระเป๋าอยู่ เป็นการแก้เคล็ด..”

ในสมัยของหลวงปู่ปาน มีลูกศิษย์ที่ทำคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ แล้วประสบผลสำเร็จ
เป็นตัวอย่างให้คนอื่นได้ พอมาถึงรุ่นหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านไม่ได้ยกตัวอย่าง แต่อาตมาก็ทำให้เห็นแล้วว่า ถ้าทำจริงก็มีผลจริงๆ

เหลือแต่พวกเราทั้งหลายว่าจะมีใครทุ่มเทจริงจัง เมื่อถึงเวลาแล้วจะได้ประกาศอย่างเต็มปากเต็มคำว่า
เราปฏิบัติกรรมฐานแล้วได้ผล โดยเฉพาะในส่วนของคาถาเงินล้าน ที่มีอานิสงส์พิเศษก็คือ ความคล่องตัวในความเป็นอยู่

อานิสงส์ของการภาวนานั้น เราได้พุทธานุสติเต็ม ๆ อยู่แล้ว เพราะเป็นคาถาที่พระพุทธเจ้าท่านมอบให้มา
ถ้าเราต้องการไปนิพพานก็ภาวนาคาถาเงินล้าน แล้วเอาใจเกาะพระนิพพานไว้
ในส่วนของการดำรงชีวิตอยู่ เราต้องการผลพิเศษของคาถา

ไปทำจริง ๆ สักที เราต้องกล้าคิด กล้าทำ พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าไม่มีใครกล้าเราก็ว่าเสียเอง
ทำตัวเองให้เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์เสียเลย ถ้าเราทำได้ผล ถึงเวลาไปสอนคนอื่น
ก็จะสอนได้อย่างเต็มปากเต็มคำอีกด้วย

 




เครดิตจาก : dhammatueansathi


29  สุขใจในธรรม / ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก / Re: “อย่าพูดคำว่าไม่มีเงิน” โดย หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2563 21:17:56





จริง ๆ แล้ว มีคนที่รวยกว่าก็คือ หลวงพี่โอ หลวงพี่โออยู่กับหลวงพ่อมาตั้งแต่ยุคแรก ๆ คนจะรู้จักมาก
สมัยนั้นหากมีกิจนิมนต์ส่วนใหญ่โยมจะเจาะจงรายชื่อพระมาเลย อย่างเช่น หลวงตาผ่อง หลวงตานา
หลวงพี่โอ หลวงพี่นันต์ หลวงพี่ทีปนอกนั้นแล้วแต่ทางวัดจะจัดให้

หลวงพี่โอพอสะสมเงินครบหมื่น ก็จะเก็บเข้าบัญชีฝากประจำ เพราะฉะนั้น..หลวงพี่โอจะรวยมาก
แต่หลวงพี่โอท่านไม่เก็บบุญเล็กบุญน้อย ท่านทำบุญใหญ่อย่างเดียว ส่วนของเราเจอบุญอะไรขวางหน้าทำหมด
เงินก็เลยหมดไปด้วย

ส่วนหลวงพี่โอท่านเก็บเงินไปเรื่อย พอถึงเวลาครบปีท่านก็ไปหาว่า วัดไหนต้องการสร้างพระประธานหน้าตัก ๔ ศอกบ้าง
จะเป็นเจ้าภาพสร้างให้วัดนั้น ถ้ายิ่งได้พระประธานในโบสถ์ยิ่งดี ก็แปลว่าพี่เขาเอาบุญใหญ่อย่างเดียว
แต่ของเรานี่เล็กน้อยแค่ไหน ขอให้รู้เป็นทำหมด

พอหน้ากฐินก็เตรียมซองปัจจัยไว้ซองละ ๑,๐๐๐ บาท วัดไหนมีกฐินร่วมกับเขาหมด ๑,๐๐๐ บาท พร้อมผ้าไตร ๑ ชุด
ทำจนไม่ต้องนับ บางปีก็ ๔๐ – ๕๐ วัด ก็มี

ดังนั้น..โยมที่บอกว่า ลำบากในเรื่องทำมาหากิน ถ้าตั้งใจภาวนาคาถาเงินล้านจริง ๆ ไม่เกิน ๒ เดือน จะมีความคล่องตัวแน่นอน
ที่กล้ายืนยันเพราะทำเห็นผลด้วยตนเองมาแล้ว ทุกวันนี้ ที่บรรดาเพื่อนพระเห็นว่าอาจารย์เล็กรวย ก็คืออานิสงส์ของคาถาเงินล้านนั่นเอง

