หัวข้อ: กินอย่างไร-ไร้โรคภัย เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 14 สิงหาคม 2555 16:55:31 .
(http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSgiCXG4g8bVsoc7c3kOVIMUJEJsjTFjn1xA1s8BxlEL18aKCczFS6WbsWu) กินอย่างไร-ไร้โรคภัย ภาพจาก : health.ladytips.com ระบบดูดซึมเสีย เมื่อระบบดูดซึมเสีย ลำไส้จะดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ไปสร้างเม็ดเลือดไม่ได้ กินยาหรือวิตามินก็ไม่ดูดซึม เพราะผ่านชั้นไขมันที่ผนังลำไส้ไปไม่ได้ หรือผ่านไปได้น้อย ต่างกับการให้น้ำเกลือโดยการฉีดเข้าเส้นเลือด โดยไม่ต้องผ่านระบบดูดซึม แต่ใครจะให้น้ำเกลือได้ทุกวัน.... เมื่อระบบดูดซึมไม่ได้ พวกสารอาหารและโปรตีนจะถูกส่งไปให้ไตขับทิ้ง ไตก็ต้องทำงานหนักและอ่อนล้าเป็นธรรมดา ผลที่ตามมาคือการเจ็บป่วยและเกิดโรคต่าง ๆ ทุก ๆ คนที่กินอาหารผัดน้ำมันหรือทอดน้ำมันบ่อย ๆ หรือทุกวัน ควรจะต้องล้างลำไส้เพื่อให้ระบบดูดซึมทำงานได้ดีขึ้น การไม่ล้างลำไส้ก็เปรียบเสมือนการกินข้าวแล้วไม่ล้างจาน มื้อต่อไปก็ใช้จานใบเก่านั้นแหละไปใส่ข้าวกันใหม่ สูตรล้างระบบดูดซึม ๑. ชามะละกอ (มะละกอดิบต้มน้ำชงชา) วิธีทำ ใช้มะละกอดิบปอกเปลือกมาหั่นแบบชิ้นฟักใส่หม้อเติมน้ำ ต้มให้เดือดแล้วยกลง รินเอาแต่น้ำมาชงชา ใช้ชาจีนหรือชาเขียวใบหม่อนก็ได้ ไม่ควรแช่ชาเกิน ๕ นาที แล้วกรองชาออก สูตรนี้จะช่วยล้างไขมันที่เกาะลำไส้ได้ดี ควรดื่มเป็นประจำทุก ๆ วัน เพราะเรากินอาหารผัดน้ำมันมาหลายปี(http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQYU0EVbG0f1O4O89-GUKwFFVe4HVSbmkjaUVunKBwkrU0jgwY-Mw) ภาพจาก :biletban.com ๒. โยเกิร์ต + นมสด + น้ำผึ้ง + มะนาว วิธีทำ ใช้นมสด ๑ กล่องเทใส่แก้ว เติมโยเกิร์ตรสธรรมชาติครึ่งถ้วยของโยเกิร์ต เติมน้ำผึ้ง และมะนาว ชิมรสชาติตามชอบใจ แล้วตั้งทิ้งไว้สักพักหนึ่ง เพื่อให้จุลินทรีย์ขยายตัวแล้วกินความหวานของน้ำผึ้ง และช่วยย่อยไขมันของนมก่อน แล้วจึงค่อยดื่ม จะช่วยล้างลำไส้เล็กได้ดี (ถ้าดื่มเวลา ๑๓.๐๐ – ๑๕.๐๐ น.) จะได้ผลดีมาก เพราะตรงกับเวลาของลำไส้เล็ก ๓. รากหญ้าคา + เก๋ากี๊ + เก๊กฮวย + ดอกมะลิ + ดอกกุหลาบ + ตะไคร้หอม ต้มรวมกันกินแต่น้ำ เป็นสูตรล้างลำไส้ได้ดีที่สุด ๔. บอระเพ็ด ยาว ๑ เกียก (๑ คืบของคน ๆ นั้น) เติมน้ำ ๒ แก้วแล้วต้มกรองน้ำมาดื่มก็ช่วยล้างลำไส้ได้ หัวข้อ: Re: กินอย่างไร-ไร้โรคภัย เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 24 กันยายน 2555 19:56:21 (http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQ-ZKz7PKhMk86jIc8zw0VjiZsv_iSzAq6ZcuRgofmyaSScy-yC) ภาพ : aey-beauty.tarad.com แครอท กินแล้วสวย นักวิจัยมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูส์กับมหาวิทยาลัยบริสตอล เผยผลการวิจัย “แครอท” ว่า แครอท มีสารแคโรทีนอยด์จำนวนมาก ซึ่งจะช่วยให้คนเรามีใบหน้าที่สวยงาม มีผิวพรรณที่ดีขึ้น จากการทดลองในกลุ่มตัวอย่างชายหญิงชาวสกอตแลนด์ จำนวน 51 คน ที่ทดลองกินผักจำพวกแครอทกับพลัม ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ปรากฏว่าในจำนวน 40 คนจากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด มีผิวพรรณที่ดีขึ้น ผิวหน้าเปล่งปลั่งสุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น การปลูกฝังให้เด็ก ๆ มีนิสัยชอบการกินผักผลไม้ตั้งแต่ยังเล็ก จึงเป็นเรื่องควรทำอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันโรคภัยต่าง ๆ ได้แล้ว ยังช่วยให้ผิวพรรณเราดีอย่างถาวรอีกด้วย หัวข้อ: Re: กินอย่างไร-ไร้โรคภัย เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 24 กันยายน 2555 20:11:17 (http://t1.