[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ อนามัย => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 23 มีนาคม 2557 10:31:29



หัวข้อ: อาการเมาเครื่องบิน
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 23 มีนาคม 2557 10:31:29
.

(http://www.sookjaipic.com/images/4196345421_DSC_0009.JPG)
อาการเมาเครื่องบิน

จากเว็บไซต์สถาบันเวชศาสตร์การบิน กรมแพทย์ทหารอากาศ กองบัญชาการสนับสนุนทหารอากาศ ว่า สภาพแวดล้อมในการเดินทางทางอากาศ (เครื่องบิน) มีความแตกต่างจากสภาพแวดล้อมบนพื้นโลกปกติ ส่งผลให้อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบของร่างกาย ดังนี้

๑. ภาวะพร่องก๊าซออกซิเจน เมื่อขึ้นสู่ที่สูงความหนาแน่นของอากาศจะลดลง ทำให้ปริมาณก๊าซออกซิเจนที่ใช้ในการหายใจลดลงไปด้วย อย่างไรก็ตาม เครื่องบินพาณิชย์จะปรับความกดดันบรรยากาศของห้องผู้โดยสารให้อยู่ในระดับความสูง ๕,๐๐๐-๘,๐๐๐ ฟุต ขณะที่ระดับความสูงภายนอกอยู่ที่ ๓๐,๐๐๐ ฟุต ในภาวะนี้ความกดดันของก๊าซออกซิเจนในห้องผู้โดยสารลดลงเหลือประมาณ ๘๕% ของภาวะปกติ ซึ่งปริมาณก๊าซออกซิเจนในระดับนี้ไม่มีอันตรายใดๆ สำหรับผู้ที่มีสุขภาพปกติ แต่ในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพร่างกายที่มีความไวต่อการขาดก๊าซออกซิเจนอาจเกิดปัญหาขึ้นได้ เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคโลหิตจาง หรือโรค ลมชัก เป็นต้น

๒. ความเปลี่ยนแปลงความกดดันบรรยากาศ ขณะบินสูงขึ้นไป ความกดดันบรรยากาศจะลดลง และเมื่อบินลงความกดดันของบรรยากาศจะเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีผลต่อสรีรวิทยาที่สำคัญคือ ก๊าซซึ่งขังอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้แก่ก๊าซที่อยู่ตามโพรง หรือตามช่องต่างๆ เช่น ช่องหูชั้นกลาง โพรงไซนัส โพรงรากฟัน ปอด กระเพาะอาหารและลำไส้ ก๊าซดังกล่าวจะขยายตัวเมื่อบินสูงขึ้นไป เนื่องจากความกดดันบรรยากาศลดลง อาจทำให้เกิดแรงดันหรือเบียดอวัยวะส่วนนั้นๆ ทำให้เกิดอาการ เช่น ปวดหู ปวดไซนัส แน่นหน้าอก แน่นท้อง

และเมื่อบินลงก๊าซจะหดตัว เนื่องจากความกดดันบรรยากาศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีผลต่อหูชั้นกลางอย่างมาก เพราะโดยธรรมชาติแล้วอากาศสามารถผ่านจากหูชั้นกลางสู่ภายนอกได้ง่ายกว่าเข้าสู่หูชั้นกลาง ขณะบินลงอากาศหดตัวต้องการอากาศภายนอกเข้าไปแทนที่ได้ยากกว่า ทำให้เกิดอาการปวดหูได้มากกว่า โดยเฉพาะ ถ้าป่วยด้วยไข้หวัดหรือภูมิแพ้จะทำให้ท่อยูสเตเชียน ซึ่งเชื่อมต่อหูชั้นกลางกับลำคอส่วนบน บวมและตีบตัน ถ่ายเทอากาศได้ลำบากมากขึ้น ทำให้มีอาการปวดหูมากกว่าปกติ


(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2013/10/you02281056p2.jpg&width=360&height=360)  ๓. ผลจากความชื้นของอากาศลดลง แม้จะมีการปรับบรรยากาศในห้องโดยสารให้มีความกดดันและอุณหภูมิพอเหมาะในการบิน แต่ความชื้นก็ลดลงเหลือเพียง ๑๐% หรือน้อยกว่า ดังนั้น ร่างกายมีโอกาสสูญเสียน้ำจำนวนมาก ในกรณีบินนานๆ จะเกิดอาการผิวแห้ง ตาแห้ง ไอ อ่อนเพลีย ด้วยเหตุนี้จึงมีคำแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อย ๒๕๐-๕๐๐ ซีซี เพื่อทดแทนการระเหยไปของน้ำในร่างกาย หากต้องเดินทางโดยเครื่องบินเป็นระยะเวลานานๆ โดยเฉพาะในเด็ก มีผลการขาดน้ำได้มากกว่าผู้ใหญ่

๔. ผลจากการเคลื่อนไหวร่างกายลดลง เนื่องจากต้องอยู่กับที่เป็นเวลานาน ทำให้เลือดไปคั่งอยู่ตามส่วนต่ำ คือขาและเท้า ทั้งการเคลื่อนไหวน้อยยังทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อที่มีส่วนช่วยในการไหลเวียนของเลือดกลับสู่หัวใจทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ ทำให้เกิดอาการขาบวม เท้าบวม หรือหลอดเลือดดำโป่งพองจนอักเสบได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไต โรคหลอดเลือดดำอักเสบหรือโป่งพอง ให้เคลื่อนไหวหรือออกกำลังขาบ่อยๆ ขณะนั่ง ทั้งนี้ การสวมถุงน่องรัดขาก็มีส่วนช่วยบรรเทาอาการได้


(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2013/10/you02281056p3.jpg&width=360&height=360)  ๕ .ผลจากการเคลื่อนไหวของอากาศยาน จะกระตุ้นอวัยวะรับรู้การทรงตัวทำให้เกิดอาการเมาอากาศได้ เพื่อบรรเทาอาการควรรับประทานยาแก้เมาอากาศก่อนบินประมาณ ๑ ชั่วโมง และพยายามเลือกที่นั่งตอนกลางลำตัวเครื่องบิน ซึ่งเป็นบริเวณสั่นสะเทือนน้อยที่สุด และ

๖. ผลจากการเปลี่ยนแปลงเวลาและสถานที่ ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่และเวลาใหม่ ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หรืออารมณ์แปรปรวน
...นสพ.รายวันข่าวสด

(http://www.sookjaipic.com/images/3718603675_DSC_0440.JPG)
สนามบินเมืองซูริค สวิตเซอร์แลนด์