หัวข้อ: ประเพณีการจุดลูกหนูในพิธีเผาศพพระภิกษุสงฆ์ เริ่มหัวข้อโดย: Kimleng ที่ 14 พฤษภาคม 2557 08:34:51 .
(http://www.khaosod.co.th/view_resizing_images.php?filename=news-photo/khaosod/2012/07/you02030755p1.jpg&width=360&height=360) ลูกหนู ประเพณีการจุดลูกหนูในพิธีเผาศพพระภิกษุสงฆ์ เคยเห็นลูกหนูตอนเผาศพ คืออะไร แล้วทำอย่างไร? ลูกหนู ในพิธีเผาศพพระภิกษุสงฆ์เป็นภูมิปัญญาแห่งเชื้อสายมอญ เป็นประเพณีที่มาจากความเชื่อว่า หลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว คณะสงฆ์และกษัตริย์มัลละผู้ครองเมืองกุสินาราได้ทำพิธีบูชาสักการะพระบรมศพอยู่นาน ๖ วัน ครั้นถึงวันที่เจ็ดก็ได้อัญเชิญพระสรีระออกแห่เป็นขบวนผ่านใจกลางเมืองทางทิศเหนือ และนำพระสรีระไปยังมกุฎพันธเจดีย์ที่อยู่ทางด้านตะวันออกของเมืองเพื่อถวายพระเพลิง ตรงกับวันแรม ๘ ค่ำเดือน ๖ มีมัลลปาโมกข์ จำนวน ๘ นายเป็นผู้หามพระสรีระอัญเชิญลงประดิษฐานในรางเหล็กที่มีน้ำมันอยู่เต็ม ปิดฝาครอบ แล้วเชิญขึ้นไว้บนจิตกาธานที่ทำด้วยไม้หอมหลากชนิด เมื่อได้เวลาผู้จุดไฟทั้ง ๔ ด้าน จุดไฟเท่าใดก็จุดไม่ติด ประมุขสงฆ์ ณ ที่นั้น คือ พระอนุรุทธ์ (สาวกและเป็นผู้สำเร็จพระอรหันต์ มีศักดิ์เป็นพระอนุชาของพระพุทธเจ้า) จึงกล่าวว่า เป็นเพราะเหล่าเทวดาต้องการให้รอพระมหากัสสปะ ซึ่งกำลังเดินทางมา ได้ถวายบังคมพระบรมศพเสียก่อน ครั้นเมื่อพระมหากัสสปะเดินทางมาถึงและได้ถวายบังคมพระบรมศพแล้วได้เกิดอิทธิปาฏิหาริย์ เพลิงสวรรค์บันดาลให้ลุกโชติช่วงด้วยเทวาฤทธานุภาพ โหมไหม้พระสรีระจนหมดสิ้น ชาวมอญผู้เคร่งครัดในพระพุทธศาสนาจึงได้น้อมนำเอาพุทธประวัติดังกล่าวมายึดถือปฏิบัติในการถวายเพลิงศพพระภิกษุสงฆ์มอญ กล่าวคือ ไม่ใช้การจุดไฟด้วยมือโดยตรง การเตรียมลูกหนูสำหรับจุดไฟถวายเพลิงศพ เป็นการเตรียมดินเพลิงในกระบอกไม้ไผ่ขนาดเล็กพร้อมสายชนวนสำหรับจุด เมื่อถึงกำหนดการถวายเพลิงศพก็จะนำกระบอกดินเพลิงดังกล่าวผูกห้อยกับสายลวดและโยงไปยังปราสาทบรรจุศพพระเถระ แล้วจุดไฟที่ชนวนเป็นการถวายเพลิงศพ และจากการที่กระบอกเพลิงที่ถูกจุดวิ่งเข้าหาปราสาทตั้งศพอย่างรวดเร็ว ทั้งมีเสียงหวีดร้องแหลมเล็กคล้ายกับหนูในท้องไร่ท้องนา หรืออีกเหตุผลหนึ่งคือในการจัดทำกระบอกเพลิงดังกล่าวต้องใช้เหล็กหางหนูเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่ง ชาวมอญจึงเรียกการจุดกระบอกเพลิงดังกล่าวว่าการจุดหางหนู กระบอกลูกหนูในอดีตใช้กระบอกไม้ไผ่ที่แก่จัด ความยาว ๑ ปล้อง ตัดมาเก็บเอาข้อปล้องทั้งหัวและท้ายไว้ (ปัจจุบันนิยมใช้ท่อพลาสติก-พีวีซี) เพื่อความแข็งแรง เอาเหล็กหางหนู (ฮะตะนอย) แทงผ่านตลอดทั้งกระบอก นำดินเหนียวอุดด้านใดด้านหนึ่งให้แข็งแรง ภายในบรรจุดินเพลิงประกอบด้วย ๑. ดินประสิว ๒. กำมะถัน ๓. ถ่าน การผสมองค์ประกอบทั้งหมดเข้าด้วยกันต้องใช้น้ำประสาน คือน้ำซาว มีส่วนผสม ๑. ข่า ๒. ยาสูบ ๓. ตะไคร้ ๔. หอมแดง ๕. กระเทียม ๖. ปูนขาว และ ๗. น้ำ บดผสมน้ำให้เหลว ใช้พรมตอนผสมดินปืนให้มีความชื้น มิให้เกิด การปะทุหรือเกิดประกายไฟขณะคลุกเคล้าส่วนผสมและบรรจุดินเพลิงลงกระบอก โดยกลเม็ดในการอัดและปริมาณที่อัดลงไปในกระบอกเป็นความลับและเป็นสูตรเฉพาะของแต่ละหมู่บ้าน เพื่อความแรงและแม่นยำในการโจมตีเป้าหมาย ในการถวายเพลิงศพพระ จะมีชาวบ้านจากหลากหลายถิ่นแสดงความจำนงในการเป็นเจ้าภาพจัดทำลูกหนู เพราะต้องการบุญกุศล บางครั้งก็แก่งแย่งกันทำให้เกิดปัญหาขึ้น อีกทั้งต่อมาพบว่าลูกหนูที่วิ่งไปสู่ปราสาทตั้งศพมีความเร็วและแรงมาก บ่อยครั้งทำให้โลงศพตกลงมาจากที่ตั้งและแตกออก ศพพระกระเด็นออกมาเกิดภาพอุจาดตา สลดสังเวชแก่ผู้พบเห็น ปัจจุบันจึงเลิกการจุดลูกหนูถวายเพลิงศพพระโดยตรง อนุโลมให้จุดไฟเผาศพแบบธรรมดาทั่วไปด้วยมือ ขณะที่การจุดลูกหนูก็ยังคงอยู่ แต่เป็นการจุดเพื่อการแข่งขันหรือเป็นการละเล่น โดยสร้างปราสาทตั้งศพจำลองขึ้นมา โดยเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าลูกหนูของสายไหนเมื่อวิ่งพ้นสายลวดออกไปพุ่งเข้าหายอดปราสาท และทำให้ยอดปราสาทโค่นลงแตะพื้นได้ จะเป็นผู้พิชิตรางวัลใหญ่ ที่มา : หนังสือพิมพ์รายวันข่าวสด |