[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้

นั่งเล่นหลังสวน => สุขใจ ไปเที่ยว => ข้อความที่เริ่มโดย: Kimleng ที่ 27 มีนาคม 2557 19:33:34



หัวข้อ: เที่ยวอังกฤษ ชม "หอคอยแห่งลอนดอน" หอคอยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 27 มีนาคม 2557 19:33:34
.

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/42503593986233_a5.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/97980805693401_a1.JPG)

หอคอยแห่งลอนดอน
(Tower Of London)

ประเทศอังกฤษนั้น เป็นประเทศมหาอำนาจ มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี สิ่งก่อสร้างจำนวนมากที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ยุคแรกๆ ก็ยังคงยืนยงอยู่มาจนทุกวันนี้ หนึ่งในนั้นคือ หอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London)

ราวทศวรรษที่ ๖-๗ ของศตวรรษที่ ๑๑ หลังจาก วิลเลียม ดยุคแห่งนอร์มังดีชนะสงครามกษัตริย์ฮาโรลด์ ของเซ็กซอน ในปี ค.ศ ๑๐๗๘  (พ.ศ.๑๙๐๕)  ได้สถาปนาเป็นกษัตริย์วิลเลียมที่ ๑ แห่งอังกฤษ  กษัตริย์วิลเลียมมีรับสั่งให้ก่อสร้างป้อมปราการ เพื่อป้องกันกรุงลอนดอน เมืองหลวงของอาณาจักรแห่งใหม่จากข้าศึกศัตรู  โดยหนึ่งในปราสาทเหล่านี้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกำแพงเมืองโรมัน เพื่อใช้เป็นที่สังเกตการณ์ทั่วแม่น้ำเทมส์และเมืองหลวงในมุมกว้าง นอกจากนี้ ยังให้ขุดคูคลองล้อมรอบปราสาทระหว่างกำแพงชั้นในและชั้นนอกเพื่อความปลอดภัยเพิ่มขึ้นด้วย

๑๐ ปีหลังจากการครองราชย์ กษัตริย์วิลเลี่ยมทรงรับสั่งให้ดัดแปลงป้อมปราการเล็กๆ ให้ก่อด้วยหินขนาดใหญ่ จนกลายเป็นป้อมปราสาทขนาดใหญ่ และเรียกชื่อสถานที่นี้ว่า Tower of London จากนั้นในบริเวณนี้ถูกปลูกสร้างขยายตัวกว้างขึ้นเรื่อยๆ หอคอยที่อยู่ใจกลางสถาปัตยกรรมทั้งหมดให้ชื่อเรียกว่า White Tower หรือ หอคอยสีขาว ซึ่งได้รับการต่อเติมจากกษัตริย์องค์ต่อๆ มา จนมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/85643361384669_a2.JPG)
หอคอยแห่งลอนดอน
ถ่ายบนเรือสำราญ ขณะล่องชมความงามของสองฝั่งแม่น้ำเทมส์

หอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London) ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอน เป็นหอคอยที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก ก่อสร้างด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมชั้นสูง แบบฟื้นฟูกอธิค (Gothic architecture) หรือโรมาเนสก์ โครงสร้างมีลักษณะแน่นหนาเทอะทะ และแข็งแรง  

ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา หอคอยแห่งนี้ผ่านเหตุการณ์สำคัญๆ ที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์มานับครั้งไม่ถ้วน ใช้เป็นทั้งพระราชวังหลวง ป้อมปราการ คุก พิพิธภัณฑ์ รวมถึงเป็นคลังแสงอาวุธและสถานที่เก็บรักษาของมีค่าต่างๆ  ปัจจุบัน หอยคอยนี้ใช้เป็นที่เก็บเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งสหราชอาณาจักร ได้แก่ อัญมณียอดมงกุฎ The Crown Jewels และ พระคธาหลวง Royal Scepter  ที่ใช้ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรและพิธีที่เป็นทางการสำคัญๆ  โดยยอดพระคธาหลวงประดับด้วยเพชรน้ำหนักถึง ๕๓๐ กะรัต อันเป็นที่รู้จักกันดีในนาม “ดวงดาวแห่งแอฟริกา”

