[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => เกร็ดครูบาอาจารย์ => ข้อความที่เริ่มโดย: พัดลมเพดานหมุนติ้ว ที่ 23 มกราคม 2558 11:28:14



หัวข้อ: หลวงปู่สรวงรู้จริง เศษเสี้ยวอัศจรรย์ของหลวงปู่สรวง
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลมเพดานหมุนติ้ว ที่ 23 มกราคม 2558 11:28:14
หลวงปู่สรวงรู้จริง เศษเสี้ยวอัศจรรย์ของหลวงปู่สรวง

(https://scontent-a-sin.xx.fbcdn.net/hphotos-xpa1/v/t1.0-9/10931268_855427264502008_2158130360254632555_n.jpg?oh=e27ed043b2ceb99330562cc64fb5433e&oe=552B277A)

หลวงปู่รู้อดีตที่ผ่านมา หลวงปู่รู้อนาคตที่ยังมาไม่ถึง จะบอกสอนลูกศิษย์ด้วยวิธีทำให้ดูเป็นส่วนใหญ่ ผู้คนไปกราบหลวงปู่สรวงมีสองประเภท
๑. เป็นพวกหาโชคลาภ
๒. เป็นพวกทำบุญและศึกษาธรรม

หลวงปู่จะทำให้ดูพร้อมกัน คนหาโชคก็ตีเป็นตัวเลข ส่วนคนที่มีธรรมก็แปลความหมายไปทางธรรม
เรื่องธรรมชาติ ฝนจะตกดีไม่ดี หลวงปู่ก็บอก เช่น ปลูกข้าวในที่สูงๆนั้น หมายความว่า ฝนจะดีอุดมสมบูรณ์
ถ้าปลูกข้าวในที่ต่ำๆนั้น หมายความว่า ฝนจะแล้งไม่ดี หลวงปู่จะทำให้ดูบ่อยๆเพื่อลูกหลานได้เข้าใจ
หลวงปู่สรวงมีบารมีสูงและมีอิทธิฤทธิ์มาก หลวงปู่ย่นระยะทางได้ หายตัวได้ และเดินบนน้ำได้ ที่ผมพูดอย่างนั้นก็เพราะผมอยู่กับหลวงปู่มานาน
เป็นเวลาถึง ๒๕ ปี ผมจึงรู้อะไรหลายอย่าง เห็นอะไรหลายอย่างจากหลวงปู่และไม่เหมือนพระรูปไหนด้วย เท่าที่ผมและวันที่หลวงปู่ละสังขารนั้น
เป็นวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๔๓ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ หลวงปู่เคยเขียนบอกผมเป็นสิบปีแล้ว และเขียนให้ทุกคนที่ไปกราบหลวงปู่
ท่านเขียนไปว่า ๑๐ บาทดี ๑๐ บายตึ๊กดี น้ำดี ๑๐ หรือ ๑๐-๑๐-๑๐ เป็นการบอกให้รู้ว่าวันที่ ๘ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ เป็นวันที่จะละสังขาร
ครั้งหนึ่งเกิดความคิดถึงหลวงตาสรวง ทราบว่าท่านพักอยู่บ้านละลม อ.ขุขันธ์ ขับรถไปหาโดยไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ก่อน
เมื่อไปถึง หลวงตาดีใจ โดดขึ้นรถทันที ชี้นิ้วให้ขับไปเรื่อยๆ ท่านชี้ไปทางไหนก็ไปไม่ขัด ในที่สุดรถแล่นมาถึงอำเภอปราสาท
ท่านชี้ให้วิ่งเข้าไปอำเภอเมืองสุรินทร์ คุณบุญเลิศจึงได้เรียนหลวงตาว่า "น้ำมันไม่พอหรอกหลวงตา ลูกก็ไม่มีเงินติดตัว ไปไม่ได้ ไปไม่ถึงแน่ๆ"
ท่านร้องเสียงดัง"อื๊อ"ชี้นิ้วให้รถวิ่งต่อไป ซอกแซกไปตามตรอกซอกซอยอย่างไรไม่ทราบ มาโผล่ที่บ้านโทรมๆหลังหนึ่ง
คุณบุญเลิศเข้าใจว่าท่านมาหาลูกศิษย์ ลงจากรถไปตะโกนเรียกหาคนในบ้านอย่างที่เคยทำมาก่อน

