ค่ายผู้อพยพทางตอนใต้ของรัฐฉานต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน
<span class="submitted-by">Submitted on Tue, 2023-11-28 02:58</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>พื้นที่รัฐฉานทางตอนใต้ติดต่อกับรัฐกะยา มีผู้ประสบภัยจากการสู้รบระหว่างกองทัพพม่ากับกองกำลังต่อต้านเผด็จการ ทำให้พวกเขาต้องอาศัยอยู่ในค่ายผู้อพยพที่อยู่ในสภาพไม่ปลอดภัย และเกิดภาวะขาดแคลนเสบียงอาหาร มีคนที่ออกไปรับจ้างทำงานในไร่แต่ก็ไม่พอซื้ออาหาร น้ำ และเชื้อเพลิง</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53359274687_86d6c56820_h.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ค่ายผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ (IDPs) ตามแนวชายแดนระหว่างรัฐฉานและรัฐกะเรนนี (ที่มา: สำนักข่าว SHAN)</span></p>
<p><span style="color:null;">สำนักข่าว SHAN รายงานว่าชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในทางตอนใต้ของรัฐฉานกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เนื่องจากเสบียงอาหารของพวกเขาเหลืออยู่น้อยมากอย่างน่าวิตก โดยพื้นที่ทางตอนใต้ของรัฐฉานด้านทางหลวงหมายเลข 54 ติดต่อระหว่างเขตแดนรัฐฉานกับรัฐกะยา หรือรัฐกะเรนนี มีผู้อพยพพลัดถิ่นอยู่ประมาณ 18,000 ราย มีผู้พลัดถิ่นคนหนึ่งเล่าว่า ครึ่งหนึ่งของผู้พลัดถิ่นไม่ได้รับเสบียงอาหารที่ผู้คนบริจาคให้มาเป็นเวลานานแล้ว</span></p>
<p><span style="color:null;">เช่นเดียวกับคนอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก ผู้พลัดถิ่นที่เล่าเรื่องนี้จำต้องหนีออกจากบ้านตัวเองเนื่องจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างกองทัพพม่ากับกองกำลังฝ่ายต่อต้านที่อยู่ในพื้นที่</span></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53360610720_0766cbb0e6_h.jpg" /></span></p>
<p style="text-align: center;"><font color="#e67e22">แผนที่แสดงเขตติดต่อระหว่างรัฐฉานตอนใต้ กับรัฐยาหรือรัฐกะเรนนี โดยจากรายงานของ SHAN พบว่าผู้พลัดถิ่นจากพื้นที่ตอนใต้ของรัฐฉาน หนีภัยการสู้รบมาจากเมืองที่อยู่บนทางหลวงหมายเลข 54 อยู่ในพื้นที่ติดต่อกับเขตแดนของรัฐกะยา เช่น เมืองปินเลาง์, แปข่น และโมแบย ฯลฯ</font></p>
<p> </p>
<p>ผู้พลัดถิ่นรายนี้กล่าวว่า ค่ายผู้พลัดถิ่นของพวกเขาเสบียงอาหารใกล้จะหมดแล้ว ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้รับความช่วยเหลือคือเมื่อ 7 เดือนที่แล้ว ชายผู้พลัดถิ่นเล่าว่าเขาทำงานเป็นลูกจ้างรายวันอยู๋ที่ไร่ข้าวโพด แต่ค่าแรงของเขาก็ไม่เพียงพอที่จะซื้อของที่จำเป็นอย่างอาหาร, น้ำ และเชื้อเพลิง</p>
<p>"พวกเราต้องรวบรวมเงินมาจำนวนหนึ่งเพื่อที่จะซื้อเชื้อเพลิง จะได้เอาไว้ใช้สูบน้ำจากลำธารเข้าไปที่ค่ายผู้พลัดถิ่นของพวกเราได้" ชายผู้พลัดถิ่นกล่าว</p>
<p>อย่างไรก็ตามแค่การสูบน้ำอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ เพราะน้ำที่พวกเขาสูบเข้าไปใช้ในค่ายเป็นน้ำกระด้าง ที่มีแคลเซียมสูงมากจนต้องต้มก่อนถึงจะสามารถบริโภคได้ ถึงแม้ว่าในช่วงฤดูฝนผู้พลัดถิ่นจะใช้วิธีการเก็บรองน้ำฝนเอาไว้ใช้ แต่ในช่วงฤดูแล้งพวกเขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้</p>
<p>"ผมอยากกลับบ้าน" ชายผู้พลัดถื่นกล่าว ถึงแม้ว่าค่ายผู้พลัดถิ่นจะมีหลังคาคุ้มหัว แต่ก็ไม่มีกำแพงหรือประตู ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจในช่วงกลางคืน แล้วก็ทำให้ต้องเสี่ยงกับความปลอดภัยของตัวเอง</p>
<p>ชาวบ้านผู้พลัดถิ่นส่วนใหญ่อพยพมาตั้งแต่ปี 2565 โดยมาจากพื้นที่ตอนใต้ของรัฐฉานมาจากปินเลาง์ (ปางลอง), แปข่น (ปายขุน), โมแบย (เมืองป๋าย) ในทางตอนใต้ของรัฐฉานติดต่อกับรัฐกะยา หรือรัฐกะเรนนี พวกเขาอยู่รอดโดยได้รับการช่วยเหลือน้อยมาก และถ้าหากพวกเขาไม่สามารถกลับไปยังหมู่บ้านของตัวเองได้ในอนาคต พวกเขาก็ต้องการให้มีคนจ้างงานพวกเขาในระบบเพื่อที่จะสามารถอยู่ได้โดยมีอาหารกินแบบถูกหลักโภชนาการและมีเงินเก็บไว้สำหรับยามฉุกเฉิน</p>
<p><span style="color:#2980b9;">เรียบเรียงจาก</span></p>
<p><span style="color:#2980b9;">Southern Shan State Displaced Camps Need Emergency Aid, </span>
<span style="color:#2980b9;">Shan Herald Agency For News,</span><span style="color:#2980b9;"> 13-11-2023</span></p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/11/107005