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRgTdKWIyKxXSrIcG81jAvbU_TwwC3tefc9FztylDmbLe3bZbqo9w) (http://www.kimleng.net/ภาพประกอบ/ต้มส้มปลาทับทิม/DSC01037.JPG) กินปลาลดเสี่ยงผื่นคัน คณะนักวิจัยชาวสวีเดน ทำการศึกษาพบว่า การให้ทารกกินปลาวันละ 1 ชิ้น ในช่วงอายุ 9 เดือนแรก เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะช่วยลดความเสี่ยงที่เด็กจะเกิดอาการแพ้ผื่นคันลงได้ 1 ใน 4 เมื่อเทียบกับทารกที่ไม่ได้กินปลา และการให้เด็กกินปลาแต่เล็กนั้น สิ่งสำคัญไม่ใช่จำนวนหรือประเภทของปลาที่ให้กิน แต่เป็นช่วงเวลาของการให้เริ่มกิน อาการแพ้ หรือผื่นคันเป็นโรคเรื้อรัง มักเกิดขึ้นกับเด็กร้อยละ 10 – 15 ที่มีแนวโน้มเป็นโรคภูมิแพ้ ทำให้ผิวหนังคัน แดง แห้ง และแตก ซึ่งผลการศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งของการติดตามศึกษาสุขภาพระยะยาวของทารกเกือบ 17,000 คน กระทั่งพบว่ายีนส์ คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กแพ้เป็นผื่นคัน ส่วนการเลี้ยงลูกด้วยนมมารดาและการไม่มีสัตว์เลี้ยงขนยาวในบ้านไม่มีผลแต่อย่างใด แต่โดยรวมแล้วสรุปได้ว่า ปลามีส่วนช่วยลดโอกาสการแพ้ผื่นคันได้ ซึ่งสันนิษฐานว่ามาจากปลาที่มีโอเมก้า 3 และสารอาหารสำคัญอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันของทารกนั่นเอง หัวข้อ: Re: กินอย่างไร-ไร้โรคภัย เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 24 กันยายน 2555 20:25:56 (http://t2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQCKM2WE-rKmOfclN_No7b8nqxyVlZVmp7s3CEm6oIcTdG5_dc-Qw) ภาพ : temp.allthaifood.com กินทุเรียนให้ถูกวิธี แพทย์สาธารณสุขแนะนำว่า การกินทุเรียนควรกินครั้งละไม่เกิน 2 เม็ดขนาดกลาง เพราะจะให้พลังงานสูงถึง 187 กิโลแคลอรี ซึ่งร่างกายจะได้รับไขมัน โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามินเอแบบพอเหมาะ แต่ถ้ากินมากเกินไป พลังงานจากน้ำตาลของทุเรียนจะเทียบเท่ากับกินข้าว 5 ทัพพี หรือกินน้ำอัดลมเกือบ 2 กระป๋อง สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือด ต้องระมัดระวังในการกินทุเรียน.shมากเป็นพิเศษ เนื่องจากสารจากทุเรียนจะส่งผลลบต่อร่างกายได้มากกว่าคนปกติทั่วไป และที่สำคัญไม่ควรกินทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด เพราะในทุเรียนมีสารซัลเฟอร์หรือกำมะถันจำนวนมาก และจะละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ ทำให้แอลกอฮอล์ซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว จนเกิดอาการเมาเร็วและเมาหนักขึ้น และยังทำให้เกิดความผิดปกติต่อระบบหายใจ ทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการเสียชีวิตกระทันหัน ส่วนความเชื่อที่ว่ากินทุเรียนแล้วให้กินมังคุดตาม เพื่อแก้ร้อนในนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะแม้จะไม่มีงานวิจัยสำนักใดรับรอง แต่ถือเป็นกุศโลบายของคนโบร่ำโบราณที่คิดว่าทุเรียนมีฤทธิ์ร้อน มังคุดให้ฤทธิ์เย็น