เมื่อเดือนก่อนตอนประชุมพระนวกะ ท่านเจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๑ ก่อนหน้านี้เคยเป็นคู่เขยกัน
คือท่านเป็นเจ้าคณะตำบลชะแลเขต ๑ อาตมาเป็นเจ้าคณะตำบลชะแลเขต ๒ เขาก็เลยเรียกกันว่าเป็นคู่เขยกัน

พอท่านมาถึงก็บอกว่า “อาจารย์..ผมติดหนี้ค่าวัสดุก่อสร้างอยู่ ขอยืมสักสี่แสนสิ”
อาตมาก็หัวเราะบอกว่า “รู้ไหม..ที่เห็นว่าผมรวยเป็นเพราะผมใช้เงินไม่คิด มีเท่าไรผมก็ทุ่มออกเพื่องานส่วนรวมหมด
คนที่ทำได้ทุกงาน ทำได้ทุกครั้ง คนเขาจะเห็นว่ารวย แต่จริง ๆ แล้ว ผมไม่มีเงินเก็บ ส่วนคนไหนก็ตามที่ไม่ยอมทำอะไรเลย
ส่วนใหญ่เขามีเงินเก็บท่วมหัวทั้งนั้น ลองไปขอยืมเขาดูก็แล้วกัน..”

แปลกดี..บางวันอาตมาเหลือเงินติดตัวอยู่แค่ ๒๒ บาทเท่านั้น..!





30  สุขใจในธรรม / ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก / Re: “อย่าพูดคำว่าไม่มีเงิน” โดย หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2563 21:13:41
เมื่อตอนบ่ายมีโยมมาปรารภว่า ตอนนี้การทำมาหากินลำบากมาก จะแก้ไขด้วยวิธีไหน ?
อาตมาก็แจ้งแก่โยมไปว่า ให้ใช้คาถาเงินล้านเป็นกรรมฐาน เขาบอกว่าภาวนาเป็นประจำเช้าเย็นอยู่แล้ว

อาตมาถามว่ากี่จบ ? เขาบอกว่าเช้า ๙ จบ เย็น ๙ จบ อาตมาจึงบอกว่า
“โยมรู้ไหมว่า ถ้าอาตมาแนะนำให้ภาวนา ต่ำสุดจะให้เริ่มที่ ๑๐๘ จบ”

ยังดีกว่าโยมอีกคน เขาบอกว่าท่องคาถาเงินล้านมา ๒ เดือนยังไม่เห็นผล เราก็แปลกใจ เพราะถ้า ๒ เดือน ทำจริง ๆ ต้องเห็นผล
ถามว่าโยมภาวนาครั้งละกี่จบ ? เขาว่าครั้งละ ๑ จบ แหม..น่าได้ผลจริง ๆ เลย..!

“การที่ให้เราภาวนามาก ๆ ก็เพราะว่าระยะเวลาที่ยาวนาน จะทำให้สมาธิของเราตั้งมั่นมากขึ้น”
เนื่องจากเรื่องของคาถาขึ้นอยู่กับสมาธิเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
ยิ่งสมาธิสูงเท่าไร คาถาจะยิ่งให้ผลมากขึ้น ดังนั้น.. การที่พวกเราทั้งหมดในปัจจุบัน ทำแล้วไม่ได้ผลเพราะไม่มีการทุ่มเท

สมัยที่อาตมาภาวนาคาถาปัจเจกพระพุทธเจ้า อาตมาภาวนาครั้งละ ๙ จบ ทำไปประมาณ ๓ เดือน ก็เริ่มเห็นผล
พอมาปี ๒๕๒๘ หลวงพ่อท่านมอบคาถาเงินล้านให้ ก็มาปฏิบัติภาวนาดู

ตอนนั้นติดใจในการภาวนาคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ก็เลยกำหนดว่า เราภาวนาคาถาเงินล้าน ๙ จบ น่าจะน้อยไป เพิ่มเป็นวันละ ๓๐ จบดีกว่า

จาก ๓๐ จบ ทำไป ๆ เริ่มเห็นผล ก็มานึกว่า สมัยหลวงปู่ป่าน ท่านมอบคาถาพระปัจเจกโพธิโปรดสัตว์ให้แก่ลูกศิษย์
แล้วมีบุคคลตัวอย่างที่ทำแล้วได้ผล ก็คือท่านนายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิต เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ หรือนายแจ่ม เปาเล้ง ชาวดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี
เป็นบุคคลตัวอย่างที่หลวงพ่อท่านยกให้ลูกศิษย์ฟัง

