หัวข้อ: ปวดฝ่าเท้ามากตอนตื่นนอน ใครจะคิดว่ามันคือโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ( รองช้ำ ) เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 02 เมษายน 2557 12:26:56 ปวดฝ่าเท้ามากตอนตื่นนอน ใครจะคิดว่ามันคือโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ( รองช้ำ )
(http://www.bloggang.com/data/cmu2807/picture/1216805261.jpg) อาการปวดบริเวณส้นเท้า อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ เส้นประสาทถูกกดทับที่ข้อเท้า กระดูกงอกที่ฝ่าเท้าหรือที่เส้นเอ็นร้อยหวาย กระดูกเท้าบิดผิดรูป โรครูมาตอยด์ โรคเก๊าท์ หรือ กระดูกหัก เป็นต้น สาเหตุของการเกิดโรคที่แท้จริงยังไม่ทราบ แต่ เชื่อว่าเป็นเพราะความเสื่อมบริเวณที่เส้นเอ็นฝ่าเท้าเกาะกับกระดูก พบมากในผู้หญิงวัยกลางคน ผู้ที่ยืนหรือเดินนาน ๆ น้ำหนักตัวมาก ใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสม หรือ เท้าแบน เท้าบิด อาการที่พบได้บ่อย คือ หลังจากนอนหรือนั่งสักพักหนึ่ง เมื่อเริ่มเดินลงน้ำหนักจะรู้สึกปวดส้นเท้ามาก แต่ หลังจากที่เดินไปได้สักพัก อาการปวดก็จะทุเลาลง แต่ถ้าเดินนาน ๆ ก็อาจปวดมากขึ้นอีกได้ มักจะปวดมากในช่วงตื่นนอนตอนเช้า และจะดีขึ้นในช่วงตอนสาย หรือ ตอนบ่าย ถ้ากระดกข้อเท้าขึ้นหรือกดที่ส้นเท้า จะปวดมากขึ้น ผู้สูงอายุประมาณร้อยละ 30-70 ถ้าถ่ายภาพรังสีของเท้า จะพบว่ามีกระดูกงอกที่ไต้ฝ่าเท้าได้ ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะพบกระดูกงอกจากภาพรังสี แต่ก็อาจจะไม่เกี่ยวกับอาการปวดส้นเท้า จึงไม่จำเป็นต้องถ่ายภาพรังสีทุกคน โดยส่วนใหญ่ ผู้ป่วยเส้นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ รักษาให้หายขาดได้ ด้วยวิธีรักษาแบบไม่ผ่าตัด แต่อาจจะต้องใช้เวลารักษา นานหลายเดือน อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ถ้ารักษาไปแล้ว 6 - 9 เดือน ก็ยังไม่ดีขึ้น อาจจะต้องรักษาด้วยวิธีผ่าตัด หัวข้อ: Re: ปวดฝ่าเท้ามากตอนตื่นนอน ใครจะคิดว่ามันคือโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ( รองช้ำ ) เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 02 เมษายน 2557 12:48:33 แนวทางการรักษาด้วยตนเอง