สามารถแก้ไขกันได้ หัวข้อ: Re: กินอย่างไร-ไร้โรคภัย เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 25 กันยายน 2555 20:30:39 (http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQGmh5CMlnXaQ7AbbiuBA1lnSRT-oWiZ6IvjRPHjFxxOlbPCoN0) ภาพ : osteokku.com ดื่มน้ำเย็นเสี่ยงโรคมะเร็ง หลายคนชื่นชอบกับการดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหาร เพราะทำให้รู้สึกคล่องคอ และกระปรี้กระเปร่า แต่ท่านทราบไหมว่า การดื่มน้ำเย็นระหว่างมื้ออาหาร ทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง เพราะน้ำเย็นจะทำให้ไขมันจากอาหารที่เรากินจับตัวกัน และทำให้การย่อยอาหารช้าลง กากไขมันเหล่านั้นจะทำปฏิกิริยากับกรดในน้ำย่อย กลายเป็นไขมันซึ่งส่งผลให้เกิดโรคมะเร็ง ดังนั้น ทางที่ควรปฏิบัติในระหว่างการกินอาหารให้กินน้ำซุปร้อน ๆ หรือดื่มน้ำอุ่น เพราะนอกจากจะทำให้ชุ่มคอแล้ว ยังช่วยให้ไขมันแตกตัวอีกด้วย หัวข้อ: Re: กินอย่างไร-ไร้โรคภัย เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 25 กันยายน 2555 20:39:01 (http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRHeIRSmBxTn_Zd0zMmIQ53WhOX_EpRw3GZGVjzwkCNPv0W5IxC) ผักโขม ภาพจาก : n3k.in.th ผักโขมช่วยถนอมสายตา หลายคนเข้าใจว่า ผักโขม หรือที่คนไทยมักเรียกกันผิด ๆ ว่า ผักขม นั้น มีรสชาติและกลิ่นไม่น่ากินนัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผักโขมมีรสชาติไม่ต่างจากผ้กทั่วไป และยังมีสารลูเทอินจำนวนมาก สารดังกล่าวจะช่วยป้องกันการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการตาบอดในผู้สูงอายุ นอกจากนี้ผักโขมยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย หัวข้อ: Re: กินอย่างไร-ไร้โรคภัย เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 26 กันยายน 2555 20:05:48 (http://t3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT6wcqYV_4tby_tWYL_UAZpWCUQLPh8AjwlbVYcuX_HelX-4yg) น้ำส้มคั้น ภาพจาก : foodsomefood.blogspot.com ภัยจากน้ำนางเอก ทราบหรือไม่ว่า น้ำส้ม หรือน้ำนางเอกสำหรับคุณสาว ๆ และน้ำรสส้มที่วางขายในท้องตลาด ส่วนใหญ่จะมีน้ำตาลผสมอยู่จำนวนมาก จากการนำมาทดสอบหาวิตามินตามคำอ้างสื่อโฆษณา ปรากฏว่า ไม่มีวิตามินซีหลงเหลืออยู่ หรือไม่ก็มีเพียงปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น ข้อมูลจาก สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า น้ำส้มที่ผสมวิตามินซีนั้น ไม่ควรมาพร้อมกับวัตถุกันเสีย (เบนโซอิก) เพราะหากสองสิ่งมาผสมรวมกันจะทำให้เกิดสารพิษที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ คือวิตามินซีนั้นสามารถถูกทำลายได้ง่ายมากและกว่าจะมาถึงมือผู้บริโภคต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ เช่น การขนส่ง การเก็บรักษา การวางจำหน่าย ซึ่งโดนทั้งแสงและความร้อน อันจะส่งผลให้ปริมาณวิตามินซีลดลงไปเรื่อย ๆ หากต้องการดื่มน้ำส้ม ก็ควรสังเกตข้อมูลข้างกล่องหรือขวดให้ถี่ถ้วน และควรเลือกชนิดของขวดหรือกล่องขนาดเล็ก หรือแบ่งดื่ม เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไป เพราะน้ำส้มบางยี่ห้อมีส่วนผสมของน้ำตาลมากกว่า ๑๐ ช้อนชา นั่นแสดงว่า น้ำส้มพร้อมดื่มไม่น่าจะใช่ทางเลือกเพื่อสุขภาพสำหรับนางเอกเสียแล้ว |