คราวนี้มาถึงคาถาเงินล้าน ยังไม่มีใครที่เป็นบุคคลตัวอย่างที่ทำแล้วเห็นผล ให้หลวงพ่อยกตัวอย่างให้ลูกศิษย์ฟังได้เลย
จึงตัดสินใจว่า “ในเมื่อยังไม่มี..เราก็ว่าซะเอง” เพิ่มการภาวนาจากวันละ ๓๐ จบ เป็น ๓๐๐ จบ

จาก ๓๐๐ จบ เป็น ๓๖๐ จบ เป็น ๖๐๐ จบ เป็น ๙๐๐ จบ และเพิ่มเป็น ๑,๒๐๐ จบ แต่อาตมาไม่ได้เร่งท่องเอาจำนวน
ใช้เป็นคำภาวนาสบาย ๆ กำหนดรู้รายละเอียดทุกคำ “ไม่ใช่เร่งให้เร็ว ๆ จะได้หลาย ๆ จบ”

อาตมาตื่นนอนมาตอนตีสามก็เริ่มภาวนา จะไปครบจำนวนเอาตอนทุ่มหนึ่ง แปลว่าทั้งวันอยู่กับการภาวนา
ผลของคาถาเงินล้านจะทำให้ลาภผลไหลมาเทมา

ในสมัยนั้น ถ้านับในส่วนของพระด้วยกันแล้ว นอกจากหลวงพ่อวัดท่าซุง เรื่องการเงินอาตมามีความคล่องตัวที่สุด
แต่คำว่าคล่องตัวอาตมาคือไม่มีเหลือ เนื่องจากได้มาเท่าไรก็ทำบุญกับหลวงพ่อรายการนั้นบ้าง รายการนี้บ้างจนหมด

จำได้ว่าตอนแรก ๆ จดรายการทำบุญไว้ ถวายสังฆทานชุดใหญ่ ชุดละ ๑,๐๐๐ บาท กับหลวงพ่อได้กี่ชุด เราก็จดไปเรื่อย
แต่พอได้สามร้อยกว่าชุด จึงเลิกจดแล้ว เพราะขี้เกียจจำ



31  สุขใจในธรรม / ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก / “อย่าพูดคำว่าไม่มีเงิน” โดย หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2563 21:07:31

“อย่าพูดคำว่าไม่มีเงิน” โดย หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน



วิชาการต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้ที่ศึกษาแล้วไม่ค่อยได้ผล เพราะคนขาดความอดทนมาก ต้องบอกว่าขาดมากจริง ๆ
โยมบางคนมาถามเรื่องกสิณ บอกว่าผมจับภาพกสิณ ภาวนาแล้วแต่ทำไมยังไม่เกิดผล

อาตมาถามว่าคุณภาวนากี่ครั้ง ถึงร้อยครั้งหรือยัง ? เขาก็อึ้งไปสักพักหนึ่ง แสดงว่าร้อยครั้งยังไม่ถึงเลย
จึงบอกเขาไปว่า คุณไปเปิดหนังสือคู่มือปฏิบัติกรรมฐาน หรือหนังสือกรรมฐาน ๔๐ ของหลวงพ่อวัดท่าซุงดู ในเรื่องการฝึกกสิณ
ท่านบอกว่า ให้ลืมตามองภาพ หลับตาลงนึกถึงภาพนั้น พร้อมกับกำหนดลมหายใจเข้าออกและคำภาวนา พอภาพเลือนไปให้ลืมตาดูใหม่
หลับตาลงกำหนดนึกถึงภาพนั้น พร้อมกับลมหายใจและคำภาวนา ทำอย่างนั้นเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง จนกว่าภาพนั้นจะเริ่มติดตาติดใจ

ทีนี้เขาเองหลักร้อยยังไม่ผ่านเลย แล้วจะไปกล่าวถึงเป็นหมื่นเป็นแสนได้อย่างไร ?





32  สุขใจในธรรม / สมถภาวนา - อภิญญาจิต / ยาแก้โรคขนานเอก - หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2563 15:23:21


"ยาแก้โรคขนานเอก" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)



"ยาแก้โรคขนานเอก"

" .. เรื่องอสุภะกับจิตที่เต็มไปด้วยราคะความกำหนัดยินดี นี้เป็นคู่ปรับหรือคู่แก้กันได้ดีและดีมาก
"จิตมีราคะมากเพียงไรให้พิจารณาอสุภะอสุภังมากเพียงนั้นหนักเพียงนั้น"
จนกลายเป็นป่าช้าผีดิบขึ้นให้เห็นประจักษ์ใจในร่างกายของเขาของเราทั่วโลกดินแดน

