เกษตรน่ารู้ (ผลไม้ - Fruit) : ส้มสายน้ำผึ้ง

(1/5) > >>

Kimleng:
Tweet




ส้มสายน้ำผึ้ง
(ภาพจาก จังหวัดแม่ฮ่องสอน)

ส้มสายน้ำผึ้ง

ส้มสายน้ำผึ้ง ได้รับความนิยมรับประทานมากมายในปัจจุบัน ได้ชื่อว่าเป็นส้มที่มีรสจัดจ้าน หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ใครได้ลิ้มลองเป็นอันต้องติดใจ

ส้มสายน้ำผึ้ง มีต้นกำเนิดอยู่แถวอินเดีย พม่า และจีนตอนใต้ สำหรับในประเทศไทย พื้นที่และอากาศที่เหมาะจะเพาะปลูกส้มสายน้ำผึ้งได้ดี ได้แก่ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ใกล้เคียง หรือในพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ที่มีอุณหภูมิประมาณ ๑๕-๒๐ องศาตลอดทั้งปีเท่านั้น จึงจะได้ชื่อว่าเป็นส้มสายน้ำผึ้งคุณภาพ  เนื่องจากส้มสายน้ำผึ้งต้องการระยะเวลาในการสะสมธาตุอาหารนานถึง ๘ เดือน หากนำไปปลูกในพื้นที่อื่นๆ อาจจะสุกช้าหรือเร็วกว่าย่อมส่งผลต่อรสชาติของส้มอย่างแน่นอน ดังนั้นหากต้องการลองลิ้มชิมรสส้มสายน้ำผึ้งคุณภาพดี ผู้บริโภคจำเป็นต้องคำนึงถึงสภาพพื้นที่ในการเพาะปลูกเป็นหลัก

เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของส้มสายน้ำผึ้งคือ จะมีผิวสีเหลืองทองเมื่อสุกได้ที่ เปลือกร่อน หนาไม่มาก ปอกเปลือกด้วยมือเปล่าได้ง่ายและเปลือกไม่ติดเนื้อส้ม ชานหรือใยส้มมีลักษณะนิ่มมือเมื่อเทียบกับส้มสายพันธุ์อื่น มีเนื้อแน่น ฉ่ำน้ำ แยกเป็นกลีบออกจากกันง่าย และที่สำคัญจะมีรสจัดจ้าน หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ไม่หวานจืด


วิธีการเลือกซื้อผลส้ม  :  เลือกซื้อผลซึ่งมีแหล่งที่มาชัดเจน เช่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ หรืออำเภอเบตง จังหวัดยะลา โดยสามารถสังเกตได้จาก
       - สติ๊กเกอร์ที่ติดมากับผลส้ม
       - ผลส้มมีสีเขียวอมส้ม มีเปลือกบางเรียบไม่หนาจนเกินไป เวลาสัมผัสแล้วรู้สึกว่าเนื้อแน่น เต็มลูก ซึ่งเป็นจุดเด่นของส้มสายน้ำผึ้ง
       - ผิวด้านนอกหรือเปลือกส้ม จับดูรอบๆ ลูกผิวส้มจะต้องเรียบและเต่งตึง
       - ลูกส้มกลมสวยไม่มีรอยบุ๋ม หรือเบี้ยวจนผิดรูป
       - เลือกส้มที่มีน้ำหนัก อย่าเลือกลูกที่เบา เพราะถ้าเบาเกินไปแสดงว่าในลูกส้มมีน้ำน้อย ไม่มีรสชาติ และเนื้อฟ่าม
       - ที่ด้านก้นหรือสะดือของส้ม (ด้านที่ไม่มีขั้ว) จะต้องเต่งตึงบุ๋มเล็กน้อย ไม่บุ๋มลึกเกินไป
       - ที่ด้านก้นหรือสะดือของส้ม (ด้านที่ไม่มีขั้ว) จะต้องไม่นูน เพราะถ้าสะดือส้มนูน จะมีความเป็นไปได้สูงว่าส้มลูกนั้นจะจืด และไม่อร่อย
       - ลองกดดูแล้วเนื้อแน่น แต่มีความยืดหยุ่น ไม่หลวมเป็นโพรง
       - สีของส้มต้องมีสีส้มมากกว่าสีเขียว ส้มที่ยังไม่สุกคือส้มที่มีสีเขียวมากเกินไป จะทำให้รสชาติของส้มเปรี้ยว

