[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ อนามัย => ข้อความที่เริ่มโดย: ฉงน ฉงาย ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2564 20:58:06



หัวข้อ: มารู้จักส่าไข้หรือหัดกุหลาบกันเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: ฉงน ฉงาย ที่ 08 กุมภาพันธ์ 2564 20:58:06


มารู้จักส่าไข้หรือหัดกุหลาบกันเถอะ

(https://www.vichaiyut.com/wp-content/uploads/2021/01/shutterstock_1261397593-696x464.jpg)



            คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงเคยได้ยินหรือเห็นอาการของส่าไข้หรือหัดกุหลาบในลูกน้อยหลังจากที่ไข้ลดลง มักพบได้ในเด็กเล็กตั้งแต่อายุ 3 เดือน – 3 ปี ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส Human herpesvirus type 6 (HHV-6) เป็นส่วนใหญ่ ว่าแต่โรคนี้คืออะไร และมีอาการอย่างไรบ้าง วันนี้เรามีข้อมูลมาบอกค่ะ

            ส่าไข้หรือหัดกุหลาบ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชื่อว่า Human Herpesvirus type 6 (HHV-6) เป็นเชื้อไวรัสพวกเดียวกับไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริม พบได้บ่อยที่สุดในช่วงอายุ 6-12 เดือน และพบได้น้อยมากในเด็กอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ซึ่งสามารถติดต่อได้โดยการหายใจสูดเอาฝอยละอองเสมหะที่ผู้ป่วยไอหรือจามรด หรือติดต่อโดยการสัมผัส คือ เชื้ออาจติดอยู่ที่มือของผู้ป่วย สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ เมื่อคนปกติมาสัมผัสถูกมือผู้ป่วย สิ่งของเครื่องใช้ เชื้อก็จะติดมากับมือของคน ๆ นั้น เมื่อแคะไชจมูกหรือใช้นิ้วมือขยี้ตาเชื้อก็จะเข้าสู่ร่างกายได้เมื่อได้รับเชื้อเข้าไปแล้วการแสดงอาการจะใช้เวลาประมาณ 5-15 วัน

อาการของส่าไข้หรือหัดกุหลาบ

           ในระยะแรกจะมีไข้สูงเฉียบพลัน 39.5 – 40.5 องศาเซลเซียส อาจมีอาการชักจากไข้สูง หรือตัวร้อนอยู่ตลอดเวลา จากนั้น 3 วัน ไข้ก็จะลดลงเป็นปกติอย่างรวดเร็วหรืออาจจะค่อย ๆ ลดลง หลังจากไข้ลดไม่กี่ชั่วโมงจะมีผื่นเล็กๆ สีแดงคล้ายกุหลาบขึ้น เริ่มที่หน้าอก หลัง ท้อง คอ และแขน อาจขึ้นที่ใบหน้าหรือขาก็ได้ จะไม่ค่อยมีอาการคัน ผื่นอาจอยู่นาน 1-3 วัน หรืออาจขึ้นมาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะจางหายไปเอง ในบางรายอาจพบว่ามีอาการคอแดง เยื่อบุตาแดง หรือมีอาการอักเสบที่แก้วหูร่วมด้วย และอาจคลำพบต่อมน้ำเหลืองโตที่บริเวณหลังหู ท้ายทอย หรือบางรายอาจมีเพียงไข้สูง โดยไม่มีผื่นขึ้นหรืออาจขึ้นจาง ๆ ไม่ชัดเจน ซึ่งก็ทำให้การวินิจฉัยได้ไม่แน่ชัด

การรักษาส่าไข้หรือหัดกุหลาบ

          เมื่อมีไข้สูงให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดตัวบ่อย ๆ ไม่สวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ หรือห่มผ้าหนา ๆ เพื่อให้ร่างกายได้ระบายความร้อน รับประทานยาลดไข้ควบคู่กันไปกับการเช็ดตัว หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน เพราะอาจเสี่ยงการเกิดโรคเรย์ซินโดรม และควรให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก ๆ โรคนี้มักหายได้เองใน 3-5 วัน หรือไม่เกิน 1 สัปดาห์ หากพบว่าเด็กมีอาการซึมลง 3-5 วัน ไข้ไม่ลดลง ไม่ปัสสาวะนาน 4-6 ชั่วโมง หายใจหอบ อาเจียน หรือมีอาการชักร่วมด้วย ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที

   ที่มา https://www.vichaiyut.com/th/health/diseases-treatment/other-diseases/roseola-infantum/ (https://www.vichaiyut.com/th/health/diseases-treatment/other-diseases/roseola-infantum/)