15 พฤษภาคม 2567 06:05:56
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
สุขใจในธรรม
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
.:::
ตระการตา วัดรุมเต็ก ( RUMTEX ) วัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในสิกขิม
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ตระการตา วัดรุมเต็ก ( RUMTEX ) วัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในสิกขิม (อ่าน 1435 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 5081
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.271
ตระการตา วัดรุมเต็ก ( RUMTEX ) วัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในสิกขิม
«
เมื่อ:
29 กรกฎาคม 2559 02:31:51 »
Tweet
https://www.youtube.com/v/59tDFPoL0sk
https://www.youtube.com/v/cyWrtmbQIDY
https://www.youtube.com/v/coXhul1wBpA
เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=cyWrtmbQIDY&list=PL60wU9P44yvTHFd_pfBkZH_Rejb0tEjTS
• วัดรุมเต็ก ศูนย์ธรรมจักรสิกขิม
• วัดรุมเต็ก (Rumtek Monastery) หรือ ศูนย์ธรรมจักร (Dharmachakra Centre) เป็นสถานที่ศึกษาและปฏิบัติธรรม เป็นวัดศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในสิกขิม ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 1,550 เมตร ห่างจากกังต็อก 24 กิโลเมตร
• ประวัติวัดรุมเต็ก
• วัดรุมเต็ก เดิมเคยเป็นวัดหลักของนิกายกากยู (Kagyu) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดย การ์มาปา วังชุก ดอร์เจ ที่ 9 สำหรับใช้เป็นสถานที่พำนักอาศัยของผู้สืบเชื้อสาย Karma ในสิกขิม เมื่อตัววัดถูกทำลายลง พื้นที่จึงปล่อยทิ้งร้างไป จวบจนกระทั่งพระสังฆราชการ์มาปาที่ 16 ซึ่งเป็นชาวทิเบต ได้ลี้ภัยมายังสิกขิมในปี ค.ศ. 1959 เนื่องจากกองทัพจีนบุกไปยึดทิเบต
• พระองค์จึงตัดสินใจสร้างวัดรุมเต็กขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เพื่อใช้เป็นที่พำนักในการลี้ภัยจากกองทัพจีน โดยได้รับความช่วยเหลือจากราชวงศ์ของสิกขิมและรัฐบาลอินเดีย ส่วนที่พระองค์เลือกบริเวณนี้ ก็เพราะสถานที่นี้มีลักษณะภูมิประเทศที่ดี เช่น มีลำธาร มีภูเขาอยู่ด้านหลัง มีภูเขาหิมะอยู่ด้านหน้า และมีแม่น้ำอยู่ด้านล่างนั่นเอง
• หลังจากใช้เวลานานถึง 4 ปี การก่อสร้างวัดรุมเต็กก็เสร็จสิ้น โดยถือเป็นวัดขนาดใหญ่ที่สุดที่ก่อสร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของทิเบตเลยทีเดียว (ปัจจุบันเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในสิกขิม) หลังจากนั้นไม่นาน พระสังฆราช การ์มาปาที่ 16 ก็ได้สถาปนาวัดนี้เป็น “ศูนย์ธรรมจักร” (The Dharmachakra Center) เพื่อฝึกฝนและปฏิบัติตนของชาวพุทธรวมทั้งเผยแพร่ศาสนาคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
• มีการขนสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระธาตุพระพุทธเจ้ามาจากวัด Tsurphu ใน ทิเบตมาประดิษฐานที่นี่ ในวันปีใหม่ของทิเบตในปี 1966 มีการสถาปนาวัดนี้ให้เป็นศูนย์กลางธรรมจักร ซึ่งเป็นสถานที่ศึกษาและปฏิบัติธรรม เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของสิกขิม
• วัดรุมเต็กมีทั้งหมด 4 ส่วน
ได้แก่ Main Temple, The Golden Stupa, Benefits of Veneeration และ The Stupa Walkway (Koral)
• วิหารวัดรุมเต็ก (Main Temple) : ด้านในจะมีห้องบูชาที่ตกแต่งอย่างประณีต อีกทั้งยังมีธงผ้าไหม ผ้าทังก้า ภาพวาดทางศาสนา ต้นฉบับเกี่ยวกับคำสั่งสอนของศาสนา (Kangyur) ที่แปลจากภาษาสันสกฤต มาเป็นภาษาทิเบต และคำอธิบายเกี่ยวกับศีล (Tengyur) ทั้งหมด 255 เล่ม รวมถึงพระพุทธรูปสูง 10 ฟุต ที่ขนาบข้างไปด้วยพระสารีบุตรและพระโมคลัลลา อันเป็นพระอัครสาวกองค์สำคัญของพระพุทธเจ้า และบังลังก์ศักดิ์สิทธิ์ของ “เกลวา การ์มาปา” สำหรับให้ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินหรือพระลามะผู้มีบุญนั่งด้วย
