[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 01 เมษายน 2553 11:39:06



หัวข้อ: the reason of travel to die
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 01 เมษายน 2553 11:39:06
(http://img258.imageshack.us/img258/2079/b9ab7a531c95a34032f1ddd.gif)

http://www.fungdham.com/download/song/allhits/18.wma

ฉันและทุกคนตายกันทุกวันอยู่แล้วไม่โดนฆ่าทิ้งมันก็แปรไปเป็นอื่นอยู่แล้ว
ทั้งสภาพร่างกาย สภาพจิตใจและความรู้สึกนึกคิดไม่มีซ้ำตัวเดิมเลยสักวันที่สืบ ๆ ต่อมาเรื่อยคือความเข้าใจผิด
คิดว่าแต่ละวันเป็นทุกข์ตัวเดียวกันและสำคัญว่าจะเป็นทุกข์ตลอดไปเท่านั้นดับความเข้าใจผิดเสียได้ ความทุกข์ก็ดับ
ตามไปด้วยเดี๋ยวนั้นเอง
พ่อครับ ทำไมคุณตาถึงต้องตายด้วยล่ะครับ?เป็นธรรมดาของพวกเราทุกคนน่ะลูก ถึงเวลาตายก็ต้องตาย
อ๊อดก็ต้องตายเหรอครับ ? ต้องตายเหมือนกัน แต่อ๊อดยังเด็กอยู่ กว่าจะแก่และถึงเวลาตายเท่าคุณตายังอีกนาน
แล้วเมื่อไหร่คุณตาจะตื่น เห็นนอนอยู่ในโลงตั้งหลายวันแล้ว?ถ้าตายก็ไม่ตื่นแล้วล่ะลูก ต้องอยู่ในโลงอย่างนั้นตลอดไป
ตกลงต้องตายทุกคนเลยหรือครับ ? ใช่ลูก เป็นอย่างนั้น คนทุกคนที่ลูกเห็นจะต้องตายกันหมด
พ่อครับ ทำไมทุกคนต้องตายด้วยล่ะครับ?
อ๊อดเพิ่งเห็นคนตายน่ะลูก ความตายเลยเป็นของแปลกใหม่ต่อไปอ๊อดจะเห็นคนตายมากขึ้น แล้วลูกจะรู้ว่าเป็นของธรรมดา อ๊อด
ดูเศษใบไม้แห้งบนพื้นนั่นสิ เห็นไหม ตอนนี้มันเป็นสีเหลือง แต่ก่อนมันเป็นสีเขียวเหมือนที่อยู่บนต้นนะ พอถึงเวลามันก็ต้องทิ้งตัวเองลง
จากกิ่งก้านมารวมกันบนพื้น เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลือง ร่างกายคนเราก็เหมือนกัน วันนี้ดูสดใสมีชีวิตชีวา แต่วันหนึ่งก็ต้องแห้งลง
แล้วหายไปจากโลกนี้เช่นเดียวกับใบไม้ตกพื้น..................................


หัวข้อ: Re: the reason of travel to die
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 01 เมษายน 2553 11:43:37
(http://img258.imageshack.us/img258/2079/b9ab7a531c95a34032f1ddd.gif)