"ราคะตัณหานั้นจะกำเริบขึ้นไม่ได้ เมื่อปัญญาหยั่งรู้ว่ามีแต่ปฏิกูลเต็มตัว ใครจะไปกำหนัดยินดีในปฏิกูล"
ใครจะไปกำหนัดยินดีในสิ่งที่ไม่สวยไม่งาม ในสิ่งที่อิดหนาระอาใจ
"นี่เป็นยาระงับอสุภะอสุภังประการหนึ่ง เป็นยาแก้โรคราคะตัณหาขนานเอก" ขนานหนึ่ง .. "






หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1481&CatID=3

33  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / ไวรัสโคโรน่า (Covid-19) ทำงานอย่างไร ทำไมมันไปทำลายปอด เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2563 09:14:27

สาเหตุของการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 คือระบบหายใจล้มเหลวจากภาวะปอดอักเสบ
ทำไมไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จึงเจาะจงทำลายปอดของเรา
เรารู้อะไรบ้างตลอดการระบาดในช่วงที่ผ่านมา


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=MF1a4JSzwLA" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=MF1a4JSzwLA</a>





34  สุขใจในธรรม / กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ / หากเราเชื่อและคล้อยตามกรรมในอดีตเมื่อไร ทุกอย่างจะบรรลัยทันที เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2563 17:23:34
หากเราเชื่อและคล้อยตามกรรมในอดีตเมื่อไร ทุกอย่างจะบรรลัยทันที

จากหัวข้อเล่าสู่กันฟัง เว็บบอร์ดวัดท่าขนุน พระอาจารย์เล็ก



พระอาจารย์บอกว่า "ถ้าเราไล่กั้นกิเลสได้ทัน ได้รวดเร็ว อย่างอื่นก็จะช้าหมดสำหรับเรา"

ในเรื่องของกรรมที่ผูกพันในอดีตนั้น พระอาจารย์ท่านสอนว่า "ถ้าหากว่าเราเชื่อในผลกรรม เชื่อเฉย ๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากมีการสนองตอบ

คล้อยตามเขาเมื่อไร ทุกอย่างจะพังบรรลัยทันที..! ถ้าในชาติปัจจุบันเราไปเออออห่อหมกกับเขา ว่าในอดีตเคยเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ด้วยกันมาก่อน

เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง เพราะว่าแรงกรรมที่รออยู่นั้น จะฉวยโอกาสฉุด..ชัก..ดึง..ลาก ทุกอย่างจะไปตามกันหมด

ฉะนั้น..เรื่องในอดีตชาติไม่ได้เกี่ยวกับเราแล้ว ในชาติปัจจุบันนี้แค่รับรู้ไว้ก็พอ"




35  สุขใจในธรรม / ธรรมะจากพระอาจารย์ / เมตตาธรรม ไม่มีประมาณ - หลวงปู่ขาว อนาลโย เมื่อ: 06 พฤษภาคม 2563 17:08:41
เมตตาธรรม ไม่มีประมาณ - หลวงปู่ขาว อนาลโย

"เมตตาธรรม ไม่มีประมาณ"

" .. วันหนึ่ง มีชายแปลกหน้าผู้หนึ่งเป็นคนวัยฉกรรจ์ปรากฎกายขึ้นที่วัด และขอเข้านมัสการท่านอาจารย์พอได้พบก็ตรง
"เข้าไปกราบถึงที่เท้าแล้วเอ่ยปากขอบพระคุณ ที่ท่านได้ช่วยเขาให้พ้นจากโทษมหันต์" ทุกคนงงงันไปหมด เพราะไม่เคยเห็นผู้นั้นมาก่อน

ท่านอาจารย์นั่งฟังโดยดุษณียภาพ ชายนั้นเล่าว่า "เขาเป็นทหารไปรบที่ประเทศลาวอยู่เป็นเวลานาน พอกลับมาบ้านก็ได้รู้เรื่องว่าภรรยานอกใจ
เขาโกรธแค้นมาก" เตรียมปีนจะไปยิงให้ตายทั้งชายชู้ด้วย "ได้ไปแวะร้านเหล้าดื่มจนเมาหลับไป แล้วก็ฝันว่ามีพระแก่องค์หนึ่ง
มาขอบิณฑบาตความอาฆาตโกรธแค้นและเทศน์ให้ฟังถึงบาปกรรมของการฆ่า"
จนชายนั้นยอมยกความพยาบาทให้และถามพระนั้นว่า "ท่านชื่ออะไร มาจากไหน" พระบอกว่า "เราชื่อขาว มาแต่เมืองอุดรฯ"