คุณค่าทางโภชนาการ : ให้วิตามินซีสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งจะทานผลสดหรือนำไปคั้นเป็นน้ำส้มก็ดื่มง่ายเช่นกัน ที่สำคัญส้มสายน้ำผึ้งยังมีส่วนช่วยในการขับถ่ายสำหรับคนที่มีปัญหาในเรื่องนี้โดยเฉพาะอีกด้วย


ขอบคุณ เว็บไซท์ (ที่มาข้อมูล)
- silyfols.com
- Huapood.com
- food.trueid.net/

Kimleng:


ส้มจี๊ด

ส้มจี๊ด หรือ ส้มกิมจ๊อ เป็นพืชท้องถิ่นในประเทศจีน แล้วจึงแพร่กระจายพันธุ์ไปญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลี ในภาษาจีนกวางตุ้งเรียกว่า “ก่ำควิด” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “kumquat” (คัมควอท มาจากภาษาจีนที่หมายถึง “ส้มสีทอง“) นอกจากจะปลูกไม้กินผลแล้ว ยังสามารถปลูกเป็นไม้ประดับได้อีกด้วย

ผลมีลักษณะเหมือนผลส้มทั่วไป แต่มีขนาดเล็ก ส้มชนิดนี้เป็นส้มที่กินเปลือกผล ผลมีขนาดเล็กมีทั้งกลมและรี มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๑.๕-๓ เซนติเมตร ผิวผลบางเป็นสีเขียวและมีกลิ่นหอม เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม เนื้อในผลมีรสเปรี้ยวจัด ภายในผลมีเมล็ดประมาณ ๑-๓ เมล็ด เป็นได้ทั้งไม้กินผลและไม้ประดับ เปลือกส้มมีสรรพคุณช่วยขับลม ช่วยย่อย ทำให้เจริญอาหาร ขับเสมหะ ดองเกลือและทำให้แห้ง อมแก้เจ็บคอ แต่งรสเปรี้ยวในการทำน้ำผลไม้ ใช้ทำแยม

สรรพคุณของส้มจี๊ด :
       - ส้มจี๊ดอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเอ ช่วยบำรุงผิวพรรณ และกรดอินทรีย์อีกหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยในการย่อยอาหาร
       - ช่วยต้านหวัด แก้ไอ ขับเสมหะ แก้เจ็บคอ แก้โรคภูมิแพ้ทางลำคอ
       - แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ
       - แก้คลื่นไส้ อาเจียน
       - ผลมีรสเปรี้ยว ใช้รับประทานแทนมะนาว หรือนำมาใช้ปรุงอาหาร ใช้แต่งรสเปรี้ยวในการทำน้ำผลไม้
       - ใช้ทำแยม ทำส้มจี๊ดแช่อิ่ม ส้มจี๊ดเชื่อม ส้มจี๊ดดอง ชาส้มจี๊ด
       -ผลสุก นำมาคั้นทำน้ำพริก ส้มเกล่า
       - เปลือกผลห่ามๆ นำมาจิ้มกับน้ำพริกรับประทาน หรือนำเปลือกไปดองเค็ม เรียกว่า “กิมจ๊อ“
       - เปลือกและผล มีน้ำมันหอมระเหย ที่สามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำน้ำมันหอมระเหยได้

ข้อมูลอ้างอิง (Source) : medthai.com

750/24

Kimleng:






ส้มบางมด
ส้มบางมด ก็คือ ส้มเขียวหวาน อยู่ในตระกูลส้มแมนดาริน  นิยมปลูกแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยอดีต
มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปในแต่ละท้องถิ่น เช่น ส้มกำนันจุล ส้มเพชรบูรณ์ ส้มสีทองจังหวัดน่าน
ส้มศรีสัชนาลัย ส้มบางมด ส้มรังสิต ส้มกลุ่มนี้คือ ส้มเขียวหวานทั้งหมด แต่ปลูกในระดับอุณหภูมิ
ที่ไม่เหมือนกัน   ช่วงกลางคืนกับช่วงกลางวัน มีอุณหภูมิแตกต่างกันประมาณ ๑๔ องศาเซลเซียส
ผลส้มจะสร้างสีที่เข้มขึ้น”

