จิงโจ้ วางท่าสงบเสงี่ยม ชูคอขอขนมปังที่ริมระเบียงห้องพัก ในประเทศออสเตรเลีย
ดินแดนที่มีธรรมชาติสวยงาม อากาศดี น่าอยู่
จิงโจ้
สัตว์ประจำท้องถิ่นของออสเตรเลีย
จิงโจ้ เป็นสัตว์กินพืชเป็นหลัก เช่น หญ้า และกินแมลงบางชนิดเพื่อเพิ่มโปรตีนให้กล้ามเนื้อด้วย จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง คลาสสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องในตัวเมียสำหรับแพร่ขยายพันธุ์และเป็นที่อยู่อาศัยของลูกอ่อน นับเป็นสัตว์ในประเภทนี้ที่มีขนาดใหญ่ และเป็นสัตว์ประจำท้องถิ่นของออสเตรเลีย
คำว่าจิงโจ้ในภาษาไทย ยังไม่ทราบที่มาที่ไปของศัพท์คำนี้ แต่ในชื่อภาษาอังกฤษที่ว่า "kangaroo" (แคง-กา-รู) นั้นมีที่มาจาก เมื่อชาวตะวันตกค้นพบทวีปออสเตรเลียเป็นครั้งแรก ได้พบเห็นจิงโจ้กระโดดไปมามากมาย และมีขน ด้วยไม่รู้ว่าคือสัตว์อะไร จึงถามชาวอะบอริจินส์ ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองของออสเตรเลียด้วยภาษาของตน แต่ชาวอะบอริจินส์รับฟังไม่ออก จึงกล่าวว่า "Kangaroo" ซึ่งแปลว่า "ฉันไม่เข้าใจ" อันเป็นที่มาของชื่อสามัญของจิงโจ้ในภาษาอังกฤษ
จิงโจ้มีหลากหลายประเภท ในหลายวงศ์, หลายสกุล แต่ทั้งหมดจัดอยู่ในอันดับ Macropodiformes หรือที่เรียกในชื่อสามัญว่า "แมคโครพอด" (Macropod) ที่หมายถึง "ตีนใหญ่" แต่ทั้งหมดก็มีรูปร่างคล้ายกัน (แต่โดยปกติแล้ว จิงโจ้จะหมายถึงแมคโครพอดที่อยู่ในสกุล Macropus) คือ มีขาหลังที่ยาวแข็งแกร่ง ทรงพลัง ใช้ในการกระโดด และมีส่วนหางที่แข็งแรง ใช้ในการทรงตัว และใช้ในการกระโดด
วิวัฒนาการของจิงโจ้ : เมื่อกว่า ๔๕ ล้านปีก่อนมาจากสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องชนิดหนึ่ง ที่มีรูปร่างคล้ายหนู ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังอาศัยอยู่ในแถบตะวันตกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย เรียกว่า "จิงโจ้หนูวูยลีย์" แม้ไม่สามารถกระโดดได้ แต่ก็มีขาหลังที่ใหญ่ และสามารถนั่งพักบนหางตัวเองได้เหมือนเช่นจิงโจ้ในปัจจุบัน
ต่อมา ๗ ล้านปีก่อน วอลลาบี หรือจิงโจ้แคระก็ได้กำเนิดขึ้นมา ซึ่งบางชนิดก็ได้วิวัฒนาการตัวเองให้เหมาะสมแก่การปีนป่ายอาศัยอยู่ตามโขดหินผาต่างๆ และ ๕ ล้านปีต่อมา จิงโจ้สีเทา นับเป็นจิงโจ้ชนิดแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมา และ ๑ ล้านปีต่อมา จิงโจ้แดง ซึ่งเป็นจิงโจ้และสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องชนิดที่ใหญ่ที่สุดก็ถือกำเนิดขึ้นมา
การขยายพันธุ์ของจิงโจ้ : เป็นการเลี้ยงตัวอ่อนด้วยน้ำนม โดนการตั้งท้องประมาณ ๓๐-๔๕ วัน หลังจากนั้น ตัวอ่อนที่ยังไม่มีขนจะคลานมาจนถึงกระเป๋าหน้าท้องแล้วเลี้ยงตัวเองด้วยน้ำนมจนโตประมาณ ๑ ปี ถึงจะออกจากกระเป๋าหน้าท้อง
แม้จะมีลูกได้ครั้งละ ๑ ตัว แต่จิงโจ้สามารถที่จะมีลูกได้มากกว่า ๑ ตัว ในถุงหน้าท้อง โดยลูกจิงโจ้แต่ละตัวจะมีขนาดไม่เท่ากัน เพราะเกิดในช่วงเวลาที่ต่างกัน หรือแม้กระทั่งมีตัวอ่อนในตัวของแม่จิงโจ้ ขณะที่ลูกจิงโจ้แรกคลอดยังคงคลานไปดูดนมอยู่ก็มี จิงโจ้จะมีเต้านมทั้งหมด ๔ เต้า ๒ เต้าแรกมีความยาวไว้สำหรับลูกจิงโจ้วัยอ่อนใช้ดูดกิน น้ำนมในส่วนนี้ มีคาร์โบไฮเดรตสูง ไขมันต่ำ ขณะที่อีก ๒ เต้าจะมีขนาดสั้น ไว้สำหรับลูกจิงโจ้ที่โตแล้วดูดกิน มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ ไขมันสูง ขณะที่แม่จิงโจ้มีลูกวัยอ่อน ตัวอ่อนที่ยังไม่คลอดออกมา จะหยุดพัฒนาการเพื่อรอให้ลูกจิงโจ้วัยอ่อนนั้นเติบโตขึ้นมา แล้วจึงมาแทนที่ จิงโจ้จึงเป็นสัตว์ที่ผสมพันธุ์และแพร่ขยายพันธุ์ได้ตลอดเวลา ขณะที่ลูกจิงโจ้โตพอที่จะออกมาอยู่ข้างนอกได้แล้ว และในถุงหน้าท้องมีลูกจิงโจ้อีกตัวที่ยังอาศัยอยู่ แม่จิงโจ้จะไล่ให้ลูกตัวที่โตกว่าไม่ให้เข้ามา อาจจะให้แค่โผล่หัวเข้าไปดูดนม ซึ่งเวลานี้ลูกจิงโจ้ก็ถึงวัยจะที่กินหญ้าเองได้แล้ว แต่ก็มีถึงร้อยละ ๘๐ ที่ลูกจิงโจ้จะตายลงเมื่ออายุได้ ๒ ปี เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง
ขอขอบคุณ "วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี" - ที่มาข้อมูล
850