พอตื่น "ชายนั้นก็ตัดสินใจออก เดินทางมาเสาะหาท่านอาจารย์จนได้พบที่วัด" ท่านอาจารย์อนุโมทนา แล้วอบรมต่อไปให้เข้าใจหลักกรรม
ตลอดจนผลของการงดเว้นการฆ่า "ทำให้ชายผู้นั้นซาบซึ้งในรสพระธรรมจนตัดสินใจที่จะอุปสมบทต่อไป" เรื่องนี้เป็นหลักฐานว่า
"ความเมตตาของท่านอาจารย์เป็นเรื่องจริงจังเพียงใดและกินอาณาบริเวณได้กว้างขวางเพียงใด" ถ้าไม่เกิดเหตุที่เล่านี้ก็คงไม่มีใครรู้ความจริง .. "





"อนาลโย ผู้ไม่มีความอาลัย"
หลวงปู่ขาว อนาลโย
36  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม / ทัชมาฮาล - ด้านมืดของทัชมาฮาลที่ถูกซ่อนไว้ เมื่อ: 01 เมษายน 2563 09:41:22
ทัชมาฮาล - ด้านมืดของทัชมาฮาลที่ถูกซ่อนไว้




ทัชมาฮาล (ฮินดี: ताजमहल, ตาช มฮัล ;อูรดู: تاج محل‎) เป็นอนุสรณ์สถาน ตั้งอยู่ในเมืองอัครา ประเทศอินเดีย นับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ทัชมาฮาล สุสานหินอ่อนที่ถูกสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโมกุลผู้มีรักมั่นคงต่อพระมเหสีของพระองค์ เจ้าชายขุร์รัม ชึ่งต่อมาคือสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน พระราชสมภพในปี พ.ศ. 2135 (ค.ศ. 1592) พระบิดา คือ สมเด็จพระจักรพรรดิชะฮันคีร์ จักรพรรดิองค์ที่สี่แห่งราชวงศ์โมกุล ตามตำนานกล่าวว่า พระองค์ได้พบกับอรชุมันท์ พานุ เพคุม ธิดาของรัฐมนตรี เมื่อพระองค์มีพระชนมายุ 14 พรรษา พระองค์ทรงหลงใหลและหลงรักนาง เจ้าชายขุร์รัมจึงซื้อเพชรด้วยเงิน 10,000 รูปีและบอกแก่พระบิดาของพระองค์ว่าพระองค์มีความประสงค์ที่จะแต่งงานกับบุตรีของรัฐมนตรี พิธีเสกสมรสถูกจัดขึ้นหลังจากนั้น 5 ปี เมื่อพ.ศ. 2155 (ค.ศ. 1612) จากนั้นมาทั้งสองก็มิเคยอยู่ห่างกันอีกเลย

หลังจากที่สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน ขึ้นครองราชบัลลังก์ในปี พ.ศ. 2171 พระองค์มอบความไว้วางใจแก่ อรชุมันท์ พานุ เพคุม และเรียกนางว่า มุมตัซ มาฮาล "อัญมณีแห่งราชวัง" พระมเหสีติดตามพระองค์

แม้แต่ในสนามรบ แนะนำพระองค์ในเรื่องราชการของประเทศ และพระองค์ซาบซึ้งในน้ำพระทัยของพระมเหสียิ่งนัก ครั้นในปี พ.ศ. 2174 (ค.ศ. 1631) พระมเหสีมุมตัซสิ้นพระชนม์ หลังจากให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14 การสิ้นพระชนม์ของพระมเหสีทำให้สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮันโศกเศร้าอยู่ถึงสองทศวรรษ ราชสมบัติส่วนใหญ่สูญเสียไปเพื่อการสร้างอนุสรณ์แห่งความรักของทั้งสองพระองค์

พระองค์ถูกกักขังอยู่ถึง 8 ปี จนกระทั่งสวรรคตในปี พ.ศ. 2209 (ค.ศ. 1666) ตามตำนานกล่าวว่าให้วันสุดท้ายของชีวิตพระองค์ใช้เวลาทั้งวันในการจ้องมองเศษกระจกที่สะท้อนภาพของทัชมาฮาล และสิ้นพระชนม์ด้วยเศษกระจกในกำมือ พระองค์ถูกฝังในทัชมาฮาล เคียงข้างพระมเหสีซึ่งพระองค์ไม่เคยลืม มีบางคนกล่าวว่าสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน มิได้ประสงค์ที่จะถูกฝังร่วมกับประมเหสี แต่พระองค์มีแผนการที่จะสร้างสุสานอีกแห่งด้วยหินอ่อนสีดำ เพื่อเป็นสุสานของพระองค์ แต่ผู้รู้หลายท่านเชื่อว่าพระองค์ประสงค์ที่จะถูกฝังเคียงข้างพระนางมุมตัซ มาฮาล