แต่ที่โดดเด่นจนขึ้นชื่อมาจนตราบทุกวันนี้คือ เป็นสถานที่จองจำและประหารชีวิตบุคคลคนสำคัญของสหราชอาณาจักรจำนวนมาก ดังนั้น ที่แห่งนี้จึงเป็นที่สถิตดวงวิญญาณ อันน่าสะพรึงกลัว ชวน “ขนหัวลุก” ติดโผมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก



(http://f.ptcdn.info/522/006/000/1372007728-3170121603-o.jpg)
ภาพจาก : pantip.com
ไม่อนุญาตผู้เข้าชมหอคอย ถ่ายภาพภายในอาคาร

หอคอยแห่งลอนดอน : ฆาตกรรมชิงบัลลังก์

สำหรับหอคอยซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมเจ้าชายทั้งสองมีชื่อว่า Bloody Tower (หอคอยเลือด) เป็นจุดควบคุมประตูน้ำเข้า-ออก เดิมมีชื่อว่า Garden Tower เพราะอยู่ใกล้สวน

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. ๑๔๘๓ เมื่อกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ ๔ สวรรคต พระโอรสของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด วัย ๑๒ ชันษาจะได้ขึ้นครองราชย์แทน แต่ปรากฏว่า พระเจ้าอา "ริชาร์ด" ดยุคแห่งกลาวสเตอร์ ชิงบัลลังก์และสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์ริชาร์ดที่ ๓ โดยนำเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดและพระอนุชาไปขังไว้ที่หอคอยดังกล่าวและไม่มีใครพบเห็น

การสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายทั้งสองยังคงเป็นปริศนา แม้จะมีผู้พบศพเด็กสองคนฝังอยู่ที่สนามใกล้หอคอยสีขาวในปี ค.ศ.๑๙๗๔ และทำพิธีฝังพระศพอีกครั้งที่วิหารเวสต์มินสเตอร์ แต่ไม่สามารถระบุชัดเจนว่าเป็นเจ้าชายทั้งสองหรือไม่


และวิญญาณหรือผีที่สิงสถิต ณ หอคอยลอนดอน ที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดคือวิญญาณพระนางแอนน์ โบลีน ผู้เป็นราชินีอยู่ในช่วง พ.ศ.๒๐๗๖-๒๐๗๙ พระนางถูกประหารชีวิตด้วยการตัดพระศอ โดยพระบัญชาของพระเจ้าเฮนรี่ที่ ๘ สวามีของพระนางเอง ว่ากันว่าพระนางถูกประหารตรงบริเวณที่เรียกว่า Tower Green ดวงวิญญาณของพระนางอาจยังสิงสถิตอยู่ที่นั่น เพราะบางครั้งทหารยามเห็นสตรีนางหนึ่งมีผ้าคลุมศีรษะเดินอยู่ริมระเบียงที่ถูกปิดตาย ที่สุดสยองก็คือ สตรีผู้นั้นถือศีรษะของตนเดินไปด้วย บางครั้งมีคนได้ยินเสียงลากโซ่ตรวนในห้องที่พระนางถูกกักขัง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง บ่อยครั้งที่มีคนเห็นพระนางแอนน์ โบลีน นำทหารในสมัยนั้นและเลดี้หรือสตรีระดับสูงเข้ามาในโบสถ์ที่หอคอยแห่งลอนดอน (Tower Chapel Royal) ภาพเหล่านั้นจะปรากฏขึ้นแล้วค่อยๆ เลือนหายไป เหลือเพียงโบสถ์ที่เงียบวังเวงเช่นเดิม

นอกจากนี้ ยังมีวิญญาณเฮี้ยนที่เคยมีคนเห็นอีกหลายครั้งคือ พระเจ้าเฮนรี่ที่ ๖, เซอร์ วอลเตอร์ ราเลย์, เคาน์เตสแห่งซาลิสบิวรี่, เลดี้เจน เกรย์ ฯลฯ



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/32014085931910_3.png)
แอน  โบลีน ราชินีที่ถูกประหารเพราะถูกกล่าวหาว่าคบชู้

