[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 10 มีนาคม 2557 14:46:19



หัวข้อ: ผักเหลียง
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 10 มีนาคม 2557 14:46:19
.

(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2014/02/you02250257p1.jpg&width=360&height=360)

ผักเหลียง

ผักเหลียง เป็นชื่อเรียกผักชนิดหนึ่งที่พบมากแถบภาคใต้ตอนบน เป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ Gentaceae ชื่อวิทยาศาสตร์ Gnetumgnemon Limm เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่มีลักษณะเป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 1-2 เมตร มีใบเรียวยาว

ผักเหลียงเป็นผักพื้นบ้านภาคใต้ชนิดหนึ่งที่น่าสนใจ แม้อาจจะได้รับความนิยมไม่มากเท่าสะตอ แต่เป็นผักที่กำลังมาแรง เพราะมีรสมันอร่อย ไม่มีรสขมเหมือนผักใบเขียวชนิดอื่นๆ นิยมนำมารับประทานเป็นผักสดเคียงกับน้ำพริก ขนมจีน แกงไตปลา ทั้งนำมาทำอาหารได้หลากหลาย เช่น แกงเลียง ต้มกะทิ ผัดไฟแดง ผัดกับกะปิ ใช้ห่อเมี่ยงคำ รองห่อหมก และที่นิยมกันมาก คือนำมาผัดกับไข่ ซึ่งเป็นเมนูที่รับประทานได้ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเด็กที่ไม่ชอบกินผัก แต่กินผักเหลียงผัดไข่ได้เพราะ ผักเหลียงมีรสชาติมัน ไม่ขม ไม่มีกลิ่น เมื่อนำมาผัดกับไข่แล้วอาจทำให้เด็กกินผักได้มากขึ้น

ผักเหลียงคือผักใบเขียวชนิดหนึ่ง ซึ่งโดยทั่วไปผักก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอยู่แล้ว เพราะนอกจากจะมีใยอาหาร ยังมีวิตามินกับแร่ธาตุที่หลากหลายแตกต่างกันไป ล้วนแล้วเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผักใบเขียวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ สารกลุ่มนี้ช่วยในการดูแลสุขภาพตา และการเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ขณะที่ไข่ก็มีประโยชน์ เพราะมีโปรตีนที่ดี รวมเข้ากับวิตามินที่ดีของผักเหลียง และไขมันที่ดีของน้ำมันที่เอามาผัด ทั้งนี้ น้ำมันสามารถละลายวิตามินที่มีในผักเหลียงให้ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้ และน้ำมันก็ช่วยในการดูดซึมและการใช้ประโยชน์ของสารต้านอนุมูลอิสระบางชนิดได้ ผักเหลียงผัดไข่จึงเป็นอาหารเมนูหนึ่งที่มีประโยชน์และเป็นอาหารที่แนะนำให้เด็กหรือผู้สูงอายุบริโภค เพราะมีประโยชน์ เพียงแต่ต้องระวังเรื่องน้ำมันที่ใช้ผัด ควรเลือกใช้น้ำมันที่มีคุณภาพ และอย่าใช้ในปริมาณที่มากเกินไป

จากการวิเคราะห์ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพลังงาน และกองโภชนาการกรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข พบว่า 100 กรัมของผักเหลียง ประกอบด้วย 1.แคลอรี 400.61 2.ไขมัน 1.17 กรัม 3.โปรตีน 6.56 กรัม 4.ฟอสฟอรัส 224.37 ม.ก. 5.วิตามินเอ 10.889 6.วิตามินบี 1 0.18 ม.ก. 7.วิตามินบี 2 1.25 ม.ก. 8. วิตามินไนอาซิน 1.73 ม.ก. 9.น้ำ 35.13 กรัม 10.คาร์โบไฮเดรต 90.96 กรัม 11.แคลเซียม 1,500.56 ม.ก. 12.เหล็ก 2.51 ม.ก. และ 13.เถ้า 1.30 กรัม

ผักเหลียงอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ทั้งยังเป็นสารตั้งต้นสร้างวิตามินเอ มีข้อมูลจากภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ว่า ผักเหลียง 100 กรัม หรือ 1 ขีด ไม่รวมก้าน ให้เบต้าแคโรทีนสูงถึง 1,089 ไมโครกรัมหน่วยเรตินัล สูงกว่าที่มีในผักบุ้งจีน 3 เท่า มากกว่าผักบุ้งไทย 5-10 เท่า และมากกว่าใบตำลึง หรือผักที่ถือว่าเป็นสุดยอดของแหล่งเบต้าแคโรทีนอย่างแครอต ก็ไม่ได้มีมากไปกว่าผักเหลียงเลย เบต้าแคโรทีนเป็นสารสีส้ม แต่กลับมองไม่เห็นสีส้มในผักเหลียงเพราะมันถูกสีเขียวของใบผักปกปิดไว้จนหมด กินผักเหลียงจึงให้ทั้งคุณค่าของเบต้าแคโรทีนและสารพฤกษเคมีจากผักใบ

นอกจากใบที่ใช้กินเป็นอาหาร ในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียยังนิยมนำเนื้อในเมล็ดของผักเหลียงมาทำข้าวเกรียบ ส่วนใบรับประทานเพื่อบำรุงเส้นเอ็น กระดูก สายตา และนำไปใช้ลอกฝ้าด้วย
...นสพ.รายวันข่าวสด


(http://www.sookjaipic.com/images/5780014428_a.JPG)
ต้นผักเหลียง
ซื้อพันธุ์จากจังหวัดพัทลุง และจังหวัดชุมพร จังหวัดละ 2 ต้น (ราคาต้นละ 30 บาท)
นำมาปลูกที่บ้าน (ภาคเหนือ) เมื่อเดือนมกราคม 2557 ซึ่งปีนี้มีอากาศค่อนข้างหนาวมาก
แต่ก็สามารถเจริญเติบโตในภูมิประเทศทางเหนือตอนล่างได้ดีจนทุกวันนี้

http://www.sookjai.com/index.php?topic=92799.0 (http://www.sookjai.com/index.php?topic=92799.0)
ผักเหลียงผัดไข่

http://www.sookjai.com/index.php?topic=100213.0 (http://www.sookjai.com/index.php?topic=100213.0)
ผักเหลียงต้มกะทิ