ทัชมาฮาลถูกพิจารณาให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคใหม่ ทัชมาฮาลตั้งอยู่ในสวนริมฝั่งแม่น้ำยมุนา ในเมืองอาครา ส่วนที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ หลุมศพของ...ทาฮาล ซึ่งถูกสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ศิลาแลง ประดับลวดลายเครื่องและเครื่องประดับจากมิตรประเทศ ได้รับคำรับรองว่าสร้างขึ้นด้วยสัดส่วนที่วิจิตรและงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 100 เมตร สูง 60 เมตร มีผู้สร้างและออกแบบร่วม 20,000 คน การก่อสร้างกินเวลานานถึง 22 ปี ทัชมาฮาลมีเนื้อที่ประมาณ 42 เอเคอร์ เป็นที่ตั้งของมัสยิด มีหออาซาน (หอสูงสำหรับร้องแจ้งเวลาทำนมาซ) และมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ นายช่างที่ออกแบบ ชื่อ อุสตาด ไอซา ถูกประหารชีวิตเพื่อมิให้ไปออกแบบสถาปัตยกรรมใด ๆ ที่สวยกว่าได้ ส่วนหัวของทัชมาฮาลมีลักษณะโดมที่เรียกว่าโอเนียนโดม

Taj Mahal เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1632 และเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1653 ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 21 ปี กว่าที่จะสร้าง และตกแต่งจนเสร็จสมบูรณ์ โดยใช้ทุนทรัพย์ และแรงงานคนกว่า 20,000 คน ซึ่งในระหว่างก่อสร้างว่ากันว่ามีคนที่ตาย และถูกฆ่าในระหว่างที่ถูกบังคับให้ก่อสร้างกว่า 2,000 คน

ทัชมาฮาล อนุสรณ์แห่งความรักอันงดงาม ที่มีด้านมืดถูกซ่อนอยู่

นอกจากนี้ ยังมีตำนาน ได้กล่าวว่าเหล่าทีมสถาปนิก ที่ช่วยกันออกแบบ Taj Mahal นั้น ได้ถูกสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮันประหารทิ้งทั้งหมด เพราะไม่ต้องการให้มีสิ่งก่อสร้างที่มีความสวยงามทัดเทียมกัน เกิดขึ้นอีกในอนาคต อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์ไม่ค้นพบหลักฐานยืนยันว่าตำนานนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่

อีกตำนานหนึ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นในช่วงบั้นปลายชีวิตของสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน ที่ได้ถูกบุตรชายองค์ที่สามของพระองค์ Aurangzeb ทำการยึดอำนาจ โดยมีเหตุผลมาจากปัญหาด้นจิตใจของสมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน ที่จมอยู่กับความเศร้า ตั้งแต่สูญเสียภรรยาไป และนำเงินไปสร้างอนุสรณ์ สถาน และบังคับให้ประชาชนมาช่วยกันก่อสร้างจนบ้านเมืองไม่สงบ แถมหลังจากที่ก่อสร้างทัชมาฮาลเสร็จ สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮันยังต้องการที่จะสร้าง ทัชมาฮาลสีดำ ไว้ตรงข้ามกันเพื่อสำหรับไว้แทนตัวพระองค์เองด้วย แต่ทว่าได้ถูกลูกชายของตนเองทำการรัฐประหารเสียก่อน เล่ากันว่าช่วงที่สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮันถูกขังคุกเอาไว้อยู่นั้น พระองค์ได้แต่เฝ้ามองไปยังทัชมาฮาลผ่านเศษกระจกเล็กๆ ที่สะท้อนผ่านหน้าต่างออกไปเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งสิ้นลมหายใจ





ขอบคุณภาพจาก travel.mthai
37  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ / Re: ภูมิปัญญาบรรพกาล สะพานมีชีวิต เกิดจากรากไม้และเถาวัลย์ จาก เมฆกัลยา อินเดีย เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2562 14:03:08
สวยงามมากครับ
38  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / "ใช้ยาไม่สมเหตุผล" ต้นเหตุ "ดื้อยา" อันตรายที่คนมองข้าม เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2562 16:45:41