คนเหมือนใบไม้ได้ไง แล้วทำไมคนต้องตายด้วยล่ะ ?เพราะเหมือนใบไม้ไงลูก วันหนึ่งก็ต้องร่วงหล่นลงดินและกลายเป็นพวกเดียวกับดิน ไม่มีใครกำหนดหรอกว่าทำไม ทุกสิ่งทุกอย่างต่างมีสภาพที่ต้องเสื่อมสลายกลายเป็นอื่นไปทั้งนั้น คุณตารู้ตัวไหมว่าจะตาย ? รู้ซีคุณตารู้ล่วงหน้านานทีเดียวเตรียมตัวยกสมบัติให้แม่
ของอ๊อดตั้งแต่อ๊อดยังไม่เกิดแน่ะรู้ก่อนตายแล้วทำไมคุณตาไม่หนีล่ะ ?จะไปหนียังไงลูกเอ๋ย ถ้าโจรมาไล่ฆ่าเรา เราอาจใช้สองเท้า
วิ่งหนีได้ แต่ถ้าร่างกายจะฆ่าตัวเอง แม้แต่เท้าก็ยกไปไหนไม่ไหวแล้วถ้าคนเราต้องตาย แล้วจะเกิดมาทำไมล่ะครับ?เพราะยังติดค้างอยู่กับความไม่รู้งัยลูก คนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้เหมือนอย่างที่ลูกอ๊อดถามพ่อเพื่อให้รู้คำตอบอยู่นี่ไง แต่ถ้ายังติดค้าง
ยังไม่รู้แจ้ง ก็ต้องเกิดใหม่มาถามใหม่อีก คนเราเกิดมาเพราะยังติดค้างอยู่กับความไม่รู้ฉันเฝ้าแต่เก็บงำความสนใจและสงสัยใคร่รู้คำตอบว่าชีวิตเรา
ควรรู้อะไรมากที่สุดไว้ในใจ แล้วโอกาสก็มาถึง ในงานวันเผาคุณตาน้องอ๊อด บรรยากาศในวัดทำให้ฉันไม่รู้สึกกระดากนักกับการกระแซะ
เข้าไปถาม โดยเกริ่นตามตรงว่าฉันเคยได้ยินแกตอบคำถามลูกเสมอและบางคำตอบน่าสนใจมาก เช่นคนเราเกิดมาเพราะติดค้างอยู่กับ
ความไม่รู้ เลยต้องมาเรียนรู้ ทีนี้ฉันอยากรู้ว่าที่ไม่รู้นั้นคืออะไร แล้วที่ควรรู้นั้นคืออะไรมนุษย์ทุกคนไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเองครับ
ฉันถามว่าถ้ารู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเองแล้วจะได้อะไร ?คุณพ่อน้องอ๊อดตอบด้วยความมั่นใจว่าได้รู้ด้วยตนเองว่าหมดความติดค้าง เหมือนคนที่ชำระหนี้
หมด ไม่จำเป็นต้องหาเงินมาจ่ายเพิ่ม หรือเหมือนคนที่ทำงานใช้โทษในบ่อน้ำครำจบสิ้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องกลับลงมาลงน้ำโสโครกอีก


หัวข้อ: Re: the reason of travel to die
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 01 เมษายน 2553 11:48:05
(http://img258.imageshack.us/img258/2079/b9ab7a531c95a34032f1ddd.gif)


กับคำถามว่าต้องรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเองให้ละเอียดลออทุกแง่มุมเลยไหม เพื่อนบ้านผู้ทรงภูมิให้คำตอบคือ
รู้นิดเดียวครับ ไม่ต้องมากหรอก คือรู้ว่ากายใจนี้ไม่เที่ยงเกิดแล้วต้องดับลงเป็นธรรมดา เพราะมันไม่ใช่ตัวตนของใคร เพียงมี
อะไรมาประกอบประชุมเป็นรูปเป็นร่างชั่วคราวคล้ายแผ่นเหล็ก ล้อยาง เครื่องยนต์เข้ามารวมรูปร่างขึ้นเป็นรถเก๋ง แต่พอหมดอายุก็ถูก
ถอดเป็นชิ้นๆ แบบต่างคนต่างไป มองไม่เห็นรูปรถเก๋งคันเดิมในชิ้นส่วนใด ๆ อีก
ใจฉันวาบว่างไปชั่วขณะเมื่อจินตนาการเห็นความว่างเปล่าไร้แก่นแท้ของรถยนต์ ถึงกับอึ้งเงียบเป็นครู่ก่อนถามต่อ คือสงสัยว่า
เมื่อฉันรู้สึกว่ากายใจเป็นของว่างเปล่าเหมือนรถยนต์ที่ปราศจากตัวตนอย่างนี้แล้วถือว่าพอหรือยัง ครูทางธรรมคนแรกของฉันก็ตอบว่า
ไม่พอหรอกครับ รู้แค่นี้เรียกว่าเป็นปัญญาจากการฟัง และปัญญาจากการจินตนาการตาม ยังเป็นปัญญาในระดับคิด ๆ ไม่ใช่
ปัญญาเห็นจริงประจักษ์แจ้งด้วยจิตฉันจึงถามว่าทำอย่างไรจะรู้แจ้งได้ด้วยจิตต้องปฏิบัติธรรมตามหลักสติปัฏฐาน 4 ครับ คือเราย้ายที่ตั้งของสติจากการงานและการเล่นในชีวิตประจำวัน เปลี่ยนมาเป็นอีกที่ตั้งหนึ่งคือกายใจนี้ คอยตามระลึกรู้ว่ากายใจนี้ไม่เที่ยง เห็นชัดว่า
อะไรอย่างหนึ่ง ๆ เช่นลมหายใจหรืออารมณ์สุขทุกข์ มีธรรมดาเกิด ขึ้นแล้วต้องดับลงเป็นธรรมดา แม้แต่ความลังเลสงสัยอยากรู้คำตอบของ
น้องในเวลานี้ก็มีขณะของการเกิดขึ้น เมื่อได้คำตอบก็จะดับลงเช่นกันหรือถ้ายังสงสัยอยู่ มีความคาใจอยู่ ก็ต้องแปรปรวนไป อาจอ่อนตัวลงหรือเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม พอเห็นความไม่เที่ยงในกายใจเสมอ ๆ จิตก็เลิกยึดมั่นสำคัญผิด เลิกมองว่าสิ่งนั้น ๆ เที่ยง เลิกหลงเขลาว่าสิ่งนั้น
เป็นตัวเป็นตน พอเห็นอย่างต่อเนื่องมากเข้าจิตก็ขาดจากอุปาทานที่ครอบงำมาแต่อ้อนแต่ออก เรียกว่าบรรลุมรรคผล มีดวงตาเห็นธรรม
เป็นอริยบุคคลของพุทธศาสนา............................................................


