[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
03 พฤษภาคม 2567 12:05:35 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: หายป่วยด้วยพลังจิต  (อ่าน 1675 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5076


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 17 มิถุนายน 2553 20:23:45 »

คำอธิษฐานเรื่องใดก็ตามจะเกิดขึ้นตามที่บุคคลนั้นต้องการได้ต้องอาศัยกำลัง ๔ ประการเป็นองค์ประกอบที่เสมอกันคือ กำลังฌาน ๑ กำลังกสิณ ๑ กำลังใจ ๑ กำลังอธิษฐาน ๑ โดยอาศัยสมาธิและอิทธิบาท ๔ เชื่อมประสาน

กล่าวกันว่า บุคคลใดฝึกฝนอบรมอธิษฐานบารมีด้วยดำรงความซื่อสัตย์ไม่กลับกลอก มีความสามารถบังคับจิตใจได้ดี ยอมเสียสละทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างแม้ชีวิต ย่อมจะเกิดพลานุภาพเกินที่จะคาดคิดได้ว่ามีประมาณเพียงใด

เพราะเมื่อพลังจิตมีกำลังเข้มแข็ง การกระทำและคำพูดแต่ละคำที่เปล่งออกมาก็ย่อมศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์เดชเช่นกัน.
มีเรื่องเล่ากันมาว่า...

สิทธา เชตะวัน และ นิโรธ เกสรศิริ ได้เล่าเรื่องหลวงปู่แหวน ในนิตยสารโลกทิพย์ ฉบับเดือนมกราคม ๒๕๒๖ ไว้ดังนี้

ครั้งหนึ่งหลวงปู่แหวนเดินทางมาจากเชียงรายเพื่อจะไปลำปาง เดินทางมาถึงพะเยา ได้อาศัยรถลากไม้จากพะเยาถึงอำเภองาว รถเกิดติดหล่มก็เลยเดินไปก่อน กะจะไปพักหมู่บ้านข้างหน้า ขณะที่เดินทางมานั้นฝนก็ตกพรำตลอดเวลา พอตกเย็นถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เข้าไปอาศัยพักศาลาใกล้หมู่บ้าน

วันรุ่งขึ้นฉันเสร็จแล้วเดินทางต่อไป สมัยนั้นการเดินทางลำบากเพราะต้องฝ่าซอกหินธารเขาป่าก็เป็นป่าดงดิบพวกทากมีอยู่ทั่วไป เดินทางมาถึงศาลเจ้าพ่อประตูผาก็พอดีพลบค่ำ จะไปหาที่พักที่อื่นก็ไม่ทันเพราะเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว จึงอาศัยนอนบนศาลเจ้าพ่อประตูผานั้นเอง

เมื่อหยุดพักหายเหนื่อยดีแล้วก็ไหว้พระสวดมนต์ แผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์แล้ว ลงไปเดินจงกรมบ้าง นั่งบ้างสลับกันไป เวลากลางคืนพวกเสือมันมาร้องแถวใกล้ๆ ที่พัก แต่ละตัวสามารถล้มวัวทั้งตัวได้อย่างสบาย มันร้องรับกันเป็นทอดๆ ตกดึกอากาศเย็นจัดนอนไม่ค่อยหลับ

พอสว่างก็ออกเดินทาง ตกบ่ายรู้สึกอ่อนเพลียมาก หนักศีรษะคล้ายจะเป็นไข้ พยายามเดินเพราะอยู่กลางป่าเขาไม่มีหมู่บ้าน เดินไปได้ประมาณสองชั่วโมง รู้สึกว่าอาการไข้เริ่มปรากฏชัด ขารู้สึกว่าจะก้าวต่อไปไม่ไหวอ่อนไปหมด จึงแวะเข้าใต้ร่มไม้ข้างทาง วางกลด วางบาตรแล้วล้มตัวลงนอนหลับไปโดยไม่รู้สึกตัวเพราะพิษไข้ ช่วงเวลาที่หลับไปนั้นนานเท่าไรไม่อาจรู้ได้