แอน โบลีน (Anne Boleyn) ราชินีผู้มีพระเกศาดำขลับ เกิดราว พ.ศ.๒๐๕๐ เป็นบุตรีของเซอร์ทอมัส โบลีน กับ เลดี้ เอลิซาเบธ โบลีน และได้เป็นพระมเหสีองค์ที่ ๒ ในสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ ๘ แห่งราชวงศ์ทิวดอร์ หลังจากพระเจ้าเฮนรีที่ ๘ ทรงหย่าขาดจากพระราชินีแคทเธอรีน (Queen Catherine) พระมเหสีองค์ที่ ๑ ซึ่งเป็นเจ้าหญิงสเปน และมีพระชนมายุสูงวัยกว่า
 
แอนน์ โบลีน ผู้ร่าเริงและมีดวงตาดำขลับงดงาม ไม่ใช่สตรีที่สวยที่สุดในโลก พระนางสูงแต่เพียงปานกลาง ผิวคล้ำ คอยาว ปากกว้าง หน้าอกค่อนข้างแบนราบ แม้ว่าความสวยของเธอจะด้อยกว่าใครหลายคน แต่แอนน์เป็นผู้ที่มีเสน่ห์และบุคลิกลักษณะที่โดดเด่นเป็นเครื่องชดเชย ทั้งกิริยามารยาท การเป็นผู้มีปฏิภาณไหวพริบ การแต่งเนื้อแต่งตัวที่จัดเป็นผู้นำแฟชั่นในยุคสมัยนั้น
  
ในปี ๑๕๒๖ พระเจ้าเฮนรี่ที่ ๘ มีพระชนมายุสามสิบห้าพรรษา หันไปมองพระราชินีแคทเธอรีน พระชนม์สี่สิบเอ็ดพรรษาที่สูงวัยมากแล้ว แต่ปราศจากโอรสและธิดา อีกทั้งยังเดินกะโผลกกะเผลกด้วยโรคไขข้ออักเสบและบั้นพระองค์อวบหนาจากการตั้งครรภ์ที่ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้หลายครั้ง และโอรสธิดาทุกพระองค์ที่เกิดจากราชินีพระองค์นี้ก็สิ้นพระชนม์ตั้งแต่แรกประสูติเว้นแต่เพียงพระธิดาพระองค์หนึ่งที่ไร้ประโยชน์  พระเจ้าเฮนรี่ไม่ได้ร่วมหลับนอนกับราชินีแคทเธอรีน ซึ่งเป็นเจ้าหญิงแห่งสเปนมานานหลายปีแล้ว จึงเริ่มกวาดตามองหาสนมใหม่ในวัง ก็ตกหลุมรักและอยากได้แอนน์ โบลีน วัยสิบเก้าปี สตรีผู้ทรงเสน่ห์ หลานสาวของตระกูลโฮเวิร์ดที่ทรงอำนาจ
 
แอนน์ ตระหนักดีว่า แมรี่ โบลีน (Mary Boleyn) พี่สาวผมบลอนด์ผู้งดงามและอ่อนโยนของเธอเคยเป็นพระสนมของพระเจ้าเฮนรี่ที่ ๘ มาก่อน แต่ถูกทิ้งขว้างราวกับสิ่งของที่ใช้จนหมดประโยชน์แล้ว เพราะฉะนั้น แอนน์จะไม่มีวันให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับเธอแน่นอน

แอนน์ผู้เปี่ยมล้นด้วยความทะเยอทะยานก็ต้องการเอาชนะใจพระองค์ จำต้องจุดเพลิงปรารถนาของพระองค์ให้สนใจตนไปอีกนานจนกว่าพระองค์จะหลุดจากพันธะที่มีกับพระราชินีแคทเธอรีน ดังนั้น เธอจึงทำหน้าที่พระสนมของพระองค์ในทุกๆ เรื่อง ยกเว้นเรื่องเซ็กซ์  แอนน์มอบความเป็นมิตร ให้ความเพลิดเพลิน ร่วมเต้นรำ ร้องเพลง เล่นดนตรี เป็นเพื่อนสนทนาที่มีปัญญา ทั้งในเรื่องการเมือง เรื่องศาสนา และออกล่าสัตว์กับพระองค์ไม่ได้เว้นวัน  และเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ทางการเมือง แอนน์ก็ให้สัญญากับพระราชาที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนว่าจะยอมขึ้นเตียงกับพระองค์และจะให้กำเนิดโอรสมากมายหลายพระองค์ ขอเพียงพระองค์หย่ากับพระราชินีที่ซื่อสัตย์เสียก่อน และหันมาอภิเษกสมรสกับเธอ