• สถูปทอง (Golden Stupa) : สถูปแห่งนี้มีความสำคัญ เพราะเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุล้ำค่าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากร่างของพระสังฆราช “เกลวา การ์มาปา ที่ 16” ปกติจะใช้ประกอบพิธีบูชาผู้สืบเชื้อสายมาจากพระสังฆราชของพวกเขา ซึ่งเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1982 (ห้ามถ่ายรูป)
• แท่งหินสลักคำสอนของพระพุทธเจ้า (Benefits of Veneration) : เป็นแท่งหินสลักคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ตั้งอยู่ตรงกลางลานวัด
• เส้นทางแสวงบุญวัดรุมเต็ก (The Stupa Walkway) : เป็นเส้นทางแสวงบุญที่อยู่ด้านหลังกำแพงวัดรุมเต็ก ซึ่งจะมีสถูปสูง 35 ฟุต ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ เพื่อเป็นการขจัดอุปสรรคในการกลับมาเกิดใหม่ของพระสังฆราชการ์มาปาที่ 16 ภายในมีต้นฉบับที่เขียนด้วยลายมือในสมัยโบราณและรูปสลักด้านหน้าของเทวดา Raksha Todtreng อยู่ ทั้งนี้ระหว่างทางก็จะธง 5 สี แขวนเรียงราย เพื่อสวดอ้อนวอนให้เกิดสันติภาพในโลก ความโชคดี ความเจริญ และ อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต
• สัญลักษณ์กงจักรและกวางสีทอง
: ตามตำนานเล่าว่า หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว ขณะที่พระองค์กำลังนั่งสมาธิอยู่นั้น พระพรหมและพระอินทร์ก็ได้เสด็จลงมาหาพระพุทธเจ้า เพื่อให้พระพุทธเจ้าสอนธรรมะให้ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระพุทธเจ้าจึงบอกว่าจะหมุนวงล้อแห่งธรรมนี้ 3 ครั้ง ทว่าในเวลานั้นเอง ก็ได้มีกวาง 2 ตัว ปรากฎตัวขึ้นที่ป่าใกล้ๆ และจ้องมองมาที่วงล้อมนั้น เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการหมุนกงล้อแห่งธรรมในครั้งแรก จึงได้มีการสร้างวงล้อแห่งธรรมและกวาง 1 คู่อยู่บนหลังคาวัดทุกๆ วัด โดยกงล้อจะเป็นสัญลักษณ์คำสอนของพระพุทธเจ้า ส่วนกวางก็แทนพระพรหมและพระอินทร์ซึ่งเป็นผู้เรียนรู้ ทั้งนี้การตั้งท่าของกวางจะหมายถึง การรับฟัง ส่วนการจ้องมองจะหมายถึง การแสดงความสนใจในธรรมะ
จาก
http://www.oceansmile.com/India/SikkimWatrumtek.htm
วัดรุมเต็ก (Rumtek) สิกขิม อินเดีย
เป็นวัดศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในสิกขิม ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง 1,550 เมตร จากระดับน้ำทะเล ตามตำนานเล่ากันว่าราวกลางศตวรรษที่ 17 ครั้งที่ พุนฌก นัมจ์เยล์ เดินทางจากเมืองกังต็อก ไปเมืองย็อกซั่ม เพื่อรับการสถาปนาเป็นปฐมกษัตริย์ปกครองแผ่นดิน ได้ผ่านหุบเขารานิปูล และหยุดแวะพัก ณ บริเวณยอดเขาแห่งนี้ ต่อมาประมาณต้นศตวรรษที่18 ในรัชสมัย จ์ยุร์เมต์ นัมจ์เยล์ (กษัตริย์รัชกาลที่ 4) ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทว่าประสบกับปัญหาชีวิตสมรสส่วนพระองค์ อีกทั้งแผ่นดินก็ถูกรุกรานอย่างหนักจากพวกเนปาลและภูฏาน ทำให้ยุวกษัตริย์ทรงเสด็จหลบไปทิเบตและได้รับการดูแลอย่างสมพระเกียรติจากพระลามะ วังซุก ดอร์เจ สังฆนายกองค์ที่ 9แห่ง การ์มา อันเป็นสายย่อยของฝ่าย-ฆาจ์ยุ ด้วยเหตุนี้ พุทธศาสนาตันตระ-วัชรยาน แบบทิเบต สายย่อยการ์มา วัดรุมเต็ก(เก่า)เริ่มแรกสร้างโดย การ์มาปาวังซุก ดอร์เจที่ 9 ในศตวรรษที่ 16 โดยได้รับอนุญาตจากกษัตริย์รัชกาลที่ 4เมื่อพระองค์ทรงเสด็จกลับคืนแผ่นดิน เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่องค์ปฐมกษัตริย์ แต่ถูกปล่อยปละละเลย อีกทั้งได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแผ่นดินไหวทำให้ชำรุดทรุดโทรมลงไปมาก