'นลินี ทวีสิน' พบทูตกลุ่มเบเนลักซ์ ผลักดัน FTA ไทย-อียู ให้สำเร็จใน 2 ปี
<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-10-27 14:24</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย หารือเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ประจำประเทศไทย หวังทำความตกลง FTA ไทย-สหภาพยุโรป ที่หยุดชะงักมาตั้งแต่ปี 2557 สร้างโอกาสทางการค้าการลงทุนสู่ตลาดใหม่ๆ และยังมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมสีเขียว และสานต่อนโยบาย Carbon Neutrality เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์</p>
<p> </p>
<p>27 ต.ค. 2566 ทีมสื่อพรรคเพื่อไทยรายงาน นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยว่า ตนได้พบหารือกับเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ประจำประเทศไทย ประกอบด้วยซีบีย์ เดอ การ์ตีเย ดีฟว์ เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเบลเยียม แพทริก เฮมเมอร์ เอกอัครราชทูตราชรัฐลักเซมเบิร์ก และเร็มโก โยฮันเนิส ฟัน ไวน์คาร์เดิน เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลนโยบายและแนวทางยกระดับความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศเบเนลักซ์ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่</p>
<p>โดยเฉพาะเรื่องการจัดทำความตกลง FTA ไทย-สหภาพยุโรป ซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับ 4 ของไทย รองจากจีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น (ไม่รวมอาเซียน) โดยการค้ารวมมีมูลค่า 41,038.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 6.95% ของการค้าไทยในตลาดโลก</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/53289234515_7bc5c5ef71_b.jpg" /></p>
<p>ผู้แทนการค้าไทยกล่าวว่า การเจรจาความตกลง FTA ไทย-สหภาพยุโรป หยุดชะงักมาตั้งแต่ปี 2557 และเมื่อเดือนมีนาคม 2566 ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันประกาศเปิดการเจรจา FTA อย่างเป็นทางการ โดยวางแผนว่าจะจัดการประชุมปีละ 3 ครั้ง และตั้งเป้าเบื้องต้นเพื่อหาข้อสรุปการเจรจาภายใน 2 ปี โดยเริ่มเจรจารอบแรก ณ กรุงบรัสเซลล์ เมื่อวันที่ 18 - 22 ก.ย. 2566 และไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจารอบต่อไปในเดือนมกราคม 2567 โดยการเจรจารอบแรกเป็นไปด้วยดี ผู้แทนการค้าไทยหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนการเจรจา FTA เพื่อให้สามารถสรุปผลและบังคับใช้ได้โดยเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป รวมถึงประเทศเบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก ด้วย</p>
<p>"ท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน เน้นย้ำว่ารัฐบาลมีแนวทางสร้างรายได้ โดยใช้การทูตเศรษฐกิจเชิงรุกเพื่อเปิดประตูการค้าสู่ตลาดใหม่ ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ กลุ่มสหภาพยุโรป และยังมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง อุตสาหกรรมสีเขียว และสานต่อนโยบาย Carbon Neutrality เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย EU Green Deal ของสหภาพยุโรป ที่ต้องการสร้างสังคมที่เป็นธรรมบนพื้นฐานเศรษฐกิจที่ทันสมัย และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเขาตั้งเป้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 55% ภายในปี 2030 และลดลงเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ส่วนไทยก็คาดหวังว่าจะมีการพูดคุยและร่วมมือเชิงลึกเกี่ยวกับมาตรการ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) หรือการรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้าแต่ละชนิด เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการไทยในการส่งสินค้าออกไปยังสหภาพยุโรปต่อไป" นลินี กล่าว</p>
<p> </p>
<p> </p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">ข
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/10/106534