"ใช้ยาไม่สมเหตุผล" ต้นเหตุ "ดื้อยา" อันตรายที่คนมองข้าม



“ขณะนี้เชื้อโรคดื้อยาค่อนข้างเยอะ ภาคใต้เจอคนไข้วัณโรคดื้อยาทุกชนิด ค่ารักษาตกราว 2 ล้านบาทต่อคน อัตราการหายจากโรค 30% สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะระดับชุมชนอย่างไม่เหมาะสม
เรื่องนี้ส่งผลต่อระบบงบประมาณด้วย จากพันกว่าบาทเป็นสามพันกว่าบาทต่อหัว ภายใต้งบประมาณจำนวนนี้ เกินครึ่งหนึ่งเป็นค่ายา ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผลตั้งแต่ระดับชุมชนขึ้นมาเลย”


การใช้ยาอย่างไม่ถูกต้องเหมาะสม ปัญหาใหญ่ที่ต้องได้รับการแก้ไข
ปัญหา "การใช้ยาอย่างไม่ถูกต้องเหมาะสม" อาจเป็นเรื่องที่ฟังดูไม่ร้ายแรง หากในทางปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบอย่างมากทั้งกับสุขภาพประชาชนและระบบงบประมาณ อีกทั้งการจัดการเรื่องนี้ก็ยากยิ่ง ร่างมตินี้จึงนำเสนอภาพรวมทั้งระบบตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ นั่นคือ การสร้างจิตสำนึกที่ดีและการตระหนักรู้ของบุคคล การบริหารจัดการระบบยาที่ดี และการกำกับติดตามอย่างมีประสิทธิภาพ

เรื่องนี้ไม่เพียงเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศไทย แต่ยังเป็นปัญหาร่วมในระดับโลก องค์การอนามัยโลกระบุว่า มากกว่าร้อยละ 50 ของการใช้ยาในประเทศกำลังพัฒนาเป็นการใช้ยาที่ไม่เหมาะสมและสูญเปล่า

ทั้งนี้ ปัญหาการใช้ยาไม่สมเหตุผลที่พบบ่อย ได้แก่ จากผู้ให้บริการที่อาจจะมีการสั่งยาไม่เป็นไปตามแนวทางการรักษา หรือสาเหตุจากผู้ป่วยที่ในหลายกรณีมีการใช้ยาหลายขนานร่วมกัน มีการใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่เหมาะสมซึ่งทำให้เกิดการดื้อยา การใช้ยาฉีดเกินจำเป็นทั้งที่ใช้ยาทานได้ และซื้อยากินเองจากร้านชำ ฯลฯ

ประเทศไทยมีมูลค่าการบริโภคยาประมาณร้อยละ 41 ของค่าใช้จ่ายสุขภาพ สูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งมีค่าใช้จ่ายด้านยาต่อค่าใช้จ่ายสุขภาพเพียงร้อยละ 10-20 ข้อมูลจากการศึกษาวิจัย พบการบริโภคยาอย่างไม่เหมาะสมในทุกระดับทั้งในสถานพยาบาลภาครัฐและเอกชน การใช้ยาในชุมชนโดยเฉพาะยาที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ยาต้านจุลชีพ ยาสเตียรอยด์ ยาชุด เป็นต้น

โดยในปี 2555 มีงานศึกษาพบว่า ผู้ป่วย 19.2 ล้านคนครอบครองยาเกินความจำเป็น และรัฐต้องสูญเสียงบประมาณจากการครอบครองยาเกินจำเป็นราว 2,370 ล้านบาท/ปี

 

ชัยณรงค์ สังข์จ่าง ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิ สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ความเห็นว่า โดยเจตนารมณ์ของการใช้ยาสมเหตุสมผลคือการมุ่งให้ประชาชนใช้ยาอย่างปลอดภัย แต่โจทย์หลักของการใช้ยาคือความคิดความเชื่อของคนในชุมชน การใช้ยาฆ่าเชื้อเป็นความเชื่อผิด ๆ ของคนจำนวนมาก จึงต้องขยับที่ประเด็น ไม่ใช่มุ่งเน้นที่หน่วยงาน เช่น ต้องสร้างบรรทัดฐานใหม่ที่จะปรับเปลี่ยนวิธีคิด เน้นงานสื่อสาร งานในพื้นที่ แล้วหน่วยงานอื่น ๆ ก็จะขยับตาม