วัดรุมเต็กที่เห็นในปัจจุบันคือวัดรุมเต็กใหม่เป็นวัดที่ได้สร้างขึ้นเมื่อทศวรรษที่ 1961 โดยท่าน รางจุง ธิงเปย์ ดอร์จี สังฆนายกองค์ที่ 16 แห่งสายย่อย-การ์มา ฝ่าย-ฆาจ์ยุ ซึ่งลี้ภัยมาจากทิเบตประสงค์จะสร้างวัดที่จำลองรูปลักษณ์ศิลปะแบบอย่างจากวัดเฌอพู เพื่อระลึกถึงดินแดนหลังคาโลกอันเป็นแผ่นดินมาตุภูมิ กษัตริย์ตาชิ นัมเกล จึงได้ถวายที่ดินเพื่อใช้ในการสร้างมีพื้นที่ทั้งหมด 74 เอเคอร์ ห่างจากตัวเมืองกังต๊อก 24 กิโลเมตร เป็นศูนย์กลางการเรียนการสอนธรรมะ ก่อนการสร้างมีการประกอบพิธีกรรมบูชาสถานที่ 1 เดือนเป็นแบบมัณฑละแผนภูมิศักดิ์สิทธิ์ ปี 1961 เริ่มก่อสร้าง ปี 1962 การ์มาปาที่ 16 และกษัตริย์ช็อคเยล ปัลเดน ธอนดูป นัมเกล กษัตรยิ์รัชกาลที่ 12 เป็นผู้วางศิลากฤษ์ สร้างเสร็จปี 1966 และได้อัญเชิญวัชระมงกฏหมวกดำมาประดิษฐานไว้ที่นี่ แผนผังของวัดประกอบด้วย 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1. วิหารหลัก มี 4 ชั้น ตรงกลางลานหน้าวิหารหลักมีเสาศิลาตั้งอยู่คือเสาจารึกประวัติของวัดเขียนเป็นภาษาทิเบต โดยคยอลวา การ์มาปา พระประธานคือ พระศากยะมุนี บริเวณรอบๆองค์พระประธานประดิษฐานพระพุทธรูปองค์เล็กๆประมาณ 1000 องค์ ทำจากดินเหนียวฉาบด้วยทองคำ มีตู้เก็บ ฆาร์ยุร์หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าแปลจากภาษาสันกฤตเป็นภาษาทิเบต และเท็นยุร์หรือพระไตรปิฏก เครื่องบูชา ถวายแด่เทวดา ทำจากข้าวบาเลย์ แป้ง เนย และสีตกแต่งให้สวยงาม
ส่วนที่ 2 สถูปทอง เป็นที่ประดิษฐาน พระธาตุของกุรุผู้ที่ได้รับการเคารพนับถือและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขององค์ การ์มาปาที่ 16 พระองค์ประกอบพิธีกรรมเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 1982 สถูปถูกสร้างขึ้นภายในวัดบนชั้นบนของตึกเก่า สถูปสูง 13 ฟุต รอบองค์สถูปมีรูปเคารพของการ์มาปาที่ 1 – 16 และรูปเคารพของไตร สิทุ รินโปเช่ ผู้ช่วยคนสำคัญของกรรมปาที่ 16 ส่วนที่ 3 คือ แท่นหินสลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ส่วนที่ 4 คือเส้นทางแสวงบุญด้านหลังวัด สายย่อย-การ์มา สถาปนาขึ้นราว ค.ศ. 1147 โดยท่าน ตุซุม เฆย์นปะ ค.ศ. 1110-1193 และปี ค.ศ. 1187 ได้สร้างวัดเฌอพู ห่างจากกรุงลาซา ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 70 กิโลเมตร ขึ้นเป็นศูนย์นำของสายย่อย-การ์มา ตามตำนานกล่าวว่า เมื่อครั้งที่ท่าน ตุซุม เฆย์นปะ บำเพ็ญศีลภาวนาอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง เหล่าเทวี ฆันโดรม่า จำนวน 100,000 นาง ร่วมมือกันอุทิศเส้นผมถักทอเป็นมาลาวิเศษ วัชรมงกุฎ หรือ หมวกดำ ประดับทองคำ ที่คนสามัญธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้ ถวายแก่ปฐมสังฆนายกการ์มา ซึ่งกลายมาเป็น สัญลักษณ์สำคัญ และทำให้สายย่อย-การ์มา มีชื่อรู้จักกันในอีกนามหนึ่งว่า นิกายหมวกดำ หมวกดำวิเศษใบนี้สืบทอดคล้ายเป็นมงกุฎประจำตำแหน่ง จ์เยล์วา การ์มาปะ สมณะศักดิ์สังฆนายกแห่งสายย่อย-การ์มา และท่าน รังจุง ริกเป ดอร์เจ (ค.ศ. 1921-1981) จ์เยล์วา การ์มาปะ องค์ที่ 16 ได้นำติดตัวลี้ภัยออกมาจากทิเบตเมื่อปี ค.ศ. 1959 และปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่วัดรุมเต็ก กรรมปาองค์ปัจจุบันคือองค์ที่ 17 ท่านได้ลี้ภัยจากทิเบต มาประทับอยู่ที่เมืองธรรมศาลากับองค์ดาไลลามะ เมืองธรรมศาลาอยู่ห่างจากเมืองหลวงเดลลีประมาณ 5 – 6 ชั่วโมง
จาก
http://www.taraarryatravel.com/info_page.php?id=629&category=36
http://www.tairomdham.net/index.php?topic=11491.msg41442#msg41442
บันทึกการเข้า
ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...