ส้มบางมด คงพอเรียกได้ว่าเป็นวลีที่กลายเป็น “แบรนด์” ของแหล่งผลิตส้มที่มีชื่อเสียงมานาน แม้
ยุคหลังจะเริ่มจางหายไปบ้างแล้ว แต่ในระยะเวลาหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าหากพูดถึง “ส้มเขียวหวาน”
โดยเฉพาะแล้ว ต้องเป็นส้มบางมด เป็น “แบรนด์” ที่ติดภาพจำติดหูไม่แพ้ชื่อ “ส้มธนาธร” เลยทีเดียว
ส้มเขียวหวาน

ส้มเขียวหวาน มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดเป็นพรรณไม้พุ่มขนาดย่อม มีความสูงของต้นได้ประมาณ ๓-๕ เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านมาก กิ่งอ่อนมีหนา

ผลส้มเขียวหวาน ผลมีลักษณะค่อนข้างกลม เนื้อนิ่ม มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๕-๗ เซนติเมตร เปลือกนอกเป็นสีเขียว เมื่อสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลืองหรือสีเหลืองแดง ผิวผลเรียบเกลี้ยงและเป็นมัน เปลือกอ่อน ผิวหนา และมีน้ำมันที่เปลือก ภายในมีเนื้อลักษณะฉ่ำน้ำ แบ่งออกเป็นกลีบๆ มีสีส้ม แต่ละกลีบจะมีเมล็ดสีขาวอยู่ภายใน เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปไข่ ปลายแหลม สีขาวนวล (เปลือกสีเขียวนิยมนำมาตากแห้งใช้เป็นยา มีรสปร่าหอมร้อน

ส้มเขียวหวาน มีชื่อเรียกอื่นๆ ว่า มะเขียว มะบาง (เชียงใหม่), ส้มขี้ม้า (นครราชสีมา), ส้มแก้วเกลี้ยง ส้มแก้วโบราณ ส้มจันทบูร ส้มตรังกานู ส้มแป้นกระดาน ส้มแป้นขี้ม้า ส้มแสงทอง (กรุงเทพฯ), ส้มจุก ส้มแป้นเกลี้ยง ส้มแป้นหัวจุก (ปัตตานี), มะขุน มะแง มะจุก ส้มจุก ส้มเชียงตุง (ภาคเหนือ), ส้มเหม็น (ภาคกลาง), ซาโบโค ซ่าซุยโบโข่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ลีมากุเละนีปี้ห์ ลีมากุเละลอเก๊าะ (มลายู-ปัตตานี), ลีมาจีนา ลีมายือโบ (มลายู), จวี๋ ชิงผี เฉินผีจวี๋ จวี๋เหอ (จีนกลาง), เปลือกส้มเขียวหวาน, ส้มจีนเปลือกล่อน เป็นต้น

ประโยชน์ของส้มเขียวหวาน ผลใช้รับประทานสดเป็นผลไม้ ใช้ทำน้ำส้ม ผลไม้กระป๋อง ฯลฯ ส่วนเปลือกผลสามารถนำมาใช้ทำน้ำมันสลัด สกัดเพกทิน ส่วนประโยชน์ในด้านสุขภาพของการรับประทานส้มเขียวหวานก็เหมือนกับส้มทั่วไป เช่น ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน รักษาโรคเหงือก ช่วยทำให้เจริญอาหาร ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ทำให้แผลหายเร็วขึ้น บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ช่วยขจัดความหมองคล้ำ ชะลอการเกิดริ้วรอย มีบ้างที่นำมาใช้รักษาสิว เป็นต้น

