[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

สุขใจในธรรม => ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน => ข้อความที่เริ่มโดย: sometime ที่ 17 ธันวาคม 2552 10:34:52



หัวข้อ: พระพุทธศาสนาสอนให้เข้าใจเรื่องเหตุและผล
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 17 ธันวาคม 2552 10:34:52
(http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/Re-exposureof11-2.jpg)

พระพุทธศาสนาสอนให้เข้าใจเรื่อง

สอนให้เข้าใจเรื่องของสภาพธรรมที่สามารถรู้ได้ด้วยตัวเองพระพุทธศาสนา

ไม่ได้สอนบทบัญญัติที่ให้เราต้องเชื่อแต่สอนให้อบรมความเข้าใจสภาพธรรมทุกอย่าง

ทั้งภายในตัวเราและรอบตัวเราซึ่งทำให้เราสามารถเข้าใจสภาพธรรมตามความจริงได้

พระพุทธศาสนาสอนให้เข้าใจ เหตุที่แท้จริงเช่น........การได้ลาภ และ การเสื่อมลาภ

สรรเสริญ และ นินทา มียศ และ เสื่อมยศ ทุกข์ และ สุข ฯลฯ

การประสบกับอารมณ์ที่ดี และ ไม่ดี

ทางตา  ทางหู  ทางจมูก  ทางลิ้น  ทางกาย นั้น

เป็นผลของ - บุญและ - บาป.......ที่เราได้กระทำแล้วในอดีต

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา.......เกิดจากเหตุปัจจัย


.................พระพุทธศาสนาสอนให้เราเข้าใจเรื่อง เหตุ และ ผล..................


เมื่อเราเข้าใจเรื่องของ ปัจจัยต่าง ๆ มากขึ้น เราก็สามารถเผชิญกับความทุกข์ยากในชีวิตได้

และอบรมจิตใจให้เป็นกุศลมากขึ้นเราไม่ต้องเชื่อพระพุทธศาสนา อย่างงมงาย

เราศึกษาพระธรรม และ ไตร่ตรองพระธรรมเพื่อให้ เข้าใจสัจจธรรม ด้วยตัวของเราเอง.........!

เราควรพิจารณาพระธรรมอย่างรอบคอบและเมื่อเรา อบรมเจริญปัญญา

เราก็จะเข้าใจว่าพระธรรมที่ทรงแสดงนั้นเป็นความจริงเมื่อเข้าใจความจริงของสภาพธรรมทั้งหลายในชีวิต

ก็จะคลายความเศร้าโศก.............เมื่อเข้าใจว่าความทุกข์ยากของชีวิต

เกิดขึ้น และเป็นไป เพราะปัจจัยต่าง ๆ และสามารถที่จะเผชิญปัญหานั้น ๆ ได้

พระพุทธศาสนาสอนให้เข้าใจว่า ชีวิตจริง ๆ นั้นคืออะไร.............!ชีวิตคือ ชั่วขณะหนึ่ง ๆ ที่มีการรู้อารมณ์

แต่ละขณะ ๆ ที่จิตเกิดขึ้น และ รู้ในสิ่งที่จิตรู้ได้เช่นการเห็นเกิดขึ้นชั่วขณะ..................

แล้วเกิดการคิดถึงเรื่องของสิ่งที่เห็นการได้ยินเกิดขึ้นชั่วขณะ......................

แล้วก็เกิดการคิดถึงเรื่องของสิ่งที่ได้ยินการได้กลิ่น การลิ้มรส  และ การกระทบสัมผัสทางกาย

ก็โดยนัยเดียวกันคือ มีการคิดนึกถึงสิ่งนั้น ๆ ต่อไปอีกหลาย ๆ ขณะ

เมื่อเข้าใจสภาพธรรมที่เกิด - ปรากฏในชีวิตประจำวันมากขึ้น

ก็จะเห็น กิเลส ความไม่ดีที่เกิดขึ้นในจิตใจองเราเองการรู้อารมณ์ทางทวารต่าง ๆ นั้น

ทำให้ กิเลส มากมายหลายอย่าง เกิดขึ้น..................!

ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริงสามารถพิสูจน์ได้ทุกขณะว่าเป็นสิ่งที่มีจริงไม่ว่าจะได้เห็นได้ยิน

ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ดีใจ เสียใจ ติดข้องยินดีพอใจ หงุดหงิด

โกรธขุ่นเคือง ไม่พอใจ เป็นต้น ล้วนเป็นธรรมทั้งหมด ธรรมไม่ได้หมายถึงเพียงสภาพ

ธรรมฝ่ายดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่หมายรวมถึงสิ่งที่มีจริงทั้งหมดชีวิตประจำวัน

ที่ดำเนินไปนั้นไม่พ้นไปจากธรรมเลย เมื่อไม่ได้ศึกษาย่อมไม่สามารถจะรู้ได้ว่าเป็น

ธรรมเพราะแท้ที่จริงแล้วทุกขณะเป็นธรรมมีจิต เจตสิก รูป เกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอด

เวลาจิต เจตสิก รูปนั้น เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน  

ที่ไม่เที่ยงนั้นเพราะเกิดแล้วดับไปสภาพธรรมที่เกิดแล้วดับไปนั้นเป็นทุกข์

เพราะเหตุว่าตั้งอยู่ไม่ได้มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดาเมื่อไม่เที่ยงเป็นทุกข์  

จึงเป็นอนัตตาคือไม่ใช่สัตว์  ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา

ของใครลักษณะทั้ง 3 ประการนี้เป็นลักษณะที่ทั่วไปแก่สภาพธรรมที่เป็นสังขารธรรม

ทั้งหมดแต่เมื่อกล่าวถึงอนัตตาแล้วไม่มีเว้นธรรมอะไรเลยหมายรวมถึงพระนิพพาน

ด้วยเพราะพระนิพพานก็เป็นอนัตตา....................................    

ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดยากที่จะเข้าใจแต่ก็สามารถที่จะเข้าใจได้การศึกษา

ธรรมเป็นการศึกษาถึงสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคลไม่ใช่ตัวตนเพื่อเข้าใจ[/coler]


หัวข้อ: Re: พระพุทธศาสนา
เริ่มหัวข้อโดย: sometime ที่ 17 ธันวาคม 2552 10:37:47
(http://i46.photobucket.com/albums/f112/thavee/Re-exposureof11-2.jpg)


สภาพธรรมตามความเป็นจริงเนื่องจากคุ้นเคยกับความเป็นตัวตนคุ้นเคยกับความ

เป็นเราพร้อมทั้งได้สะสมความไม่รู้มาอย่างเนิ่นนานจึงหลงยึดถือสภาพธรรมที่กำลัง

ปรากฏว่าเป็นต้วตนเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นเรา ดังนั้น ธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น

จึงควรที่จะศึกษาเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงซึ่งจะเป็นไปเพื่อละ

คลายความไม่รู้ละความเห็นผิดในสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลได้..............ในที่สุด

ธรรมทั้งหลายเกิดจากเหตุ พระพุทธเจ้าทรงแสดงเหตุและความดับของธรรมะเหล่านั้น

ท่านพระอัสสชิแสดงธรรมกับพระสารีบุตรเมื่อครั้งยังเป็นอุปติสสปริพาชก  แต่กว่าจะ

เข้าถึงคำว่าอนัตตาไม่มีตัวตนก็ต้องเจริญปัญญาที่ยาวนานเป็นอสงไขย์แสนกัปป์

พระพุทธเจ้าแสดงว่าในอากาศไม่มีรอยเท้าฉันใดลัทธิอื่นไม่มีพระอริยบุคคล

เมื่อไม่มีพระอริยบุคคล การบรรลุถึงพระนิพพานก็ไม่มี เพราะมีเพียงหนทางเดียว

ที่จะถึงพระนิพพานได้คืออริยมรรคมีองค์.................แปด

http://www.fungdham.com/download/read/wasin/sateeputtakarn/03.mp3


หัวข้อ: Re: พระพุทธศาสนาสอนให้เข้าใจเรื่องเหตุและผล
เริ่มหัวข้อโดย: เงาฝัน ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 17:37:56



(http://board.palungjit.com/customavatars/avatar82352_61.gif)
อนุโมทนาค่ะ