1. ลดกิจกรรมที่ทำให้ปวด หรือ กิจกรรมที่ต้องลงน้ำหนัก เช่น การยืนหรือ เดินนาน ๆ เป็นต้น และควรออกกำลังที่ไม่ต้องมีการลงน้ำหนักที่ฝ่าเท้ามากนัก เช่น ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ๆ เป็นต้น 2. บริหาร เพื่อยืดกล้ามเนื้อน่อง และ เส้นเอ็นฝ่าเท้า 3. หลีกเลี่ยงการเดินด้วยเท้าเปล่า และ ใส่รองเท้าที่เหมาะสม ขนาดพอดีไม่หลวมเกินไป มีพื้นรองเท้าที่นุ่ม และมีแผ่นรองรับอุ้งเท้าให้นูนขึ้น อาจใช้แผ่นนุ่มๆ รองที่ส้นเท้า (หนา ½ นิ้ว) ใส่รองเท้าส้นสูงประมาณ 1 – 1.5 นิ้ว หรือ ใช้แผ่นยางสำหรับรองส้นเท้าโดยเฉพาะ 4. ประคบด้วยความร้อนหรือความเย็น หรือ ใช้ยานวด นวดฝ่าเท้า หรือ ใช้ผ้าพันที่ฝ่าเท้าและส้นเท้า 5. ลดน้ำหนัก เพราะถ้าน้ำหนักมาก เส้นเอ็นฝ่าเท้าก็ต้องรับน้ำหนักมาก ทำให้ผลการรักษาไม่ดี และ หายช้า หัวข้อ: Re: ปวดฝ่าเท้ามากตอนตื่นนอน ใครจะคิดว่ามันคือโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ( รองช้ำ ) เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 02 เมษายน 2557 12:50:13 แนวทางการรักษาโดยแพทย์ 1. รับประทานยา เช่น ยาแก้ปวดลดการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาคลายกล้ามเนื้อ 2. ฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะที่ บริเวณส้นเท้าจุดที่ปวด แต่ไม่ควรฉีดเกิน 2 ครั้งใน 1 เดือน เพราะอาจทำให้เกิดเส้นเอ็นฝ่าเท้าเปื่อยและขาดได้ ก่อนจะฉีดต้องทำความสะอาดที่ผิวหนังอย่างดี เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ขณะฉีดยาสเตียรอยด์จะรู้สึกปวดแล้วก็จะชา แต่หลังจากยาชาหมดฤทธิ์ ( ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ) ก็อาจเกิดอาการปวดซ้ำอีกครั้ง จึงควรรับประทานยา หรือ ประคบด้วยน้ำอุ่น กันไว้ก่อน 3. ทำกายภาพบำบัด เช่น ใช้ความร้อนลึก (อัลตร้าซาวด์) ดัดยืดเส้นเอ็นฝ่าเท้า ใช้ไม้เท้าช่วยเดินเป็นต้น 4. ใส่เฝือกชั่วคราวให้ข้อเท้ากระดกขึ้น ในตอนกลางคืน หรือ ถ้าเป็นมาก อาจต้องใส่เฝือกตลอดทั้งวัน 5. การผ่าตัด จะทำก็ต่อเมื่อรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล คือ อาการปวดไม่ดีขึ้นหลังรับการรักษา อย่างเต็มที่ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 6 - 9 เดือน หรือ สาเหตุการปวดเกิดจากเส้นประสาทบริเวณฝ่าเท้า ถูกกดทับ หัวข้อ: Re: ปวดฝ่าเท้ามากตอนตื่นนอน ใครจะคิดว่ามันคือโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ( รองช้ำ ) เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 02 เมษายน 2557 13:21:26 (http://www.bloggang.com/data/cmu2807/picture/1216805228.jpg) หัวข้อ: Re: ปวดฝ่าเท้ามากตอนตื่นนอน ใครจะคิดว่ามันคือโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ( รองช้ำ ) เริ่มหัวข้อโดย: หมีงงในพงหญ้า ที่ 02 เมษายน 2557 13:35:26 เพิ่มเติม สาเหตุของการเจ็บที่บริเวณใต้ฝ่าเท้าหรือส้นเท้า