เพราะแรงยุแหย่ของแอนน์ พระเจ้าเฮนรี่จึงเนรเทศมเหสีผู้จงรักภักดีของตนไปพบกับความทุกข์ทรมานในปราสาทที่มีลมหนาวพัดโกรกและสิ้นพระชนม์อยู่ที่นั่น จากนั้นก็ประกาศต่อสาธารณชนว่าเจ้าหญิงแมรี่ พระธิดาที่ประสูติจากราชินีแคทเธอรีนเป็นลูกชู้ และพระองค์ก็ประกาศแยกตัวจากศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกตามคำยุของแอนน์ พร้อมกับสั่งประหารทุกคนที่ไม่ยอมรับว่าพระองค์คือประมุขแห่ง เชิร์ฟออฟอิงแลนด์

ผ่านไปหกปี เรื่องการหย่าร้างของพระเจ้าเฮนรี่กับราชินีแคทเธอรีนดำเนินการไปมากแล้ว เป็นที่รู้กันทั่วว่าแอนน์คือพระคู่หมั้นคนใหม่  นั่นเองเธอจึงยอมให้พระเจ้าเฮนรี่ขึ้นเตียงด้วย หลังจากที่เฝ้ารอมานานหลายปี แอนน์มีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะตั้งครรภ์ได้ทันที  และด้วยทารกผู้จะเป็นรัชทายาทที่ยิ่งใหญ่สุดของประเทศนี้ จะต้องประสูติภายใต้ความศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการอภิเษกสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมายโดยปราศจากเสียงโต้แย้ง  พระเจ้าเฮนรี่จึงอภิเษกสมรสกับแอนน์อย่างเงียบๆ ในเดือนมกราคม ปี ๑๕๓๓

ภายหลังการอภิเษกสมรสครั้งที่สองไม่นาน แทนที่จะให้กำเนิดเจ้าชาย  แอนน์ โบลีน กลับให้กำเนิดพระธิดา (ผู้ซึ่งในกาลต่อไปจะได้เถลิงราชย์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ ๑) และราชินีองค์ใหม่นี้ก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชมยินดีของประชาชนชาวอังกฤษมากนัก มีประชาชนน้อยคนมากที่ออกมาส่งเสียงไชโยโห่ร้องในพิธีสวมมงกุฎราชินีของแอนน์ในปี ๑๕๓๓ จนทำให้บรรยากาศดูเหมือน “งานศพมากกว่างานเฉลิมฉลอง”

หลังแท้งบุตรครั้งแรกในปี ๑๕๓๔ แอนน์ก็รู้ตัวทันทีว่ากำลังตกที่นั่งลำบาก พระนางตั้งครรภ์ถึงสองครั้งแต่ไม่อาจให้กำเนิดพระโอรส  

พระเจ้าเฮนรี่เริ่มร้อนใจ ดวงเนตรหรี่แคบลงยามจ้องมององค์ราชินี  แอนน์พยายามสวมบทบาทหว่านเสน่ห์ยั่วยวน ทำตัวร่าเริงสดใส แต่กระนั้นก็มีบ่อยครั้งที่ราชินีเครียดจนสุดกลั้น และระเบิดคำพูดรุนแรงใส่บุรุษผู้ที่ยอมสร้างความสะท้านสะเทือนทั่วสรวงสวรรค์และพื้นพสุธา ในคราวที่มอบตำแหน่งราชินีองค์ใหม่ให้กับเธอ อีกทั้งยังใช้วาจาเชือดเฉือนบุรุษนั้นด้วยคารมคมกริบอย่างชนิดที่พระราชินีแคทเธอรีนไม่เคยประพฤติมาก่อน

ร่างกายที่ผ่ายผอมและจิตใจที่หดหู่ ทำให้แววตาของราชินีดูกร้าว ความผิดหวังอย่างรุนแรง ความหวาดวิตกที่เข้ารุมเร้า และกับความรู้สึกที่ว่าหายนะกำลังจะมาถึงตนในไม่ช้า ทำให้ราชินีดูแก่กว่าวัย เป็นภาพที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับเรือนร่างอวบอ่อนเยาว์วัยของเหล่านางสนองพระโอษฐ์ที่วนเวียนอยู่รอบตัว  แล้วแอนน์ก็สังเกตเห็นว่า แววพระเนตรของพระราชาจับจ้องอยู่ที่บรรดานางสนองพระโอษฐ์ของเธอเอง ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของแอนน์กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความพ่ายแพ้ในที่สุด