"หลวงตามา หลวงตาสรวงมา"
เงียบ ไม่มีใครตอบรับ เดินสำรวจดูจึงรู้ว่าเป็นบ้านร้าง ไม่มีคนอยู่ กลับมาเรียนหลวงตาว่า
"หลวงตาไม่มีใครอยู่ ไปไหนกันหมดไม่รู้"
"อื๊ออ.." หลวงตาบุ้ยปากไปที่บ้านหลังนั้นอีก
คุณบุญเลิศหันกลับไปมอง เห็นตัวเลขขนาดมโหฬารพ่นด้วยสีสเปรยสีแดงแจ๋ที่ข้างฝา เป็นเลข 98
"หลวงตาให้หวยหรือ"
"อื๊อ"
ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 11 โมงเช้า มีหวยหุ้นให้แทงได้ จะออกประมาณเที่ยง จึงรีบขับรถไปหาเพื่อนเก่า
ที่มาลงหลักปักฐานประกอบอาชีพหล่อเสาปูนขายอยู่ที่อำเภอปราสาท
"ซื้อหวยหุ้นให้กูหน่อย 98 เอา1พัน ออกให้ก่อนด้วย กูไม่มีีเงินติดตัวมา"
"กลับไหม"
"ไม่กลับ"
จากนั้นจอดรถพักนั่งเล่นรอฟังผลที่บ้านเพื่อนจนถึงเวลาหวยออก หวยออก 98 ตรงๆ ได้เงินมา8หมื่นบาท
มาทราบทีหลังว่าเพื่อนเก่าได้แอบซื้อตามด้วย 5 พัน ได้เงินเหนาะๆ 4 แสน

ยังมีลูกศิษย์อีกคนหนึ่ง ชอบละลาบละล้วงหลวงตาโดยไม่เกรงใจ ชอบล้วงย่ามหลวงตา เขาว่าจะค้นหาเลขเด็ดหรือค้นเอาอะไรไม่ทราบ
รู้กันทั้งนั้นว่าย่ามหลวงตาไม่มีอะไรเลย นอกจากเชือกขดเดียวที่มีไว้เพื่อมัดสิ่งของ ผูกเปล หรือทำสายป่านยามปล่อยว่าว
ย่ามหลวงตาบางครั้งเหมือนย่ามวิเศษ จึงยวนใจให้ค้นให้รื้อ อย่างเช่นไปเดินตลาดขุขันธ์ซื้อปลาที่กำลังจะตายหรือแม้แต่เพิ่งตาย
หลวงตาล้วงย่ามเมื่อไหร่มีเงินออกมาจ่ายค่าปลาทุกที ได้ปลาแล้วท่านเอามาปล่อยใส่ตุ่ม ปลาที่ตายก็ฟื้น ที่กำลังร่อแร่ก็กระปรี้กระเปร่า
แหวกว่ายหายเพลีย ต่อจากนั้นท่านจึงให้คุณบุญเลิศเอาไปปล่อยลงหนองหรือห้วยธาร อย่าว่าแต่ปลาเลยกระทั่งไก่ที่อมโรคจนเหงาใกล้ตาย
หากหลวงตาพบก็เป็นวาสนาของไก่ตัวนั้นท่านจับไก่ลงจุ่มน้ำนานกว่า 3 นาที ดูเหมือนจะฆ่าไก่ให้จมน้ำตายหายใจไม่ออก
แต่ครั้นดึงไก่พ้นน้ำ ไก่ก็หายป่วยเป็นอัศจรรย์
ย่ามของหลวงตามีความวิเศษที่องค์ท่านล้วงเอาอะไรออกมาได้หมดเหมือนกระเป๋าวิเศษของแมรี่ ป๊อบปินส์(มีใครเคยดูหนังเรื่องนี้บ้าง)
แมรี่ล้วงออกมาได้กระทั่งเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ลูกศิษย์คนนั้นค้นย่ามหลวงตาจนกลายเป็นคนนิสสัยเสีย หลวงตาก็ไม่ว่าอะไร
วันหนึ่งหลังค้นย่ามเสร็จหลวงตาเรียกเขามาหา บอกให้ถอดเสื้อ ให้นั่งหันหลัง ท่านเอาปากกาเมจิกเขียนอักขระใส่แผ่นหลังสองสามตัว
เย็นวันนั้นกลับบ้านไปก็โดนฟ้าผ่า ผมขนไหม้ดำไปทั้งตัว แต่ไม่ตาย ! ปลอดภัยดี แค่เสียโฉมหมดหล่อสักระยะหนึ่งเท่านั้น
"ต่อมามันไม่เคยรื้อย่ามหลวงตาอีกเลย" คุณบุญเลิศว่า่
คงเข็ดหลาบไปไม่ลืมจนชั่วชีวิต