หัวข้อ: Re: the reason of travel to die
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 01 เมษายน 2553 11:51:36
(http://img258.imageshack.us/img258/2079/b9ab7a531c95a34032f1ddd.gif)


ฉันจึงยิงคำถามถัดมาคือ จะทราบได้อย่างไรว่าเรารู้สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรรู้แล้วหรือยัง? วาระนั้นอะไรจะเป็นตัวบอก ว่าเราไป
ถึงแก่นของพระศาสนาแล้ว ? พระพุทธเจ้าตรัสว่าถ้าใครเข้าป่าหาแก่นไม้ แต่ไปเจอกิ่งใบ
เจอสะเก็ด เจอเปลือก เจอกระพี้ ก็อาจสำคัญว่าเป็นแก่น เพราะไม่ทำความรู้จักแก่นให้ดีเสียก่อน เลยได้สิ่งที่ไม่ใช่แก่นติดมือกลับบ้าน
ลาภและสรรเสริญเปรียบเหมือนกิ่งใบ ศีลเปรียบเหมือนสะเก็ด สมาธิเปรียบเหมือนเปลือก ญาณหยั่งรู้ต่าง ๆ เปรียบเหมือนกระพี้ แต่แก่น
สารที่แท้จริงคือความหลุดพ้นแห่งใจ ชนิดไม่กลับกำเริบอีก สรุปคือถ้าเรายังไม่รู้จักภาวะของใจที่หลุดพ้นเด็ดขาด ก็ยังไม่ได้ชื่อว่าเรารู้สิ่ง
สำคัญที่สุดที่ควรรู้ เหมือนสายน้ำที่ปะทะใจครืนโครม ดวงตาฉันตื่นเต็มกับคำว่า ความหลุดพ้นแห่งใจแบบไม่กลับกำเริบอีก
คือแก่นสารที่แท้จริง ชีวิตเป็นสิ่งไม่ควรประมาท จะตายเมื่อใดไม่อาจพยากรณ์มัจจุราชมักมาถึงตัวโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ถ้าวันนี้ยังมีกำลังก็ควร
ทำกิจที่คิดว่าควรทำที่สุด ทำแล้วคุ้มกับการเกิดมากที่สุด เพื่อจะไม่เสียใจในภายหลังว่าวันสุดท้ายมาถึงแล้วยังไม่ใช้โอกาสทองให้สมค่า
จากการศึกษาเรื่องกรรมอย่างละเอียด ฉันเชื่อว่านิสัยจะเป็นสิ่งติดตัวข้ามภพข้ามชาติ มนุษย์เป็นภูมิมีศักยภาพในการสร้างนิสัย สั่งสมไว้อย่างไรก็ได้สมบัติติดตัวไปสร้างตนอย่างนั้น นิสัยที่ฉันจะสร้างต่อไปนี้คือเชื่อพระพุทธเจ้า ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างละเอียดเหมือนทุกคำเป็นทองที่ไม่อาจปล่อยปละให้ตกหล่น“กรรมจะพยายามรักษาเราไว้กับทางเดิม อย่างเช่นที่พระพุทธองค์ตรัสว่า พวกเรามีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ฉันปลงใจเชื่อว่าสร้างนิสัยไว้อย่างนี้เป็นอาจิณ หรือที่เรียกว่าอาจิณณกรรม หากมีโอกาสเกิดใหม่เป็นมนุษย์ อาจิณณกรรมที่ทำ
ไว้ในชาตินี้ย่อมส่งให้ไปเกิดกับพ่อแม่แบบนี้ มีเหตุปัจจัยแวดล้อมตั้งแต่วัยเด็กส่งเสริมให้เข้าลู่ทางของความเป็นเช่นนี้ รวมทั้งมีกำลัง
กายและแรงบันดาลใจให้มุ่งมั่นเพียรเพื่อหลุดพ้นอย่างเอาจริงเอาจังเช่นนี้อีก..................................................