ระหว่างที่แอนน์ตะกายขึ้นไปสู่จุดสูงสุดนั้น เธอได้กำจัดข้าราชบริพารผู้ทรงอำนาจไปไม่ใช่น้อย  เมื่อทุกคนเห็นว่าพระเจ้าเฮนรี่เริ่มเบื่อหน่ายแอนน์มากขึ้นทุกขณะ กลุ่มคนเหล่านั้นจึงลุกขึ้นเคลื่อนไหวต่อต้านราชินี

แอนน์เป็นต้นคิดเรื่องการปฏิรูปศาสนา ดังนั้น หลายฝ่ายในราชสำนักจึงอยากกลับไปอยู่ภายใต้ร่มเงาของศาสนาเดิม พวกเขาจึงคิดว่าหากปราศจากแอนน์สักคน พระราชาก็คงโอนอ่อนไปตามที่พวกตนต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นแอนน์ยังให้การสนับสนุนฝรั่งเศส เพราะเธอเติบโตในราชสำนักฝรั่งเศส  เธอเป็นนางสนองพระโอษฐ์ พระราชินีแมรีในพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๒ แห่งฝรั่งเศส เป็นพระขนิษฐาในสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ ๘ แห่งราชวงศ์ทิวดอร์ จึงเกลียดชังสเปน ซึ่งเป็นแผ่นดินเกิดและเป็นฝ่ายสนับสนุนราชินีแคทเธอรีน มเหสีองค์แรกของพระเจ้าเฮนรี่  ในขณะที่หลายฝ่ายในราชสำนักต้องการล้มเลิกสัมพันธภาพกับฝรั่งเศส และหันมาผูกมิตรกับสเปน

นอกจากนี้ พี่น้องตระกูลซีมัวร์จอมเจ้าเล่ห์ก็พลอยร่วมผสมโรงด้วย เพราะรู้ดีว่าพระราชาทรงเริ่มให้ความสนพระทัยในตัวเจน ซีมัวร์ (Jane Seymour) จึงคิดขจัดแอนน์เพราะความละโมบส่วนตัว พวกเขามองเห็นโอกาสร่ำรวยและอำนาจที่จะตกมาอยู่ในมือทันทีที่แอนน์พ้นจากตำแหน่ง

ถึงตอนนี้ พระเจ้าเฮนรี่ซึ่งเฝ้ารอถึงเจ็ดปีที่จะอภิเษกสมรสกับแอนน์ โดยหาเหตุหย่าร้างกับมเหสีองค์แรกด้วยกลวิธีอันซับซ้อน กลับชิงชังขยะแขยงแอนน์ขึ้นมาเต็มกลืน และแทบจะอดใจรอต่อไปไม่ไหวที่จะอภิเษกสมรสกับเจน ซีมัวร์ พระองค์ไม่อาจรอการหย่าร้างที่กินเวลาเนิ่นนานและรังแต่จะทำให้เกิดข้อกังขาเรื่องความชอบธรรมของโอรสธิดาในอนาคต  วิธีที่พระองค์จะเป็นอิสระจากแอนน์ได้ง่ายที่สุดก็คือ ตั้งข้อหาร้ายแรงกับเธอ คือ คบชู้ อันเปรียบได้กับอาวุธอันทรงประสิทธิภาพที่ยิงใส่ราชินีอย่างได้ผลเสมอ แล้วพระองค์ก็มีรับสั่งให้ประหารชีวิตเธอเสีย นั่นเอง พระราชาที่เป็นม่ายหมาดๆ จึงสามารถอภิเษกสมรสใหม่ได้อย่างทันใจ

การกล่าวหาว่าคบชู้ ต้องมีการระบุชื่อชายชู้ด้วยทุกครั้ง และจะดีมากถ้าบุคคลผู้นั้นคือศัตรูทางการเมือง
 