หลีกเลี่ยงการใช้ยาอย่างไม่สมเหตุผล เพื่อหยุดปัญหาดื้อยา
เราสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาการดื้อยาได้ง่าย ๆ ด้วยจนเอง โดยการปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนกินยาทุกครั้ง หากมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ปวดศีรษะ สามารถกินยาแก้ปวดได้ แต่ควรกินตามขนาดของยาที่กำหนด เช่น 1 เม็ดทุก 6 ชั่วโมง และไม่ควรกินติดต่อกันเกิน 5 วัน หากยังไม่หายดีควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด นอกจากนี้ยาที่ควรระมัดระวังคือ ยาแก้อักเสบ ยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ไม่ควรซื้อกินเองโดยเด็ดขาด เพราะหากกินยาในขณะที่ไม่ได้มีเชื้อโรคให้ฆ่า หรือไม่ได้มีอาการอักเสบอะไร จะทำให้เกิดการดื้อยาได้

 

 

ขอขอบคุณ
ข้อมูล :กลุ่มงานสื่อสารสังคม สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ,สื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

39  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / Re: เชื้อจุลินทรีย์-พยาธิ สาเหตุสารพัดโรคมะเร็ง เมื่อ: 21 มิถุนายน 2562 02:06:15


วิธีป้องกันเชื้อจุลินทรีย์-พยาธิเข้าสู่ร่างกาย

 - ปรุงเนื้อสัตว์ให้สุกทุกครั้งที่รับประทาน
 - ล้างวัตถุดิบให้สะอาดก่อนนำมาปรุงอาหารทุกครั้ง
 - เลือกดื่มน้ำที่สะอาด ผลิตได้มาตรฐาน
 - ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร
 - เก็บอาหารให้ปลอดจากแมลง และสัตว์พาหนะโรค
 - สวมใส่รองเท้าทุกครั้งเมื่ออกจากบ้าน
 - ถ่ายอุจจาระลงส้วมที่ถูกสุขลักษณะ
 - ป้องกันตนเองจากการกัดของแมลงพาหะ
 - รักษาความสะอาดในบ้าน และรอบบ้านให้สะอาด


ขอขอบคุณ
ข้อมูล :รศ.นพ. ชวลิต เลิศบุษยานุกูล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
40  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / เชื้อจุลินทรีย์-พยาธิ สาเหตุสารพัดโรคมะเร็ง เมื่อ: 21 มิถุนายน 2562 02:04:57
เชื้อจุลินทรีย์-พยาธิ สาเหตุสารพัดโรคมะเร็ง



สาเหตุ และปัจจัยของโรคมะเร็งอันดันต้น คงหนีไม่พ้น “กรรมพันธุ์” แต่ทราบหรือไม่ว่า เชื้อจุลินทรีย์ และพยาธิ ก็เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งได้เช่นกัน และยังพบได้ในคนไทยอีกด้วย

จุลินทรีย์ เป็นสาเหตุ หรือปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง 15-25% ของมะเร็งที่เกิดขึ้นในแต่ละปี โดยเราอาจรับเชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ รวมถึงพยาธิได้จากการบริโภคอาหารติดเชื้อ ไม่สะอาด การอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เต็มไปด้วยเชื้อโรคต่างๆ ดังนั้นจึงพบโรคมะเร็งที่มาสาเหตุจากเชื้อจุลินทรีย์ และพยาธิในประชากรประเทศที่ยังไม่พัฒนามากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว

ชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้

ไวรัสตับอักเสบบี และซี
- มะเร็งตับ

ไวรัสหูดที่อวัยวะเพศ HPV type 16 and 18
- มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งช่องคลอด
- มะเร็งอวัยวะเพศ
- มะเร็งช่องปาก (มะเร็งโคนลิ้น, ทอนซิล หรือ คอส่วนบน)
- มะเร็งทวารหนัก
- มะเร็งอวัยวะเพศชาย

ไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein-Barr virus : EBV)
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
- มะเร็งหลังโพรงจมูก

ไวรัส HTLV-1 (Human T-cell lymphotropic virus 1)
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว



เชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้

แบคทีเรียเอชไพโลไร (Helicobacter pylori)
- มะเร็งกระเพาะอาหาร



เชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้

สารอะฟลาทอกซิน ในเชื้อราไมโคทอกซิน
- มะเร็งตับ



พยาธิที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้

พยาธิใบไม้ตับ พยาธิตัวจี๊ด พยาธิตัวตืด
- มะเร็งท่อน้ำดี
- มะเร็งตับ

พยาธิใบไม้ในเลือด
- มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ





หน้า:  1 [2] 3 4 ... 101
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.21 วินาที กับ 27 คำสั่ง

Google visited last this page 01 พฤษภาคม 2567 18:33:40