หัวข้อ: Re: the reason of travel to die
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 01 เมษายน 2553 11:57:25
(http://img258.imageshack.us/img258/2079/b9ab7a531c95a34032f1ddd.gif)


เนื้อหาสำคัญของพุทธศาสนาในสายตาของฉันนั้น ต้นสุดคือให้มาเอา ไม่ใช่มาทิ้ง แต่ยอดสุดคือให้ไปทิ้ง ไม่ใช่ไปเอา
เบื้องต้นพุทธศาสนาให้มาเอาอะไร? ให้มาเอาบุญเพื่อให้ตาสว่างเห็นความจริง ยิ่งบุญมากเท่าไร จิตยิ่งต้องเห็นความจริงชัด
ขึ้นเท่านั้นเบื้องปลายพุทธศาสนาให้ไปทิ้งอะไร? ให้ไปทิ้งความยึดมั่น
ถือมั่น ด้วยมรรคาคือทางที่พระพุทธองค์ปูไว้ให้แล้วพร้อมสรรพเป้าหมายของฉันไม่ใช่เพื่อเอา แต่เพื่อทิ้ง
ทิ้งอะไร? ดูดี ๆ แล้วก็คือ ทิ้งทุกข์ ทิ้งสัมภาระพะรุงพะรังทั้งปวงนั่นเอง คนเราพากันหวงทุกข์ไว้ กอดทุกข์ไว้แนบอก แบก
ทุกข์ ไว้หลังแอ่นยังไม่รู้ตัว มีคนบอกให้ทิ้งยังร้องอีกว่าเรื่องอะไรจะทิ้งหรืออย่างดีก็ถามว่าทำไมต้องทิ้ง
มองไม่เห็นเหตุผลสมควรเลยเวลาคนเราทุกข์หนัก ก็มักปักใจเชื่อว่าไม่สามารถผ่านความทุกข์นั้น ๆ ไปได้เผลอ ๆ อาจทึกทักว่าวันเวลาที่เหลืออีกทั้งชีวิตคงต้องจมปลักอยู่อย่างนี้ ทั้งที่จริงแล้วถ้าแค่หยุดเพิ่มเหตุแห่งทุกข์ ทางใจเข้าไป ความทุกข์ก็จะแสดงความไม่เที่ยง ไม่อาจตั้งอยู่ได้เกือบทันที
เหตุแห่งทุกข์ทางใจที่ว่านั้นก็คือ อาการครุ่นคิดซ้ำซากนั่นเองเพียงถ้ารู้ด้วยสติ เห็นตามจริงว่าอาการครุ่นคิดซ้ำซาก ก็แค่ของจร
เข้ามา ไม่ได้มีอยู่ก่อนในใจ และไม่อาจคงสภาพคิด ๆ ๆ ได้ตลอดโดยไม่แปรปรวนไปเป็นระดับอ่อนแก่ต่าง ๆ เท่านั้น ก็ได้ชื่อว่าเหตุแห่งทุกข์
ถูกจับได้ไล่ทัน ถูกแทรกแซง ถูกแทนที่แล้ว................................................

.......................................THE END....................................

......................................จากหนังสือ ณ. มรณา โดย dungtrin..................................