มารู้สึกตัวก็ได้ยินเสียงซู่ๆ ของลมพัดยอดไม้ เสียงฟ้าคะนอง ฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่ทั่วไป มองไปบนท้องฟ้ามีเมฆดำทะมึนเต็มท้องฟ้า ลมก็พัดกระโชกแรงขึ้น อาการไข้ก็ยังไม่สร่าง ฝนก็เริ่มลงเม็ดห่างๆ จะกางกลดก็สู้ลมพัดไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะไปหลบลมหลบฝนอยู่ที่ไหน ดูเหมือนจะหมดหนทางแก้ไข

เมื่อไม่มีทางหลบลมและฝนได้แล้ว จึงรวบรวมกำลังกายลุกขึ้นนั่งสมาธิ ตั้งสัจจาธิษฐานอ้างเอาคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ อ้างถึงบุญบารมีของตนที่ได้บำเพ็ญมาตั้งแต่บวชมาด้วยดีว่า “ข้าพเจ้าบวชอุทิศต่อพระพุทธ ต่อพระธรรม ต่อพระสงฆ์ วันนี้ข้าพเจ้าเดินทางมาจะไปลำปาง เกิดอาการไข้หมดกำลังที่จะไปข้างหน้า ถ้าบุญบารมีของข้าพเจ้ามีอยู่จะได้บำเพ็ญพรหมจรรย์เพื่อทำหน้าที่ดับทุกข์แล้ว ขอฝนอย่าได้ตกลงมาตรงที่ข้าพเจ้านอนอยู่นี้เลยแล้วแผ่เมตตาต่อเทพารักษ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ตลอดจนนาคครุฑผู้มีอำนาจ อธิษฐานบอกกล่าวแก่เขาว่า

“ขอได้โปรดบันดาลด้วยอำนาจฤทธิ์ของตนๆ ให้ฝนซึ่งกำลังจะตกลงมานี้ เว้นตรงที่ข้าพเจ้านอนอยู่นี้ ขอให้เปลี่ยนทิศทางไปเสียทางอื่น การที่จะห้ามฝนไม่ให้ตกนั้นมิใช่ฐานะ แต่ขออย่าได้ตกลงมาตรงที่ข้าพเจ้านอน ขอให้ผ่านไปทางอื่น”

เมื่ออธิษฐานเสร็จแล้วทำจิตให้แน่วแน่แผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั่วจักรวาลไม่มีประมาณ เป็นที่น่าอัศจรรย์ ขณะที่ฝนกำลังลงเม็ดถี่โดยลำดับนั้น ได้เกิดมีลมพัดมาอย่างแรง จนทำให้ต้นไม้ลู่เอนไปตามทิศทางของลม และด้วยความแรงของลมสามารถทำให้ฝนเปลี่ยนทิศทางไปโดยฉับพลัน ฝนตกห่างจากที่อยู่ไปประมาณ ๑ เส้น วันนั้นฝนตกอยู่นานพอสมควร

พอฝนหายแล้ว อาการไข้ก็ยังไม่สร่าง จึงล้มตัวลงนอนต่อไปโดยไม่ได้กางกลด มารู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเวลากลางคืนแล้วเนื้อตัวเปียกชุ่มหมดอาจเป็นเพราะเหงื่อออก หลังจากสร่างไข้ รู้สึกว่าตัวเบา กระหายน้ำ เมื่อดื่มน้ำแล้วร่างกายสดชื่นขึ้นมีกำลัง จึงออกเดินทางต่อไปในเวลากลางคืนนั้น




http://www.ponboon.com/forum/index.php?PHPSESSID=nbs89pjjfn8jpn8sgkmkasqv64&topic=2502.0

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.255 วินาที กับ 31 คำสั่ง

Google visited last this page 26 มีนาคม 2567 05:24:21