สรรพคุณของส้มเขียวหวาน
- เป็นยาแก้ลมวิงเวียน หน้ามืด ตาลาย ใจสั่น (เปลือกผล)
- ช่วยลดปริมาณของคอเลสเตอรอลในเลือด (ผล)
- ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการของโรคไข้หวัด (ผล)
- ช่วยบรรเทาอาการกระหายน้ำ (ผล)
- ใช้เป็นยาแก้ไอ ช่วยขับเสมหะ (เปลือกผล)
- ช่วยแก้อาการจุกเสียดแน่นหน้าอก (เปลือกผล)
- ช่วยแก้อาการปวดชายโครง (เปลือกผล)
- เป็นยาแก้อาการปวดเต้านม เต้านมอักเสบ (เมล็ด)
- เป็นยาขับลม แก้อาหารไม่ย่อย ท้องขึ้นท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่น (เปลือกผล)
- ช่วยทำให้ระบบการย่อยอาหารภายในร่างกายเป็นไปอย่างปกติ (ผล)
- ช่วยแก้อาการปวดท้อง (เปลือกผล, เมล็ด)
- ช่วยแก้อาการปวดอัณฑะ (เมล็ด)
- เปลือกผลใช้เป็นยาขับลมในตับ กล่อมตับ คลายการบีบตัวของตับ (เปลือกผล)
- ช่วยป้องกันการติดเชื้อจากแบคทีเรีย (ผล)
- เมล็ดใช้เป็นยาแก้ปวดกระษัยลม (เมล็ด)
- เปลือกผลใช้เป็นยารักษาโรคผมร่วง (เปลือกผล)


ข้อมูลอ้างอิง (Source) :
     - medthai.com
     - .silpa-mag.com

750/24

Kimleng:




ส้มวาเลนเซีย


ส้มวาเลนเซีย (Valencia Orange) เรียกได้ว่าเป็น "ราชาแห่งส้ม" ที่คนทั่วโลกนิยมรับประทานมากที่สุดในบรรดาส้มทุกสายพันธุ์ ด้วยรสชาติเปรี้ยวหวานลงตัว อุดมด้วยวิตามินซีและฟลาโวนอยด์ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และยังช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ผิวสวยแล้วยังสุขภาพดีจนสังเกตได้

ส้มวาเลนเซียเป็นพันธุ์ส้มหวานที่ตั้งชื่อตามส้มที่มีชื่อเสียงในเมืองวาเลนเซีย ประเทศสเปน เป็นการผสมพันธุ์ครั้งแรกโดย William Wolfskill นักปฐพีวิทยาชาวอเมริกันผู้บุกเบิกและผู้พัฒนาที่ดินในช่วงกลางศตวรรษที่ ๑๙ ในฟาร์มของเขาในซานตาอานา แคลิฟอร์เนียตอนใต้ สหรัฐอเมริกา และอเมริกาเหนือ  ส่วนใหญ่ปลูกเพื่อการแปรรูปและการผลิตน้ำส้ม

Kimleng:


น่าจะส้มนำเข้าจากจีนไปสู่ยุโรป ราคาแพงเอาเรื่อง! น้ำหนักส้ม 0.240 kg ขายในราคา 2.40 ปอนด์

ส้มกิมจ๊อ (KUMQUAT)


ส้มกิมจ๊อ ในสกุลส้มและวงศ์ส้ม มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีนเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง แตกแขนงเป็นพุ่มแน่น ใบรูปไข่ สีเขียวสดเป็นมัน มีหูใบขนาดเล็ก ดอกออกดอกเดี่ยว แต่มักออกรวมกันเป็นกลุ่ม มีสีขาว ติดผลดก ผลกลมเหมือนส้มทั่วไป แต่มีขนาดเล็ก เป็นส้มชนิดที่กินได้ทั้งเปลือกและเนื้อ เปลือกหนามีรสหวาน ส่วนเนื้อในจะมีรสเปรี้ยว เหมือนส้มจี๊ด หรือ บางทีเรียกกันว่า ผลมีทั้งกลมและรี เปลือกสีเหลือง เหลืองอมเขียว หรือเหลืองทอง ผลดก มีคุณค่าทางโภชนาการหลากหลายทั้งใยอาหารซึ่งช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย ทั้งวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินซี วิตามินอี ซีลีเนียม สังกะสี แมกนีเซียม เป็นต้นและยังมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพต่างๆ เช่น ฟาโวนอยด์ ซึ่งมีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งและช่วยให้ระบบหัวใจ และไหลเวียนโลหิตดีขึ้น

750/24

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป