พระนาคเสนยืนยันว่า:ทำบาปมา 100ปี ก่อนตายระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าได้ ย่อมไปสวรรค์'ปองศักดิ์ เขียน:
แคล้ว ธนิกุล ได้ไปสวรรค์
ผมเห็นไปโพสต์มาเยอะแยะหลายเว็บบอร์ดมาก ไม่ยอมบอกเลยสักโพสต์ว่า แคล้วธนิกุลได้ไปสวรรค์นั้น คุณพลศักดิ์ทราบมาได้อย่างไร หรือทราบมาจากไหนหากมีผู้ถ่ายทอดคำกล่าวมาตอบผมอ่านจากเว็บหนึ่ง มีพระกรรมฐานระดับพระอริยะเจ้าท่านหนึ่ง เจอนายแคล้วได้ไปสวรรค์ เพราะระลึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนตาย ลูกศิษย์ลูกหาก็ถามท่านว่า นายแคล้วจะอยู่ในสวรรค์นานไหม ท่านก็ตอบว่า นานนะเอ็ง ไว้ผมจะไปค้นกระทู้นั้นมาลง
พึงตระหนักว่า คนที่ชั่วมากๆๆ วิบากกรรมมันจะปิดจิตไม่ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้าเอง ส่วนนายแคล้วคนนี้มีทั้งดีทั้งชั่ว วิบากกรรมชั่วเลยปิดจิตของเขาไม่ได้ ตอนนี้ผมมีหลักฐานคำตอบใน
ลินทปัญหา วรรคที่ ๗ ผู้ที่ทำบาปมาตั้ง ๑๐๐ ปี ถ้าเวลาจะตาย ถ้าจิตผ่องใสได้ เช่น ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าได้ ก็ไปสุคคติภูมิ จริงหรือ ?วรรคที่ ๗ ปัญหาที่ ๒
พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า
"ดูก่อนพระนาคเสน คำที่เธอว่าผู้ที่ทำบาปกรรมเรื่อยมาแม้ตั้ง ๑๐๐ ปี แต่ถ้าเวลาจะตาย มีสติระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าได้ ก็ย่อมนำไปเกิดในสวรรค์ ส่วนผู้ที่ทำบาปแม้แต่ครั้งเดียวก็ย่อมไปเกิดในนรกนั้น ดูไม่สมเหตุผล ข้าพเจ้าก็ยังไม่เห็นด้วย"พระนาคเสนทูลตอบว่า
"ขอถวายพระพร ศิลาแม้ก้อนเล็กโดยลำพังจะลอยน้ำได้หรือไม่"
" ไม่ได้ "
" ก็ถ้าศิลาตั้ง ๑๐๐ เล่มเกวียน แต่อยู่ในเรือ ศิลานั้นจะลอยน้ำได้หรือไม่ "
" ก็ได้สิเธอ "
" ขอถวายพระพร เปรียบบุญกุศลเหมือนเรือ บาปกรรมเหมือนศิลา อันคนที่กระทำบาปอยู่เสมอจนตลอดชีวิต ถ้าเวลาจะตาย มิได้ปล่อยจิตใจให้ตามระทมถึงบาปที่ตัวทำมาแต่หลังนั้น สามารถประคองใจไว้ในแนวแห่งกุศลอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น อาจทำใจให้แน่วอยู่เฉพาะแต่ในพระคุณของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ถ้าตายลงในขณะแห่งจิตดวงนั้น ก็เป็นอันหวังได้ว่าไปสู่สุคติ ประหนึ่งศิลา ซึ่งมีเรือทานน้ำหนักไว้ มิให้จมลงฉะนั้น ส่วนผู้ที่กระทำบาปที่สุดแต่ครั้งเดียว ถ้าเวลาใกล้จะดับจิต เพียงแต่จิตหวนไปพัวพันถึงกิริยาอาการที่ตัวกระทำบาปกรรมไว้เท่านั้น จิตดวงนั้นก็เป็นหนักพอที่จะถ่วงตัวไปให้เกิดในนรก ซึ่งเหมือนศิลาที่เราโยนลงไปในน้ำ แม้จะก้อนเล็กก็คงจมเช่นเดียวกัน "
" สมเหตุสมผลละ "