จอร์จ โบลีน (George Boleyn) ไวส์เคานต์ร็อกฟอร์ด น้องชายผู้มีอิทธิพลของแอนน์ จะต้องถูกกำจัดไปเสียพร้อมๆ กัน

เลดี้เจน ร็อกฟอร์ด ภรรยาของจอร์จ หนึ่งในกลุ่มคนที่ต้องการกำจัดแอนน์  อยากจะแก้แค้นเพราะถูกจอร์จทอดทิ้ง ก็มีส่วนช่วยไม่น้อยในแผนของพระราชา หล่อนให้การยืนยันว่ามีข้อบ่งชี้หลายประการที่แสดงว่าจอร์จมีความสัมพันธ์ทางเพศกับพี่สาว

พระเจ้าเฮนรี่ทรงพยายามอย่างหนักในการทำใจให้เชื่อตามข้อกล่าวหาต่างๆ ที่จะเปิดทางให้พระองค์ได้อภิเษกสมรสกับเจน ซีมัวร์ ยอดรักภายในไม่กี่วัน ได้จมปลักอยู่กับความสมเพชตัวเอง  พระราชาส่วนใหญ่ที่มีมเหสีไม่ซื่อสัตย์ หมายถึงไม่ซื่อจริงๆ จะพยายามทุกวิถีทางให้มีการหย่าร้างเกิดขึ้น โดยไม่ยอมเอ่ยถึงคำว่า "คบชู้" แม้แต่คำเดียว เพราะการทำเช่นนั้น รังแต่จะทำให้เกิดข้อกังขาว่าโอรสธิดาที่ประสูติระหว่างการสมรสเป็นสายพระโลหิตแท้จริงของพระราชาหรือไม่  ไม่เคยมีผู้ชายคนใดป่าวประกาศว่าภรรยาของตนไม่ซื่อสัตย์บ่อยเท่าพระเจ้าเฮนรี่ และพระองค์ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นแม้แต่น้อยว่าทรงเสียพระทัย พระเจ้าเฮนรี่ประกาศรายชื่อชายชู้ของแอนน์จนแน่ใจว่าเธอคบชู้ทั้งสิ้นไม่น้อยกว่าร้อยคน


(http://www.sookjaipic.com/images_upload/38995190709829_1.png)
ภาพถ่ายจาก ภาพวาดในหอคอยแห่งลอนดอน

การพิจารณาความผิดฐานคบชู้ของราชินีแอนน์ โบลีน เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม มีการอ้างถึงวันเวลาและสถานที่ประกอบคำกล่าวหา แต่เห็นชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเรื่องนั้นเกิดขึ้น วันเวลาที่ถูกยกขึ้นมากล่าวอ้างสองครั้ง คือวันที่ ๖ และ ๑๒ ตุลาคม ปี ๑๕๓๓ ณ พระราชวังเวสต์มินสเตอร์ เป็นช่วงเวลาที่แอนน์ยังอยู่ระหว่างการพักฟื้นหลังประสูติเจ้าหญิงเอลิซาเบธในเดือนกันยายน ราชินีถูกกักขังอยู่ในห้องมืดครึ้ม ห้อมล้อมด้วยบรรดาสตรีผู้ดูแลและไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาจนกว่าจะผ่านพิธี “สมโภช” ทางศาสนาตอนปลายเดือนเดียวกันนั้น  จากหลักฐานที่ยกขึ้นมากล่าวอ้างยี่สิบครั้ง มีถึงสิบเอ็ดครั้งที่เห็นชัดว่าเป็นเรื่องเสกสรรปั้นแต่งขึ้นอย่างแน่นอน

โดยกฎหมายแห่งสหราชอาณาจักร พระนางต้องรับโทษประหารชีวิต ดังนั้น คำพิพากษาสำหรับพระนางก็คือ ถูกเผาทั้งเป็น ณ หอคอยแห่งลอนดอน หรือไม่ก็ด้วยการตัดศีรษะ ทั้งนี้ พระราชาจะมีพระประสงค์ให้ใช้วิธีใดนั้น จะมีประกาศให้ทราบกันต่อไป