เกิดจากการอักเสบของพังผืดที่ใต้ฝ่าเท้าที่เรียกว่า Plantar fasciitis มีการประมาณว่าในแต่ละปีจะมีคนที่ต้องรักษาภาวะนี้ในสหรัฐประมาณ 2 ล้านคน สาเหตุเกิดจากพังผืดที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าที่ทำหน้าที่คอยพยุงโค้งใต้ฝ่าเท้าเกิดการอักเสบหรือมีการระคายเคืองขึ้น สาเหตุของอาการเจ็บ พังผืดที่ใต้ฝ่าเท้ามีหน้าที่คอยรองรับแรงกระแทกเวลาที่เราก้าวเดิน แต่บางครั้ง แรงกดดันที่มากเกินไป อาจะทำให้มีการทำลาย หรือมีการฉีกขาดของเนื้อเยื่อ ร่างกายจะตอบสนองต่อการบาดเจ็บนี้โดยการเกิดการอักเสบขึ้น ทำให้มีอาการเจ็บ และตึงที่ใต้ฝ่าเท้า ปัจจัยเสี่ยง ผู้ที่มีอาการส่วนใหญ่ จะไม่ทราบว่าต้นเหตุที่ทำให้มีอาการเกิดจากอะไร อย่างไรก็ตาม มีหลายปัจจัยที่ทำให้มีความเสี่ยง ต่ออาการนี้ได้แก่ • กล้ามเนื้อน่องที่มีอาการตึงเกินไป เนื่องจากขาดการยืดหยุ่นที่ดี • ความอ้วน • โค้งฝ่าเท้าที่ใหญ่ผิดปกติ • การเดินมาก หรือวิ่งมากเกินไป • มีกิจกรรมประจำวันที่เพิ่มมากขึ้นหรือเป็นกิจกรรมใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน • กระดูกงอกที่ส้นเท้า Heel Spurs ถึงแม้ว่าหลาย ๆ คนที่มีการอักเสบของพังผืดใต้ฝ่าเท้าจะมี กระดูกงอกที่ส้นเท้า แต่ตัวกระดูกนี้ก็ไม่ได้ทำให้มีอาการเจ็บ ประมาณ 1 ใน 10 ของคนทั่วไปจะมีกระดูกงอก แต่มีเพียง 5% ของคนที่มีกระดูกงอกนี้แล้วมีอาการเจ็บฝ่าเท้า ดังนั้นถึงแม้ว่าจะตรวจพบว่ามีกระดูกงอกนี้ แต่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดออก อาการที่พบได้ในคนที่มีพังผืดอักเสบได้แก่ • มีอาการเจ็บที่บริเวณใกล้ส้นเท้า • มีอาการเจ็บมาก เมื่อเดินสองสามก้าวแรก หลังตื่นนอน หรือหลังจากนั่งรถนาน ๆ อาการเจ็บจะดีขึ้นไม่กี่นาทีหลังจากเริ่มเดิน • อาการปวดเป็นมากขึ้นภายหลังออกกำลังกาย (แต่เวลาออกกำลังอาจยังไม่เจ็บ) การตรวจร่างกาย เมื่อได้เล่าประวัติและอาการให้แพทย์ฟัง แพทย์จะทำการตรวจเพื่อดูลักษณะต่อไปนี้: • ดูลักษณะของโค้งใต้ฝ่าเท้า • ดูตำแหน่งที่มีอาการกดเจ็บมากที่สุด • อาการปวดเป็นมากขึ้นเมื่อคุณกระดกเท้า และแพทย์กดบริเวณพังผืดใต้ฝ่าเท้า เมื่อเหยียดชี้เท้าลง อาการปวดจะดีขึ้น การตรวจอื่น แพทย์อาจส่งตรวจ X-rays เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสาเหตุอื่นที่ทำให้มีอาการเจ็บฝ่าเท้า การรักษาและการดูแล มากกว่า 90% ของคนป่วย จะมีอาการดีขึ้นภายใน 10 เดือน โดยการรักษาง่าย ๆ คือ • การพักการใช้งาน โดยลดกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้มีอาการเจ็บขึ้น เช่นการวิ่ง หรือการเต้น แอโรบิก • การใช้น้ำแข็งประคบหรือแช่น้ำเย็นประมาณ 20 นาที โดยอาจใช้วิธีนี้ประมาณ 3-4 ครั้งต่อวัน • การให้ยาลดการอักเสบของพังผืด เช่นยา ibuprofen หรือยา naproxen ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บ และลดการอักเสบของพังผืด แต่ถ้าใช้ยาติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ • การบริหารยืดกล้ามเนื้อ เนื่องจากอาจมีอาการเพราะการตึงของกล้ามเนื้อน่อง จึงควรบริหาร ด้วยการยืดกล้ามเนื้อจะช่วยลดอาการได้มาก อ้างถึง • การยืดกล้ามเนื้อน่อง Calf stretch ยืนหันหน้าเข้าหากำลัง วางเท้าข้างหนึ่งอยู่หน้าและงอเข่าเล็กน้อย ขาอีกข้างอยู่ด้านหลังและเหยียดตรง พยายามดันสะโพกไปด้านหน้าเข้าหากำแพง จะรู้สึกยืดตรงที่น่องของขาหลัง ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที และให้ทำท่านี้20 รอบ • การยืดพังผืดฝ่าเท้า Plantar fascia stretch ให้นั่งไขว่ห้าง เอาเท้าข้างที่เจ็บขึ้นมา แล้วกำนิ้วเท้าข้างที่เจ็บ และดึงเข้าหาตัว ให้รู้สึกฝ่าเท้ายืดออก ประมาณ 10 วินาที และให้ทำ 20 รอบ ท่านี้จะดีถ้าทำในตอนเช้า ก่อนที่จะยืนหรือเดิน หรืออาจนั่งเหยียดขาใช้ผ้าพันรอบปลายเท้า แล้วดึงเข้าหาตัว การฉีดยาเข้าบริเวณที่อักเสบ ในบางครั้งจะใช้ยาฉีดเข้าไปเฉพาะที่ เพื่อลดอาการเจ็บและลดการอักเสบ โดยการฉีดยากลุ่ม steroid ควรจะต้องทำโดยแพทย์กระดูก และไม่ควรฉีดหลาย ๆ ครั้งเพราะอาจจะทำให้มีการขาดของผังพืดได้ ซึ่งจะทำให้กลายเป็น เท้าแบน flat foot และทำให้มีอาการเจ็บเรื้อรังได้ การใส่อุปกรณ์ช่วย support รองเท้าที่ส้นหนาขึ้นและมีแผ่นลดแรงกระแทกจะช่วยลดอาการเจ็บเวลายืนหรือเดินได้ เนื่องจากการยืด หรือเดินบนพื้นรองเท้าที่แข็ง ๆ จะทำให้เกิดการฉีกขาดแบบเล็ก ๆ ที่พังผืดได้ การใส่ ซิลิโคน นุ่ม ๆ รองไว้ในรองเท้าก็ใช้ได้แถมราคายังไม่ค่อยแพง แต่บางคนก็อาจจะต้องสั่งตัดอุปกรณ์เสริมรองเท้า เพื่อการรักษา การใส่อุปกรณ์ยึดข้อเท้าในเวลากลางคืน หลายคนในขณะหลับจะมีลักษณะปลายเท้าที่ชี้ลง ซึ่งจะทำให้เกิดอาการที่เป็นมากขึ้นตอนเช้า ในบางรายอาจจะต้องใส่อุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันลักษณะดังกล่าว แต่ก็อาจจะไม่รำคาญเวลานอนได้เช่นกัน การทำกายภาพบำบัด ในบางรายแพทย์จะแนะนำให้ทำกายภาพบำบัด เพื่อยืดกล้ามเนื้อน่องและยืดพังผืดใต้ฝ่าเท้า นอกจากนี้ยังอาจจะใช้การนวด อุปกรณ์อื่น และให้ยาเพื่อช่วยลดอาการอักเสบ การผ่าตัด แพทย์จะแนะนำให้เลือกการผ่าตัดหากการรักษาข้างต้นไม่สามารถทำให้อาการดีขึ้นใน 12 เดือน ลองปรึกษาแพทย์ผ่าตัดเรื่องวิธีการต่าง ๆ ของการผ่าตัด Dr.Carebear Samitivej |