วันประหาร แอนน์ ปรากฏตัวออกมาจากสถานคุมขัง ณ หอคอยแห่งลอนดอน ด้วยใบหน้าซีดขาวและดวงตาแห้งผาก เพื่อเดินไปขึ้นตะแลงแกงที่สร้างไว้สำหรับเธอนั้น แอนน์เพิ่งอายุเพียงยี่สิบเก้าปี

ผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้บันทึกไว้ว่า ในวันนั้นคือวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ปี ค.ศ. ๑๕๓๖ เธอดูสวยจับใจ ภายใต้เสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวโพลนคือชุดกำมะหยี่สีดำสนิท ปักมุกตามขอบ สวมทับกระโปรงชั้นในสีแดงบุด้วยผ้าสองชั้น.. น่าจะเป็นสีที่เจาะจงเลือกให้บดบังสีของโลหิตที่จะไหลท่วมในไม่ช้า แม้แอนน์แทบจะไม่เคยวางตัวได้เหมาะสมกับตำแหน่งราชินีมาก่อน แต่ในวันนี้หล่อนดูสง่างามสมกับที่เป็นราชินีอย่างแท้จริง

ตะแลงแกงสูงสามหรือสี่ฟุต มีผ้าสีดำห้อยประดับ ล้อมรอบด้วยฝูงชนที่มีทั้งนายกเทศมนตรี เทศมนตรี และสามัญชนชาวอังกฤษหลายร้อยคน ไม่มีชาวต่างชาติคนใดได้รับอนุญาตให้เห็นการสิ้นพระชนม์ของราชินีอังกฤษ แอนน์มีนางสนองพระโอษฐ์สี่คนอยู่เป็นเพื่อนจนถึงวาระสุดท้าย
  
ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ระหว่างที่เดินไปยังตะแลงแกงด้วยระยะทางที่จะว่าไกลก็ไกล จะว่าใกล้ก็ใกล้นั้น แอนน์เหลียวมองรอบตัวตลอดเวลา อาจเป็นเพราะเธอหวังที่จะได้เห็นคนนำสาส์นถือพระบรมราชโองการอภัยโทษออกมาในนาทีสุดท้าย บางทีพระองค์อาจจะเนรเทศเธอให้ไปอยู่ที่ฝรั่งเศส หรือให้เธอปฏิญาณตนเป็นแม่ชีและในที่สุดก็เป็นเจ้าสำนัก แต่หลังจากที่ปีนขึ้นไปยืนบนตะแลงแกงและกวาดตามองรอบตัวเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังไม่มีร่างของคนนำสาส์นปรากฏให้เห็น

ในสมัยศตวรรษที่ ๑๖ นั้น ถือกันว่าคนที่ต้องโทษพึงแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนด้วยการยอมรับในพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า และถึงแสดงความกล้าหาญในวาระสุดท้ายที่สะท้อนให้เห็นความมีคุณค่าของชีวิตตน การส่งเสียงโวยวายเอะอะต่อต้านความอยุติธรรมและประท้วงว่าตนเองบริสุทธิ์ หรืออาการตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว ถูกมองว่าเป็นความน่าสมเพช เพราะรู้ตัวดีว่าควรทำอย่างไร

แอนจึงก้าวไปข้างหน้าและหยุดยืนอยู่ที่กลางตะแลงแกงเพื่อกล่าวคำพูดต่อฝูงชน “ประชาชนชาวคริสเตียนทั้งหลาย ข้าไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้เพื่อสั่งสอนพวกท่าน แต่มาเพื่อรับความตาย  โดยบทบัญญัติและอำนาจของกฎหมาย ข้าถูกตัดสินให้จบชีวิต ดังนั้น ข้าจะไม่พูดอะไรที่เป็นการต่อต้านคำพิพากษาดังกล่าว”

“ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อกล่าวร้ายผู้ใด และไม่ได้มาเพื่อพูดถึงเรื่องที่ทำให้ข้าต้องรับโทษถึงตาย แต่ข้าขอสวดวิงวอนต่อพระเป็นเจ้า ขอให้พระองค์ปกป้องคุ้มครองพระมหากษัตริย์ และขอให้พระองค์เจริญพระชนม์ยั่งยืนนานเพื่อปกครองพวกท่านต่อไป เพราะไม่มีเจ้าชายองค์ใดอีกแล้วที่จะทรงอ่อนโยนและมีพระเมตตามากไปกว่านี้ สำหรับข้า พระองค์ทรงเป็นเจ้าชีวิตที่ดียิ่งและทรงมีเมตตาหาที่เปรียบมิได้ หากจะมีผู้ใดคิดยื่นมือข้ามาก้าวก่ายกับความผิดที่ข้าทำลงไป ก็ขอให้คนเหล่านั้นจงคิดอย่างรอบคอบ ข้าขอกล่าวคำอำลาต่อโลกนี้และต่อพวกท่านทุกคน และขอร้องด้วยความจริงใจ ขอให้พวกท่านจงสวดภาวนาเพื่อข้าด้วย”

ใบหน้าที่ยิ้มแย้มและสะกดอารมณ์ได้ดีเยี่ยมของแอนน์  กับคำพูดที่กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาและชัดเจนล่องลอยไปในท่ามกลางของฝูงชน  ขณะที่ผู้เฝ้าดูอยู่โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อสดับฟังทุกคำพูด

หลังจากกล่าวจบ นางสนองพระโอษฐ์ก็ช่วยกันปลดเสื้อคลุมขนสัตว์ออกด้วยน้ำตานองหน้า  จากนั้นแอนน์จึงถอดเครื่องประดับศีรษะออก เผยให้เห็นเส้นผมดำขลับเป็นประกาย ก่อนที่จะขมวดมุ่นเข้าไปใต้หมวกแนบศีรษะ การทำเช่นนี้และคอเสื้อที่คว้านต่ำจะได้ไม่เป็นอุปสรรคขวางดาบคมกริบที่ฟันฉับลงมา

แอนน์กล่าวอำลาบริวารของตน และคนหนึ่งก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าผูกตาเธอไว้เพื่อจะได้ไม่เห็นคมดาบที่ฟันลงมา เธอคุกเข่าลงและเอ่ยคำพูดตามเสียงนำว่า “พระเยซูเจ้า โปรดรับเอาดวงวิญญาณของลูกไว้ด้วย พระผู้เป็นเจ้าทรงเมตตาดวงวิญญาณของลูกด้วยเถิด ลูกขอมอบวิญญาณของลูกไว้ในอุ้งหัตถ์ของพระคริสต์”

ทันใดนั้น ด้วยคมดาบที่ฟันลงมาอย่างรวดเร็วเพียงครั้งเดียว ทุกอย่างก็เป็นอันจบสิ้น ศีรษะของแอนน์กลิ้งหลุนอยู่บนตะแลงแกง เพชฌฆาตจับเส้นผมยกศีรษะขึ้นชูขณะที่ริมฝีปากของแอนน์ยังขยับท่องบทสวดมนต์

เหล่านางสนองพระโอษฐ์คลุมร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด และศีรษะที่มีโลหิตไหลทะลักด้วยผ้าขาวที่กลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็ว สีแดงที่ค่อยๆ ซึมจนเปียกชุ่มไปทั้งผืน ไม่ว่าเฮนรี่หรือขุนวังประจำหอคอยไม่ได้นึกถึงเรื่องหีบศพที่จะใช้บรรจุร่างราชินี ร่างของแอนน์จึงถูกวางลงในลังสำหรับบรรจุไม้หัวเรือเพื่อการขนส่งจากหอศาสตราวุธไปยังไอร์แลนด์ แต่ลังที่ว่านั้นสั้นเกินไป บรรจุได้เฉพาะส่วนที่เป็นร่างกาย และต้องวางส่วนศีรษะไว้ที่ซอกแขน

ความจริงเพราะเรื่องนี้เอง ที่ทำให้คนงานในสมัยศตวรรษที่ ๑๙ ที่กำลังปูพื้นใหม่ในโบสถ์หลังที่ร่างของแอนน์ถูกฝังไว้ จำได้ว่านั่นคือร่างของเธอ เป็นสถานที่พักผ่อนชั่วนิรันดร์ที่น่าสมเพชอย่างยิ่งสำหรับราชินีที่ถูกประหารด้วยความผิดฐานคบชู้ทั้งที่ไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย.



(http://www.sookjaipic.com/images_upload/12912468363841_a3.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/81282915878627_a4.JPG)

(http://www.sookjaipic.com/images_upload/44720245897769_a6.JPG)

Kimleng : ภาพ/ข้อมูล